Sunday, 19 May 2024
Hard News Team

วิบากกรรม 'ลิซ่า' ขึ้นโชว์ระบำเปลื้องผ้า ที่ Crazy horse ผลกระทบลุกลาม ในวันที่ 'จีน' มีอิทธิพลต่อวงการตลาดโลก

(2 พ.ย.66) ทันตแพทย์สม สุจีรา ทันตแพทย์และนักเขียนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'ลิซ่า กับ โชว์เซ็กซี่ที่ Crazy Horse' ระบุว่า...

ไม่รู้ว่า ลิซ่าได้เงินจากการขึ้นโชว์ระบำเปลื้องผ้า ที่ Crazy horse เท่าไร…

แต่ขอบอกว่า ไม่คุ้มกันเลยกับภาพพจน์ที่เสียไป

ล่าสุด Celine และ Bvlgari กำลังพิจารณายกเลิกลิซ่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

เพราะทำให้ภาพพจน์ของสินค้าเสียหาย

ที่จีนมีกระแสแอนตี้อย่างรุนแรงต่อการขึ้นไปแสดงครั้งนี้ 

แม้แต่คนดังชาวจีนอย่าง 'แอนเจลาเบบี้' เพียงเข้าไปดูโชว์

ก็ถูก Weibo เว็บโซเชียลอันดับหนึ่งของจีนแบนและบล็อกการใช้งาน

....เงินทองก็มีมากมายแล้ว จะขึ้นไปโชว์ระบำเปลื้องผ้าเพื่อ??...

แฟนคลับลิซ่ามาแก้ต่างว่าไม่แคร์ที่โดนจีนแบน 

ที่จริงไม่เฉพาะจีน คนเอเชียทั้งหมด หรือแม้แต่ในไทย ก็ไม่ชอบ แต่ไม่กล้าพูด

ที่คลินิกผู้เขียน เดนติสเต้ ส่ง Stand เป็นรูปลิซ่ายืนเท่าตัวจริง มาให้ตั้งหน้าร้าน

ต้องรีบเก็บออกทันที เพราะภาพของเธอ ไม่ใช่สาวน้อย ที่จะมาโฆษณายาสีฟันแล้ว

ลิซ่า เป็นคนเอเชีย ก็ควรงามแบบเอเชีย การไปเต้นโชว์เรือนร่าง สรีระ แบบเกือบเปลือย

ชาวตะวันตกมองเป็นเพียงสิ่งที่เงินซื้อได้ เอาคนดังของเอเชียมาทำแบบนี้ให้สะใจเล่นๆ แต่เทียบแล้วไม่ติดอันดับความเซ็กซี่ของสาวอเมริกัน

จีน มีอิทธิพลต่อวงการตลาดโลกเป็นอย่างมาก ถ้าสินค้าตะวันตกจะเข้าไปขายในจีน

ต้องอย่าไปทำอะไรที่ขัดใจชาวจีน...นับแต่นี้ไปจะให้ลิซ่าเป็นพรีเซนเตอร์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด...

คนจีน รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ที่ครั้งหนึ่งเคยคลั่งไคล้ลิซ่า ยกให้เป็นไอดอล แล้วมาทำแบบนี้

คิดว่า ที่ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, มาเลเซีย, อินโดฯ, สิงคโปร์ หรือแม้แต่เกาหลีใต้ต้นสังกัดก็ไม่ชอบเช่นกัน

>> ลิซ่า ไม่เหมือน มาริลีน มอนโร ที่ภาพพจน์เริ่มต้นมาจากการขายเรือนร่าง 

แต่เป็นภาพของสาวน้อยน่ารัก ใสบริสุทธิ์ และมีความมานะพยายาม เป็นต้นแบบของเยาวชน

ภาพเหล่านั้นหายไปหมดเลยทันทีที่ขึ้นเวที Crazy Horse

รูปที่หลุดออกมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งอันน้อยนิดกับภาพความเซ็กซ์ที่ขึ้นโชว์ในวันนั้น

>> เมื่อบรรลุสัจจธรรมจะรู้ว่าเงินไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต มิฉะนั้น เอลวิส เพรสลี่ย์, ไมเคิล แจ็คสัน มาริลีน มอนโร ฯลฯ คงไม่มีตอนจบที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง

'รุ้ง ปนัสยา' ซัด 'ปูอัด ก้าวไกล' หน้าด้าน ใช้ความเมาเป็นข้ออ้าง ชี้!! ถ้าก้าวไกลแก้ปัญหาเรื่องเพศไม่ได้ เรื่องอื่นก็ไปไม่รอด

