Sunday, 18 May 2025
Hard News Team

สนามบินเชียงใหม่ปรับให้บริการ รับเทศกาลโคมลอยยี่เป็ง แนะผู้โดยสารเช็คเที่ยวบิน-เผื่อเวลาเดินทาง

(13 พ.ย. 67) นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วงเทศกาลยี่เป็ง ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 จะมีการปรับเปลี่ยนเวลาบิน รวมถึงยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด 170 เที่ยว เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากโคมลอยที่ปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. เที่ยวบินยกเลิก รวม 74 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 36 เที่ยวบิน และระหว่างประเทศ 38 เที่ยวบิน
2. เที่ยวบินเปลี่ยนแปลงเวลา ทั้งหมด 96 เที่ยวบิน โดยแบ่งเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 68 เที่ยวบิน และระหว่างประเทศ 28 เที่ยวบิน
3. เที่ยวบินพิเศษเพิ่มเติม รวม 16 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 8 เที่ยวบิน และระหว่างประเทศ 8 เที่ยวบิน

ทางสนามบินได้แจ้งข้อมูลการปรับเวลาแก่ผู้โดยสารล่วงหน้าเพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางได้ พร้อมทั้งเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในสนามบิน โดยเพิ่มการตรวจการณ์ในอาคารผู้โดยสารและพื้นที่รอบสนามบิน ตั้งจุดสุ่มตรวจยานพาหนะและสัมภาระ รวมถึงการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของเจ้าหน้าที่สนามบิน และห้ามจอดรถบริเวณชานชาลาเพื่อป้องกันความเสี่ยง

ผู้โดยสารได้รับคำแนะนำให้เผื่อเวลาเดินทางล่วงหน้ามากกว่าปกติ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างหนาแน่นในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ ทางสนามบินเพิ่มความถี่ในการตรวจทางวิ่งทางขับจาก 6 รอบเป็น 10 รอบต่อวัน เพื่อตรวจเก็บซากโคมที่อาจถูกพัดมาตกในพื้นที่เขตการบิน และเตรียมทีมเจ้าหน้าที่พร้อมออกเก็บซากโคมทันทีที่ได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินหรือจากนักบิน

เพื่อความปลอดภัยในการปล่อยโคมลอย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้รณรงค์ร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนรอบสนามบิน ให้ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ ว่าด้วยมาตรการควบคุมการจุดและปล่อยโคมลอยในเขตปลอดภัยการเดินอากาศและพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่แนวขึ้น-ลงของเครื่องบิน โดยห้ามปล่อยโคมภายในระยะห่าง 4.6 กิโลเมตรจากแนวรันเวย์ เป็นระยะทางยาว 18.5 กิโลเมตรทั้งสองด้าน นอกจากนี้ ยังได้ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ให้ประชาชนรับทราบและปฏิบัติตาม

โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน สั่งปิดเรียน 2 สัปดาห์ หลังพบเด็กป่วยโรคไอกรน - ลดเสี่ยงการแพร่ระบาด

เมื่อวันที่ (12 พ.ย. 67) เพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ได้โพสต์ข้อความว่า สืบเนื่องจากการสอบสวนการระบาดกรณีพบผู้ป่วยโรคไอกรน ตั้งแต่วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2567 จนถึงปัจจุบัน จำนวนมากกว่า 2 รายขึ้นไป ภายในพื้นที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคไอกรนในโรงเรียน และตระหนักถึงความปลอดภัยของบุคลากรและนักเรียนที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดดังกล่าวโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน จึงเห็นสมควรให้ประกาศมาตรการและแนวทางการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

1. ปิดสถานศึกษา ระหว่างวันพุธที่ 13 - วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

2. งดใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียน ระหว่างวันพุธที่ 13 - วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

3.ให้ทุกระดับชั้นจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ

4. การมอบหมายงานของอาจารย์และการปฏิบัติงานกลุ่มของนักเรียน ต้องเป็นงานหรือกิจกรรมที่ไม่มีการมารวมกลุ่มปฏิบัติด้วยกันโดยเด็ดขาด

