Saturday, 11 May 2024
Hard News Team

‘ชาวมุสลิม’ ร่วมละหมาดญะนาซะห์ ‘อาศิส พิทักษ์คุมพล’ จุฬาราชมนตรี ณ มัสยิดกลางสงขลา ท่ามกลางความอาลัยของชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ

(23 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากบริเวณมัสยิดกลางประจำ จังหวัดสงขลา ซึ่งวันนี้กำหนดให้ใช้เป็นสถานที่ละหมาดญะนาซะห์ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรีคนที่ 18 ของราชอาณาจักรไทย ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะนี้มีชาวไทยมุสลิมจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศเดินทางร่วมในพิธี แสดงความอาลัยต่อจุฬาราชมนตรีเป็นครั้งสุดสท้าย

มีการเคลื่อนร่างนายอาศิสมาถึงมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ ชาวไทยมุสลิมจำนวนมาก ยืนตั้งแถวต้อนรับ และแสดงออกถึงความเคารพและอาลัย จากบริเวณด้านล่างยาวเข้ามาภายในมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา เพื่อรอประกอบพิธีละหมาดญะนาซะห์ที่จะมีขึ้นในเวลา 10.00 น.

จากนั้นในเวลา 11.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีเชิญดินฝังศพพระราชทาน บริเวณด้านข้างสระน้ำ หน้าอาคารมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา

‘กำนันอู๊ด’ วอน ‘รัฐ’ สร้าง รพ.ให้ชาวแม่เปินหลังรอคอยมากว่า 25 ปี พร้อมจี้!! ช่วยเกษตรกรลูกหนี้ ธกส. ชี้!! 70% ไม่เข้าเกณฑ์พักชำระ

ไม่นานมานี้ นายประสาท ตันประเสริฐ หรือ ‘กำนันอู๊ด’ สส.นครสวรรค์ พรรคชาติพัฒนากล้า ได้อภิปรายในสภา ถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนใน 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกเป็นความทุกข์ของชาวบ้าน อำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นอำเภอที่มีเพียง 1 ตำบล ก่อตั้งมาแล้ว 25 ปี มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นถึง 21,000 คน แต่กลับไม่มีโรงพยาบาลประจำอำเภอ ชาวบ้านต้องแบกความทุกข์และรอคอยมาอย่างยาวนาน เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขส่งคนไปดูแล้วหลายครั้งและให้ความหวังกับพวกเขาว่าเดี๋ยวจะสร้างให้ แต่ก็ไม่ได้ทำตามคำพูด 

“ขอฝากไปถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ชาว อ.แม่เปิน ได้มีโรงพยาบาลประจำอำเภอในสมัยของท่าน เพื่อสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวบ้านทุกคน”

ส่วนเรื่องที่ 2 กำนันอู๊ด ได้อภิปรายถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรอันเป็นผลมาจาก มติคณะรัฐมนตรี ที่ให้มีการพักชำระหนี้เกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ ธกส. ไม่เกินวงเงิน 300,000 บาท ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ลูกค้าของ ธกส.ที่ได้รับการพักชำระหนี้ตามเงื่อนไขมีเพียง 30% เท่านั้นที่เหลืออีก 70% ไม่ได้รับการพิจารณา จึงขอฝากไปถึง นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้โปรดเห็นใจพี่น้องเกษตรกรที่ไม่ได้รับการพิจารณาพักชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐบาลด้วย เพราะมีอีกเป็นจำนวนมาก

มูลนิธิ​เพื่อนสันติภาพ​ และ​ มูลนิธิ​คลังสมอง​ วปอ.​ เพื่อ​สังคม​ วางพวงมาลา​ใน "วันปิยมหาราช" 