(2 พ.ย. 66) จากกรณีที่คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหาร พรรคก้าวไกล มีมติว่า นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม ส.ส. และกรรมการบริหาร โหวตขับ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ลาออกจากตำแหน่ง ถึง 106 เสียง จาก 128 เสียง จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)

ล่าสุด “รุ้ง ปนัสยา” แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X (ทวิตเตอร์) ส่วนตัว @PanusayaS ระบุว่า...ปูอัดต้องลาออก อย่าหน้าด้าน เมาไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไปกระทำเลวต่อคนอื่น ก้าวไกลต้องแก้ปัญหาเรื่องเพศให้ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ เรื่องอื่นก็สู้ไม่รอด

‘แพทย์’ ชำแหละอาการ ‘แย้ม ธี่หยด’ ป่วย ‘โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน’ ชี้!! หากเทคโนโลยีการแพทย์ยุคนั้นทันสมัย อาจจะช่วยได้ทัน

(2 พ.ย.66) ‘ธี่หยด’ ภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างมาจากเรื่องเล่าในเว็บไซต์ Pantip.com เมื่อปี พ.ศ. 2558 โดยคุณกิตติศักดิ์ กิตติวิรยานนท์ กลายเป็นกระทู้เรื่องผีที่ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ มียอดแชร์มากกว่า 130,000 ครั้ง นอกจากนั้นยังถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือ และเจ้าของเรื่องยังได้นำไปเล่าในรายการเล่าเรื่องผีชื่อดัง จนกระทั่งได้ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบภาพยนตร์

ภาพยนตร์ ‘ธี่หยด’ กำกับโดยทวีวัฒน์ วันทา ซึ่งเคยฝากผลงานไว้ในหนังไทยเรื่องทองสุก 13 จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 5 วัน 25 - 29 ต.ค. 66 สามารถทำรายได้ 180 ล้านบาท จุดเด่นของเรื่องนอกจากเสียงหลอนประหลาดว่า ‘ธี่หยด’ ที่จะดังขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ยังมีอาการสุดประหลาดที่เกิดขึ้นกับ ‘แย้ม’ อีกหนึ่งตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้

ซึ่งอาการแปลกประหลาดของ ‘แย้ม’ สามารถเกิดขึ้นได้จริง และมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ โดยผู้ใช้ TikTok บัญชี @km.pearl หรือ ‘หมอไข่มุก’ พญ.ณัฐมณฑ์ บุญทาเลิศ ได้อธิบายอาการของโรคซึ่งตรงกับอาการของ ‘แย้ม’ ตัวละครสุดหลอน ในภาพยนตร์ธี่หยดว่า เป็นอาการของโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR

โดยผู้ป่วยโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR จะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ต่ำๆ ในช่วงแรก และต่อมามีอาการทางสมอง นอนไม่หลับ หนักขึ้นจนไปถึงการไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่สามารถควบคุมความคิดการพูดหรือการขยับตัวได้

มีอาการหลงผิด สับสน หูแว่ว ประสาทหลอน นิสัยใจคอมีความก้าวร้าวมากขึ้น มีการเคลื่อนไหวใบหน้าที่ผิดปกติ เช่นการแสยะยิ้ม การเหลือกตา เคี้ยวปากตัวเอง

สาเหตุของการเกิดโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR ซึ่งมีอาการตรงกับตัวละครน้าแย้มในภาพยนตร์เรื่อง ‘ธี่หยด’ นี้ มาจากก้อนในรังไข่ของคนไข้ หรือเนื้องอกอัณฑะ ที่ทำให้ร่างกายผลิตภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ หรืออาจเกิดขึ้นเองจากการติดเชื้อไวรัสในร่างกาย

และจากเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ ‘ธี่หยด’ ที่ระบุถึงผลการชันสูตรศพน้าแย้มว่า พบอวัยวะภายในฉีกขาดนั้น ในทางการแพทย์สามารถเกิดขึ้นได้จากการแตกของก้อนในช่องท้อง

ซึ่งก้อนในช่องท้องนี้ เรียกว่า ‘เนื้องอกเทอราโตมา’ หรือ Mature teratoma มีลักษณะเป็นถุงน้ำซึ่งมีการงอกของเส้นขน เส้นผม และฟันขึ้นภายในถุงน้ำได้ จึงอาจเป็นที่มาของความเชื่อว่าผู้ป่วย หรือผู้เสียชีวิตถูกคุณไสย หรือโดนทำของใส่

โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR นี้ มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย หรืออยู่ในช่วงอายุ 18 ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยพบสัดส่วนผู้ป่วยโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR เป็นเพศหญิงอยู่ที่ 80% และเพศชาย 20%

ซึ่ง หมอไข่มุก ได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าหากวิวัฒนาการด้านการแพทย์ในยุคนั้นมีความทันสมัย สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ‘แย้ม’ อาจได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและไม่เสียชีวิต

‘รมว.พิพัฒน์’ ถก ‘สมาคมจัดหางานฯ’ รุกขยายตลาดส่งออกแรงงานใหม่ พร้อมเสริมความปลอดภัย-ดูแลหนี้สินให้แรงงานไทยที่ไปทำงาน ตปท.

(2 ต.ค. 66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายชินวัฒน์ ใจกุศลสูงยิ่ง นายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ และคณะ ในโอกาสเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รวมทั้งหารือข้อราชการเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ โดยมี นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า “ในวันนี้ผมขอขอบคุณท่านนายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ ที่ได้นำคณะผู้บริหารสมาคมฯ มาเข้าพบผมเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสการเข้ารับตำแหน่ง พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงแรงงานขอขอบคุณสมาคมฯ ที่ได้หารือในประเด็นต่างๆ ทั้งในเรื่องการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดส่งแรงงานทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลา

ในส่วนของการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศนั้น ในปี 2566 ผมมีนโยบายที่จะเพิ่มโควตาการจัดส่งอีก 100,000 อัตรา ซึ่งขณะนี้เราเตรียมที่จะส่งออกแรงงานไทยไปหลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมทั้งส่งแรงงานฝีมือในสาขาช่างเชื่อมไปประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นการสานต่อนโยบายเดิมที่ดีอยู่แล้วให้ไปเกิดผลมากขึ้น

รวมทั้งการป้องกันการถูกหลอกลวงไปทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่าย ในเรื่องนี้ต้องรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับการไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ผมขอฝากให้สมาคมฯ ซึ่งมีความถนัดในการส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ ให้ช่วยดูแลเรื่องภาระหนี้สินและคำนึงถึงความปลอดภัยของแรงงาน ที่ไปทำงานในแต่ละประเทศเป็นสำคัญ”

ด้าน นายชินวัฒน์ ใจกุศลสูงยิ่ง นายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ กล่าวว่า ในนามผู้บริหารสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ฯ เป็นอย่างยิ่งที่เปิดโอกาสให้เข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง และรับทราบนโยบายการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในวันนี้

ในส่วนของสมาคมฯ ต้องการให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนงานหางาน ที่ปัจจุบันยังเป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งแรงงานให้สามารถอำนวยความสะดวกขึ้น ร่วมมือกับสมาคมฯ ในการขยายตลาดแรงงานเก่าและตลาดแรงงานใหม่ในประเทศต่างๆ ให้มีเป้าหมายชัดเจนและเป็นรูปธรรม ยกระดับทักษะภาษาและฝืมือแรงงาน โดยให้ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือยกระดับช่างไทยให้มีฝีมือ เพื่อให้สามารถไปทำงานในต่างประเทศได้มากขึ้น ให้เข้มงวดตรวจสอบกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อป้องกันหลอกลวงคนหางานทางสื่อออนไลน์รูปแบบต่างๆ

รวมทั้งเร่งเจรจาขยายตลาดกับท้องถิ่นเมืองต่างๆ ในเกาหลีใต้ที่ประสงค์จะจ้างแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตร เพื่อรองรับให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอลได้ เนื่องจากอัตราค่าจ้างใกล้เคียงกัน ซึ่งผลจากการหารือทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การยกระดับความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

‘ผู้นำสูงสุดอิหร่าน’ ปลุกกลุ่มประเทศมุสลิม ร่วมกันบอยคอต ‘อิสราเอล’ ระงับการค้าทุกด้าน โต้ตอบสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์

(2 พ.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ว่า ‘อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี’ ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวเมื่อวันพุธ (1 พ.ย.) ที่ผ่านมา เรียกร้องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของรัฐบาลในโลกมุสลิม ในการร่วมมือกันระงับการค้าขายกับ ‘รัฐไซออนิสต์’ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิง อาหารและสินค้าจำเป็นอื่น

