Thursday, 22 May 2025
Hard News Team

‘กนอ.’ เร่งสอบเหตุ!! ถังเคมีระเบิดในโรงงานนิคมฯ บ่อทอง จ.ปราจีนบุรี สั่งปิด!! โรงงานบางส่วน พร้อมให้ความช่วยเหลือ ผู้ได้รับผลกระทบ

(26 ต.ค. 67) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รายงานเกิดเหตุถังบรรจุภัณฑ์ระเบิดภายใน บริษัท เซียงนันเฟอรัส เมทัล จำกัด โรงงานสกัดหลอมโลหะในนิคมอุตสาหกรรมบ่อทอง จ.ปราจีนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บหลายคน

จากการตรวจสอบพบว่า สาเหตุเกิดจากคนงานเติมสารเคมีเกินเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีรุนแรง กนอ. ได้สั่งการให้โรงงานหยุดประกอบกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราว พร้อมเร่งตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียด พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า  กนอ. มีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันจะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ขึ้นอีก ทั้งนี้ กนอ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

กนอ.ได้ดำเนินการตรวจสอบ ใบอนุญาต ในการเปิดกิจการ โดยพบว่าบริษัทดังกล่าวได้ยื่นขอประกอบกิจการเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 และเริ่มประกอบกิจการเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ใบอนุญาตเลขที่ 2-61-0-301-00065-2567 

ทั้งนี้ กนอ.จะดำเนินการตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุโดยละเอียด ตรวจสอบความเสียหาย และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อกำกับดูแลโรงงานปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

‘อิหร่าน’ ประกาศความสำเร็จ ในการสกัดกั้น ‘ขีปนาวุธ’ เผย!! สามารถต้านทานการโจมตี ของ ‘อิสราเอล’ ได้สำเร็จ

(26 ต.ค. 67) กองบัญชาการกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศแห่งชาติของอิหร่านได้ประกาศความสำเร็จของระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการของประเทศในการสกัดกั้นการโจมตีฐานทัพในจังหวัดเตหะราน คูเซสถาน และอีลัม ในช่วงเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2024 

การโจมตีดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายในวงจํากัดในบางพื้นที่ และขอบเขตความเสียหายจากเหตุโจมตีทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจสอบ คําแถลงระบุเสริม แต่ก็ยอมรับว่า ‘ได้รับความเสียหายในวงจำกัด’ ในบางพื้นที่ โดยยืนยันว่า กองบัญชาการกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศแห่งชาติสามารถต้านทานการโจมตีของอิสราเอลครั้งนี้ได้สำเร็จ 

แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลเปิดเผยเมื่อเช้าวันเสาร์ว่า ได้โจมตีฐานทัพของอิหร่าน แม้จะมีการบันทึกภาพการสกัดกั้นขีปนาวุธที่ไม่ทราบชนิดบนท้องฟ้าของอิหร่านไว้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ถึงความเสียหายหรือการสูญเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายภาคพื้นดินของอิหร่านแต่อย่างใด

ส่วนอิสราเอลได้แถลงการณ์ผ่านวิดีโอซึ่งเผยแพร่เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ โดย Daniel Hagari โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า รัฐบาล ‘กำลังดำเนินการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านอย่างแม่นยำ’ เขาปฏิเสธที่จะระบุเป้าหมายหรืออาวุธที่ใช้ แต่กล่าวว่า "อิสราเอลมีความสามารถในการป้องกันและโจมตีอย่างเต็มที่"

สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านมีกำลังรบหลัก 2 ส่วนได้แก่ (1) กองทัพแห่งชาติ มี 4 เหล่าทัพได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศแห่งชาติ มีกำลังพลรวม 420,000 นาย และ (2) กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม มีกำลังพล 125,000 นาย กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศแห่งชาติถือเป็นเหล่าทัพหนึ่งของกองทัพแห่งชาติ มีกำลังพล 15,000 นาย มีหน้าที่รับผิดชอบภารกิจในการป้องกันภัยทางอากาศขแงประเทศโดยเฉพาะ 

‘สหรัฐฯ’ ชี้ ‘อิสราเอล’ โจมตี ‘อิหร่าน’ เป็นการป้องกันตนเอง หลังถูกรัฐบาลเตหะราน โจมตีด้วยขีปนาวุธ เมื่อหลายวันก่อน

(26 ต.ค. 67) นายฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวแถลงเมื่อกลางดึกวันศุกร์ (25 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐคนหนึ่งกล่าวว่า สหรัฐ ‘ได้รับแจ้งล่วงหน้าแล้ว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง’ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่า อิสราเอลแจ้งล่วงหน้ากี่วันหรือบอกข้อมูลใดให้ทราบบ้าง

ต่อมาทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ได้รับข้อมูลสรุปเรื่องการโจมตีแล้ว ทีมความมั่นคงแห่งชาติจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบเรื่อย ๆ

'พีระพันธุ์' เปิดงาน 'เทศกาล แสง สี สิงห์' ประจำปี 2567 จังหวัดสิงห์บุรี บรรยากาศย้อนยุค ชมหนังกลางแปลง การแสดงหนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาล 'แสง สี สิงห์' ประจำปี 2567  