วันนี้​ (23 ตุลาคม​ 2566)​ เวลา​ 08.00 น.​ พลเอก​ บุญ​สร้าง​ เนียม​ประดิษฐ์​ วางพวงมาลา​ในนาม​ มูลนิธิ​เพื่อนสันติภาพ​ และพลเอก นรินทร์​ แทบ​ประสิทธิ์​ วางพวงมาลา​ในนาม​ มูลนิธิ​คลังสมอง​ วปอ.​ เพื่อ​สังคม​ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 "วันปิยมหาราช" ณ​ อนุสรณ์​สถาน​แห่งชาติ​ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งในโอกาสนี้ยังมีกรรมการ​มูลนิธิ​ฯ​ คณาจารย์​ และศิษย์เก่า​หลักสูตรผู้นำพอเพียงเพื่อความมั่นคง​ ร่วมในพิธีด้วย

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้”เปิดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ 

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” และประธานกรรมการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ได้ร่วมกันเปิดโครงการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เข้าร่วมในโครงการจำนวน 320 คน ณ ค่ายสุรัสวดี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมค่ายสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและเรียนรู้เรื่องสัตว์ป่า   

“พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์” ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” และ ประธานมูลนิธิพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นประธานเปิดค่าย “สิ่งแวดล้อมธรรมชาติอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ตามโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่41 โดยมีเยาวชน ที่ผ่านการคัดเลือกจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 320 คน คือ สตูล – สงขลา – ปัตตานี – ยะลา – นราธิวาส  เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสร้างการเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและการเรียนรู้การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมป่าไม้และสัตว์สัตว์ป่าโดยได้รับความรู้จากวิทยากรจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาในรูปแบบของความสนุกสนานโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากศิลปินลูกทุ่งต่างชาติ “โจนัส แอนเดอร์สัน” ที่มาขับร้องเพลง “ต้นไม้ของพ่อ” ให้กับเยาวชนได้รับฟัง และ เพลง “ธงชาติ” จากการประสานเสียงของเยาวชน โรงเรียนปรางคล้าและโรงเรียนบ้านท่าช้างจำนวน 80 คน จากนั้น พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้กล่าวให้โอวาทก่อนการเริ่มกิจกรรมว่า “คำว่าการอนุรักษ์นั้น ธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลง การพยายามที่ไม่ทำลายวงจรของการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติ เมื่อเราอยู่กันมากๆก็มีโอกาสทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป เช่นในเมืองใหญ่ เยาวชนที่มาอยู่บนนี้จะรู้สึกว่าเราหายใจได้คล่องขึ้นไม่ร้อนอบอ้าว การที่เราจะรักษาสภาพความเป็นธรรมชาติให้คงอยู่ให้มากที่สุดก็ถือว่าเป็นการอนุรักษ์ ทำอย่างไรก็แล้วแต่ที่จะให้ความเป็นธรรมชาติคงอยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้” จากนั้นประธานโครงการก็ได้ร่วมปลูกต้นไม้กับตัวแทนเยาวชน โดย นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานได้จัดกิจกรรมการให้ความรู้ในเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติจากฐานกิจกรรมต่างๆ กิจกรรมการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ และ กิจกรรมส่องสัตว์ในยามค่ำคืน ที่สร้างความตื่นเต้นสนุกสนานให้กับเยาวชนร่วมกิจกรรมโดยมีเจ้าหน้าที่บรรยายเพื่อสร้างความรู้ในด้านการดำรงชีวิตของสัตว์ป่าแต่ละชนิดที่ได้พบเห็น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมวาดภาพธรรมชาติ โดย ศิลปินจิตอาสาของจังหวัดนครราชสีมา ที่มาสอนน้องๆในการวาดภาพอีกด้วย  
  
โดยนอกจากกิจกรรมต่างๆแล้ว เยาวชนที่เข้ารับการอบรมทั้งหมดยังได้เข้าเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างการพำนักอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ตามจังหวัดต่าง คือ กรุงเทพมหานคร  -  ฉะเชิงเทรา - ชลบุรี - นครนายก - นนทบุรี - ปทุมธานี  - พระนครศรีอยุธยา – สมุทรปราการ – สระบุรี  และ อ่างทอง โดยมีคณะกรรมการโครงการได้ตรวจเยี่ยมเยาวชนที่พำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์  
 
โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 18 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มทักษะประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรม ความเป็นผู้นำ ผู้ตาม ในการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และเพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิตระหว่างที่พำนักอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ทำให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ตรงมีความรู้ความเข้าใจบริบทของสังคมประเทศไทยมากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัวอุปถัมภ์ กับครอบครัวเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

เจนกิจ นัดไธสง  รายงาน

‘นักวิทย์ฯ จีน’ ผุดวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ แรงบันดาลใจจาก ‘หนอนทะเล’ ช่วยประหยัดพลังงาน-ปล่อยคาร์บอนต่ำ-ลดมลพิษในภาคการก่อสร้าง

(22 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ของจีนได้พัฒนาวัสดุก่อสร้างแบบใหม่ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหนอนทะเล โดยมีศักยภาพประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซมลพิษในภาคการก่อสร้าง

‘หวังซู่เทา’ ผู้ร่วมเขียนผลการศึกษาและนักวิจัยประจำสถาบันเทคนิคฟิสิกส์และเคมี (TIPC) สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน กล่าวว่าวัสดุก่อสร้างจากซีเมนต์แบบดั้งเดิมใช้พลังงานมากในการผลิต ขณะเดียวกันก่อเกิดการปล่อยคาร์บอนมาก การพัฒนาวัสดุใหม่นี้จึงมีนัยสำคัญ

คณะนักวิจัยสังเกตเห็นว่าหนอนทะเลอย่าง ‘หนอนปราสาททราย’ (Sandcastle worm) สร้างรังอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถเชื่อมเม็ดทรายหรือเศษเปลือกหอยเข้าด้วยกันโดยใช้สารยึดติดที่หลั่งออกมาจากข้างในตัวมาก่อสร้างอาณาจักรปราสาททรายของตัวเอง

ทั้งนี้ คณะนักวิจัยพัฒนาวัสดุก่อสร้างแบบใหม่โดยใช้ประโยชน์จากสารยึดติดธรรมชาติอันมีแรงบันดาลใจมาจากหนอนทะเลดังกล่าว โดยวัสดุใหม่นี้ผลิตได้ในอุณหภูมิและความกดอากาศต่ำ สามารถประยุกต์ใช้กับทรายจากทะเลทราย ทรายทะเล ตะกรันคอนกรีต ขี้เถ้าถ่านหิน และกากแร่ธาตุ

วัสดุใหม่นี้มีประสิทธิภาพเชิงกลที่ดี ความสามารถรีไซเคิล รวมถึงคุณสมบัติต้านทานการผุกร่อนและความสามารถปรับขนาด โดยหวังกล่าวว่าประสิทธิภาพอันรอบด้านเหล่านี้อาจช่วยให้วัสดุใหม่กลายเป็นวัสดุก่อสร้างที่น่าสนใจในการก่อสร้างแบบปล่อยคาร์บอนต่ำรุ่นใหม่

อนึ่ง คณะนักวิจัยได้เผยแพร่ผลการวิจัยผ่านวารสารแมตเตอร์ (Matter) เมื่อไม่นานนี้

‘พี่เต้’ ติง!! ‘เศรษฐา’ ลดแฟชันในเวทีโลก ยึดสากล เพื่อหน้าตาประเทศ พร้อมเผย!! โชคยังดี ‘น่านฟ้าเปิด’ เหตุ ‘อานิสงส์ลุงตู่ - เศรษฐาปรับตัว’

(22 ต.ค. 66) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ‘เต้’ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอถึงกรณี การแต่งกายของ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยระบุว่า…

“ตอนนี้มีข่าวที่ดีคือ พระมหากษัตริย์และเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ได้สั่งการให้ประเทศกลุ่มอาหรับ เปิดทางให้เครื่องบินทหารของไทย สามารถบินผ่านน่านฟ้าของกลุ่มประเทศอาหรับได้แล้ว เพื่อให้สามารถเดินทางไปรับพลเมืองชาวไทยจากประเทศอิสราเอล กลับมาสู่ประเทศไทยได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ไม่ต้องบินอ้อมไกล ช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางจาก 12-13 ชั่วโมง เหลือเพียงแค่ประมาณ 8 ชั่วโมง