5. ระหว่างวันพุธที่ 13 - วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ขอให้บุคลากรปฏิบัติงาน ณ สถานที่พักอาศัยของตนเอง (Work from Home) โดยพร้อมรับการติดต่อหรือสั่งการจากผู้บังคับบัญชา ในส่วนของพนักงานมหาวิทยาลัยสายปฏิบัติการและสายปฏิบัติงานให้มาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ทำการ ตามวันและเวลาที่ได้รับมอบหมาย เพื่อพร้อมรับการติดต่อราชการระหว่างเวลา 08.30 - 15.30 น. ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไอกรนและโรงเรียนกำหนดอย่างเคร่งครัด

6. เปิดสถานศึกษา วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และดำเนินการสอบกลางภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน - วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ตามปกติ

ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารที่โรงเรียนประกาศอย่างต่อเนื่องและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

LG เปิดตัว Display ยืด-หดได้ ขยาย 12 นิ้วเป็น 18 นิ้ว ความละเอียดสูง-สีสันแจ่ม

(13 พ.ย. 67) LG Display เปิดตัวนวัตกรรมหน้าจอยืดได้แห่งอนาคต สามารถขยายขนาดจาก 12 นิ้วเป็น 18 นิ้วได้ถึง 50% ซึ่งเป็นความสำเร็จใหม่ในอุตสาหกรรมจอภาพ โดยหน้าจอนี้ซึ่งจัดแสดงครั้งแรกที่ LG Science Park กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ นอกจากจะสามารถขยายขนาดได้ยังคงความละเอียดสูงและสีสันสมบูรณ์ไม่ลดลง 

หน้าจอต้นแบบใหม่นี้มีความก้าวหน้าจากรุ่นเดิมของปี 2022 โดยการพัฒนาโครงสร้างซับสเตรตซิลิโคนแบบพิเศษและการออกแบบสายไฟที่ล้ำสมัย พร้อมด้วยการใช้ไมโคร LED ซึ่งเพิ่มความทนทาน สามารถยืดได้ถึง 10,000 ครั้ง และทนต่ออุณหภูมิและแรงกระแทกสูง 

หน้าจอแบบยืดได้ของ LG นี้ยังบาง เบา และสามารถติดกับพื้นผิวโค้งได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายด้าน ทั้งในแฟชั่น อุปกรณ์สวมใส่ และอุตสาหกรรมที่ต้องการความคล่องตัว โดย LG ได้สาธิตการใช้งานในแนวคิดต่างๆ เช่น แผงหน้าจอยืดได้สำหรับรถยนต์และอุปกรณ์สวมใส่สำหรับนักดับเพลิง 

นวัตกรรมนี้เป็นผลมาจากโครงการวิจัยระดับชาติของเกาหลีใต้ นำโดย LG Display ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและสถาบันวิจัย และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน เพื่อมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีจอภาพแห่งอนาคต 

ซูยอง ยุน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) และรองประธานบริหารของ LG Display กล่าวว่า "เราจะยังคงสร้างระบบนิเวศจอภาพที่ยั่งยืนในอนาคต ผ่านความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างภาคอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และผู้มีส่วนร่วมด้านการวิจัยในเกาหลีใต้"

บริษัทแม่ 7-Eleven เล็งถอนหุ้น ทิ้งตลาดหลักทรัพย์โตเกียว แปรสภาพเป็นเอกชน

(13 พ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Seven & i Holdings บริษัทญี่ปุ่นเจ้าของเครือร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั่วโลก กำลังพิจารณาซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนเพื่อนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งเป็นแผนป้องกันการเทกโอเวอร์จาก Alimentation Couche-Tard Inc. กลุ่มทุนค้าปลีกจากแคนาดาที่ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการของ Seven & i เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยหากดีลนี้สำเร็จ คาดว่าจะเป็นมูลค่าการซื้อหุ้นคืนอาจสูงถึง 2 ล้านล้านบาท

