Friday, 30 May 2025
Hard News Team

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ รุกเจรจาความร่วมมือทีมผู้พัฒนาเกมรายใหญ่ของโลก ในงาน Thailand Game Show 2024

(20 ต.ค. 67) ชี้ ‘ดิจิทัลคอนเทนท์-เกม’ คืออุตสาหกรรมแห่งโอกาส เตรียมเปิดตัว  ‘depa Esports’ ไทย เร่งผลักดันการสร้างบุคลากร Pro Player เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
วันที่ 20 ตุลาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) เปิดเผยถึงการเยี่ยมชมงาน Thailand Game Show 2024 ณ  ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ตนพร้อมด้วย ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และ ดร.วาริน รัชนานุสรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น ได้เยี่ยมชมงาน Thailand Game Show 2024 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ที่่ผ่านมา ทำให้เห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย ซึ่ง กระทรวงดีอี และ ดีป้า มุ่งให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเร่งส่งเสริมและต่อยอดศักยภาพอุตสาหกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็น  อีสปอร์ต เกม แอนิเมชัน และคาแรกเตอร์ สู่การเป็นอุตสาหกรรมแห่งโอกาส พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้ดีป้า ส่งเสริมอุตสาหกรรมดังกล่าวอย่างรอบด้านเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศต่อไป

“ปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีสปอร์ต เกม แอนิเมชัน และคาแรกเตอร์ คือ ‘กำลังคน’ แม้ว่าประเทศไทยจะมีบุคลากรที่มีศักยภาพอยู่ไม่น้อย แต่ภาครัฐจะดำเนินการอย่างไรเพื่อเพิ่มกำลังคนในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว ควบคู่ไปกับการต่อยอดให้กลุ่มผู้มีศักยภาพสามารถเติบโตต่อไปเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตระดับ Pro Player หรือแม้แต่ผู้ผลิตเกมและส่งออก ทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดโลก เป็นหมุดหมายสำคัญของดิจิทัลคอนเทนต์ในระดับภูมิภาค และนำมาซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ซึ่งทั้งหมดถือเป็นโจทย์ที่ภาครัฐจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน และเร็ว ๆ นี้ กระทรวงดีอี โดย ดีป้า จะเปิดตัวโครงการ depa Esports ที่จะมาสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับวงการอีสปอร์ตไทย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี และคณะยังได้ร่วมหารือแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเกมกับบริษัทผู้พัฒนาเกมและสมาคมเกมจากต่างประเทศ อาทิ Nintendo, Konami และ Korea Game Developers Association (KGDA) โดยในการหารือกับ KGDA มีความสนใจที่จะตั้งศูนย์การพัฒนาทักษะการพัฒนาเกมเพื่อสร้างกำลังคนสู่อุตสาหกรรมเกมของประเทศไทยและระดับโลก รวมถึงการคัดเลือกนักพัฒนาเกมของไทยเพื่อไปแสดงศักยภาพของผลงานในเวทีเกมของเกาหลีใต้ โดย นายประเสริฐ ได้มอบหมายให้ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ประสานงานในรายละเอียดต่อไป

ทั้งนี้ ผศ.ดร.ณัฐพล ได้ร่วมให้ข้อมูลความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของประเทศและสิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนในไทยเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็น การสร้างบรรยากาศการลงทุนในอุตสาหกรรมเกม อีสปอร์ต และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างอาคาร Digital Edutainment Complex บนพื้นที่ 20,000 ตารางเมตรในโครงการ Thailand Digital Valley อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นอาคารที่ถูกออกแบบเป็นพื้นที่ทดสอบทดลองนวัตกรรมดิจิทัล และเป็นระบบนิเวศที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีสปอร์ตและอุตสาหกรรมเกมไทย รวมถึงการดำเนินการตามแผนพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับคนไทย (Digital Skill Roadmap) โดยเร่งส่งเสริมทักษะดิจิทัลสำหรับอาชีพใหม่แห่งโลกอนาคตผ่านแผนงานทักษะดิจิทัลสำหรับอาชีพยุคใหม่ (Digital-driven Career) เป็นต้น

