Sunday, 18 May 2025
Hard News Team

ยูเอ็น เผยยอดเสียชีวิตในกาซาเกือบ 70% เป็นผู้หญิง-เด็ก ชี้ ส่วนใหญ่เกิดจากอิสราเอลโจมตีเขตคนอยู่อาศัยหนาแน่น

(12 พ.ย.67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รายงานวิเคราะห์ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ได้วิเคราะห์ตัวเลขผู้เสียชีวิต 8,119 คน ในฉนวนกาซาระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2023 ถึงเมษายน 2024 หรือเป็นเวลา 6 เดือน โดยพบว่าเกือบ 70% ของผู้เสียชีวิตดังกล่าวเป็นเด็กและผู้หญิง

รายงานดังกล่าวพบว่า ผู้เสียชีวิต 8,119 คนในช่วงดังกล่าวราว 44% เป็นเด็กในช่วงอายุมากที่สุดอยู่ระหว่าง 5-9 ขวบ และอีก 26% เป็นผู้หญิง ราว 80% ของผู้เสียชีวิตถูกสังหารในอาคารที่อยู่อาศัยหรือบ้านเรือน OHCHR บอกว่าสาเหตุที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่งสูงนั้นส่วนใหญ่มาจากการที่อิสราเอลใช้อาวุธโจมตีพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นในฉนวนกาซา แต่ผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งมาจากการยิงจรวดที่ผิดพลาดของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์

นายโฟลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นระบุในแถลงการณ์ว่า ระดับการเสียชีวิตและบาดเจ็บของพลเรือนที่มากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนถือเป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจากการไม่ได้ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เติร์กยังเรียกร้องให้มีการพิจารณาอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

รายงานฉบับดังกล่าวยังได้บอกว่า แนวทางที่ทั้งกองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮามาสใช้ทำสงครามในฉนวนกาซาได้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแสนสาหัสแก่มนุษยชาติ เพราะกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ทำสงครามในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นและมีการยิงจรวด ขีปนาวุธ และกองทัพอิสราเอลได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนทำให้ผู้คนบาดเจ็บ เสียชีวิต และผู้ที่รอดชีวิตต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น พบกับความหิวโหย และไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาด อาหาร และการรักษาสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้รวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 43,300 คน และเชื่อว่าอีกหลายศพยังติดอยู่ใต้ซากอาคารที่ถูกโจมตีเสียหาย

ล่าสุด กองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีหลายพื้นที่ทั่วฉนวนกาซาในวันที่ 10 พฤศจิกายน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้นอย่างน้อย 40 ราย กองทัพอิสราเอลยังได้โจมตีอาคารบ้านเรือนสูง 3 ชั้น ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียในทางตอนเหนือของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย และมีผู้บาดเจ็บที่อาศัยอยู่ในบ้านใกล้เคียงอีก 30 ราย โดยกองทัพอิสราเอลอ้างว่าทำการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียเพราะมีผู้ก่อการร้ายอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นภัยต่อกองทัพอิสราเอลในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่

ผู้นำเกาหลีใต้ซุ่มฝึกวงสวิง ไว้ออกรอบกับปธน.ทรัมป์

(12 พ.ย.67) ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้เริ่มฝึกซ้อมเล่นกอล์ฟอีกครั้งในช่วงไม่นานนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพบปะในอนาคตกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ประธานาธิบดียุนได้เดินทางไปสนามกอล์ฟเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า เขาไม่ได้จับไม้กอล์ฟมาตั้งแต่ปี 2016 ทั้งนี้ นายทรัมป์เป็นผู้ที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟอย่างมาก และมีสนามกอล์ฟเป็นของตัวเองหลายแห่งทั่วโลก 

ในการแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีหลังจากที่ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนายทรัมป์ ยุนกล่าวว่า มีผู้ใกล้ชิดหลายคนบอกเขาว่า เขาและทรัมป์น่าจะเข้ากันได้ดี นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานกับทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับลิกันที่พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองผู้นำ

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กำลังเร่งวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น โดยประธานาธิบดียุนได้เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมร่วมปรึกษาหารือกันเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับผลกระทบที่จะมาพร้อมกับการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายทรัมป์

