Sunday, 15 June 2025
Hard News Team

'ประเสริฐ' เผย 2 เดือน 'ดีอี' ปิดแพลตฟอร์ม 'ปลอมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท' ได้แล้วถึง 312 บัญชี เร่งกวาดล้าง 'โจรออนไลน์' สร้างข้อมูลเท็จ หลอกลวงประชาชน  

เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti Fake New Center หรือ AFNC) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินสถานการณ์การกระทำที่เข้าข่ายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 30 กันยายน 2567 ได้ดำเนินการประสานปิดกั้นแพลตฟอร์ม 'ทางรัฐ' และ 'โครงการเติมเงิน 10,000 บาท' ปลอม แล้ว 312 บัญชี  โดยแบ่งเป็น บัญชี Facebook จำนวน 297 บัญชี และบัญชี Tiktok จำนวน 15 บัญชี  พร้อมเฝ้าระวังการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง 

ขณะเดียวกันยังพบว่า มิจฉาชีพใช้วิธีการหลอกลวงประชาชน ส่งข่าวปลอม และข้อมูลอันเป็นเท็จ และบิดเบือน โดยแอบอ้างโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ของรัฐบาล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานเติมเงินให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และบัตรประจำตัวผู้พิการ อยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบกรณีข่าวปลอม ที่ได้รับความสนใจ และมีการส่งต่อข้อมูลเป็นจำนวนมาก อาทิ “ผู้พิการที่ทำบัตรผู้พิการหลัง 31 สิงหาคม 2567 จะไม่ได้รับสิทธิ์เงินดิจิทัล 10,000 บาท” และ “รัฐบาลเปิดให้ลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถลงทะเบียนได้ที่ ธ.ออมสิน ธกส. และกรุงไทย” เป็นต้น

สำหรับข่าวปลอมดังกล่าวข้างต้น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าทั้งหมดเป็น “ข้อมูลเท็จ” โดยประเด็นเรื่องของสิทธิ์ผู้พิการในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ขยายเวลาลงทะเบียนให้กับคนพิการทุกคนทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2567 โดยเพื่อที่จะให้ผู้พิการทุกคนได้รับสิทธิ์ในการรับเงิน 10,000 บาท 

ในส่วนการเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนใหม่ในโครงการลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ต ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มเติมผ่านธนาคารของรัฐแต่อย่างใด

"กระทรวงดีอีได้ดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ดำเนินคดีร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่นำข้อมูลเท็จ ข้อมูลบดเบือน ไม่เป็นความจริง เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ข่าวปลอมเรื่อง 'ประกาศยกเลิกการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แล้ว' โดยดำเนินการประสานข้อมูลร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.)  , 2.ข่าวปลอมเรื่อง 'การโหลดแอปพลิเคชันยืนยันตัวตนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้ถูกดูดเงินหมดบัญชี และเรื่องมีการติดต่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก หลังจากที่ลงทะเบียนแอปพลิเคชันทางรัฐ' โดยดำเนินการประสานข้อมูลร่วมกับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ DGA  , 3.ข่าวปลอมเรื่อง 'มีการติดต่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก หลังจากที่ลงทะเบียนแอปพลิเคชันทางรัฐ' ซึ่งได้มีการพิจารณาดำเนินคดี โดยร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อดำเนินการต่อไป" นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดีอีห่วงใยพี่น้องประชาชนต่ออันตราย และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโจรออนไลน์ ซึ่งได้อาศัยการเผยแพร่ข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวข้องกับ 'โครงการเติมเงิน 10,000 บาท' และการใช้งานแอปพลิเคชัน 'ทางรัฐ' ซึ่งขณะนี้กระทรวงฯ ได้ทำการปิดกั้นแพลตฟอร์มปลอม พร้อมกับการตรวจสอบข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด โดยถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อ ประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง และขอให้ประชาชน ยึด 'หลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน' พร้อมกับไม่แชร์ข้อมูลที่บิดเบือนในทุกช่องทางสังคมออนไลน์

'ก๊อต จิรายุ' จอดรถช่วยแมวตัวจิ๋วกลางถนน ก่อนอุ้มกลับบ้าน – คาดตกเป็นทาสแมวเรียบร้อย