นิกเคอิ เอเชีย รายงานเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 โดยอ้างแหล่งข่าวว่า Seven & i Holdings กำลังอยู่ในขั้นตอนการติดต่อสถาบันการเงินเพื่อจัดหาทุนสนับสนุนในการซื้อหุ้นคืน เพื่อป้องกันการเข้าครอบครองจาก Couche-Tard อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่านักลงทุนและครอบครัวผู้ก่อตั้งจะตอบรับข้อเสนอนี้หรือไม่

ด้าน  Bloomberg ระบุว่ามูลค่าของดีลนี้อาจสูงถึง 9 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.02 ล้านล้านบาท) และทางตลาดหลักทรัพย์โตเกียวได้ประกาศระงับการซื้อขายหุ้น Seven & i ชั่วคราวตั้งแต่เวลา 11.43 น. ของวันที่ 13 พฤศจิกายน เพื่อสอบถามข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข่าวการซื้อคืนหุ้น

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ Seven & i ปรับตัวสูงขึ้น 23% เมื่อซื้อขายผ่าน Japannext หลังปิดตลาดภาคเช้า ขณะที่นิกเคอิรายงานว่า หากดีลซื้อหุ้นคืนสำเร็จ จะกลายเป็นดีลซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

‘แฟนคลับ รทสช.’ ปลุกพลังแนวร่วม หนุน 'พีระพันธุ์' นั่งเก้าอี้นายกฯคนต่อไป

แฟนคลับพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอพลังแนวร่วม ช่วยกันเผยแพร่ข่าว หนุน 'พีระพันธุ์' นายกฯคนต่อไป

เมื่อวันที่ (10 พ.ย. 67) นายทวนชัย ไหมสีทอง เจ้าของช่องติ๊กต๊อก ส้มฉุน ชาแนล V1 ซึ่งเป็นแฟนคลับของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำคลิปเผยแพร่ข่าวสาร รวมทั้งมีการสัมภาษณ์สมาชิกของพรรค นอกจากนี้ นายทวนชัย ยังได้มีการลงคลิป เชิญชวนผู้ที่สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ร่วมกันนำเสนอข่าวสารต่างๆ ที่เป็นผลงานของพรรค ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้สังคมได้รับรู้ถึงการทำงาน เพราะที่ผ่านมาในการเลือกตั้ง 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้คะแนนเสียง 37 เสียง ในฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น จึงขอเป็นภาคประชาชนที่จะนำเสนอนโยบายและผลงานต่างๆ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ข่าวสารอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน จะนำเสนอให้ได้รับรู้ เปลี่ยนวิธีการจากการปิดทองหลังพระ มานำเสนอให้ได้รับรู้ 

นอกจากนี้ นายทวนชัย ยังได้อัดคลิปต่อเนื่องในประเด็นที่ สนับสนุนให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรคราวมไทยสร้างชาติ ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยนายทวนชัย อธิบายต่อไปว่า นายพีระพันธุ์ มีความเหมาะสม เป็นทั้งนักกฎหมาย เป็นผู้พิพากษา เพราะกฎหมายเป็นพื้นฐานในการสร้างความเจริญของประเทศ และนายพีระพันธุ์ มีความสามารถในการตีกรอบกฎหมายได้ รวมทั้งมีความสามารถในด้านพลังงาน ต่อสู้ฝ่าฟันกลุ่มทุน ไม่มีธุรกิจหรือกลุ่มทุนมาอยู่รอบตัว ไม่มีหุ้นพร้อมเดินหน้าแก้ไขโครงสร้างด้านพลังงาน ด้วยนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง และเชิญชวนผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน หากมีความฝันอยากเห็นประเทศไทยพัฒนาและเจริญอย่างยั่งยืน ร่วมกันสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

‘อธิบดีกรมที่ดิน’ ยันทำตามกฎหมาย-คำสั่งศาล หลัง ‘คมนาคม’ จ่อยื่นค้านกรณีกรมที่ดินไม่เพิกถอน ‘เขากระโดง’