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงผลงานจากผู้พัฒนาเกมชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 50 บริษัท โดย ดีป้า ได้ร่วมนำเสนอผลงานจากนักพัฒนาเกมสัญชาติไทย ได้แก่ บริษัท รีโวลูชั่น อินดัสตรี จำกัด (เกม Airship Academy) บริษัท นานุค จำกัด (เกม Bounty Brawl) บริษัท เกมอินดี้ จำกัด (เกม BuzzDe) บริษัท ไซ สตูดิโอ จำกัด เกม Dala WBB STUDIO (เกม Falling Day) บริษัท เรดเซนเซชั่นเกมส์ จำกัด (เกม Gemcrusty และ เกม Narin) บริษัท แฟร์เพลย์ สตูดิโอส์ จำกัด (เกม Nightmare Circus และ เกม The Land Beneath Us) และบริษัท แวริซอฟต์ จำกัด (เกม Zabbworld) ภายในงาน Thailand Game Show 2024 ซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2567

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : นับถือศาสนาพุทธ แต่ไหว้เทพเจ้า ผิดศีลหรือไม่

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : นอกจากไม่ผิดศีลแล้วยังเป็นความใจกว้างของศาสนาพุทธ เพราะพระพุทธเจ้า ท่านสอนเรื่องเมตตา สอนเรื่องความรัก ไม่ให้แบ่งแยกเขาไม่ให้แบ่งแยกเรา

ไม่มีการแบ่งแยกความเชื่อ เพียงแต่ว่าขมวดปมความเชื่อ ขมวดปมสาระ ในทางพุทธศาสนาจะไม่บอกว่า เราเท่านั้นดีที่สุด คนอื่นไม่ดี ...พระพุทธเจ้าไม่สอนอย่างงั้น

และการไหว้เทพเจ้า ยังอยู่ในหลักการทําบุญข้อที่ 5 ที่ว่าด้วย การประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน “วุฑฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ, อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง” ซึ่งใจความสำคัญ คือ “อะปะจายะนะมัย” หมายถึงการประพฤติอ่อนน้อมต่อสิ่งที่สูงกว่า ต่อบุคคลผู้สูงกว่า

ดังนั้น เมื่อเราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี มีใจกว้าง การจะไหว้เทพเจ้าในวัดจีน หรือเทพเจ้าในวัดแขก ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิด และพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม

‘พีระพันธุ์’ สวมบท ‘พี่ตุ๋ย’ คุยเรื่องอนาคตพลังงาน ในวันหยุด พาน้องๆ ล้อมวงคุย!! นั่งโต๊ะทำงาน สนุกสนานเป็นกันเอง

(19 ต.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เปิดกระทรวงพลังงาน ซึ่งตรงกับวันหยุดราชการ เพื่อพานักเรียน เยาวชน ของสภานักเรียน ที่มีความสนใจในด้านพลังงานของไทย เข้าศึกษาดูงานในสถานที่จริงและเพื่อเป็นการเรียนรู้ข้อมูลด้านพลังงาน พร้อมเป็นทูตพลังงานในอนาคต

โดยในช่วงเช้า เป็นการบรรยายให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพลังงาน โดย ดร. ประเสริฐ สินเสริมสุขสกุล หัวหน้ากลุ่มน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลว และน.ส.กนกวรรณ เส้งประถม นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงพลังงาน

จากนั้น นายพีระพันธุ์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้พูดคุยล้อมวงกับนักเรียน เยาวชน โดยสวมบทบาท พี่ตุ๋ย ที่มาชวนพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ด้านพลังงานทั้งของโลกและของประเทศไทย ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเองและสนุกสนานในความรู้ที่นักเรียน เยาวชน ได้รับโดยตรงจากรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวง ซึ่งนายพีระพันธุ์ ในบทบาท พี่ตุ๋ย ได้อธิบายเรื่องที่ยากของการทำงานด้านพลังงานให้เข้าใจด้วยภาษาที่ง่ายและสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกองทุนน้ำมัน การสำรองน้ำมันของประเทศ อีกทั้งยังได้อธิบายถึงปัญหาการทำงานในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้อธิบายถึงการเตรียมการออกกฎหมายเพื่อประชาชน ในการลดขั้นตอนการติดตั้งอุปกรณ์โซลาร์เซลล์ เนื่องจากที่ผ่านมานั้น ภาครัฐออกกฏหมายควบคุมที่มีความซับซ้อน และยุ่งยาก