(5 ต.ค.67) เป็นคลิปที่ใครเห็นแล้วก็ต้องใจฟูไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะคนรักแมว เมื่อนักแสดงดัง 'ก๊อต จิรายุ ตันตระกู,' ได้โพสต์คลิปที่เจ้าตัวช่วยเหลือ 'แมวจร' กลางถนน ก่อนจะพากลับบ้านป้อนอาหาร – อาบน้ำ และเลี้ยงดูอย่างดี 

โดย 'ก๊อต จิรายุ'ได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว ระบุแคปชัน "เป็นคนเฉยๆกับแมว จนกระทั่ง…" ทำเอาชาวเน็ตแห่เข้าไปคอมเมนต์สนั่น คาดว่าตอนนี้ 'ก๊อต จิรายุ' ได้ตกเป็นทาสแมวเต็มตัวเรียบร้อย

พิธี รับ - ส่งหน้าที่ ผบ.สอ.รฝ. อย่างสมเกียรติและสง่างาม

ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี มีพระบรมราชราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ โดยให้ พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ผบ.สอ.รฝ.) เป็นเจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ และพลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการ ประจำผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 

พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และพลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ท่านใหม่) ร่วมกระทำพิธีรับ - ส่งหน้าที่ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อย่างสมเกียรติ โดยมีพิธีลงนามเอกสารรับ - ส่งหน้าที่ ณ ห้องรามาธิบดินทร์ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และพิธีมอบการบังคับบัญชา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ณ บริเวณหน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี  โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรง และกำลังพลหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมในพิธี 

พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ กล่าวว่า เป็นอีกวาระหนึ่งที่ผมได้กลับมายืน ณ ที่นี้ ซึ่งเป็นวันที่ผมจะต้องพ้นวาระหน้าที่ไปตามวาระ ตลอดระยะเวลาที่ผมดำรงตำแหน่ง ผบ.สอ.รฝ. ได้รับความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจจากท่านทั้งหลายร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในทุกด้านอย่างเต็มกำลังความสามารถ ในการช่วยกันดูแล สอ.รฝ. เป็นอย่างดี สำหรับท่าน ผบ.สอ.รฝ. ท่านใหม่ ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเพรียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม และดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ ของกองทัพเรือ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ผบ.รล.จักรีนฤเบศร์ เป็นต้น 

มั่นใจว่าท่านจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถปฏิบัติหน้าที่ ผบ.สอ.รฝ. ซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญของกองทัพเรือ สืบต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน พร้อมทั้งอวยพรให้คุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย 

รวมทั้งพระบารมีสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชีนี ได้โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้ท่านทั้งหลายและครอบครัว ประสบแต่ความสุขความเจริญและสมหวังในสิ่งอันพึงปราถนาทุกประการ จากนั้นได้ลงมาทักทายกับกำลังพลเกือบทุกนาย ขอให้ทุกคนรักสามัคคีกันและร่วมกันสรรสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ สอ.รฝ. อย่างต่อเนื่อง ก่อนเดินทางไปรับตำแหน่ง เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ ต่อไป

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 'ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์' ดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ราชกิจจานุเบกษา (5 ต.ค.67) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางเกศินี วิฑูรชาติ ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗ นั้น

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ลับ) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๗ ได้มีมติเห็นชอบให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ ดำรงตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗

นายจ้างไม่ปลื้มพนักงาน GenZ ‘ไม่พร้อมทำงาน-สื่อสารแย่’ แต่ยังมีมุมเด่น ‘เก่งดิจิทัล-อยากเป็นเจ้าของกิจการ-กล้าคิดกล้าพูด’

หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยในโลกการทำงานสมัยนี้คือ วัยทำงานชาว Gen Z มักถูกโดนเหยียดอายุในที่ทำงาน นายจ้างบางบริษัทสะท้อนว่า การทำงานกับพนักงานรุ่นนี้ช่างยากเย็น และในที่สุดพวกเขาก็เลิกจ้างพนักงาน Gen Z ที่เพิ่งเรียนจบใหม่ หลังพวกเขาทำงานได้ไม่กี่เดือน

จากการสำรวจล่าสุดของ Intelligent แพลตฟอร์มช่วยเหลือด้านการทำงานอย่างมืออาชีพให้คนรุ่นใหม่ เปิดเผยความเห็น 6 ใน 10 ของนายจ้างกลุ่มตัวอย่าง ระบุว่า พวกเขาตัดสินใจไล่พนักงานกลุ่ม Gen Z ออกจากงาน ทั้งที่เพิ่งจ้างมาใหม่เมื่อต้นปีนี้ 