จัดขึ้นโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดสิงห์บุรี, สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี และเอกชน ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรีหลังเดิม ร.ศ.130 

โดยมี นายสุเมธ ธีรนิติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวต้อนรับ-นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวความร่วมมือ-นายวัชรินทร์ เรืองฤทธิ์กูล นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี ประธานคณะอำนวยการจัดงาน กล่าวรายงาน วัตถุประสงค์การจัดงาน 

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเมืองรองของจังหวัดสิงห์บุรี ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณศาลากลางหลัง เดิม ร.ศ.130   

ภายในงานประกอบด้วย งานแสดงสินค้าจากชุมชน, คอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้อง, ย้อนบรรยากาศยุคเก่าชมภาพยนตร์กลางแปลง, การแสดงหนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์, ชมดนตรีรีไซเคิลจากน้อง ๆโรงเรียนสิงห์บุรี, การแสดงดนตรีจากน้องๆเยาวชน ตลอดการจัดกิจกรรม มีการประดับประดาไฟสีสันสวยงาม 

มีมารยาทหน่อย คุณบริงเคน!! ‘อลงกรณ์’ ฟาดใส่!! ประเทศไทย ไม่ใช่ลูกไล่ของ ‘อเมริกา’ ชี้!! ไร้มารยาท ไม่ให้เกียรติ ประเทศไทย

(26 ต.ค. 67) นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรี และ สส.หลายสมัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อลงกรณ์ พลบุตร ระบุว่า...

มีมารยาทหน่อย คุณบริงเคน !!!

ประเทศไทย ไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา!!!

ติดตามข่าวที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี ไปประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ ‘BRICS and the Global South: Building a Better World Together’ ณ เมืองคาซานของรัสเซียที่เป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 24 ต.ค.2567

ในการประชุมบริกส์ (BRICS) ยังมีข่าวการให้ สัมภาษณ์ของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เปิดเผยว่า ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9-11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย

สะดุดใจขัดใจตรงข่าวนายบริงเคน!!!

ในฐานะที่ผมเคยเป็นรัฐมนตรีที่กำกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเคยร่วมประชุมพหุภาคีในเวทีเอเปค(APEC)และอาเซียน(ASEAN)และการเจรจาทวิภาคีกับหลายประเทศหลายครั้งรวมทั้งการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐ(USTR)ที่กรุงวอชิงตันดีซี พอเข้าใจมารยาททางการทูตและธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศจึงรู้สึกขัดใจต่อท่าทีนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่ตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรีของไทยเกี่ยวกับการสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย

ผมคิดว่าเป็นคำถามที่ไม่ควรถามถือเป็นการผิดมารยาทไม่ให้เกียรติประเทศไทย

นายบริงเคน รู้อยู่แล้วถึงเหตุผลที่ประเทศไทยสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์เพราะกระทรวงการต่างประเทศของไทยเคยออกข่าวชี้แจงมาแล้วหลายครั้งตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาแต่ทำไมยังมาตั้งคำถามในระหว่างการหารือทวิภาคีอีกและเป็นคำถามแบบมีนัยยะที่ไม่สมควร

(หากผมเป็นคู่เจรจาคงได้สวนกลับทันทีแบบผู้ดีให้จำไปจนวันตาย ผู้แทนอียูเคยเจอมาแล้ว)

การตัดสินใจของประเทศไทยเรื่องบริกส์เป็นเอกสิทธิ์ของเรา ประเทศใดจะพอใจหรือไม่พอใจก็สุดแล้วแต่ แต่จะมาแสดงออกถึงความไม่พอใจด้วยการตั้งคำถามแฝงความกดดันแบบนี้ถือว่าผิดธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต ไม่ให้เกียรติกัน

ประเทศไทยกับสหรัฐเป็นมิตรกันมากว่า100ปีต้องเคารพและให้เกียรติกันและกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม

เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเอกราชและเกียรติภูมิ ไม่ใช่เมืองขึ้นหรือลูกไล่ของอเมริกา

หวังว่านายบริงเคนหรือรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐคนต่อไปอย่าผิดมารยาทแบบนี้กับประเทศไทยอีกโดยเด็ดขาด

‘เสียวหมี่’ ผลิต ‘ชิป 3 นาโนเมตร’ ตัวแรกของจีนได้สำเร็จ พร้อมเดินหน้า!! ผลิตแบบแมสโปรดักชั่นได้ ภายในปี 2025

(26 ต.ค. 67) เสียวหมี่ อิงค์ (Xiaomi Inc) ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรายยักษ์รายหนึ่งของจีนซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปักกิ่ง กำลังกลายเป็นข่าวเกรียวกราวว่า ได้ ‘taped out’ โปรเซสเซอร์ประเภท ซิสเตม-ออน-ชิป (system-on-chip หรือ SoC) ขนาด 3 นาโนเมตรของตนสำเร็จแล้ว และมีกำหนดจะผลิตกันแบบขนานใหญ่ หรือที่เรียกว่า แมส โปรดักชั่น (mass production) ในครึ่งแรกของปีหน้า

ในวงการอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ tapeout ซึ่งเป็นคำที่เหลือตกค้างมาจากยุคที่ข้อมูลยังต้องบันทึกกันด้วยเทปแม่เหล็กเป็นม้วนๆ หมายถึงช่วงเวลาในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เฝ้ารอคอยกัน เมื่อข้อมูลดีไซน์ในขั้นสุดท้ายถูกบรรจุลงในแผ่นชิปและถูกจัดส่งไปเข้ากระบวนการผลิตออกมาของโรงงาน (fabrication)

ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความสำเร็จของชิปขนาด 3 นาโนเมตรของค่ายเสียวหมี่คราวนี้ ได้รับการเปิดเผย  ในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา โดย ถัง เจี้ยนกั๋ว (Tang Jianguo) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสำนักเศรษฐกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ เทศบาลมหานครปักกิ่ง (Beijing Municipal Bureau of Economy and Information Technology) ทางสื่อ ปักกิ่ง ทีวีดาวเทียม (Beijing Satellite TV)

พวกสื่อจีนบอกว่า ถ้าข่าวนี้ได้รับการพิสูจน์ยืนยันว่าถูกต้องแล้ว ความสำเร็จในการดีไซน์ชิปของ เสียวหมี่ ครั้งนี้ ก็จะกลายเป็นหลักหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์หลักหมายหนึ่งสำหรับประเทศจีนทีเดียว เนื่องจากมันจะกลายเป็นชิปขนาด 3 นาโมเมตรชิ้นแรกซึ่งดีไซน์ขึ้นมาได้สำเร็จโดยฝีมือกิจการแห่งหนึ่งของจีน

เวลานี้ยังไม่มีข้อมูลข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับชิปเซตขนาด 3 นาโนเมตรตัวนี้ ไม่ว่าในเรื่อง คลัสเตอร์หน่วยประมวลผลกลาง (central processing unit หรือ CPU cluster), หน่วยประมวลผลกราฟิก (graphic processing unit หรือ GPU) หรือว่าโครงสร้างเชิงสถาปัตยกรรมของมัน

คอลัมนิสต์ทางเทคโนโลยีรายหนึ่งที่กำลังใช้นามปากกาว่า ‘ลุงเปี่ยว’ (Uncle Biao) กล่าว ในข้อเขียนชิ้นหนึ่งซึ่งนำออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (21 ต.ค.) ว่า มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากที่ ชิป 3 นาโนเมตรตัวใหม่ตัวนี้ ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดย เสียวหมี่ และ บริษัทมีเดียเทค (MediaTek) ของไต้หวัน และจะได้รับการผลิตในระดับโรงงาน โดยบริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง คอมพานี (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co หรือ TSMC)

เว็บไซต์ Wccftech.com ที่เป็นเว็บพวกอุปกรณ์เสริมด้านไอทีซึ่งตั้งฐานอยู่ในสหรัฐฯ บอก  ว่า มีความเป็นไปได้ที่ เสียวหมี่ อาจจะโดนสหรัฐฯแซงก์ชั่นคว่ำบาตร สืบเนื่องจากความสำเร็จในการผ่าทางตันจนดีไซน์ชิประดับ 3 นาโนเมตรออกมาได้เช่นนี้

ข้อเขียนชิ้นนี้กล่าวว่า หาก เสียวหมี่ ทำสำเร็จในการไปจนถึงขั้นตอน Tapeout ชิปเซ็ต 3 นาโนเมตรของตนแล้ว มันย่อมหมายความว่าพวกกิจการอื่นๆ ของจีน ซึ่งรวมทั้ง หัวเว่ย เทคโนโลยี ที่เวลานี้ถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำแซงก์ชั่นอยู่แล้ว ก็สามารถใช้โปรเซสเซอร์ตัวนี้ในอุปกรณ์ของพวกเขาได้เช่นกัน

Wccftech.com เคยรายงานเอาไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมว่า เสียวหมี่ อาจจะเปิดตัวโปรเซสเตอร์ ซิสเตม-ออน-ชิป ของตนได้ภายในครึ่งแรกของปี 2025 โดยชิปตัวนี้จะถูกนำไปผลิตเป็นจำนวนมากๆ ผ่านกระบวนการ N4P ของ TSMC ซึ่งสามารถปรับปรุงยกระดับทั้งเรื่องการทำงานของชิป, การเพิ่มประสิทธิผลในการใช้พลังงานไฟฟ้า, ตลอดจนความหนาแน่นของการจัดเรียงตัวทรานซิสเตอร์บนชิป

มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ

ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2022 เป็นต้นมา สำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคง (Bureau of Industry and Security หรือ BIS) ซึ่งสังกัดอยู่กับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งแบนไม่ให้บรรดากิจการทั้งหลายของจีนสามารถเข้าถึงพวกซอฟต์แวร์ดีไซน์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือช่วย (electronic computer-aided design หรือECAD) ของอเมริกา ซึ่งทางฝ่ายทหารและอุตสาหกรรมด้านกลาโหมและด้านการบินและอวกาศของสหรัฐฯ มีการนำไปใช้กันอยู่ในแอปพลิเคชันต่างๆ หลายหลาก เพื่อการดีไซน์แผงวงจรรวมชนิดที่มีความสลับซับซ้อน