ซึ่งหลังจากนี้ เมื่อมีการออกกฎหมายฉบับที่กำลังดำเนินการนั้น ประชาชนสามารถทำการติดตั้งได้โดยที่ไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขออนุญาตที่มีหลายขั้นตอนแบบในอดีตที่ผ่านมา และจะส่งผลดีกับการใช้พลังงานทางเลือก 

หลังจากนั้น นายพีระพันธุ์ ได้ พาเยาวชนของสภานักเรียนเยี่ยมชมพื้นที่ของ บ้านพิบูลธรรม ซึ่งเป็นอาคารที่ทำการของกระทรวงพลังงาน เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร รวมทั้งยังได้เปิดห้องทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ไม่ได้เปิดให้ได้ชมบ่อยครั้ง และยังพานักเรียนนั่งร่วมโต๊ะทำงาน พร้อมกับเปิดร่างกฎหมายด้านพลังงานที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อมนำเสนอ ให้นักเรียน เยาวชน ได้ชมเป็นกลุ่มแรกของประเทศอีกด้วย 

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ นายพีระพันธุ์ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตั้งสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ใช้บ้านพิบูลธรรม เป็นที่ทำการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

สำหรับประวัติของบ้านพิบูลธรรม เดิมชื่อว่า บ้านนนที สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงปี 2240 ซึ่งเป็นตัวอาคารที่ 1 ที่อยู่ใกล้กับคลองผดุงกรุงเกษม จนในรัชสมัยต่อมารัชกาลที่ 6 พระราชทานเงินเพื่อก่อสร้างบ้านหลังนี้ให้มีอาคารเพิ่มเติม เป็นส่วนอาคารที่ 2 พระราชทานให้กับเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงวัง สร้างประมาณ พ.ศ. 2456 อันเป็นปีที่เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ เป็นเจ้าพระยา

ที่บ้านหลังนี้มีชื่อว่าบ้านนนทีนั้น ตั้งตามชื่อวัวพระนนทิการ ซึ่งเป็นเทวพาหนะของพระอิศวร ซึ่งเป็นตราประจำเสนาบดีกระทรวงวัง คือตราพระมหาเทพทรงพระนนทิการ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดีอยู่ที่บ้านหลังนี้จนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. 2485

จะเห็นว่าสไตล์การออกแบบส่วนใหญ่มีความประณีตงดงามด้วยฝีมือสถาปนิกชาวอิตาลี เนื่องจากเป็นยุคที่ไทยกำลังเปิดรับอารยธรรมตะวันตกเข้ามาในหลายๆ ด้าน

จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2484 บ้านนนทีถูกระเบิดเสียหายอย่างหนักเกินกว่าจะซ่อมแซม เจ้าของบ้านจึงขายให้รัฐบาล ช่วงเวลานั้นจอมพล ป. พิบูลสงครามได้อนุมัติให้ซื้อไว้ในปี พ.ศ. 2498 และปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อใช้เป็นสถานที่รับรองแขกเมือง และขนานนามใหม่ว่า ‘บ้านพิบูลธรรม’

ต่อมาในปีพ.ศ. 2501 จึงมอบให้เป็นที่ทำการของการพลังงานแห่งชาติและเคยเป็นที่ทำการของกระทรวงพลังงาน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน 

4 แลนด์มาร์กไทย ได้รับการประกาศเป็น ‘แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน’ ของโลก ผ่านเกณฑ์!! คุณภาพ มีความสร้างสรรค์ ครอบคลุมทุกด้านของความยั่งยืน

(19 ต.ค. 67) Green Destinations ได้ประกาศรายชื่อ Green Destinations Top 100 Stories ประจำปี 2024 โดยมี 4 แหล่งท่องเที่ยวที่ อพท. พัฒนาตามแนวทางเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) ได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก ได้แก่