พปชร. แจง 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' ไม่ได้ร่วมงานพรรคนานแล้ว พร้อมขอเวลา 2-3 วัน ตรวจสอบสมาชิกภาพ

(12 พ.ย.67) เมื่อเวลา 14.40 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม อดีตทีมโฆษกพรรค พปชร. ที่ล่าสุดมีความเกี่ยวข้องคดีรีดทรัพย์ 20 ล้าน จากบอสปัน บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จํากัด ว่า เบื้องต้นต้องทำการตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมานายรัฐภูมิไม่ได้มีการทำกิจกรรมร่วมกับพรรค พปชร.มานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะรู้ผลตรวจสอบได้เมื่อไหร่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า จะทำโดยเร็วที่สุด แต่คงต้องใช้เวลา คิดว่า 2-3 วันคงจะทราบผล อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบกับนายทะเบียนพรรคอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่า จะมีมาตรการกับนายรัฐภูมิอย่างไรนั้น กล่าวว่า หากเป็นสมาชิกพรรคก็จะดำเนินการตามมาตรฐานจริยธรรม และจะเข้มงวดในการตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิกมากขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. มีแนวนโยบายในการรับสมาชิกใหม่ และผู้ที่จะสมัครเป็น ส.ส. คือต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ส่วนประวัติด้านอื่นก็ต้องตรวจสอบทุกมิติ

ถามอีกว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า บุคคลในพรรค พปชร.มีความเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตต่าง ๆ จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า หากดูลึก ๆ แล้ว ขณะนั้น พปชร.เป็นพรรคใหญ่ มีสมาชิกจำนวนมาก แต่ตอนนี้อยากถามว่าตอนนี้คนเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ถ้าจะกวาดบ้านกวาดปัจจุบันดีกว่า ไม่ต้องไปกวาดอดีต ยืนยันว่าพรรคเคลียร์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว

เชียงใหม่-ท่าอากาศยานเชียงใหม่ สรุปเที่ยวบินเปลี่ยนแปลง-ยกเลิกในช่วงเทศกาลยี่เป็ง ประจำปี 2567 รวมทั้งสิ้น 170 เที่ยวบิน 

(12 พ.ย.67) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ปรับเวลาให้บริการในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยสายการบินยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินหลังเวลา 19.00 น.เพื่อลดความเสี่ยงจากโคมลอยที่อาจเกิดอันตรายต่ออากาศยาน

นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลยี่เป็ง ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567) มีเที่ยวบินที่ยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาการบิน รวมทั้งสิ้น 170 เที่ยวบิน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.เที่ยวบินที่ยกเลิก จำนวน 74 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศ 36 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 38 เที่ยวบิน
2.เที่ยวบินที่เปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินจำนวนทั้งสิ้น 96 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ เที่ยวบิน 68 และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 28 เที่ยวบิน
3.เที่ยวบินพิเศษเพิ่มเติม จำนวน 16 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 8 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 8 เที่ยวบิน       

ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงและยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าว คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน เนื่องจากสายการบินได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวทราบล่วงหน้า เพื่อวางแผนการเดินทางที่เหมาะสมแล้ว พร้อมกันนี้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้เข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย เพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการรักษาความปลอดภัย อาทิ เพิ่มวงรอบการตรวจการณ์ ทั้งภายในอาคารผู้โดยสาร และบริเวณพื้นที่รอบท่าอากาศยาน ตั้งจุดสุ่มตรวจยานพาหนะ ที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ท่าอากาศยานเป็นระยะ สุ่มตรวจสัมภาระและผู้โดยสารตามมาตรฐานที่กำหนด สุ่มตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ของพนักงานที่ปฏิบัติงานในเขตการบิน 