พวกนักวิเคราะห์ชาวจีนเคยพูดเอาไว้  ในเวลานั้นว่า มาตรการใหม่ของสหรัฐฯเพื่อควบคุมซอฟต์แวร์ดีไซน์ทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างอัตโนมัติ (electronic design automation หรือ EDA) เช่นนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อจีนอย่างฉับพลันทันที เนื่องจากจีนยังไม่ได้มีการดีไซน์ชิประดับ 3 นาโนเมตร

ต่อมา เกรกอรี แอลเลน (Gregory Allen) ผู้อำนวยการของศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ วัธวานี (Wadhwani AI Center) ที่สังกัดอยู่กับ ศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษา (Center for Strategic and International Studies หรือ CSIS) องค์การคลังสมองชื่อดังซึ่งตั้งฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ได้ระบุ  เอาไว้ในรายงานฉบับหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2022 ว่า การที่อเมริกามีฐานะครอบงำเหนือตลาดซอฟต์แวร์ EDA คือ การทำให้สหรัฐฯสามารถควบคุมเหนือ 1 ใน 4 จุดสำคัญยิ่งยวดที่กำลังถูกใช้เพื่อบีบเค้นรัดคออุตสาหกรรมดีไซน์ชิปของจีน

ทั้งนี้ จุดสำคัญยิ่งยวดจุดอื่นๆ ยังได้แก่ การที่สหรัฐฯแบนการส่งออกชิปเอไอระดับไฮเอนด์, แบนการส่งเครื่องจักรอุปกรณ์ทำชิป, และแบนการส่งส่วนประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปยังจีน

เมนเทอร์ กราฟฟิกส์ (Mentor Graphics), เคเดนซ์ ดีไซน์ ซิสเตมส์ (Cadence Design Systems), และ ซีนอฟซิส (Synopsys) คือ 3 บริษัทชั้นนำในตลาด EDA เซมิคอนดักเตอร์เวลานี้ ทั้ง 3 แห่งต่างตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ และมีลูกจ้างพนักงานจำนวนมากในสหรัฐฯ ถึงแม้ เมนเทอร์ มีฐานะเป็นบริษัทย่อยแห่งหนึ่งของเครือซีเมนส์ (Siemens) ของเยอรมนี

การเดินทางเป็นเวลา 10 ปี

ไม่มีความชัดเจนว่า เสียวหมี่ สามารถเข้าไปซอฟต์แวร์ EDA อเมริกันได้อย่างไร แต่พวกคอมเมนเตเตอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เทคโนโลยีการดีไซน์ชิปของบริษัทนี้ หลักๆ แล้วมาจาก มีเดียเทค นั่นเอง

ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014 ไพน์คอร์ (Pinecore) กิจการผลิตชิปที่มิได้มีโรงงานทำชิปเป็นของตัวเอง (fabless chipmaker) ซึ่งมีรายงนว่า เสียวหมี่ เข้าไปถือหุ้นอยู่ 51% และ ลีดคอร์ เทคโนโลยี (Leadcore Technology) ถือหุ้น 49% ออกมาแถลง [6] ว่าบริษัทตัดสินใจแล้วที่จะเข้าซื้อหาครอบครองแพกเกจการทำชิป (chip-making package) ซึ่งเรียกกันว่า SDR1860 จากทาง ลีดคอร์ ในราคา 103 ล้านหยวน (ประมาณ 14.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ลีดคอร์นั้น เป็นกิจการร่วมทุนที่ก่อตั้งขึ้นโดย ต้าถัง เทเลคอม เทคโนโลยี (Datang Telecom Technology) ของจีน กับ มีเดียเทค

ในปี 2017 เสียวหมี่ เปิดตัวชิปสมาร์ตโฟนตัวแรกของบริษัทที่เรียกกันว่า S1 ซึ่งเป็น ซิสเตม-ออน-ชิป แบบ 8 แกน (octa-core SoC) ชิปตัวนี้ผลิตขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยี 28nm high-performance compact plus (28HPC+) ของ TSMC ซึ่งมีคุณสมบัติที่ถือเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องการทำงานได้อย่างดีมากและกินพลังงานไฟฟ้าต่ำ อย่างไรก็ดี เวลาต่อมากลับค้นพบกันว่า ชิป S1 มีปัญหาร้ายแรงในเรื่องการทำให้เกิดความร้อนออกมามากเกินไป

ในปี 2020 เสียวหมี่ พยายามเปิดตัวชิปเซตอีกตัวหนึ่งที่เรียกกันว่า S2 แต่แล้วชิปตัวนี้ก็ล้มเหลวไม่สามารถบรรลุกระบวนการ tape-out อย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และไม่สามารถนำมาใช้งานได้

เหลย จิว์น (Lei Jun) ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของเสียวหมี่ ครั้งหนึ่งเคยพูดว่า การดีไซน์ชิป เป็นเกมที่มีความเสี่ยงสูงมากว่าหลังจากทุ่มเทเงินลงทุนก้อนมหึมาเข้าไปแล้วมันก็อาจจบลงโดยไม่ให้ดอกผลอะไรเลย