(13 พ.ย. 67) ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ ยันทำตามกฎหมาย-คำสั่งศาล หลัง ‘สุริยะ’ มอบ ‘รฟท.’ จ่อยื่นคัดค้านกรณีกรมที่ดินไม่เพิกถอนสิทธิที่ดิน ‘เขากระโดง’ ลั่นไม่ต้องเคลียร์คมนาคม

12 พฤศจิกายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวถึงกรณี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์จะให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยื่นคัดค้านกรณีที่กรมที่ดินไม่เพิกถอนสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ว่า ทุกอย่างดำเนินการไปตามที่ศาลปกครองสั่ง และในเรื่องการเพิกถอนต้องมีคณะกรรมการในการดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 โดยที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ส่วนการรังวัดจากที่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการ ซึ่งทำตามกระบวนการขั้นตอนเรียบร้อยหมดทุกอย่าง

เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคม จะยื่นคัดค้านกรมที่ดินยกเลิกการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง อธิบดีกรมที่ดิน มองว่า การแถลงข่าวตอนแรกอาจจะไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องรังวัด แต่มันอยู่ในรายงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าวแล้ว ช่วงวันที่ 2-26 กรกฎาคม 2567 เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกรมที่ดินในพื้นที่และการรถไฟฯ และวันนี้ทางกรมฯได้มีการออกข่าวชี้แจงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อถามย้ำว่าการดำเนินการนั้นสามารถยืนยันได้ใช่หรือไม่ว่าทำการตามกฎหมาย อธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่า ทำตามหลักกฎหมาย ไม่มีอะไรที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมย้ำว่าเป็นไปตามคำสั่งของศาลทุกประการ บนข้อเท็จ ที่เกิดตามหน้างานจริง

เมื่อถามต่อว่ากระทรวงคมนาคมมีท่าทีดังกล่าวทางกรมที่ดินจะต้องมีการชี้แจงหรือไม่ อธิบดีกรมที่ดิน ระบุว่า คงไม่ เพราะทุกอย่างที่ทำมาก็รายงานต่อศาลปกครองตามคำสั่งของศาล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล พร้อมย้ำว่าคงเป็นข้อเท็จจริง คงไม่ต้องมาต่อสู้อะไรกัน

ประธานวุฒิสภาให้การรับรองเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

เมื่อวันที่ (12 พ.ย. 67) เวลา 10.00 นาฬิกา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ให้การรับรองนายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ที่มาเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยมีพลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ นางสุมิตรา จารุกําเนิดกนก รองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ นายธนภัทร ตวงวิไล รองโฆษกคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และนางปัณณิตา สท้านไตรภพ รองเลขาธิการวุฒิสภา รักษาราชการแทนเลขาธิการวุฒิสภา ร่วมให้การรับรอง

ประธานวุฒิสภากล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนที่ใกล้ชิดและผูกพันกันมาอย่างยาวนาน ดังคำกล่าวที่ว่า “ไทยจีนใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” โดยที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับราชวงศ์ รัฐบาล รัฐสภา และประชาชน ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาเป็นที่น่ายินดีที่ทราบว่ามีสมาชิกวุฒิสภาสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย - จีนเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความใกล้ชิดและความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โอกาสนี้ ประธานวุฒิสภากล่าวว่าวุฒิสภาพร้อมสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือกับจีนในทุกมิติโดยเฉพาะด้านนิติบัญญัติให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และจะร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 50 ปีของการสถานาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2568 นี้