- เวียงภูเพียงแช่แห้ง จังหวัดน่าน นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในประเภท Culture & Tradition ประเด็นกลไกการยกระดับงานประเพณีท้องถิ่น ‘เทศกาลหกเป็ง’ สู่เทศกาลที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว 

-  เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในประเภท Destination Management ประเด็นการฟื้นฟูแหล่งเสื่อมโทรมเมืองโบราณอู่ทอง ด้วยพลังศรัทธาภาคประชาสังคม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน 

- เมืองเก่าสงขลา จังหวัดสงขลา นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในประเภท Thriving Communities ประเด็นการฟื้นคืนเมืองเก่าสงขลาให้กลับมามีชีวิต 

- เชียงคาน จังหวัดเลย นำเสนอแนวปฏิบัติที่ดีในประเภท Thriving Communities ประเด็น เมื่อคูปองอาหารเช้ากลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชียงคาน

ในปี 2024 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมรับการคัดเลือกกว่า 170 รายชื่อแหล่งท่องเที่ยวจาก 45 ประเทศ โดยมีเรื่องราวที่ส่งเข้าประกวด 129 เรื่อง ขณะที่การคัดเลือกเรื่องราวจะถูกประเมินโดยทีมผู้ประเมิน ของ Green Destinations ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากแต่ละประเทศและพันธมิตร เกณฑ์การคัดเลือกพิจารณาจากคุณภาพของเรื่องราว ความสามารถในการถ่ายทอด ความคิดสร้างสรรค์ และการครอบคลุมทุกด้านของความยั่งยืน

ทั้งนี้ แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการประกาศรายชื่อ จะได้เข้าร่วมฉลองความสำเร็จในพิธีที่จะจัดขึ้นในงานประชุมระดับโลก Green Destinations Global Conference 2024 ณ สาธารณรัฐชิลี ในเดือนธันวาคม 2567 นี้

ช่างแต่งหน้าที่อินโดนีเซีย เนรมิตเพื่อนสาว ให้กลายเป็น ‘หมูเด้ง’ ถอดแบบมาเป๊ะเวอร์ ‘จมูก-ปาก-ใบหู’ น่ารักน่าเอ็นดู เรียกเสียงฮือฮา

(19 ต.ค. 67) ‘ฮาเบล’ (Habel) อาร์ตติส-ช่างแต่งหน้าฝีมือยอดเยี่ยมจากประเทศอินโดนีเซีย เนรมิตเพื่อนสาวสุดน่ารักให้กลายเป็น ‘หมูเด้ง’

งานนี้ทำเอาโซเชียลฮือฮา เพราะฝีมือการแต่งหน้าของเธอขั้นเทพจริง ๆ ถอดแบบ ‘หมูเด้ง’ มาเป๊ะเวอร์ ไม่ว่าจะช่วงจมูก ปาก และใบหูที่เธอเนรมิตขึ้นใหม่ รวมทั้งลงสีผิว ออกมาน่ารัก น่าเอ็นดูสุด ๆ เรียกเสียงชมอย่างล้นหลาม

ฮาเบล เล่าถึงลุกส์นี้ว่า “ฉันเลือก หมูเด้ง เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งหน้าครั้งนี้ เพราะฉันเห็นหน้าเจ้าหมูเด้งเยอะมาก ๆ ในโซเชียลมีเดีย และนางแบบที่ฉันเลือกมาแต่งหน้าในครั้งนี้ ก็มีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบซึ่งเหมาะกับการออกแบบลุกส์แต่งหน้าของฉัน”

พร้อมเสริมว่า “การแต่งหน้าทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนที่ยากที่สุดในการแต่งลุกส์นี้ก็คือ การติดกาวและเกลี่ยวัสดุโฟมลาเท็กซ์บนใบหน้าของนางแบบ”

ทั้งนี้เธอทิ้งท้ายถึงแฟน ๆ ชาวไทยว่า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ฮาเบล ฉันเป็นช่างแต่งหน้าจากอินโดนีเซีย ฉันชอบออกแบบลุกส์แต่งหน้าที่ดูตลกและน่ารัก บางครั้งฉันก็แต่งหน้าแบบจริงจัง-สมจริงด้วย ฮ่า ๆ และขอบคุณที่ชอบการแต่งหน้าของฉันนะคะ”