นอกจากนี้ 1 ใน 6 ของนายจ้างกลุ่มตัวอย่าง ระบุว่า พวกเขาลังเลที่จะจ้างงานเด็กจบใหม่ ขณะที่เจ้านาย 1 ใน 7 ยอมรับว่าพวกเขาอาจหลีกเลี่ยงไม่จ้างงานเด็กรุ่น Gen Z ที่จบใหม่ในปีหน้า (ผลสำรวจข้างต้นทำการสำรวจผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาเกือบ 1,000 คน) 

นายจ้างไม่ปลื้ม Gen Z เพราะ “ไม่พร้อมทำงาน และไม่เป็นมืออาชีพ” 
รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุถึงเหตุผลที่นายจ้างไม่พอใจพนักงานรุ่น Gen Z เป็นเพราะพวกเขามองว่า วัยทำงานรุ่นใหม่ในปัจจุบันขาดแรงจูงใจหรือความคิดริเริ่ม โดย 50% ของผู้บริหารองค์กรชี้ว่า สาเหตุนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้พนักงานรุ่นใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้ยังมองว่าคนรุ่น Gen Z ขาดความเป็นมืออาชีพ ไม่มีระเบียบ และมีทักษะการสื่อสารที่ไม่ดี การมาทำงานและประชุมสายบ่อยครั้ง ไม่สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับที่ทำงาน และการใช้ภาษาที่เหมาะสมกับสถานที่ทำงานฯลฯ สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบการการทำงานจนนายจ้างตัดสินใจไล่พนักงานกลุ่มนี้ออกจากงาน 

อีกทั้ง 50% ของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) กลุ่มตัวอย่าง ก็สะท้อนความเห็นว่า เด็กจบใหม่รุ่น Gen Z ไม่พร้อมสำหรับโลกของการทำงาน และอีกจำนวนหนึ่ง (20%) บอกว่า วัยทำงานรุ่นใหม่ไม่สามารถรับมือกับปริมาณงานได้ สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมหาวิทยาลัยไม่ได้เตรียมเด็กให้พร้อมก้าวเข้าสู่โลกการทำงาน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเริ่มมีมหาวิทยาลัยบางแห่งมองเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และได้เร่งแก้ไขด้วยการสอนให้นักศึกษาเตรียมพร้อมสู่การเป็นพนักงาน ตัวอย่างเช่นมหาวิทยาลัย Michigan State ได้เปิดคอร์สสอนนักศึกษาเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับบทสนทนาในการสร้างเครือข่ายด้านอาชีพการงาน รวมไปถึงวิธีการมองหาสัญญาณภาวะเบื่อหน่ายหมดไฟ และสัญญาณของการมองหาหางานใหม่ เป็นต้น

หาก Gen Z อยากมีโอกาสได้งานมากขึ้น ต้องปรับทัศนคติใหม่
นาย ฮุย เหงียน (Huy Nguyen) ที่ปรึกษาหลักด้านการศึกษาและการพัฒนาอาชีพของ Intelligent มีคำแนะนำให้วัยทำงานชาว Gen Z ที่เพิ่งจบใหม่ว่า ลองสังเกตและเรียนรู้วิธีการพูดคุย หรือการมีส่วนร่วมในการทำงานของพนักงานรุ่นพี่ ในที่ทำงาน เพื่อทำความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรในบริษัทที่พวกเขาอยากร่วมงานด้วย แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสม อีกทั้งควรให้ความสำคัญในการฝึกทักษะด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

“จงริเริ่มถามคำถามที่สร้างสรรค์ ขอคำติชม และนำไปใช้ในที่ทำงาน เพื่อแสดงให้หัวหน้างานและเพื่อนร่วมงานเห็นถึงแรงจูงใจที่อยากจะเติบโตในอาชีพการงานของคุณ อีกทั้งควรฝึกการมีทัศนคติเชิงบวก การปฏิบัติตามกำหนดเวลา และอาสาทำงานในโครงการต่างๆ แม้จะอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบโดยตรงของคุณก็ตาม สิ่งนี้จะช่วยให้คุณโดดเด่นและแข็งแกร่งในโลกการทำงาน” เหงียน กล่าวเสริม 
.
ผู้นำองค์กรบางคนยืนกรานว่าทัศนคติเชิงบวกในการทำงาน จะช่วยส่งเสริมอาชีพของคนงานรุ่นใหม่ได้มากกว่าการจบปริญญาตรี