นับเป็นการประสานงานการเจริญสัมพันธไมตรี สืบเนื่องจาก ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ที่ท่านได้เคยทำการเจรจา พูดคุยเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี”

“แต่เหตุที่ในช่วงแรก ยังไม่มีการประกาศให้ไทยได้ทำการบินผ่านน่านฟ้านั้น ก็เพราะเป็นการ ‘ตักเตือน’ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับนายกคนใหม่คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นเดิมทีเป็นนักธุรกิจ ทำให้อาจจะยังไม่เข้าใจขนบธรรมเนียม ประเพณี ความละเอียดอ่อนเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้หมายความว่า เขาแค่เตือนเฉยๆ แต่ยังไม่ได้ลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กล่าวคือ อาจจะลดจากเอกอัคราชทูต เหลือแค่ราชฑูต หรือลดในสถานะต่ำกว่านั้น เป็นการแนะนำให้นายกฯ เศรษฐาได้รับทราบ

ซึ่งนายกฯ เศรษฐา ก็มีได้เริ่มปรับตัวที่จะเรียนรู้ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร และไม่ได้ฝืนจนมากเกินไป ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้”

“เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ที่มีสภาวะสงคราม ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเรามีเป็นความเป็นความตายของพี่น้องประชาชนคนไทย ที่พำนักอยู่ในอิสราเอล เกือบ 30,000 คน เป็นที่ตั้ง

เพราะฉะนั้น ความสำคัญในการเป็นผู้นำประเทศ ในสภาวะเช่นนี้ย่อมต้องมีมากขึ้นตามไปด้วย การแสดงสัญลักษณ์ การพูดคุย หรือการแสดงท่าทาง อิริยาบถต่างๆ ล้วนถือเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เชิงทางการทูตทั้งสิ้น”

“ส่วนการแต่งตัวแบบแฟชัน ใส่ถุงเท้าสีชมพู สีแดง สวมเสื้อแจ็กเกต หรือเสื้อสูทที่มีความแฟชันมากกว่าทางการนั้น อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และบุคลิกของแต่ละบุคคล นายกรัฐมนตรีแต่ละประเทศจะมีบุคลิกที่ไม่เหมือนกัน

แต่ในมุมของความเป็น ‘ทางการ’ นั้น ควรที่จะต้องใส่สูทแบบสากล ถุงเท้าควรเป็นสีดำ หรือสีเทาเรียบๆ เพื่อเป็นการเคารพผู้นำของแต่ละประเทศ เพราะผู้นำของแต่ละประเทศนั้น มิได้มีเพียงแค่คนที่เป็นสามัญชนทั่วไป ผู้นำประเทศที่เป็นกษัตริย์ เป็นมกุฎราชกุมาร เป็นองค์จักรพรรดิก็มี ฉะนั้น การนอบน้อมจึงถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อเรามีความนอบน้อมแล้ว ในยามที่เราต้องการขอความช่วยเหลือ ต่างประเทศเขาก็จะเต็มใจ พร้อมใจกันให้ความช่วยเหลือ เป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน”

“ซึ่งผมเชื่อว่า หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นายกฯ เศรษฐา น่าจะมีการปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพราะถือเป็นบุคคลสำคัญในการเจรจา การขอบินผ่านน่านฟ้าของซาอุดีอาระเบียและประเทศอาหรับทั้งหมด

ในเรื่องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ผมต้องยกความดีความชอบให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเบอร์ 1 และเบอร์ 2 คือ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน

ส่วนเรื่องกาละเทศะนั้น คงต้องปรับปรุงตัวต่อไป เพื่อปกกันไม่ให้สื่อมวลชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ร่วมถึงประชาชนติติงเอาได้ และหากมีใครติติงมาก็ควรรับฟังไว้ และนำไปแก้ไข

เพราะตอนนี้คุณไม่ได้เป็นแค่นายเศรษฐา ทวีสิน แล้ว แต่คุณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นตัวแทนประเทศไทย เป็นตัวแทนของราชอาณาจักรไทย เพราะฉะนั้น จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ รู้จักกาลเทศะ นี่คือสิ่งสำคัญในการเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทยครับ”