ทัวร์ลง!! ถล่มยับ ‘แม่ค้าขายปลาหมึก’ ขอซื้อไม้เดียว ไม่ยอมย่างให้ บังคับต้องซื้อ 2 ไม้ขึ้นไป ลูกค้าเผย!! แค่อยากลองชิม เป็นครั้งแรก

(19 ต.ค. 67) สมาชิก TikTok @intylertilleyโพสต์คลิป ขณะไปซื้อปลาหมึกไข่ 1 ไม้ จิ้มน้ำจิ้มเลย แต่แม่ค้ากลับบอกว่าไม้นึงไม่ย่างนะคะ เพราะมันต้องย่างใหม่คะ พี่เขาขายเป็นเจ็ดไม้ เขาไม่ขายหนึ่งไม้ สองไม้สามไม้ก็ได้ แต่ถ้าไม้นึงไม่ย่างเนาะ ด้านเจ้าของคลิปก็บอกเอาสองไม้ก็ได้ ไม้ละ 15 บาท พี่เขาไม่ขายให้หนึ่งไม้ เราก็ซื้อสองไม้ ราคา 30 บาท

โดยระบุข้อความว่า หมึกไข่แท้ไม้ละ 15 บาท เกือบไม่ได้กินแล้ว ต้องซื้อสองไม้ขึ้นไปพี่เขาจะขายให้ อินไม่รู้จริง ๆ ค่ะ อยากลองกินไม่เคยกินหมึกไข่ นี่เป็นครั้งแรก ซื้อเยอะก็กลัวกินไม่หมดเพราะไทเลอร์ไม่กินด้วย หมึกไข่อร่อยค่ะ

ขณะที่ชาวเน็ตแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ แม่ค้าวีนอะไรคะ, แม่ค้าควรพูดว่า สัก2ไม้ มั้ยลูก อร่อยนะ, ไม่แปลกใจทำไมยังเต็มถาดอยู่, ไม้เดียวไม่ขาย มีเหตุผลอะไรทำไมไม่ขาย, เข้าใจทั้งสอง ในมุมแม่ค้า1ไม้ไหนจะค่าถุงค่าน้ำจิ้มค่าถ่าน แทบไม่ได้อะไร ในมุมลูกค้าอยากลองแค่ไม้เดียวพอ แต่เป็นเรา ๆ จะซื้อ2ไม้เกรงใจ5555 เป็นต้น ซึ่งคลิปดังกล่าวมีคนเข้าไปดูแล้วกว่า 7.1 ล้านครั้ง

เปิดประวัติ ‘ไฮโซเคลวิน’ หนุ่มหล่อ อินเลิฟของ ‘บอสมิน’ เป็นแค่เพื่อนมา 12 ปี ก่อนจะข้ามเฟรนด์โซน มาเป็นแฟน

(19 ต.ค. 67) จากกรณีนางเอกดัง ‘มิน พีชญา’ ผู้หญิงหนึ่งเดียว ในกลุ่มดาราคนดัง ที่ถูกจับกุมเป็นผู้ต้องหา คดี ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ล่าสุดในโลกออนไลน์ หลายคนก็พากันพุ่งเป้าไปที่หนุ่มหล่อ ‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’ หวานใจของสาวมิน พร้อมบอกขอให้รักสาวมินและเคียงข้างเธออย่าหนีไปไหน

‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’ คือใคร ทำงานอะไร มีธุรกิจยิ่งใหญ่แค่ไหน กวาดรายได้ต่อปีเท่าไหร่

ประวัติ ‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’
ชื่อเล่น : เค
ชื่อจริง : เคลวิน ตีรวัฒนานนท์
อายุ 34 ปี
พื้นเพเป็นคน เชียงใหม่
จบการศึกษา คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ปัจจุบันทำอาชีพ นักวิทยากร 2 ภาษาในเมืองไทย
เป็นนักธุรกิจ ตำแหน่ง 'Marketing Director (MD)' ของ SCG Home Khonkaen
ไลฟ์สไตล์ ชอบตีกอล์ฟ, ท่องเที่ยว,นักชิม โดยเฉพาะ ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin Star