ตามความเห็นของ แอนดี้ แจสซี (Andy Jassy) ซีอีโอคนล่าสุดของ Amazon เขามองว่า ความสำเร็จของหนุ่มสาวในช่วงวัย 20 ปีจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับทัศนคติของคุณ เนื่องจากผู้บริหารหรือผู้จัดการในองค์กรส่วนใหญ่ มักชอบทำงานกับคนที่มีทัศนคติเชิงบวกมากกว่า ขณะที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซีอีโอของบริษัท Meta สะท้อนมุมมองว่า พรสวรรค์ในการทำงานและบุคลิกภาพที่เหมาะสม ทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่า 

การไล่พนักงาน Gen Z ออก อาจเป็นเรื่องผิดพลาด! 
แม้นายจ้างบางส่วนอยากเลิกจ้างวัยทำงานชาว Gen Z แต่ในอีกมุมหนึ่ง การทำอย่างนั้นอาจเป็นเรื่องผิดพลาด โดย จอย เทย์เลอร์ (Joy Taylor) กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษา Alliant อธิบายเรื่องนี้ผ่าน Newsweek ว่า นายจ้างยุคนี้จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับคนรุ่น Gen Z หากไล่พวกเขาออก “นั่นจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่” การดูแลเวิร์กโฟลว์ระหว่างพนักงานทุกรุ่นในองค์กรให้ราบรื่นนั้น มีความสำคัญต่อการรับมือความท้าทายทางธุรกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2025 ตั้งแต่การวางแผนการสืบทอดตำแหน่ง ไปจนถึงการปรับแนวทางวัฒนธรรมองค์กร 

“ไม่ว่านายจ้างจะชอบหรือไม่ก็ตาม คนรุ่น Gen Z กำลังนำมุมมองแบบ Blue Ocean มาสู่วัฒนธรรมการทำงานยุคใหม่ และการต่อต้านความเปลี่ยนแปลงนี้ แทนที่จะยอมรับและปรับตัว ถือเป็นการทำร้ายบริษัทอย่างมาก ส่งผลให้ผู้นำกลุ่ม Gen X หรือ Baby Boomers จำนวนมากไม่สามารถจัดตั้งองค์กรให้ประสบความสำเร็จและมีความยืดหยุ่นในระยะยาวได้ อีกทั้งยังพลาดโอกาสในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของคนรุ่นใหม่” เทย์เลอร์กล่าว

เทย์เลอร์ บอกอีกว่า วัยทำงานรุ่น Gen Z มีพรสวรรค์บางอย่างที่นายจ้างสามารถเรียนรู้ได้ เช่น ความรู้ด้านดิจิทัล จิตวิญญาณของผู้ประกอบการ และความกล้าคิดกล้าพูด

อย่างไรก็ตาม เทย์เลอร์ มีข้อแนะนำถึงบริษัทต่าง ๆ ว่า การเรียนรู้ที่จะชื่นชมพรสวรรค์และความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของคนทุกเจเนอเรชัน จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์จากพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ได้ จะเป็นผู้ชนะของสนามธุรกิจในที่สุด

ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.ส่วนหน้า)

เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.67) เวลา 12.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ได้สั่งการให้ นางสาว ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ผอ. ศปช.(ส่วนหน้า) และพลเอกณัฐพล 

นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ปรึกษา ศปช. (ส่วนหน้า) เร่งเดินทางไปยังพื้นที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อบัญชาการเหตุการณ์สถานการณ์อุทกภัยในหมู่บ้านปางช้างแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์อยู่ในภาวะวิฤต โดย ผอ. ศปช.(ส่วนหน้า) และที่ปรึกษา ศปช. (ส่วนหน้า) ได้สั่งการให้หน่วยทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าเผชิญเหตุทันที 

เพื่อช่วยเหลือประชาชน นักท่องเที่ยว และช้าง ที่ประสบภัยภายในมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อมแม่แตง โดยได้เคลื่อนย้ายช้างขึ้นที่สูงแล้ว เหลือเพียงบ้างส่วนที่ยังเคลื่อนย้ายออกมาไม่ได้ เนื่องจากเป็นช้างที่มีความดุ ซึ่งได้ประสานผู้เชียวชาญด้านช้างเข้าให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งสั่งการให้ ปภ. จัดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ เพื่ออำนวยการ สั่งการ และประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย รวมถึงให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอำเภอแม่แตง จำนวน 2 จุด ได้ แก่ บริเวณวัดแม่ตะมาน และวัดเมืองกื้ด  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามพยากรณ์