รวมทั้งห้ามจอดยานพาหนะบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสารอย่างเด็ดขาด เพื่อดูแลความปลอดภัยและป้องปรามกลุ่มผิดกฎหมายที่อาจฉวยโอกาสกระทำการในช่วงผู้โดยสารคับคั่ง อย่างไรก็ตามขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาในการเดินทางมายังท่าอากาศยานมากกว่าปกติ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีผู้โดยสารคับคั่งแออัดตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มรอบความถี่ในการตรวจ  ทางวิ่งทางขับจากเดิมวันละ 6 รอบ เป็น 10 รอบ เพื่อตรวจเก็บซากโคมที่อาจถูกกระแสลมพัดมาตกในพื้นที่เขตการบิน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการเก็บโคมลอยและโคมควัน โดยพร้อมออกไปเก็บซากโคมลอยได้ทันที หากได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินหรือจากนักบิน

สำหรับการรณรงค์เรื่องการปล่อยโคมลอยให้ปลอดภัย ก่อนหน้านี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัด สถานศึกษาและชุมชนที่อยู่ในเขตความปลอดภัยในการเดินอากาศ ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนให้รับทราบถึงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง มาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยและการดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นสู่อากาศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 ที่กำหนดว่า ห้ามจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศในเขตปลอดภัยการเดินอากาศ และพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1 (พื้นที่สีแดง) คือบริเวณแนวขึ้น-ลง สนามบิน ที่อยู่ห่างจากทางขึ้น-ลงของเครื่องบิน ห่างข้างละ 4.6 กิโลเมตร เป็นระยะทางยาว 18.5 กิโลเมตร จากหัวทางวิ่งทั้งสองด้าน นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน และช่องทาง Social Media ต่างๆ ด้วย
    
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในฐานะประตูบานแรกที่เข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสืบสานประเพณีลอยกระทง โดยได้ประดับตกแต่งโคมไฟและโคมแขวนภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเป็นรูปแบบกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะตามวิธีพุทธและประเพณีเดือนยี่เป็ง รวมทั้งเปิดเพลงบรรเลงท้องถิ่น เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสบรรยากาศความเป็นล้านนาตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางมาถึง และยังกำหนดจัดกิจกรรมแจกกระทงให้แก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วย

เกาหลีเหนือ-รัสเซีย ลงนามสัญญา หากอีกฝ่ายถูกโจมตี ต้องส่งทหารมาช่วย

(12 พ.ย.67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ให้สัตยาบันสนธิสัญญาความร่วมมือด้านการป้องกันกับรัสเซีย ซึ่งผู้นำสองประเทศได้ลงนามไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สนธิสัญญาฉบับนี้กำหนดให้แต่ละฝ่ายต้องให้ความช่วยเหลือทางทหารทันทีหากอีกฝ่ายถูกโจมตีด้วยอาวุธ คล้ายกับสนธิสัญญาของกลุ่มประเทศนาโต้

ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมนานาชาติ เนื่องจากมีรายงานว่าทหารเกาหลีเหนือได้ถูกส่งไปรัสเซียเพื่อเข้าร่วมในสงครามยูเครน

สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) เปิดเผยว่า 'คิม จองอึน' ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ได้ลงนามในกฤษฎีกาให้สัตยาบันสนธิสัญญานี้เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน และสนธิสัญญาจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนหนังสือสัตยาบันกันครบถ้วน

'วลาดิมีร์ ปูติน' ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ลงนามสนธิสัญญาเพื่อให้มีผลเป็นกฎหมาย ซึ่งกำหนดให้รัสเซียและเกาหลีเหนือส่งความช่วยเหลือทางทหารทันทีหากอีกฝ่ายเข้าสู่ภาวะสงคราม โดยใช้ทรัพยากรทุกประเภทที่มี

ทั้งนี้ 'คิม จองอึน' และ 'ปูติน' ได้บรรลุข้อตกลงสนธิสัญญาฉบับนี้ในการประชุมสุดยอดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยถือว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เสมือนเป็นพันธมิตรอย่างแท้จริง

ในขณะที่เกาหลีใต้ สหรัฐ และยูเครนเปิดเผยว่า มีทหารเกาหลีเหนือมากกว่า 10,000 นายอยู่ในรัสเซีย และอาจมีบางส่วนเข้าร่วมในการสู้รบในแคว้นเคิร์สก์ ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนยูเครน ตามรายงานของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารเกาหลีเหนือหลายคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการสู้รบกับกองกำลังยูเครน และย้ำว่าการมีส่วนร่วมของเกาหลีเหนือในสงครามนี้ทำให้สถานการณ์โลกเผชิญกับความไม่แน่นอนและไร้เสถียรภาพในระดับใหม่