ขณะเดียวกัน คาเมเนอี กล่าวอย่างตรงไปตรงมาถึงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ว่าเป็นประเทศ ‘ที่มีรัฐบาลต่อต้านปาเลสไตน์’

ด้าน พล.จ.เรซา การาอี อัชเตียนี รมว.กลาโหมอิหร่าน กล่าวว่า “บางประเทศในยุโรปที่ช่วยเหลืออิสราเอล ควรขับเคลื่อนนโยบายอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้สร้างความโกรธเคืองแก่ชาวมุสลิม”

ทั้งนี้ นายนาสเซอร์ คานานี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น ถึงการที่ทหารอเมริกันในอิรักและซีเรีย ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางทหารโดยกองกำลังหลายกลุ่มบ่อยครั้งขึ้น เป็นผลจาก ‘นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลวอชิงตันที่ผิดพลาด’ หนึ่งในนั้น คือ การสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส

'ส่งออกผลไม้ไทย' ช็อก!! 'สับปะรดภูแล' โดนจีนแบนเป็นครั้งแรก กุมขมับ!! ยังไม่รู้สาเหตุชัด หวั่น!! อาจกระทบอาชีพปอกสับปะรด

(2 พ.ย.66) นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย เผยว่า ขณะนี้สับปะรดภูแล ที่ตัดแต่งส่งออกไม่ได้ โดนจีนแบน กำลังเช็กกันอยู่ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่มีการสันนิษฐานเบื้องต้นในหมู่วงการว่าจะเกิดจากสุขอนามัยหรือไม่ หรือเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ ตอนนี้เกษตรกรจังหวัดเชียงรายเริ่มเดือดร้อนกันแล้ว เพราะส่งออกไม่ได้ แต่โชคดีสับปะรดผลผลิตเริ่มจะออก คาดว่าผลผลิตจะออกมามากในเดือนธันวาคม ไปจนถึงกุมภาพันธ์ ปี 67 จะเป็นช่วงที่ผลผลิตจะออกมามาก พอถึงตรงนั้นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่

“ปกติประเทศไทยมีการส่งออกสับปะรดทุกวัน แล้วพอเกิดปัญหาทำให้ส่งออกไม่ได้ สับปะรดต้องทะลักเข้าในประเทศ และจะกระทบกับคนที่มีอาชีพปอกสับปะรดในกลุ่มนี้หลายพันคนในอำเภอภูแล จังหวัดเชียงรายตกงาน เพราะจะเหลือคนที่ผลิตแค่ในประเทศเท่านั้น ก็มีปัญหาเพราะคนกินน้อยกว่าส่งออก”

นายสัญชัย กล่าวว่า การแก้ไขก็จะต้องรีบหามาตรการ และให้ค้นหาความจริงว่าจีนแบนด้วยเหตุผลอะไร และเร่งให้มีการเจรจา ต้องทำอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ทุเรียนแกะเนื้อผลสด ก็มีการแบนไปแล้ว เพราะถือว่าอยู่ในรูปอาหาร จึงทำให้สันนิษฐานที่ทำให้โดนแบน คือ 1.) อยู่ในหมวดอาหารหรือไม่ ต้องเปลี่ยนพิกัดอาหาร พอเข้าอาหาร ก็ต้องเข้าในเรื่องสุขอนามัย ซึ่งถ้าเป็นเรื่องอาหาร ไทยก็ยังไม่ได้รับการรับรองจากจีน และ 2.) ตรวจเจอเชื้อแบคทีเรีย หรือสุขอนามัยของตัวพืชเองอาจจะไม่ได้ จึงคิดว่าจะมาจาก 2 ประเด็นนี้หรือไม่

"แต่ยังไม่ได้บทสรุปชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ซึ่งได้สอบถามไปยังทูตเกษตร แต่ยังไม่ได้คำตอบเลย เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้สงสัยว่ามีใครออกมาพูดกันบ้างหรือยังว่าจะหาแนวทางแก้ไขอย่างไร เพราะถ้ารอปล่อยเวลาไปแล้วสุดท้ายพ่อค้าก็จะตกเป็นจำเลยอีกเช่นเคยเวลามีปัญหา ไม่อยากให้เกิดซ้ำรอยเดิม" นายสัญชัย กล่าวทิ้งท้าย

'ก.เกษตรฯ' เอาจริง!! 'ชัยนาทโมเดล' แก้แล้ง-ลดท่วม ตามติดความก้าวหน้า 'ธนาคารน้ำใต้ดิน' กว่า 800 แห่ง 