คอลัมนิสต์ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่มณฑลอิ๋ว์นหนาน (ยูนนาน) รายหนึ่ง กล่าว  ในข้อเขียนที่เผยแพร่ในเดือนสิงหาคมปีนี้ว่า มันเป็นเรื่องสำคัญระดับเป็นตายสำหรับ เสียวหมี่ ที่จะต้องพัฒนาชิปของตัวเองขึ้นมา ในเมื่อโปรเซสเซอร์ สแนปดรากอน (Snapdragon) ของบริษัทควอลคอมม์ (Qualcomm) แห่งสหรัฐฯ กำลังมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ เขาบอกว่าการเปิดตัวชิป SoC รุ่นใหม่ออกมาให้ได้ในปีหน้า คือความเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวของ เสียวหมี่ ในความพยายามที่จะบรรลุถึงการพึ่งตนเองให้ได้

สำหรับ มีเดียเทค ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทรักษาฐานะของตนเอง  ที่เป็นผู้ผลิตโปรเซสเซอร์สมาร์ตโฟนระดับท็อปเอาไว้ได้ ด้วยส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกที่ 39% โดยที่ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทจัดส่งชิปออกไปได้ 114 ล้านยูนิต สูงขึ้น 17% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ตามข้อมูลของ คานาลิส (Canalys) บริษัทวิเคราะห์ตลาดเทคโนโลยีระดับโลก

เสียวหมี่, ซัมซุง, และ ออปโป คือลูกค้าที่เป็นผู้สร้างรายรับสูงที่สุดให้แก่ มีเดียเทค ใน 3 อันดับแรก โดยเป็นผู้ที่ มีเดียเทค จัดส่งโปรเซสเซอร์สมาร์ตโฟนไปให้ในปริมาณ 23%, 20%, และ 17% ตามลำดับ

เพื่อเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ควอลคอมม์นั้นจัดส่งโปรเซสเซอร์สมาร์ตโฟนในช่วงไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มมากขึ้น 11% จนมีปริมาณอยู่ที่ 75 ล้านหน่วย โดยที่ 46% ของการขนส่งคือการส่งไปยัง ซัมซุง และ เสียวหมี่

ผงาดในเวทีโลก!! ‘ไทย’ เดินหน้า!! เข้าร่วมพันธมิตร ‘BRICS’ ‘ทูตจีน’ ยินดีต้อนรับไทย ร่วมครอบครัว

(26 ต.ค. 67) ‘ไทย' กำลังมีจังหวะก้าวที่สำคัญบนเวทีโลกหลังจากแสดงความจำนงเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศที่จะเพิ่มบทบาทของไทยบนเวทีโลก 2 กลุ่ม ประกอบด้วย

1.กลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างหนังสือแสดงความประสงค์ของประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่ม บริกส์ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2567

2.องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดย ครม.เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงของไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2566

สำหรับกลุ่มบริกส์ (BRICS) มีนโยบายขยายความร่วมมือกับประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก โดยเชิญประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกเข้าร่วมกลไกของการประชุมสุดยอดกลุ่มบริกส์ ครั้งที่ 16 เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย วันที่ 22-24 ต.ค.2567 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาไทยเร่งเดินหน้าเข้าร่วมกระบวนการเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ เพื่อยกระดับบทบาทของไทยในฐานะผู้มีบทบาทนำในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และเพิ่มการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

สำหรับกลุ่มบริกส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 เป็นการรวมตัวของประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ โดยมีสมาชิกเริ่มแรก คือ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ภายใต้ชื่อกลุ่ม BRIC ต่อมาแอฟริกาใต้เป็นสมาชิกในปี 2553 และเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่ม BRICS 

หลังจากนั้นวันที่ 1 ม.ค.2567 มีสมาชิกเพิ่ม 5 ประเทศ รวมเป็น 10 ประเทศ คือ เอธิโอเปีย อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมมีประชากรทั้งหมด 39% ของโลก และมี GDP รวม 28.4% ของโลก

กระทรวงการต่างประเทศ สรุปข้อมูลกลุ่มบริกส์เสนอ ครม.เมื่อเดือนพ.ค.2567 เพื่อขอความเห็นชอบการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ ว่า กลุ่มบริกส์มีท่าทีคานอำนาจกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยให้ความสำคัญ 3 ประเด็น คือ 

1.การปฏิรูปโครงสร้างการจัดการเศรษฐกิจโลกเพื่อให้กลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีบทบาทมากขึ้น 

2.การส่งเสริมใช้เงินสกุลท้องถิ่นทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งสกุลเงินดอลลาร์ 

3.การสร้างกลไกระหว่างประเทศทางเลือกทั้งด้านการเงิน การให้ความช่วยเหลือ และการระดมทุนเพื่อการพัฒนา

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศรายงาน ครม.ว่าด้านการเมือง และความมั่นคงระหว่างประเทศ กลุ่มบริกส์ มักมีท่าทีไม่สอดคล้องกับท่าทีของกลุ่มประเทศตะวันตก โดยเฉพาะวิกฤติซีเรีย ปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน และสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน

สำหรับขั้นตอนการยื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิกเริ่มจากการที่ไทยยื่นหนังสือแสดงความประสงค์อย่างเป็นทางการต่อประธานกลุ่มบริกส์ ในระดับผู้นำหรือรัฐมนตรีต่างประเทศ จะทำให้ไทยมีสถานะประเทศที่แสดงความสนใจ และท้ายที่สุดผู้นำประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ จะให้ความเห็นชอบโดยฉันทามติจึงจะมีสถานะเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ (Full Member)