จุดเริ่มต้นความรักของหนุ่ม เคลวิน และนางเอกสาว มิน พีชญา เริ่มจากการเป็นเพื่อน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันนานกว่า 12 ปี ก่อนที่ฝ่ายชายสามารถก้าวข้ามเฟรนด์โซนมาได้ ซึ่งเส้นทางรักก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ต้องเอาชนะใจนางเอกสาว มิน พีชญา หนักมาก

กระทั่งในที่สุดทั้งคู่ก็เปิดตัวว่าคบหาดูใจกัน ยิ่งเพิ่มดีกรีความหวานให้คู่รักคู่นี้เพิ่มขึ้นไปอีก

เปิดธุรกิจ เค เคลวิน ตีรวัฒนานนท์
ข้อมูลจาก creden data ฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผ่านระบบวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทครบวงจร พบว่า เค เคลวิน ตีรวัฒนานนท์ เป็นกรรมการบริษัท 1 แห่ง รวมทั้งถือหุ้น 1 รายการ มูลค่าหุ้นทั้งหมด 54,459 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

บริษัท มานนา ฮาร์ทเมด จำกัด

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2564
พบรายชื่อนายเคลวิน ตีรวัฒนานนท์ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ถือหุ้นจำนวน 1,000 หุ้น (50.00%) มูลค่าหุ้น 54,459 บาท และมี น.ส.มิน พีชญา เป็นกรรมการร่วมด้วย และถือหุ้นจำนวน 980 หุ้น (49.00%) มูลค่าหุ้น 53,370 บาท
ดำเนินธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น
ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 200,000 บาท
โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2565 รายได้ 11,575 บาท ขาดทุน 74,651 บาท
ปี 2566 รายได้ 2,398 บาท ขาดทุน 16,431 บาท
ปี 2566 สินทรัพย์รวม 141,000 บาท หนี้สินรวม 32,082 บาท

หนุนบทความประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าและขอความร่วมมือเหล่าเซเลป-คนดัง อย่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อ อาจจะเกิดการเลียนแบบจาก 'เด็ก-เยาวชน'

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ได้เขียนกล่าวถึงลิงค์ วีดีโอรายการทีวี ที่ผู้ร่วมออกรายการท่านหนึ่ง สูบบุหรี่ไฟฟ้าระหว่างการเสวนาพร้อมเขียนว่า “มีใครเตือนแกหน่อยดีมั้ยครับ” จึงเห็นว่า บทความนี้ดีมีประโยชน์ต่อสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจึงอยากนำมาเสนอเพื่อเตือนสติและขอความร่วมมือ ผู้มีที่มีอิทธิพลทางสังคมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเซเลป ดาราหรือคนดังในแวดวงต่างๆตลอดจนรายการทางสื่อหลักและสื่อออนไลน์ อยากให้มาช่วยกันจรรโลงสังคม โดยเฉพาะการไม่สูบบุหรีไฟฟ้าออกสื่อฯซึ่งเป็นตัวอย่างไม่ดี เยาวชนและอาจจะทำให้เด็กและเยาวชนเลียนแบบได้ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

“ขอความกรุณา อย่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อเลยนะครับ”

มีสื่อมวลชนอาวุโสท่านหนึ่ง ส่งลิงก์วิดีโอรายการทีวี ที่ผู้ร่วมออกรายการท่านหนึ่ง สูบบุหรี่ไฟฟ้าระหว่างการเสวนา พร้อมเขียนว่า “มีใครเตือนแกหน่อยดีมั้ยครับ”

ที่ผมเขียนนี่ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปเตือนท่านที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อนะครับ เพราะคนที่ทำอาจจะไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสื่อมวลชนอาวุโสที่ส่งลิงก์มาจึงมีความ 'กังวล' ที่เห็นภาพคนที่มีชื่อเสียงสูบบุหรี่ไฟฟ้าขณะออกสื่อ

ขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้ากำลังระบาด เข้าไปในเด็กนักเรียนเล็กลงไปถึงชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ และฝ่ายต่างๆพยายามช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ให้เด็กๆเข้าไปริลองจนเกิดการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า

