Sunday, 18 May 2025
Hard News Team

รอง นรม. / รมว.กห. ลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการเกาะกูด ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ และดูแลความเป็นอยู่ ยืนยันพื้นที่เกาะกูดเป็นของไทย 100% 

พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รอง นรม. / รมว.กห.)  พร้อมด้วย พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และพลเอกไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กห. ลงพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณเกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด โดยมี พลเรือเอกไพโรจน์ เฟื่องจันทร์  เสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ

โดยได้เรียนเชิญ รอง นรม./รมว.กห. ขึ้นแท่นรับความเคารพ และเข้ารับฟังการบรรยายสรุป ตรวจพื้นที่และการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด พร้อมพบปะกำลังพล มอบเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของเครื่องใช้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โอกาสนี้ได้ร่วมหารือพูดคุยกับหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ในโอกาสนี้ รอง นรม./รมว.กห. ได้กล่าวให้โอวาทกับกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ตอนหนึ่งว่า ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง และยืนยันพร้อมสนับสนุนในส่วนที่มีความขาดแคลน เพื่อให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มขีดความสามารถ ซึ่งหน่วยมีความพร้อมในการปฎิบัติหน้าที่ทั้งการบรรเทาสาธารณภัยและงานพัฒนาต่างๆ ที่ทำร่วมกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่ขณะนี้เนื่องจากมีการเตรียมที่จะเจรจาตามกรอบของเอ็มโอยู 44 จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนขึ้นในสังคม แต่ขอย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ของตนเองต่อไป

รอง นรม./รมว.กห. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทัพเรือ ได้จัดกำลังดูแลอธิปไตยของชาติทางทะเลด้านตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เกาะกูด มาตั้งแต่อดีต และเมื่อไทยประกาศไหล่ทวีป เมื่อปี พ.ศ.2516 กองทัพเรือ ได้ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ปรากฏปัญหาในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชน สำหรับปัญหาในเรื่องระบบสาธารณูปโภคจะร่วมกันพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เพื่อ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

สำหรับ การอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสากล จะต้องใช้ MOU 44 มาเจรจากันในเรื่องที่ยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การจัดสรรผลประโยชน์ทางทะเล ซึ่งข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ที่สุดคืออยู่บนความพึงพอใจของสองประเทศ และประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด 

โดยได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อยืนยันว่าที่แห่งนี้เป็นของไทย และมีกำลังพลของกองทัพเรือและหน่วยงานราชการในการพิทักษ์รักษาอธิปไตย ใครจะรุกล้ำไม่ได้ และขอให้ประชาชนมีความสบายใจและมั่นใจขึ้นว่า รัฐบาลจะรักษาพื้นที่ไว้ไม่ให้เสียพื้นที่แม้แต่ตารางนิ้วเดียว  

บิ๊กอุ้ย ติวเข้มมัคคุเทศก์จิตอาสา พร้อมเปิดพระราชวังเดิมรับ ปชช. ธันวาคม นี้

พลเรือเอกชาติชาย ศรีวรขาน อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานมูลนิธิ อนุรักษ์โบราณสถาน ในพระราชวังเดิม ร่วมกับกลุ่มพลังดี โดย คุณขจรศักดิ์ เชาวเจริญรัตน์ จัดอบรมมัคคุเทศก์ จิตอาสา จำนวน 43 คน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม และ 9 พฤศจิกายน 2567

โดยมีคุณศุภวรรณ ชวรัตนวงศ์ หัวหน้าสำนักงานและนักวิชาการมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม เป็นวิทยากร

ทั้งนี้ ได้บรรยายความเป็นมาของพระราชวังเดิม  ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท้องพระโรง พระตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่ ศาลศีรษะปลาวาฬ และป้อมวิไชยประสิทธิ์

สำหรับการอบรมในครั้งที่สอง เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2567 นั้น ช่วงเช้า มัคคุเทศก์จิตอาสาได้รับข้อมูลจากวิทยากรเพิ่มและลึกขึ้น มีการทบทวนซ้ำข้อมูล รวมถึงจุดที่ควรเน้นย้ำกับนักท่องเที่ยว และได้เข้าศึกษาพระตำหนักเก๋งคู่ (หลังใหญ่) ภายในอุดมด้วย รูปวาดอธิบายการค้าขาย เส้นทางการรบ และการทำนุบำรุงบ้านเมือง แผนที่กรุงธนบุรี  สินค้าที่ค้าขายในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