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนของนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนเมืองคาซาน ของรัสเซีย ที่เป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำกลุ่มบริกส์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (BRICS Plus Summit) ครั้งที่ 4 วันที่ 24 ต.ค.2567 ในหัวข้อ ‘BRICS and the Global South: Building a Better World Together’

สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาค และระดับโลก รวมถึงหารือการส่งเสริมระบบพหุภาคีเพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการประชุมผู้นำบริกส์ เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2567

ทั้งนี้ ไทยได้รับเชิญร่วมประชุม BRICS Plus ตั้งแต่ปี 2560 โดยการประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสให้ฝ่ายไทยเน้นความมุ่งมั่นการยกระดับปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มบริกส์ หลังจากไทยยื่นหนังสือแสดงความประสงค์เข้าเป็นสมาชิกเมื่อเดือนมิ.ย. 2567

นอกจากนี้ ข้อมูล BRICS News บัญชี@BRICSinfo บนแพลตฟอร์ม X รายงานว่า กลุ่มบริกส์ ได้เพิ่ม 13 ประเทศเป็นพันธมิตรที่ยังไม่ใช่สมาชิกเต็มตัว ประกอบด้วย แอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา อินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย ไนจีเรีย ไทย ตุรกี ยูกันดา อุซเบกิสถาน และเวียดนาม

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 9 - 11 ต.ค.2567 ที่ประเทศลาว ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายแอนโทนี เจ.บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ โดยสหรัฐได้สอบถามการสมัครเข้ากระบวนการเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ของไทย

ทั้งนี้ ไทยได้ชี้แจงสหรัฐถึงเหตุผลที่ต้องการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ได้มีเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์แต่เป็นเหตุผลทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่หลายประเทศที่มีประชากรมาก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 2% แต่การขยายตลาดจะสนับสนุนเป้าหมายเศรษฐกิจขยายตัวได้ และสหรัฐได้รับฟัง และเข้าใจเหตุผลดังกล่าว

นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ปาฐกถาพิเศษ 'เศรษฐกิจจีนในมุมมองใหม่' จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 

ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีไทยเป็นหนึ่งใน 13 ประเทศที่ได้รับสถานะหุ้นส่วนของกลุ่มบริกส์ ว่า บริกส์เป็นกลไกรวบรวมประเทศกำลังพัฒนาและประเทศตลาดเกิดใหม่ หรือที่เรียกว่ากลุ่มประเทศใต้ Global South จึงได้รับความสนใจมากขึ้น

ช่วงนี้สถานการณ์โลกซับซ้อนมากมีปัญหาหลายด้าน เช่น ปัญหาด้านความมั่นคง และปัญหาการพัฒนาประเทศต่าง ๆ จึงเชื่อว่ากลไกบริกส์ทำให้โลกน่าเชื่อถือขึ้น

สำหรับการประชุมผู้นำบริกส์ปี 2566 รับสมาชิกใหม่ 5 ประเทศ ในการประชุมปี 2567 มีมากกว่า 30 ประเทศต้องการเป็นสมาชิกบริกส์ ซึ่งการประชุมสุดยอดบริกส์วันที่ 23 ต.ค.2567 ได้เปิดประตูต้อนรับสมาชิกใหม่ โดยมีมติว่าประเทศที่สมัครควรมาเป็นประเทศหุ้นส่วนเสียก่อน ซึ่งทราบว่าไทยได้เข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนบริกส์ในชุดแรกในรอบนี้จึงขอแสดงความยินดี

“ประเทศจีนขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และอยากจะขอเชิญไทยเข้าร่วมครอบครัวบริกส์” เอกอัครราชทูตจีน กล่าว

สงขลา-วันแรกหมดอายุความคดีตากใบ 4 วันอันตรายชายแดนใต้ หวั่นมีเหตุการณ์รุนแรง นายกฯขอโทษ ไม่ทำให้เหตุการณ์ลดลง แม่ทัพภาค 4 สั่งคุมเข้ม ห้ามกำลังทหารลากิจ-ลาป่วย

จากกรณีที่อายุความผู้ต้องหาคดีตากใบ 14 คน จะหมดอายุความเวลา 24.00 น.ในวันที่ 25 ต.ค.67 ไม่สามารถนำผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับทั้ง 14 คนเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมได้

(26 ต.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่าสถานการณ์วันสุดท้ายคดีตากใบหมดอายุความ ถึงแม้เมื่อคืนได้ผ่านเหตุร้ายไปได้  เพราะมีกำลังเจ้าหน้าที่อยู่ทุกเต็มพื้นที่ จึงไม่มีกองกำลังติดอาวุธก่อเหตุร้ายเคลื่อนไหวก่อเหตุได้

นายไชยยงค์ กล่าวว่า มีแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งเตือนในช่วงวันที่ 24-28 ต.ค. กองกำลังติดอาวุธจะก่อเหตุใน อ.เมืองนราธิวาส เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ตำบลรอบนอกอาทิ ต.ลำภู กะลุวอ กะลุวอเหนือ บางปอและ ต.มะนังตายอ และจุดตรวจและฐานปฏิบัติการณ์