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คาดการณ์ว่าคืนนี้เวลาประมาณ 01.00-02.00 น. ระดับน้ำ ณ สะพานนวรัฐ (P1) จะสูงขึ้นอยู่ที่ระดับประมาณ 5.20 เมตร (ซึ่งระบบป้องกันน้ำท่วมสามารถป้องกันได้อยู่ที่ 4.20 ม. เกิน 1 เมตร) โดยได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยกระดับการเผชิญเหตุ ขั้นสูงสุดของจังหวัดตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัย และให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่ได้จัดเตรียมไว้ และให้ประชาชนเคลื่อนย้ายรถยนต์ จักรยายนต์ ไปจอดในที่ปลอดภัย และให้ยกของขึ้นสู่ที่สูง

'สอ.รฝ.' ส่ง 'กำลังพล' เสริมเข้าช่วยประชาชน ผู้ประสบภัยน้ำท่วมพื้นที่ 'จังหวัดเชียงราย'

(4 ต.ค.67) ที่หน้ากองบัญชาการหน่วยบัญชาการต่ออากาศยานและรักษาฝั่ง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร  ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง มอบหมายให้ 'นาวาเอก วิรัตน์ ก้อนทอง' เสนาธิการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง มาเป็นประธานในพิธีส่งกำลังพล ชุดเสริม ในภารกิจ ฟื้นฟูช่วยเหลือ ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมี คณะผู้บังคับบัญชา นายทหาร ร่วมส่งกำลังพล

โดย นาวาเอก วิรัตน์ ก้อนทอง กล่าวให้โอวาทกำลังพล ชุดเสริมภารกิจ ทั้ง 75 นาย เน้นย้ำ ให้กำลังพลทุกนาย เข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม อย่างเต็มกำลังความสามารถ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อประชาชน และระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย ตนเองด้วย ขอกำลังให้กำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เดินทางถึงพื่นที่ จังหวัดเชียงราย อย่างปลอดภัย 

'มูลนิธิราชประชานุเคราะห์' จับมือ GTO และเมืองโบราณ อบรมนักเรียน

'พลเรือเอกพงษ์เทพ หนูเทพ' ประธาน 'มูลนิธิราชประชานุเคราะห์' ร่วมทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ (GTO academy) และเมืองโบราณสมุทรปราการ 

เพื่ออบรมนักเรียนในสังกัดมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ให้เข้าถึงคุณค่าในตนเอง มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ณ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

โฆษกพิเศษ ศรชล. ยินดี 'เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ' รับตำแหน่งใหม่

(4 ต.ค.67) พลเรือโท ประทีป ตังติสานนท์ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ให้การต้อนรับ 'พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม' โฆษกพิเศษศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และอดีตโฆษก กองทัพเรือ ที่เข้าเยี่ยมคำนับแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ณ ห้องรับรอง กรมแพทย์ทหารเรือ 

พร้อมรับคำแนะนำ และหารือแนวทางการประชาสัมพันธ์ภารกิจต่างๆ ของกรมแพทย์ทหารเรือ เพื่อสนับสนุนนโยบายของกองทัพเรือ ในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลกำลังพลและประชาชน

ผอ.ศรชล.ภาค 1 มอบนโยบายการปฏิบัติงาน แก่ 'กำลังพล' 

(4 ต.ค.67) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ผอ.ศรชล.ภาค 1) ได้ประชุมมอบนโยบายให้กับ รอง.ผอ.ศรชล.จว. และ หน.ศคท.จว. ในพื้นที่ ศรชล.ภาค 1 ทั้ง 12 จังหวัด พร้อมฝ่ายอำนวยการ และกำลังพลของ ศรชล.ภาค 1 เนื่องในโอกาส มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 และดำรงตำแหน่งเป็น ผอ.ศรชล.ภาค 1 ซึ่งเป็นไปตาม พรบ.ศรชล. พ.ศ.2562 มาตรา 25

เพื่อให้แนวทางการปฏิบัติงาน การเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในทะเล พร้อมให้การช่วยเหลือประชาชน ผู้ประสบภัย และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล อย่างเต็มขีดความสามารถ 

มีเหตุด่วน เหตุร้าย หรือภัยทางทะเล ต้องการความช่วยเหลือ โทร.1465 แจ้ง ศรชล.ภาค 1 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top