ช่วงบ่าย เป็นการฝึกมัคคุเทศก์ภาคปฏิบัติ ได้เห็นพัฒนาการของผู้เข้าอบรมชัดเจน สามารถพูดได้ยาวและเรียงลำดับได้ดี มีการบันทึกคลิปช่วงฝึกฝน ทุกคนได้เห็นผลงานคลิปนำชมพระราชวังกรุงธนบุรี ของตัวเอง ก็เกิดรอยยิ้มแห่งความมั่นใจในความพร้อมที่จะร่วมเป็นมัคคุเทศก์จิตอาสา นำชมพระราชวังแห่งนี้  

พระราชวัง กรุงธนบุรี กำหนดเปิดให้เข้าชม ระหว่างวันที่ 14 - 28 ธันวาคมนี้ มัคคุเทศก์พลังดีจิตอาสาทั้ง 2 วัย (ผู้สูงวัยและเยาวชน) พร้อมแล้วที่จะต้อนรับทุกท่าน

มัสก์ กลับคำพูด เลิกคิดผลิตEVราคาถูก ยอมรับไม่คุ้มแข่งรถไฟฟ้าจากจีน

(11 พ.ย.67) รอยเตอร์รายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัท Tesla ดูเหมือนจะยอมรับกลายๆ ว่าบริษัทจะยกเลิกแผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดรุ่นใหม่ที่ตั้งราคาประมาณ 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.5 แสนบาท) หลังจากที่ก่อนหน้านี้มัสก์ได้เปิดเผยในเดือนเมษายนว่าจะผลิตรถรุ่นดังกล่าวเพื่อเจาะตลาดในระดับล่าง

ในการประชุมประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม มัสก์กล่าวว่า การผลิตรถยนต์ EV ราคาประหยัดจะไม่มีประโยชน์ เว้นแต่ว่าจะเป็นรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบ โดยเขากล่าวว่า “ผมคิดว่าการมีรถยนต์รุ่นธรรมดาที่ราคา 25,000 ดอลลาร์นั้นไม่มีประโยชน์ มันเป็นเรื่องที่โง่เขลา”

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มักส์ออกมาประกาศแผนการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ราคาจับต้องได้ ซึ่งมัสก์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดของรถยนต์รุ่นใหม่ดังกล่าว การออกมาให้ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ ราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ เทสลา (Tesla) เพิ่มขึ้นมากกว่า 12% ท่ามกลางผลประกอบการของเทสลาในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะมีกำไรต่ำกว่าที่คาดไว้ และรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปีก็ตาม

ที่ผ่านมา รถยนต์ Tesla ราคาประหยัดถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยผลักดันให้ Tesla กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก โดยมีเป้าหมายผลิตรถยนต์ถึง 20 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม Tesla ได้ลบเป้าหมายดังกล่าวออกจากรายงาน Impact Report ฉบับล่าสุดในเดือนพฤษภาคม

ช่วงต้นปี มัสก์ยังคงยืนยันแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด โดยคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 และมองว่าจะเป็น ‘คลื่นลูกที่ 2’ ของการเติบโตต่อจาก Model 3 และ Model Y ที่เปิดตัวในปี 2017 และ 2020

นักลงทุนและแฟนๆ ของ Tesla ได้ตั้งชื่อเล่นให้รถยนต์ราคาประหยัดรุ่นนี้ว่า Model 2 โดยคาดว่าจะมีราคาต่ำกว่า Model 3 ซึ่งเริ่มต้นที่ 42,490 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.45 ล้านบาท)

นักวิเคราะห์มองว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของ Tesla ครั้งนี้อาจเป็นเพราะบริษัทตระหนักว่าล่าช้าในการผลิตรถยนต์ราคาประหยัดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในจีน จึงหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ แทนการลงทุนมหาศาลในการผลิตรถรุ่นใหม่

ผู้บัญชาการทหารบก ต้อนรับ นายกสมาคม นายทหารนอกประจำการ และคณะ

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์​ ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับพลเอกวินัย ภัททิยกุล นายกสมาคมนายทหารนอกประจำการ และคณะกรรมการฯ ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพบก 

โดยได้แสดงความยินดี ในโอกาสที่มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้า ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