เอกอัครราชทูตฯ กล่าวมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับวุฒิสภาไทยในการสานต่อความสัมพันธ์ไทยกับจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม ในฐานะที่ไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันและมีการเกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไทยและจีนร่วมมือกันสร้างอนาคตที่มั่นคงและเจริญรุ่งเรืองให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ จีนพร้อมที่จะเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนากับไทยเพื่อส่งเสริมด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้มีพลวัตที่ยั่งยืนร่วมกัน โดยปัจจุบันมีบริษัทของจีนมาลงทุนในไทย อาทิ พลังงานทดแทน และเทคโนโลยีชีวภาพ ในขณะเดียวกันมีหลายบริษัทของไทยเข้าร่วมงาน Shanghai Cleaning Expo เชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมที่ส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในปีหน้าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีนอย่างยิ่งใหญ่และจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคี นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 10 ธันวาคม 2567 – 14 กุมภาพันธ์ 2568 จะมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากกรุงปักกิ่งมาประดิษฐานที่ประเทศไทยเพื่อเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ และความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน ครบรอบ 50 ปีด้วยเช่นกัน เอกอัครราชทูตฯ เชื่อมั่นว่าด้วยการสนับสนุนจากวุฒิสภาไทยความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนจะมั่นคงและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป

ทรัมป์ตั้ง 'อีลอน มัสก์' นั่งกระทรวงใหม่ คุมประสิทธิภาพรัฐบาล

(13 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศแต่งตั้ง อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla และ SpaceX เป็นหัวหน้ากระทรวงใหม่ "กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล" หรือ Department of Government Efficiency (DOGE) ร่วมกับวิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสายรีพับลิกัน การตั้งหน่วยงานนี้มีเป้าหมายเพื่อลดขนาดรัฐบาล ยกระดับประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายด้านบริหาร 

ทรัมป์ระบุว่าทั้งมัสก์และรามาสวามีจะนำแนวทางการจัดการภาคเอกชนมาประยุกต์ใช้ เพื่อรื้อระบบราชการที่ซับซ้อน ลดกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อน และปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐ การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่ได้ผ่านการรับรองจากวุฒิสภา ทำให้มัสก์สามารถคงบทบาทในธุรกิจของเขาต่อไปได้

ทรัมป์กล่าวว่ากระทรวง DOGE จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักงานบริหารจัดการและงบประมาณของสหรัฐฯ เพื่อผลักดันการปฏิรูปที่ยั่งยืนและท้าทายผ่านมุมมองแบบผู้ประกอบการ โดยตั้งเป้าหมายให้กระบวนการปฏิรูปเสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 250 ปีการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ 

มัสก์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกจากนิตยสาร Forbes คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลทรัมป์ พร้อมรับโอกาสที่จะพัฒนาเทคโนโลยีในหลายด้าน รวมถึง AI และคริปโตเคอร์เรนซี โดยมัสก์เองได้สนับสนุนแคมเปญหาเสียงของทรัมป์อย่างต่อเนื่องและเคยขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกันหลายครั้ง 

มัสก์ให้คำมั่นว่าการทำงานของ DOGE จะโปร่งใส โดยเผยว่าทุกขั้นตอนจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้

‘ประเสริฐ’ เดินหน้าปั้นแพลตฟอร์ม Learn to Earn เรียนรู้มีรายได้ เตรียมจัดประชุมรมต.ดิจิทัลอาเซียน - เร่งจัดทำกรอบความร่วมมือ AI ในภูมิภาค

เมื่อวันที่ (11 พ.ย. 67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 4 /2567 โดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง ดีอี พร้อมด้วยนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ ตลอดจนคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุม ณ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบอนุมัติโครงการสำคัญ อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์มภาครัฐเพื่อรองรับการพัฒนาทักษะดิจิทัลเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต ผ่านรูปแบบ Learn to Earn ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศ สามารถรองรับได้กว่า 20 ล้านผู้ใช้งาน พร้อมทั้งการจัดเก็บข้อมูลการฝึกอบรมในรูปแบบการสะสมหน่วยการเรียนรู้  หรือธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) และโครงการจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล (ADGMIN) ครั้งที่ 5 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ โดยการประชุมนี้จะจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียนตามแผนแม่บท ASEANDigital Masterplan 2025 (ADM 2025) การประชุมจะเป็นเวทีสำคัญในการกำหนดทิศทางพัฒนาการด้านดิจิทัลในภูมิภาคและมีผู้เข้าร่วมประมาณ300 คน  