‘ฟินแลนด์’ เร่งสอบสวนเรือขนส่ง ‘จีน-รัสเซีย’ หลังเกิดเหตุวินาศกรรม ทำ ‘ท่อก๊าซรั่ว-สายเคเบิลใต้ทะเลฟินแลนด์-เอสโตเนีย’ เสียหายหนัก

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 66 ‘สำนักงานสอบสวนแห่งชาติ’ ของฟินแลนด์ เดินหน้าคดีสืบสวนหาต้นต่อ การก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซใต้ทะเล Baltic Connector Gas Pipeline ในบริเวณอ่าวฟินแลนด์ จนทำให้ก๊าซรั่วจนต้องปิดท่อก๊าซชั่วคราว ซึ่งในบริเวณใกล้เคียงกัน ยังพบว่า สายเคเบิลสื่อสารใต้ทะเลได้รับความเสียหายด้วย

ถึงแม้ว่าเบื้องต้นจะไม่พบร่องรอยความเสียหายที่เกิดจากการใช้ระเบิด แต่เกิดจากการใช้กำลังเครื่องยนต์อื่น และยังพบวัตถุที่มีน้ำหนักมากตกอยู่ใกล้จุดที่เสียหาย จมฝังอยู่ใต้พื้นทะเล   ทางการฟินแลนด์จึงใช้คำว่า “มีการก่อวินาศกรรม” ท่อก๊าซ และ สายเคเบิลสื่อสาร จนได้รับความเสียหายมากที่ต้องใช้ระยะเวลานานหลายเดือนในการซ่อมแซม

เหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงราวๆ ตี 1 ของวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมาเมื่อ สถาบันตัวจับแผ่นดินไหวของนอร์เวย์ พบแรงสั่นสะเทือนใต้ทะเลบริเวณทะเลบอลติก ในเขตน่านน้ำเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟินแลนด์ถึง 2 จุด แต่แรงสั่นสะเทือนดังกล่าวยังถือว่าเบากว่าเหตุระเบิดท่อส่งก๊าซ Nord Stream ของรัสเซียเมื่อปี 2022 มาก

เมื่อทางการฟินแลนด์เข้าไปสำรวจ พบว่า ท่อส่งก๊าซ Baltic Connector เกิดรอยรั่ว รวมถึงสายเคเบิลสื่อสารใต้ทะเลในพื้นที่ใกล้เคียงก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน

ลำพังแค่ท่อส่งก๊าซเสียหายก็เรื่องใหญ่แล้ว แต่พอมีกรณีสายเคเบิลใต้ทะเลที่เชื่อมต่อระหว่าง ‘ฟินแลนด์’ กับ ‘เอสโตเนีย’ ถูกทำลายในลักษะเดียวกันด้วย ซึ่งสายเคเบิลส่วนที่เสียหายอยู่ในเขตของเอสโตเนีย ที่บริษัทของสวีเดนเป็นเข้าของความโกลาหลจึงยังจบง่ายๆ เมื่อประเทศผู้เสียหายมีทั้งที่เป็นสมาชิก และเกือบจะเป็นสมาชิก NATO จึงทำให้ถูกมองว่าน่าจะเป็นการก่อวินาศกรรม เพื่อขัดขวางการสื่อสารภายในระหว่างเอสโตเนีย สวีเดน ฟินแลนด์ หรือกับชาติสมาชิก NATO อื่นๆ

ด้าน ‘พอล โจนสัน’ รัฐมนตรีกลาโหมสวีเดนออกมากล่าวว่า มีการระดมทีมจากกองทัพ ตำรวจ และ หน่วยตระเวณชายฝั่ง ประสานงานกับทางเอสโตเนียเพื่อสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมองว่าเป็น ‘คดีด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับการบ่อนทำลายโครงสร้างพื้นฐานของชาติ’ จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากเป็นอันดับต้นๆ