(2 พ.ย. 66) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาล โดยนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน และดูการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีสำหรับการทำหญ้าเลี้ยงสัตว์ และโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ณ จ.ชัยนาท เพื่อสนองเป้าหมายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้ให้เกษตรกร ผ่านหลักการ ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ ซึ่งรวมถึงการทำธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อเป็นการบริหารจัดการน้ำตามความต้องการน้ำในแต่ละพื้นที่ และ การส่งเสริมการทำอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ เช่น การปลูกหญ้าอาหารสัตว์

จังหวัดชัยนาท ได้รับเลือกเป็นจังหวัดนำร่องที่ดำเนินการใน 6 ด้าน ดังนี้ 

1. นวัตกรรมข้าวพันธุ์ดี เมล็ดข้าวพันธุ์ดี 
2. ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพการผลิต ส่งเสริมการปลูกพืชแห่งโอกาส 
3. บริหารจัดการทรัพยากรดินให้เหมาะสมกับพืช 
4. ระบบตลาดนำการผลิต 
5. ขยายสาขาและเพิ่มศักยภาพวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี 
6. การบริหารจัดการน้ำด้วยธนาคารน้ำ

ในการประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้ย้ำถึงความเร่งด่วนและความสำคัญของการผลักดันโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อเป็นกรณีศึกษาถึงความเป็นไปได้ และประโยชน์ที่จะได้รับ องค์ความรู้ที่จะได้จาก ‘ชัยนาทโมเดล’ นี้ จะเป็นประโยชน์เป็นอย่างยิ่งในการนำร่องไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลแท้จริงในจังหวัดอื่นๆ อีกทั้งจะยังเป็นการช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ‘ไม่ท่วมไม่แล้ง’ อีกด้วย

‘ธนาคารน้ำใต้ดิน’ เป็นการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำไว้เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นนวัตกรรมหนึ่งที่ออกแบบมาช่วยรับมือกับปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งซ้ำซากให้หลายประเทศทั่วโลก สำหรับจังหวัดชัยนาทนั้น จะมีการดำเนินโครงการธนาคารน้ำใต้ดินรวมทั้งสิ้น 834 แห่ง

“การทำธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อที่จะนำน้ำใต้ดินมาใช้ในฤดูแล้ง ให้มีการกักเก็บน้ำใต้ดินให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน การทำธนาคารน้ำใต้ดินมีข้อดี คือ แก้ปัญหาน้ำท่วมขัง แก้ปัญหาพื้นที่ประสบภัยแล้ง การเพิ่มระดับน้ำใต้ดิน การเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดิน ทำให้ต้นไม้โดยรอบเติบโตงอกงาม ลดปริมาณน้ำเสีย ทั้งระดับครัวเรือนและชุมชน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ธนาคารน้ำใต้ดินจะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญ สำหรับการจัดการทรัพยากรน้ำ เพราะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่ช่วยให้ประชากรในสังคมปรับตัวให้อยู่รอดจากภัยแล้ง” นายอนุชากล่าว

‘จีน-แทนซาเนีย’ ผนึกความร่วมมือ ปั้น ‘ศูนย์การค้า-ขนส่ง’ ครบวงจร หนุนเป็นศูนย์กลางการค้าข้ามพรมแดน โกยเงินสะพัดกว่าพันล้าน

(2 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานข่าว การสร้างเขตความร่วมมือด้านการบริการที่ครอบคลุมของนิคมอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ และการขนส่งแอฟริกาตะวันออกในประเทศแทนซาเนีย เป็นหนึ่งในรายการผลลัพธ์จากความร่วมมือเชิงปฏิบัติของการ ที่มีการเปิดเผยในการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (BRF) ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา

เขตความร่วมมือดังกล่าวลงทุนและพัฒนาในปี 2020 โดย ‘เวยไห่ หัวถ่าน ซัพพลาย เชน เมเนจเมนต์ จำกัด’ (Weihai Huatan Supply Chain Management Co., Ltd.) วิสาหกิจจากเมืองเว่ยไห่ มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน โดยครอบคลุมพื้นที่รวม 109,700 ตารางเมตร ประกอบด้วย ศูนย์การค้าและโลจิสติกส์ในแอฟริกาตะวันออก (EACLC) ศูนย์นิทรรศการ 1 แห่ง คลังสินค้าหัวถ่านในต่างประเทศ 1 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดาร์เอสซาลาม ประเทศแทนซาเนีย และคลังสินค้าทัณฑ์บนและศูนย์ขนส่ง ณ สนามบินแซนซิบาร์ ในเกาะแซนซิบาร์ของแทนซาเนีย อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนอีก 1 แห่งด้วย