มีการเรียกร้องให้ผู้ปกครอง ครู คนที่มีชื่อเสียง มีตำแหน่งฐานะในสังคม ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีที่ไม่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ท่านที่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ก็ขอความกรุณาไม่สูบในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในที่ที่มีเด็กๆอยู่ด้วย

ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน ก็มีการรณรงค์ เรียกร้องให้แพทย์ที่ยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ ขออย่าสูบให้คนเห็น “หมอหนึ่งคนที่สูบบุหรี่ มีค่าเท่ากับบิลบอร์ดโฆษณาบุหรี่ขนาดใหญ่” คำกล่าวของเซอร์ จอห์น ครอฟตัน ศาสตราจารย์โรคระบบทางเดินหายใจ สก็อตแลนด์มีหลักฐานว่าบริษัทบุหรี่ จ่ายเงินให้พระเอก นางเอกหนังฮอลลีวู้ด สูบบุหรี่ระหว่างออกงานสังคม ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อ ในหนังที่แสดง ด้วยค่าจ้างคิดเป็นเงิน 105.6 ล้านบาทตามค่าเงินในปีพ.ศ.2542

บริษัทบุหรี่ใช้ศิลปินดาราเป็น 'สื่อบุคคล' ในการโฆษณาส่งเสริมให้คนสูบบุหรี่ นักวิชาการบางคนมีความเห็นว่า โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่เป็น 'โรคติดต่อทางสังคม' (ที่แตกต่างจากโรคติดต่อจากเชื้อโรค) จากการโฆษณาส่งเสริมการขายโดยบริษัทบุหรี่ ผ่านช่องทางและรูปแบบต่าง ๆ และ 'สื่อบุคคล' 

การสูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้าอย่างเปิดเผย จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามมีอิทธิพลสูงมาก ในการนำไปสู่การเกิดนักสูบหน้าใหม่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ที่เด็ก ๆ เริ่มสูบตามแบบอย่างผู้ใหญ่

ต้องขอบคุณคุณกร ทัพพะรังสี ที่คณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข เป็นผู้ริเริ่มผลักดันให้มีการออกกฏกระทรวง ห้ามการแสดงที่มีการใช้ยาสูบ (ฉากสูบบุหรี่) ในวิทยุ-โทรทัศน์ เมื่อพ.ศ.2545

ดังนั้น การสูบบุหรี่ไฟฟ้าให้ปรากฏในสื่อ ขณะออกสื่อสาธารณะ จึงเป็นเรื่องที่กฏหมายห้ามทำ สมควรที่จะหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เป็นการสนับสนุน 'ค่านิยมการสูบบุหรี่ไฟฟ้า' ซึ่งจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในเด็กและเยาวชน ทำให้เกิดนักสูบบุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่ ที่เสพติดไปตลอดชีวิต

โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งยังเป็นสินค้าที่ผิดกฏหมาย ถ้าเป็นในสิงค์โปร์ เขาจะเอาผิดคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 'คุณซื้อมาจากไหน' เพื่อสาวต่อไปจับคนที่ขาย

อย่างที่ผมพูดแล้ว คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในลิงก์ที่ส่งมา อาจจะไม่รู้ถึงผลเสียที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าขณะออกสื่อ และเมื่อรู้แล้ว ก็คงจะไม่ทำอีกนะครับ

ช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้แก่สังคม ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ในที่สาธารณะ รวมทั้งสูบให้เห็นในสื่อ

ดีที่สุดก็คือไม่สูบอะไรเลย ตามธรรมชาติที่ 'เป็นปกติ' ของสิ่งมีชีวิต ที่ปอดมีไว้สำหรับหายใจเท่านั้น ขอย่ำ 'เท่านั้น' อะไรที่ผิดจากนี้ เป็นเรื่อง 'ผิดปกติ-ฝืนธรรมชาติ' ไม่ดีต่อสุขภาพ ครับ

รัฐบาลเตรียมดันโครงการ!! ‘ไทยแลนด์มิวสิคแคมเปญ’ ในปีหน้า ใช้ดนตรีดึงดูดนักท่องเที่ยว เปิดประสบการณ์ ‘เอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ต’