นอกจากนั้น ยังได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของนายทหารนอกประจำการ โดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสมาคมนายทหารนอกประจำการได้แก่
1.เป็นศูนย์กลางการติดต่อและประสานงาน เผยแพร่ข้อมูลและข่าวสารให้กับสมาชิกและนายทหารนอกประจำการ
2.ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติยศ และชื่อเสียง ของนายทหารนอกประจำการ
3.เพื่อจัดสวัสดิการ  กิจกรรมนันทนาการ การบริการด้านสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้แก่สมาชิกและครอบครัว
4.เพื่อแสวงหาและรักษาสิทธิประโยชน์ ให้แก่สมาชิกและนายทหารนอกประจำการ
5.เพื่ออนุเคราะห์สมาชิกที่เจ็บป่วยหรือเสียชีวิต
6.สนับสนุนกิจกรรมเพื่อการกุศล หรือเพื่อสาธารณประโยชน์
7.ดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรอื่น ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประโยชน์ของนายทหารนอกประจำการ

สมุทรปราการ-งานบุญกฐินวัดมหาวงษ์ ร่วม 2 ล้านบาท ครอบครัวรุ่งเสมอ ครอบครัวพาณิชย์พิศาล และพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีแห่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดมหาวงษ์ ปากน้ำ ถนนสุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ ท่านพระปลัดสราวุธ โรจนธมฺโม (พระอาจารย์แดง) เจ้าอาวาสวัดมหาวงษ์ ปากน้ำ สมุทรปราการ พร้อมด้วย พระครูยุทธนา ภททญาโณ (พระอาจารย์ตุ๋ย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาวงษ์ ร่วมกับ คณะสงฆ์วัดมหาวงษ์ คณะกรรมการ ไวยาวัจกร อุบาสก อุบาสิกา

ประกอบพิธีทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 12  โดยมี นาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง ได้รับเกียรติเชิญร่วมงานทอดกฐินในปีนี้ ซึ่งในปี 2567 นี้ วัดมหาวงษ์โดยทางกำนันตำบลบางเมือง นำโดย นางสาวขวัญเรือน นาคทิม พร้อมด้วย พันโท สมพงษ์ คุณรำพึง และครอบครัวรุ่งเสมอเป็นประธานอุปถัมภ์ 

พร้อมด้วยครอบครัวพาณิชย์พิศาล เศรษฐีผู้ใจบุญ นำโดย นายอัครนันท์ นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล คุณจรูญ กระแชงขาว และครอบครัวคุณแม่เรณู งามสมุทร ผศ.แพทย์หญิงเกศริน นางสาวปิยนุช พาณิชย์พิศาล เป็นประธานร่วมในปีนี้ อีกทั้งในปีนี้ยังได้รับเกียรติจากนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เดินทางมาเข้าร่วมในพิธีตลอดจนคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย พุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญ ชาวอำเภอเมือง และอำเภอใกล้เคียง ร่วมบุญกันอย่างคึกคัก

โดยในช่วงเช้าได้ประกอบพิธีทำขวัญกฐิน จากนั้นร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ ก่อนจะแห่องค์กฐินรอบพระอุโบสถและร่วมถวายองค์กฐิน ซึ่งในปีนี้ทางวัดมหาวงษ์ได้ยอดเงินทอดกฐิน ร่วม 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม พิธีทอดกฐินในปี 2567 นี้ นับว่ามีพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญเดินทางมาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีการจัดตั้งโรงทาน จำนวน 70 โรงทาน ให้ผู้ที่เดินทางมาร่วมงานได้รับประทานกัน และในส่วนจำนวนเงินที่ได้จากการทอดกฐินสามัคคีในปีนี้ ทางวัดมหาวงษ์จะนำไปบูรณปฏิสังขรณ์พร้อมทั้งปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ต่อไป

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง รับตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง รับตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญจาก นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ในโอกาส มาตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของกำลังพล การรับทราบปัญหา ข้อขัดข้อง ของหน่วย และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มีต่อ กองทัพเรือ ในการดูแลรักษาทรัพยากรของประเทศไทย ณ หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด

หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด มีภารกิจ ในการป้องกันการคุกคามทางทะเล และทางอากาศ คุ้มครองเรือประมงไทย สนับสนุนการปฏิบัติการของเรือและกำลังทางบก ปฏิบัติการจิตวิทยา และประชาสัมพันธ์กับส่วนราชการ และราษฎรในพื้นที่ เพื่อความสัมพันธ์อันดีและง่ายในการประสานการปฏิบัติงานร่วมกัน 