ตามมาด้วย ‘เยนส์ สโทเทนเบิร์ก’ เลขาธิการ NATO ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน X ว่า ได้พูดคุยกับนายเซาลี นีนิสเตอ ผู้นำฟินแลนด์ถึงความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานใต้ทะเลของทั้งฟินแลนด์ และเอสโตเนียแล้ว ทาง NATO พร้อมร่วมแชร์ข้อมูล และให้การสนับสนุนพันธมิตรของเราอย่างเต็มที่ จึงกลายเป็นคดีที่มีหลายชาติ พัลวัน พัลเก เต็มไปหมด

โดยคดีท่อส่งก๊าซเป็นเขตของฟินแลนด์ จึงเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลเฮลซิงกิในการสืบสวน และต่อมาได้เปิดเผยว่า มีเรือต้องสงสัย 2 ลำ ที่อยู่ใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุ ในช่วงเวลานั้น ก็คือ ‘เรือขนส่งพลังงานนิวเคลียร์ Sevmorput’ ของรัสเซีย และ ‘เรือขนส่งจีน Newnew Polar Bear’

แต่ถึงจะมีเรื่อลำอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงด้วย แต่ตอนนี้ ทีมสืบสวนขอโฟกัสแค่ 2 ลำนี้ เพราะคดีนี้ ถูกมองในมุมมองของ NATO เรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแค่เรือจาก 2 สัญชาตินี้เท่านั้นที่น่าสงสัยที่สุด

จากข้อมูลเดินเรือ พบว่าเรือทั้ง 2 ลำกำลังมุ่งหน้าไปเทียบฝั่งที่ท่าเรือเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเรือของจีนตามหลังเรือของรัสเซียอยู่เล็กน้อย ขณะผ่านใกล้จุดเกิดเหตุ

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศฟินแลนด์ ได้ประสานผ่านช่องทางการทูตถึงรัฐบาลจีน และรัสเซีย เพื่อบอกให้รู้ว่าฟินแลนด์จะต้องสืบสวนเส้นทางของเรือทั้ง 2 สัญชาตินี้แล้ว ซึ่ง ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซียออกมากล่าวว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระมาก แค่มีเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียลอยอยู่แถวนั้น เป็นผู้ต้องสงสัยแล้วหรือ

แต่มาวันนี้ มีรายงานเพิ่มเติมจากฟินแลนด์ว่า น่าจะโฟกัสที่เรือ Newnew Polar Bear ของจีนมากกว่า เพราะลอยอยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุ ในช่วงเวลาเดียวกันมากกว่าเรือของรัสเซีย
ซึ่ง Newnew Polar Bear ปักธงฮ่องกงในการเดินทางก็จริง แต่บริษัทของจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเจ้าของชื่อ ‘Hainan Xin Xin Yang Shipping’

แต่ทางการฟินแลนด์ และเอสโตเนีย ยอมรับว่าคดีนี้มีความอ่อนไหวทางการเมือง และการทูตอย่างมาก จึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เมื่อต้องแถลงข้อมูลออกสื่อ ถ้าไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนจริงๆ

เพราะเดี๋ยวจะเหมือนกรณีข้อพิพาท ‘อินเดีย-แคนาดา’ ที่ตอนนี้ยังมองหน้ากันไม่ติด กลายเป็นวิกฤติการทูตที่ใช้เวลาซ่อมนานยิ่งกว่าท่อส่งก๊าซใต้ทะเลบอลติกเสียอีก

‘ดร.หิมาลัย’ พร้อม ‘สส.สัญญา-สุรชาติ’ ลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ ปชช. มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.นครสวรรค์-พิจิตร

จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดพิจิตร โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก พร้อมมอบให้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าวนั้น

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 66 น.ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) พร้อมด้วย นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.เขต 3 นครสวรรค์/ประธานคณะ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน รวมทั้ง นายสุรชาติ ศรีบุศกร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และ น.อ.ชัยสม ร่มโพธิ์ทอง พร้อมคณะศิษย์เก่าโรงเรียนนครสวรรค์ ร่วมลงพื้นที่ ณ วัดบางไซ ต.พิกุล อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อพบปะพูดคุยให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในพื้นที่ ต.พิกุล ต.พันลาน และ ต.หนองกระเจา อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ จำนวน 574 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