‘เอกนัฏ’ หารือ อีซูซุ ให้ความเชื่อมั่นอุตฯ ยานยนต์ไทย พร้อมผลักดันการเติบโตทั้งในประเทศและส่งออก

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้หารือกับบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายกฤศ จันทร์สุวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายเริงฤทธิ์ กุศลกรรมบถ รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายดุสิต อนันตรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายทินวัฒน์ แก้วสวี ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน เข้าร่วม ณ ห้องประชุม อก. 1 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

ด้านบริษัทฯ ได้นำเสนอภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ สถานการณ์การตลาด ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งนี้บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด ได้ตั้งฐานการผลิตในไทยมาอย่างยาวนานถึง 67 ปี และปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานการผลิตในไทยมากถึง 90%

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือกับสถาบันยานยนต์ และบริษัทฯ ด้านยานยนต์จากหลากหลายบริษัทชั้นนำ ซึ่งได้เห็นปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่มีความสอดคล้องตรงกันทั้งในเรื่องการใช้มาตรฐานมลพิษ Euro 6 สิทธิประโยชน์ทางภาษี การ Disruption ในอุตสาหกรรมยานยนต์จากรถสันดาปสู่ EV ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้เตรียมหารือกับบริษัทฯ ชั้นนำด้านยานยนต์ ณ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อหารือและพิจารณาแนวทางช่วยเหลือและสนับสนุนตลาดยานยนต์ไทยให้สามารถเติบโตได้ทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศต่อไป

สมุทรปราการ-พิธีอัญเชิญผ้าศักดิ์สิทธิ์ห่มองค์พระมหาเจดีย์ และพิธีห่มผ้าองค์พระนอนพระพุทธรูปคู่วัดบางพลีใหญ่กลาง

(12 พ.ย.67) คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ นายอำเภอบางพลี ข้าราชการตำรวจ คณะครู นักเรียน นักศึกษา และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอบางพลี ร่วมประกอบพิธีแห่ผ้าแดงหลังจากที่ได้ประกอบพิธีบวงสรวงเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยได้แห่จากด้านหน้าวิหารพระนอนแล้วเดินแห่มายังบริเวณหน้าองค์พระมหาเจดีย์พิศาลวุฒิกิจมงคลมหาชนบูชิต เพื่อที่จะนำผ้าแดงผืนนี้ขึ้นไปห่มที่บริเวณด้านบนองค์พระมหาเจดีย์ ซึ่งพิธีในช่วงเช้าของวันนี้ โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ให้ความสำคัญจัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ อีกทั้ง มีการรำถวายที่บริเวณหน้าวิหารพระนอน จากนั้น คณะนักเรียน นักศึกษา จากวงโยธวาทิตบรรเลงเพลงนำขบวนแห่ไปยังพระมหาเจดีย์ นับว่าพิธีดังกล่าวถือเป็นประวัติศาสตร์และเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของทางวัดบางพลีใหญ่กลางอีกด้วย

นอกจากนี้ คณะศิษย์ยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากยังได้มีโอกาสร่วมในพิธีห่มผ้าองค์พระศากยมุนีศรีสุเมธบพิตร หรือพระนอน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัดบางพลีใหญ่กลาง ในโอกาสนี้ ทางคุณทัศนีย์ คงคาสุริฉาย พร้อมด้วย คุณฐานะวัฒน์ ไกรศักดาวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท ทิพย์โฮดิ้ง จำกัด ร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ หรือพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่วัดบางพลีใหญ่กลางมีอายุยาวนาน กว่า 200 ปี และปีที่ผ่านมาทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้จัดพิธีสมโภชน์อย่างยิ่งใหญ่ และในปี 2567 นี้ ทางไวยาวัจกร รวมถึงทางคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางจึงได้จัดพิธีแห่ผ้าห่มองค์พระมหาเจดีย์และจะทำเช่นนี้ต่อไปทุกๆปี เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่อยู่พื้นที่โดยรอบได้มีส่วนร่วมอนุโมทนาบุญกับทางวัด