นายไชยยงค์ ยังกล่าวอีกว่า มีข่าวจากแหล่งข่าวมีการขนระเบิด 2 ลูกเข้าทาง อ.ตากใบ มาพักคอยใน อ.เมืองนราธิวาส ประกอบระเบิดในรถยนต์หรือรถ จยย. ก่อเหตุคาร์บอมม์ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มีมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้น พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาค 4 สั่งการให้กำลังทหารห้ามลาป่วย ลากิจเด็ดขาด รักษาความสงบเรียบร้อยในชายแดนใต้

นายไชยยงค์ ยังกล่าวต่ออีกว่า บีอาร์เอ็นใช้ยุทธการเดิมคือยุทธการควบคู่กันไป  คือฉวยโอกาสการก่อการร้าย และประสานปีกทางการเมืองของขบวนการในพื้นที่จัดกิจกรรม เคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการ บีอาร์เอ็น ที่ต้องการปลุกระดมมวลชนต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐและแสดงเชิงสัญลักษณ์ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น มีการจัดกิจกรรม เช่น เสวนาระลึกวีรชนตากใบ ฉากหนังสั้นตากใบ ตากใบลมหายใจที่ลอยนวล

“ต้องการสื่อให้สังคมโลกโดยเฉพาะสังคมมุสลิมรับทราบว่า คนมุสลิมในประเทศไทยได้รับความอยุติธรรม”

นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีออกมาขอโทษและแสดงความเสียใจมีการวิพากวิจารย์กันว่าไม่ทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงลดลง แต่เขาต้องการความยุติธรรม ต้องการรัฐบาลเพื่อไทยนำผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับทั้ง 14 คน ขึ้นศาลเพื่อให้ศาลไต่สวน ให้คดีจบด้วยขบวนการของศาล ไม่ทำให้เหตุการณ์ร้ายลดลง เพราะประเด็นเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีและมาเกิดในสมัยนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกของคุณทักษิณ สังคมบอกว่าทั้งพ่อทั้งลูกไม่ได้อำนวยความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสีย

นายไชยยงค์ กล่าวอีกว่า มีข่าวจากหน่วยความมั่นคงว่าก่อเหตุร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนไม่ได้ ก็จะถือโอกาสนำระเบิดมาก่อเหตุใน จ.สงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจได้แก่ อ.หาดใหญ่ เมือง และ อ.สะเดา หากป้องกันเมืองไม่ได้จะทำให้เศรษฐกิจทรุดลงอีก และ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลา ได้แก่ อ.นาทวี เทพา จะนะ และ อ.สะบ้าย้อย ขณะนี้ทราบว่าได้มีการยกระดับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังขั้นสูงสุดแล้ว

นราธิวาส-แม่ทัพลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ กำชับเจ้าหน้าที่ ตื่นตัว รู้ทัน ป่วนสร้างสถานการณ์ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนพื้นที่ตากใบ - สุไหงโก-ลก ยาวไปจนถึงสงขลา

เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 25 ตุลาคม 2567 พลโท ไพศาล  หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามด่านตรวจ จุดตรวจ และเจ้าหน้าที่ป้องกันชายแดน ในพื้นที่อำเภอตากใบ และอำเภอสุไหงโก-ลก ของจังหวัดนราธิวาส ทั้งแนวชายแดน เขตรอยต่อทางบกและทางน้ำ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ และสร้างความเชื่อมั่นในความมั่นคงปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน หลังมีกระแสและข่าวลือถึงความพยายามเข้ามาก่อเหตุก่อกวน สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสับสนระแวง ไม่สบายใจถึงความปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกส่วนทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนฝ่ายกำลังพลเรือนก็ได้ปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อควบคุมดูแลพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ตามนโยบายของ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 

โดยแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะ ได้เดินทางไปยังจุดตรวจยูงทอง ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจและพลเรือน จุดตรวจสถานีตำรวจภูธรตากใบ และกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 4 กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยได้ตรวจตราความเรียบร้อยระบบการทำงานของ CCTV ระบบป้องกันภัย ไฟส่องสว่างทั่วบริเวณ ตลอดจนแนวชายแดน ไทย - มาเลเซีย และล่องเรือสำรวจทางน้ำตลอดเส้นทางลำน้ำโก-ลก ก่อนแม่ทัพภาพที่ 4 และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา 40

แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับต่อเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ให้ตรึงเข้มมาตรการในการดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด รู้ทันเหตุและตื่นตัวในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ  เพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ไม่หวังดี ที่อาจจะเข้ามาก่อกวนสร้างความสับสนวุ่นวายในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะด่านตรวจ จุดตรวจ เฝ้าสังเกตุสิ่งผิดปกติ ยานพาหนะ บุคคต้องสงสัย โดยจะต้องบูรณาการร่วมของเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้มีอิสระในการก่อเหตุ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งได้สร้างความความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนประชาชน จึงต้องเพิ่มความรอบคอบมากยิ่งขึ้น และในช่วงของคืนวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่คดีตากใบจะหมดอายุความ อาจมีการปลุกปั่นสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชน หวังทำลายความสงบสุขในพื้นที่