จากโครงการทั้งหมดนี้ โครงการศูนย์การค้าและโลจิสติกส์ในแอฟริกาตะวันออก ระยะที่ 1 ได้ให้การรองรับวิสาหกิจของจีนและแทนซาเนียแล้วมากกว่า 200 ราย และโครงการฯ ระยะที่ 2 ซึ่งมีกำหนดเปิดใช้งานในเดือนมีนาคมปี 2024 คาดว่าจะมีการตั้งถิ่นฐานของผู้ค้ากว่า 1,600 องค์กร หลังก่อสร้างแล้วเสร็จ ศูนย์แห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์การค้าและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแทนซาเนีย

3 ปีหลังจัดตั้ง เขตความร่วมมือดังกล่าวกลายเป็นโครงการความร่วมมือที่โดดเด่นระหว่างจีนและแทนซาเนีย โดยสามารถให้บริการที่ครอบคลุม อาทิ การค้าสินค้าโภคภัณฑ์ นิทรรศการและการจัดแสดง คลังสินค้าในต่างประเทศ การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน และห่วงโซ่อุปทานด้านการเงิน

ในปี 2022 เขตความร่วมมือฯ มีมูลค่าผลผลิตรวม 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.59 พันล้านบาท) หนุนให้เกิดการส่งออกสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศเป็นมูลค่ามากกว่า 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.77 พันล้านบาท)

ปัจจุบัน เขตความร่วมมือดังกล่าวเป็นที่ตั้งของวิสาหกิจมากกว่า 230 ราย ในจำนวนนี้ 60 รายมาจากประเทศจีน สร้างตำแหน่งงานทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับคนในท้องถิ่นมากกว่า 2,000 ตำแหน่ง และคาดว่าจะเพิ่มเป็นมากกว่า 5,000 ตำแหน่งหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ

‘GISTDA’ จับมือ ‘ยูเครน’ ลงนาม MOU ด้านเทคโนโลยีอวกาศ หนุนเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมในอนาคต

(2 พ.ย.66) กระทรวง อว. โดย GISTDA และหน่วยงานอวกาศแห่งยูเครน หรือ SSAU ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อร่วมมือกันในด้านเทคโนโลยีอวกาศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 โดยมี ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA และนายโวโลดีมีร์ เบน รักษาการหัวหน้า SSAU, นายปาฟโล โอเรล อุปทูต A.I. ของสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

วัตถุประสงค์หลักของบันทึกความเข้าใจนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านการใช้ประโยชน์จากอวกาศในทางสันติ กระทรวง อว. โดย GISTDA และ SSAU จะทำงานร่วมกันในด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาเครื่องยิงจรวด การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและดาวเทียม ตลอดจนการศึกษาวิจัยและเสริมสร้างขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ

ทั้งนี้ SSAU เป็นหนึ่งในหน่วยงานด้านอวกาศที่มียุทธศาสตร์ในการดำเนินงานที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศยูเครนประสบความสำเร็จในด้านอวกาศ ด้วยเหตุนี้ MoU จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของทั้งสองประเทศต่อไป

ลำปาง-ผบ.มทบ.32 ให้การต้อนรับองคมนตรี ในโอกาสตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพท.ลำปาง

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 - 16.45 น. พลตรีพรชัย  นพรัตน์ ผบ.มทบ.32 เป็นผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ร่วมให้การต้อนรับ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะฯ ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมติดตามงาน และขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดลำปาง ณ โครงการก่อสร้างฝายทุ่งข้าวหล่อพร้อมระบบส่งน้ำฯ ต.บ้านโป่ง อ.งาว จ.ลำปาง โดยเป็นการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ  

พร้อมทั้งมอบหมายให้ พันเอกวิศิษฐ์ บรรณากิจ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมต้อนรับองคมนตรี และคณะฯ ในการติดตามงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพร้อมระบบส่งน้ำฯ ณ โครงการก่อสร้างฝายทุ่งส้านพร้อมระบบส่งน้ำฯ ต.บ้านขอ อ.เมืองปาน จ.ลำปาง​ จนเสร็จสิ้นภารกิจ ร่วมกับหน่วยงานราชการจังหวัดลำปาง, หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดลำปาง

ภาวินันท์​ บุตรหล้า​ รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top