(19 ต.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ‘เสียงจากใจ…ไทยคู่ฟ้า’ สรุปงานรอบสัปดาห์ของรัฐบาล ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย 92.5 เมกกะเฮิร์ต ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมาว่า ในปี 2568 จะถือเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย หลังจากที่ประเทศไทยเจอปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 และอุทกภัยที่เกิดขึ้น จึงได้มีดำริให้มีการดำเนินโครงการที่เรียกว่า ‘ไทยแลนด์มิวสิคแคมเปญ’ เป็นโครงการที่นำดนตรีเข้ามาเป็นจุดดึงดูดให้กับนักท่องเที่ยวและคนไทยได้ไปชมศิลปหัตถกรรมและคอนเสิร์ตสำคัญต่าง ๆ

โดยนายกฯมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เป็นหน่วยงานหลักจัดทำโครงการเอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ต ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 ซึ่งต่างประเทศได้ทำโครงการดังกล่าว มีการจัดคอนเสิร์ตสำคัญ ๆ  ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการจัดคอนเสิร์ตสำคัญจะมีประชาชนให้ความสนใจเข้ามาดู จะมีรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก อีกทั้งจะเป็นการกระตุ้นรายได้และสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย

นายกฯสั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ศึกษาความเป็นไปได้ในการนำศิลปินระดับโลกเข้ามาการแสดงในไทย รวมถึงงานศิลปะต่าง ๆ เอามาโชว์ ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้มีโอกาสเห็นภาพของโมนาลิซ่า ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ของฝรั่งเศส อาจจะมีการนำมาโชว์ในเมืองไทยก็เป็นได้ เหมือนที่เราได้ชมบารมีของพระเขี้ยวแก้วมาแล้ว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์คดี The Icon Group พร้อมกันทั่วประเทศวันนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้เสียหาย และลดความยุ่งยากในการแจ้งความ โดยไม่ต้องเดินทางมายัง บก.ปคบ. 

เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.67)  เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดี The Icon Group โดยมี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,  พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.สงป. , พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. , พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชุมทางไกลกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 

ผบ.ตร.ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 และตำรวจภูธรภาค 1-9 จัดตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดี The Icon Group ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความของผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด โดยไม่ต้องเดินทางมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ) โดยวันนี้เป็นการเปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดี The Icon Group พร้อมกันทั่วประเทศ 

สำหรับศูนย์แจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว มอบหมายให้ ผกก.(สอบสวน) และพนักงานสอบสวนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการ โดยจัดพนักงานสอบสวนอย่างเหมาะสมและเพียงพอ ไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมให้หน่วยต่างๆ รายงานผลการปฏิบัติในแต่ละวันให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ หากพบว่ามีการปฏิเสธการรับแจ้งความ ให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบและรายงานเหตุการณ์ต่อ ผบ.ตร. ทันที พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการอำนวยความสะดวกผ่านช่องทางต่าง ๆ 

นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า เนื่องจากคดี The Icon Group มีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ปคบ. เฉลี่ยวันละ 300 – 500 คน แม้จะมีการจัดพนักงานสอบสวนเพื่อรองรับการปฏิบัติ แต่ยังไม่สอดคล้องกับจำนวนพนักงาน จึงได้สั่งการให้เปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์คดีดังกล่าวทั่วประเทศ โดยจัดทำเป็นโมเดลแนวทางเดียวกันกับรูปแบบที่ บก.ปคบ.ดำเนินการในการบริหารการรับแจ้งความ จากนั้นเป็นการบริหารคดีของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต่อไป และจากนี้ต่อไปแนวทางในการทำงานนี้จะเป็นโมเดลการปฏิบัติ ในการบริหารคดี และบริหารการสื่อสาร หากมีกรณีลักษณะคดีเช่นนี้ในอนาคต โดยในการเปิดศูนย์รับแจ้งความคดีนี้จะทำให้ตำรวจเห็นภาพในการจัดการเรื่องรับแจ้งความ วิเคราะห์ บริหารคดี ให้เกิดความรวดเร็วต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top