‘รองนายกฯประเสริฐ’ ชี้ AI เครื่องมือสำคัญขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเติบโต ปลุกทุกฝ่ายร่วมกันยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ 

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในพิธีเปิดและปาฐกถาพิเศษ 'แนวรบประเทศไทยยุค AI 'New Business to New Economy' วิสัยทัศน์จากผู้นำองค์กรชั้นนำ' ในงานสัมมนาเชิงกลยุทธ์ Battle Strategy 'เศรษฐกิจยุค AI โอกาสของไทยและความเสี่ยง The AI Economy: Opportunity and Threat for Thailand' ซึ่งจัดโดยบริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน)  หรือ เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) และพันธมิตรชั้นนำว่า  งานสัมมนานี้เป็นเวทีสำคัญยิ่งในการระดมสมองจากผู้นำหลากหลายภาคส่วน เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางและวางรากฐานอันมั่นคงให้กับประเทศไทย  ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งยวดต่อเศรษฐกิจและสังคมโลก  โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่  เทคโนโลยี AI ได้เข้ามา Disrupt  ทุกอุตสาหกรรม  ธุรกิจ  และวิถีชีวิตของผู้คน  การปรับตัวให้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง

"AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 3 ภาคส่วนหลัก  ได้แก่ ภาคการผลิต การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในภาคการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต  ลดต้นทุน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ภาคการดูแลสุขภาพ ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งนำมาซึ่งความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพ AI จะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับระบบการดูแลสุขภาพของประเทศ  ด้วยเทคโนโลยีการวินิจฉัยโรคด้วย AI การแพทย์ทางไกล และการรักษาแบบเฉพาะบุคคล  ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ แม่นยำ และรวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา และภาคการเกษตร  ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม  มีประชากรจำนวนมากประกอบอาชีพเกษตรกร  AI จะเข้ามาช่วยพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศ  เพิ่มผลผลิต  และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร  ด้วยเทคโนโลยีการเกษตรแม่นยำ  การตรวจสอบพืชผลด้วย AI  และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน" นายประเสริฐ กล่าว 

ด้านนายชาญชัย สงวนวงศ์ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ระบุว่า การจัดเวทีสัมมนานี้ ถือเป็นการจัดขึ้นเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ มุมมองด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในปีนี้ประเทศไทยและทั่วโลกเผชิญกับความท้าทาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของโลกอย่างรวดเร็ว และกำลังกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม การเงินการลงทุน การแพทย์สาธารณสุข หรือแม้กระทั่งการดำเนินชีวิตประจำวัน AI ได้เริ่มเข้ามามีบทบาท และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ยกระดับความสะดวกสบาย และสร้างสรรค์นวัตกรรมล้ำสมัยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

สำหรับประเทศไทย การมาถึงของยุค AI นับเป็นทั้งโอกาสอันมหาศาลและความท้าทายที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ โอกาสในการนำ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและบริการ และแก้ไขปัญหาสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวให้เท่าทันต่อวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

ขณะที่ นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)  ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ขององค์กรในประเด็น ‘AI-first Organization’  โดยมองว่า ในยุคปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกองค์กร ไม่เว้นแม้แต่ ‘สถานบันการเงิน’ ใช้ AI ในหลายด้านทั้งการทำความเข้าใจ การวิเคระห์ความสามารถในการขอสินเชื่อของลูกค้า และเมื่อเทคโนโลยีมาถึงจุดที่พัฒนาขีดความสามารถ SCBx ก็มีการนำมาใช้ในหลากหลายด้าน อาทิ การให้ AI เข้าไปตรวจบัญชีตามสามารถ ก็ทำให้ลดต้นทุนขององค์กร ทั้งในเรื่องของบุคลากร และเวลาในการทำงาน อีกทั้งมีความแม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น 

ส่วนการพัฒนาบุคลากรที่ถูก AI เข้ามา Disrupt  ในระบบการทำงาน  SCBx ได้ให้พัฒนากว่า 20,000 คนได้เรียนรู้การใช้ AI ในการทำงานภายในองค์กร ภายใต้แนวคิดที่ว่า ‘ทุกคนมีโอกาสที่จะอยู่กับ AI แทนที่จะกลัวและซ่อนงานไว้ ไม่เช่นนั้นงานขององค์กรก็ขยับไม่’

นอกจากนี้ กิจกรรมภายในงาน ยังสัมภาษณ์พิเศษ ผู้บริหารระดับสูงจาก Google Cloud ประเทศไทย และ Microsoft (ประเทศไทย) ร่วมเสวนาในหัวข้อ ‘AI Cloud: The Key to Unlocking Future Achievements’ และ ‘ความพร้อมของธุรกิจไทยกับ AI Opportunity’ เพื่อเปิดมุมมองของบริษัทไอทีชั้นนำของโลกถึงศักยภาพของเทคโนโลยีคลาวด์ AI และโอกาสของธุรกิจไทย

รวมถึงมุมมองจาก นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม บรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘Intelligent Economics: Leveraging AI Amid Climate Challenges’ ซึ่งนำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้ AI ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน ‘คาร์บอนเครดิต’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top