อัยการ เผย!! ‘ทนายตั้ม’ โดน ‘ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ’ ชี้!! ข้อหานี้ หาดูได้ยาก เพราะอยู่ในกฎหมายฟอกเงิน

(10 พ.ย. 67) ความคืบหน้ากรณีที่มีการยื่นคำร้องฝากขัง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), มาตรา 5, มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

โดยมีรายงานว่า ในคำร้องฝากขังทนายตั้มได้มีการบรรยายว่า การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 (ทนายตั้ม) เป็นความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 อยู่ด้วยนั้น

สำหรับ ‘ความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ’ นั้นแหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด ให้ความเห็นทางกฎหมายว่า คดีของทนายตั้มถือเป็นคดีแรกเท่าที่ตนเคยพบ ซึ่งไม่ค่อยพบว่าที่ผ่านมามีคนเคยถูกแจ้งข้อหาดังกล่าว การดำเนินคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ถือว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญของการนำกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมาผสมผสานกัน กล่าวคือ ข้อหาฉ้อโกงเป็นความผิดที่อยู่ในกฎหมายอาญา โดยมีแต่เฉพาะการฉ้อโกงบุคคลทั่วไป มาตรา 341 กับการฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343

โดยคำว่า ‘การฉ้อโกงเป็นปกติธุระ’ จะอยู่ในกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งเป็นมาตรการในการดำเนินคดีกับผู้โอน รับโอน ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด และการยึดอายัดทรัพย์สิน

ทั้งนี้ คำว่า ‘เป็นปกติธุระ’ อาจมีความหมายความว่า เป็นบุคคลผู้มีหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการมรดกหรือผู้จัดการทรัพย์สิน แล้วกระทำการฉ้อโกง โดยหลอกลวง แล้วเอาไปซึ่งทรัพย์สินของบุคคลอื่น ไปจำนวนหลายครั้งหลายครา ‘เป็นอาจิณ’

กรณีที่เกิดขึ้นเป็นข่าวทางสื่อมวลชนในประเด็นที่ทนายความ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลซึ่งลูกความให้ความไว้วางใจมอบหมายให้ทำหน้าที่ในทางกฎหมายเกี่ยวกับคดีความของตน แต่ทนายความดังกล่าวกลับกระทำการผิดหน้าที่ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของลูกความไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำการดังกล่าวจึงถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย และเป็นการกระทำที่ผิดมรรยาททนายอีกด้วย

การดำเนินคดีกับทนายความในข้อหาดังกล่าวจึงถือว่าเป็นก้าวย่างสำคัญ เป็นปรากฏการณ์ทางกฎหมาย ด้วย ในอันที่จะตัดวงจรอาชญากรรม และบังคับใช้กฎหมาย เพื่อคุ้มครองและให้ความเป็นธรรมกับสุจริตชนด้วย

หลังจากนี้ก็จะต้องมีการยึดอายัดทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติการฟอกเงินต่อไปอีก

‘ทนายนิด้า’ โพสต์!! ยินดีรับทนายที่ลาออกจาก ‘ษิทราลอว์เฟิร์ม’ ลั่น!! พร้อมถ่ายทอด ‘วิชาที่ถูกที่ควร’ ให้อย่างเต็มความสามารถ

(10 พ.ย. 67) จากกรณีตำรวจสอบสวนกลาง จับกุม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมภรรยา ตามหมายจับของศาลอาญาในข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

ล่าสุดวันนี้ น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า 

ทนายความที่เคยทำงานกับบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ที่ลาออกเพราะหัวเรือไม่อยู่แล้ว มาสมัครที่ บริษัท ทนายนิด้า จำกัดได้นะคะ ยินดีรับไว้แล้วถ่ายทอดวิชาที่ถูกที่ควรให้อย่างเต็มความสามารถ ที่สำคัญพี่นิด้าว่าความเอง สอนวิชาว่าความได้ค่ะ

‘รองโฆษกรัฐบาล’ ชวนปชช. ชมภาพยนตร์หาชมยาก ในงาน ‘เทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพมหานคร’

(10 พ.ย. 67) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล เชิญชวนประชาชนร่วมงาน เทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 16 หรือ World Film Festival of Bangkok 2024 ระหว่างวันที่ 7 – 17 พฤศจิกายน 2567 ณ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร จัดโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และพันธมิตรภาคเอกชน

นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า เทศกาลดังกล่าว เกิดจากความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบาย ‘Soft Power’ ด้านภาพยนตร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ และผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย รวมถึงเพื่อขยายโอกาสสู่ตลาดภาพยนตร์นานาชาติ อีกทั้งยังเป็นสะพานเชื่อมโยงศิลปวัฒนธรรม แนวคิด รวมถึงเรียนรู้ความหลากหลายของชีวิตผ่านเนื้อหาภาพยนตร์จากทั่วโลก ซึ่งปีนี้กลับมาในคอนเซปต์ ‘New Horizons’ สื่อถึงการแสวงหาขอบฟ้าใหม่ๆ บ่งบอกถึงการก้าวเดินสู่สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในอนาคต

สำหรับเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ ครั้งที่ 16 ได้คัดสรรหนังเด็ด คุณภาพหาชมยาก นับ 100 เรื่อง จาก 35 ประเทศทั่วโลก ให้คนไทยได้รับชมอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเทศกาลฯ ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสนับสนุนผลักดันด้านภาพยนตร์ไทยให้เป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ โดยนำความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม เทคโนโลยี มาประยุกต์กับต้นทุนทางวัฒนธรรมของไทย เพื่อขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ด้านภาพยนตร์ไทยสู่เวทีนานาชาติ

‘ลอรี่ พงศ์พล’ เปิดงานสุราชุมชน จ.แพร่ เน้น!! ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ สานต่อภูมิปัญญา

(10 พ.ย. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดกิจกรรมผลิตภัณฑ์ Soft Power แพร่ ‘แพร่ แข็ง จ๊ด ครั้งที่ 3’ พร้อมกล่าวมอบนโยบายการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน ณ ลานเพลินอีซูซุแพร่ บริษัท อีซูซุแพร่ จำกัด อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ 

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมฯ กล่าวว่า ปัจจุบันการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการแปรรูปเกษตรกรรมให้มีมูลค่าสูง เพื่อการเซฟ SME ไทย ตามแนวทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์) โดยเฉพาะสินค้าเกษตรในท้องถิ่นจังหวัดแพร่อย่างข้าวเหนียว ข้าวโพด สับปะรด เมื่อนำไปแปรรูปเป็นสุรากลั่นชุมชนอย่างถูกต้องตามประกาศและระเบียบที่ใช้บังคับ มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าเกษตรกรรมเดิมให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนมากขึ้นกว่า 10 เท่า  และยังเป็นการสร้างมูลค่าเชิงอัตลักษณ์ ที่โดดเด่นไม่มีใครเหมือน สานต่อภูมิปัญญาดั้งเดิมของจังหวัดแพร่ที่มาอย่างยาวนาน

โดยทางกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว ผ่านโครงการ ‘ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์’ โครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อผลักดันให้สามารถส่งเสริมและพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ใน 2 สาขา ได้แก่ แฟชั่น และอาหาร ซึ่งการจัดงานในวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมภายใต้การดำเนินงานโครงการฯ ที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในพื้นที่ จัดขึ้นเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับอาหารพื้นถิ่น และผลิตภัณฑ์อาหารชุมชน และที่เกี่ยวข้องของจังหวัดแพร่ให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนเพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหารพื้นถิ่น และผลิตภัณฑ์อาหารชุมชนของจังหวัดแพร่ สู่การเป็น Soft Power ไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา อาทิ เฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ไม้สัก ผลิตภัณฑ์ผ้าหม้อห้อม ผลิตภัณฑ์จากการตีเหล็ก และสุรากลั่นพื้นบ้านจากพืชผลทางการเกษตร ที่มีการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่น มีอัตลักษณ์โดดเด่น ดังนั้นจึงควรมีการฟื้นฟู สืบสาน และสร้างสรรค์พัฒนาสู่การผลิตสินค้า และบริการที่มีมูลค่า มีศักยภาพในการพัฒนาเชิงเทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อให้จังหวัดแพร่ เป็นฐานการผลิตหัตถอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์โดยใช้ฐานความรู้ เทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม และการออกแบบร่วมสมัย เพื่อตอบสนองต่อกระแสความต้องการของตลาด ต่อยอดสู่การเป็น Soft Power ของประเทศไทยในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top