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวบางพลีได้ร่วมกันทำบุญมากขึ้น และอยากจะดันให้เป็นงานประเพณีสืบไป และในส่วนงานประเพณีลอยกระทงในปีนี้ ทางวัดของเราก็จัดอย่างยิ่งใหญ่มีของรางวัลมากมาย ทั้งสร้อยคอทองคำ ทีวี ตู้เย็น พัดลม และอื่นๆ อีกหลายรายการ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเดินทางมาร่วมทำบุญและร่วมกิจกรรมสอยดาวกับทางวัด นอกจากนี้ ยังสามารถนำกระทงมาลอยที่บริเวณสระน้ำภายในวัดบางพลีใหญ่กลางได้อีกด้วย

จากทะเล สู่ดอย ทรภ.1 เยี่ยมพบปะ พี่ น้อง ประมง เตรียมการน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักฯ ประจำปี 2568

(12 พ.ย.67) นาวาเอก กฤษดา จิระไตรพร รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 (เสธ.ทรภ.1) และคณะ เดินทางเยี่ยมพบปะ ประสานงานกับหน่วยงานและสมาคมประมงในพื้นที่จังหวัด ระยอง จันทบุรี และตราด เพื่อเชิญชวนเข้าร่วม 'กิจกรรมน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และอาหารทะเล ที่มีสารไอโอดีน โดยเสด็จพระราชกุศล โครงการตามพระราชดำริ ต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน' ระหว่างวันที่ 5 - 7 พ.ย.67 ที่ผ่านมา

ซึ่งในปีนี้ นับเป็นครั้งที่ 29 ของกิจกรรมฯ รวมถึงเรียนเชิญร่วมประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมฯ ณ โรงแรมซี พาราไดซ์ สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยหน่วยงาน และสมาคมประมงต่าง ๆ ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมฯ อย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้กิจกรรมน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้งฯ เป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในถิ่นทุรกันดาร และชาวไทยภูเขาให้ได้มีโอกาสรับประทานอาหารทะเล เพื่อต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน โดยจะเดินทางไปส่งมอบ ปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และอาหารทะเล ที่มีสารไอโอดีน โดยเสด็จพระราชกุศล โครงการตามพระราชดำริ ต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน” ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 6-7 ก.พ.68 ให้กับเด็กนักเรียน พี่น้องประชาชนในถิ่นทุรกันดาร และชาวไทยภูเขา ในพื้นที่ภาคเหนือ ต่อไป

‘ใหม่ ดาวิกา’ สุดช้ำ! เจอคนเมนต์ด่าแรง ลั่น ไม่เข้าใจทำไมถึงเกลียดเราขนาดนี้

(12 พ.ย.67) ‘ใหม่ ดาวิกา’ โพสต์เศร้าปมดราม่า #แบนแม่หยัว หลังมีชาวเน็ตถล่มหนัก ลั่น ทำไมถึงเกลียดเราได้ขนาดนี้ พร้อม ขอโทษทุกการกระทำอีกครั้ง

จากกรณีละครเรื่อง แม่หยัว EP : 5 ที่มีการฉายฉากแมวถูกวางยาตายในเรื่อง ซึ่งน้องแมวมีท่าทางกระตุกตัวเกร็ง งานนี้ทำเอาแฟนละครและเหล่าทาส แห่สงสัยว่าเป็นเพียงเทคนิคถ่ายทำ หรือวางยาจริง หวั่นใจว่านี่คือการทารุณสัตว์หรือไม่ นอกจากนี้ สังคมออนไลน์ยังมีการติดแฮชแท็กและคอมเมนต์ถกประเด็นดังกล่าว