จากนั้น ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ร่วมเดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลบางเคียน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อพบปะพูดคุยให้กำลังใจกับพี่น้องประชานชน ผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.บางเคียน ต.ทำไม้ และ ต.โคกหม้อ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ พร้อมมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง จำนวน 842 ชุด ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป

โดยมี นายสุวัฒน์ จันทร์สุข ปลัดจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยโท อุทิศ คงรอด นายอำเภอชุมแสง, สจ.กัลย์ชพร รอดบำรุง, สจ.ไพฑูรย์ อินทร์นาง, นายสุพัฒน์ กันสุข นายกอบต.หนองกระเจา, นายสนอง วงษ์ละม้าย นายกอบต.พิกุล, นายงาม แสนมุข นายกอบต.พันลาน, นายสุทัศน์ สิงห์กวาง นายกอบต.ฆะมัง, นายวิรัติ เหมันต์ กำนันตำบลพิกุล, นายจักรพงษ์ เพ่งผล นายกอบต.บางเคียน, นางสาวศิริ ยิ้มสาระ นายกอบต.ท่าไม้, นายสิริชัย ศรีสิทธิการ นายกอบต.โคกหม้อ, นายอำนาจ บุญเกษม กำนันตำบลท่าไม้ พร้อมพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและร่วมรับมอบ

ต่อมา ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางยัง วัดบางลายใต้ ต.บางลาย อ.บังนาราง จ.พิจิตร เพื่อมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.บางลาย อ.บึงนาราง จ.พิจิตร อีกจำนวน 520 ชุด

โดยมี นายธงชัย ขิมมากทอง นายอำเภอบึงนาราง,นายมนัส ชมพูพื้น ปลัดอาวุโสอำเภอบึงนาราง พร้อมด้วย ผู้นำท้องท้องถิ่น นำโดย นายจักรัตน์ จันทโรทัย สจ.เขต 2 อ.บึงนาราง, นายธรรมนูญ เทศอินทร์ ประธานชมรม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.บึงนาราง, คุณภัทราภรณ์ จันทโรทัย รองนายก อบต.บางลาย, พ.ต.ท มานิตย์ จิตรเอก สว.สภ.บางลาย, นายวิรัตน์ สุขเหม กำนันตำบลบึงนาราง, นายชุติชัย ตังสุวรรณ์ กำนันตำบลท้ายน้ำ, นายสุพจน์ อ่อนเนียม กำนันตำบลโพทะเล พร้อมพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับและร่วมรับมอบครั้งนี้

‘กรมราง’ เผย!! รถไฟฟ้าสาย ‘สีม่วง-สีแดง’ ปังไม่หยุด  ชี้!! ราคา 20 บาท ดันผู้โดยสารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

(22 ต.ค. 66) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากมีนโยบายอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท มีผู้ใช้บริการระบบรางรวมทั้งสิ้น 1,199,196 คน-เที่ยว จากเมื่อเสาร์ที่ 14 ตุลาคม มีจำนวน 1,124,698 คน-เที่ยว ประกอบด้วย

1.) รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. ให้บริการเดินรถไฟ 213 ขบวน มีผู้ใช้บริการรวม 75,524 คน-เที่ยว โดยเมื่อเสาร์ที่ 14 ตุลาคม มีจำนวน 72,634 คน-เที่ยว แบ่งเป็น ขบวนรถเชิงพาณิชย์ 30,072 คน-เที่ยว และขบวนรถเชิงสังคม 45,452 คน-เที่ยว

2.) รถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 1,123,672 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 71,608 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.81 เทียบเมื่อเสาร์ที่ 14 ตุลาคมมีจำนวน 1,052,064 คน-เที่ยว

โดยรถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 174 เที่ยววิ่ง จำนวน 54,703 คน-เที่ยว ,รถไฟฟ้าสายสีแดง ให้บริการ 294 เที่ยววิ่ง จำนวน 22,317 คน-เที่ยว รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลใช้บริการสายสีแดงฟรี 12 คน-เที่ยว

รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ให้บริการ 216 เที่ยววิ่ง จำนวน 44,417 คน-เที่ยว ,รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ให้บริการ 324 เที่ยววิ่ง (รวมเสริม 9 เที่ยววิ่ง) จำนวน 367,629 คน-เที่ยว

รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) ให้บริการ 1,102 เที่ยววิ่ง จำนวน 594,520 คน-เที่ยว ,รถไฟฟ้า BTS สายสีทอง ให้บริการ 217 เที่ยววิ่ง จำนวน 8,063 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองให้บริการ 216 เที่ยววิ่ง จำนวน 30,023 คน-เที่ยว

“จากข้อมูลข้างต้น พบว่าวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แรก ภายหลังจากดำเนินการตามนโยบายอัตราค่าโดยสารสายสีแดงและสายม่วงสูงสุด 20 บาท เมื่อเทียบกับวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา มีประชาชนมาใช้บริการสายสีแดง 22,317 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 5,946 คน-เที่ยวหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.32 ส่วนสายสีม่วงมีผู้ใช้บริการ 44,417 คน-เที่ยวเพิ่มขึ้น 6,880 คน-เที่ยวหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.33” นายพิเชฐกล่าว

นายพิเชฐกล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้ใช้บริการสายสีน้ำเงิน367,629 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 32,909 คน-เที่ยวหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.83 เนื่องจากมีสถานีเชื่อมต่อกับสายสีม่วงที่สถานีเตาปูน และมีการจัดกิจกรรมที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์นี้ ได้แก่ งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 28 งาน Thailand Gameshow 2023 และงาน Homepro Living Expo โดยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมสายสีน้ำเงินได้จัดขบวนรถเสริมรวม 9 เที่ยววิ่ง

นายพิเชฐกล่าวว่า สำหรับในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม นี้ กรมได้ประสานผู้ให้บริการรถไฟฟ้า ติดตามสถานการณ์ผู้ใช้บริการระบบราง และพิจารณาเพิ่มความถี่ ขบวนรถเสริม รวมทั้งเพิ่มบุคลากรในการบริหารจัดการภายในสถานีรถไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่น โดยเฉพาะช่วงเย็นถึงหัวค่ำ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่กรมสุ่มลงพื้นที่เพื่อติดตามและประสานการแก้ไขปัญหาหน้างานอีกด้วย

‘จรีพร-WHA’ ปลื้ม!! คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล ชูศิษย์เก่าดีเด่นประจำปี 66 ยก!! ‘วิทยาศาสตร์’ คือพื้นฐานสำคัญ สร้างสรรค์ธุรกิจเติบโตยั่งยืน

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ ‘WHA Group’ โพสต์ขอบคุณมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า…

“ขอกราบขอบพระคุณคณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้มอบรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น คณะวิทยาสตร์ประจำปี 2566

ในชีวิตการทำงานกว่า 36 ปี ถึงจะไม่ได้ทำงานด้านวิชาการเหมือนที่เรียนมา ด้วยมาโลดแล่นในโลกของธุรกิจที่ไม่คุ้นเคย และไม่มีในตำราเรียน แต่กลับได้ประยุกต์ใช้และต่อยอดในทุกวิชาที่เรียนมาตั้งแต่ละดับปริญญาตรีถึงปริญญาโท

อยากจะบอกว่า…

‘วิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานของทุกอย่าง’ ทั้งหลักวิชาการ หลักการคิด หลักการวิเคราะห์ และหลักการวิจัย และตลอดการนำไปประยุกต์ใช้ ได้นำมาประยุกต์ใช้ในด้านธุรกิจ จนทำให้สามารถคิดค้นธุรกิจรูปแบบใหม่ ประยุกต์ใช้ด้านเทคโนโลยี จนสามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ

ดังปรัชญาของมหาวิทยาลัยมหิดล…

“ความสำเร็จที่แท้จริงอยู่ที่การได้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อมวลมนุษยชาติ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top