อีกทั้ง 'สันต์ ศรีแก้วหล่อ' ผู้กำกับแม่หยัว ได้ออกมาแจงปมดราม่าวางยาแมว ยืนยันยังไม่ตาย และมีผู้เชี่ยวชาญดูแลทุกขั้นตอน พร้อมเตรียมหลักฐานชี้แจง งานนี้เจอชาวเน็ตสวนยับ ติดแฮชแท็กแบนแม่หยัว ขึ้นเทรนด์ในโลกโซเชียล ขณะที่สัตวแพทยสภา ได้ออกมาประกาศตรวจสอบด้วย ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวเน็ตรายหนึ่งก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทวิตเตอร์ (X) คอมเมนต์ด่าทอ 'ใหม่ ดาวิกา' ผู้รับบท 'แม่หยัว' พร้อมระบุข้อความว่า “ก็แค่รู้สึกว่า “ใหม่ ดาวิกา” หลายครั้งเกิน แบบคนธรรมดาน่าจะเกิดการเรียนรู้แล้ว แต่นี่คือไม่เลย คนแบบ “ดาวิกา” ไม่น่าจะเรียนรู้อะไรได้แล้ว” จากนั้น “Davika Hoorne” หรือ “ใหม่ ดาวิกา” ได้โพสต์ตอบกลับว่า “ใหม่อ่านอันนี้ไม่เจ็บค่ะ แต่งงว่าทำไมถึงเกลียดเราได้ขนาดนี้ ถ้าพี่พอจะมีเวลา ลองติดตามใหม่จริงๆ ดูนะคะ ตอนนี้ใหม่เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ในชีวิตเยอะมากค่ะ”

ก่อนที่จะโพสต์เพิ่มเติมว่า “มีทวีต1 ที่เอาเรื่องในอดีตใหม่มาโพสต์ ทำให้คนด่าใหม่เป็นจำนวนมาก ใหม่เข้าใจนะคะที่พี่ๆ หรือน้องๆ จะคิดได้ แต่ในมุมใหม่ คือ ใหม่กลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ ตอนนี้ใหม่ได้เรียนรู้จากเรื่องราวนั้นๆ และจะไม่ทำอีกใหม่ ขอโทษทุกการกระทำอีกครั้งด้วยค่ะ”

อย่างไรก็ตาม “ทุกคนบอกให้ใหม่นิ่งและส่งความรัก พร้อมข้อความมาให้ใหม่ขอบคุณจากใจนะคะ แต่ครั้งนี้ใหม่รู้สึกว่าถ้าไม่ได้พูดในส่วนตัวเอง ที่ไม่ได้พาดพิงถึงผู้อื่น ใหม่จะอึดอัดและจะส่งผลต่อสุขภาพจิตแน่ๆ ค่ะ ขอโทษที่พิมพ์เยอะไปค่ะ” ใหม่ ดาวิกา กล่าวทิ้งท้าย

สมุทรปราการ-วัดบางพลีใหญ่กลาง จัดพิธีแห่ผ้าแดงห่มองค์พระมหาเจดีย์ให้ประชาชนโดยรอบได้ร่วมอนุโมทนา

(12 พ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะศิษย์ยานุศิษย์วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้ร่วมกันประกอบพิธีแห่ผ้าแดงซึ่งเป็นผ้าที่จะนำขึ้นไปห่มที่ด้านบนขององค์พระมหาเจดีย์

ซึ่งในวันนี้ได้มีคณะศิษย์ยานุศิษย์ ข้าราชการตำรวจ คณะครู รวมถึงคณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง ตลอดจนพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ที่เลื่อมใสศรัทธา ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เดินทางมาร่วมกันประกอบพิธีแห่ผ้าแดงโดยขบวนแห่ผ้าครั้งนี้จะแห่ไปตามเส้นทางถนนเทพารักษ์ อ.เมือง สมุทรปราการ เพื่อให้ประชาชนพื้นที่โดยรอบได้ร่วมกันอนุโมทนาบุญ

ก่อนจะนำผ้าแดงผืนดังกล่าวไปประกอบพิธีบวงสรวง จากนั้นจะมีพิธีอันเชิญขึ้นไปห่มที่ด้านบนพระมหาเจดีย์ซึ่งเป็นเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ของวัดบางพลีใหญ่กลางที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

โดยในวันนี้ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้โปรยทานเป็นจำนวนเงินนับแสนบาทเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในพิธีแห่ผ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของวัดบางพลีใหญ่กลาง ทำให้เกิดความคึกคักและมีประชาชนจำนวนหลายร้อยคนร่วมอนุโมทนาและร่วมในพิธีครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top