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติเงินสำหรับโครงการพัฒนากรอบแนวทางการเปลี่ยนผ่านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของอาเซียนเพื่อพัฒนากรอบทักษะความเข้าใจและใช้ปัญญาประดิษฐ์ในโครงการพัฒนาแห่งอนาคตภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งในอนาคต AI จะมีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในแข่งขันให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ แต่ยังเป็นโอกาสกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต และเตรียมความพร้อมให้กับทุกภาคส่วนเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีดิจิทัล

และที่ประชุมยังได้อนุมัติเงินสำหรับการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประจำหมู่บ้าน จำนวน 24,654 แห่งรวมทั้ง โครงการศึกษา รูปแบบธุรกิจของโครงข่ายอินเทอร์เน็ตสาธารณะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมภายใต้หลักการโครงข่ายแบบเปิด (Open Access Network) ที่เหมาะสม และแนวทางการบริหารจัดการโครงข่ายการให้บริการอินเทอร์เน็ต (Free Wi-Fi) อีกด้วย

ขณะที่ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า ที่ประชุมอนุญาต การขยายผลโครงการที่ได้การสนับสนุนจากกองทุนฯ โดยการให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของโครงการดังกล่าวที่มี  20 บริการเพื่อการบริการภาครัฐ เช่น ระบบการรับรองมาตรฐาน GAP ประมง การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการด้านประมง การจดทะเบียนผู้ส่งออกผักและผลไม้ไปต่างประเทศ การขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช เป็นต้น รวมถึงระบบ e-Service การบริหารจัดการสัตว์ป่าควบคุม และบริการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข การใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป และ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง การบริหารจัดการสัญญา เพื่อความสะดวกคล่องตัวในการบริหารกองทุนฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

องค์การสวนสัตว์ฯ จับมือ GMM MUSIC สานต่อกระแสซอล์ฟพาวเวอร์ “น้องหมูเด้ง” มอบโปรเจคเพลงพิเศษ 4 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น ส่งความสุขแฟนคลับทั่วโลก ดาวน์โหลดฟรีได้แล้วทุกเครือข่าย

(13 พ.ย. 67) ต่อยอดกระแสซอล์ฟพาวเวอร์ “น้องหมูเด้ง” ซูเปอร์สตาร์ ฮิปโปแคระระดับโลก  องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จับมือ GMM MUSIC ส่งมอบความสุข ความบันเทิงผ่านเสียงเพลงให้กับเหล่าแฟนคลับของน้องหมูเด้ง กับโปรเจคผลงานเพลงสุดพิเศษอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อน้องหมูเด้งสุดน่ารักและแฟนคลับทั่วโลก โดยโปรเจคนี้ทาง GMM MUSIC ได้คัดสรรศิลปินและทีมงานมืออาชีพในการร่วมสร้างสรรค์บทเพลง เพื่อนำเสนอความน่ารักน่าเอ็นดู และพลังงานเด้งดึ๋งอันโดดเด่นของน้องหมูเด้งที่ทุกคนชื่นชอบและประทับใจ ผ่านผลงานเพลง 2 ซิงเกิล ที่มีทั้งเพลงแดนซ์จังหวะสนุกๆในสไตล์สามช่าและเพลงจังหวะมีเดียมน่ารักชวนโยกชวนยิ้มสไตล์ T-Pop และที่พิเศษสุดคือ ทั้ง 2 เพลงจะมีถึง 4 เวอร์ชั่น 4 ภาษา ทั้ง ไทย, จีน, อังกฤษ และ ญี่ปุ่น  อีกด้วย ซึ่งเพลงแรกมีชื่อว่า “หมูเด้ง หมูเด้ง” ที่เพิ่งปล่อยออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกันเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา  เป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสามช่าสไตล์ไทยๆ ที่คุ้นหู ถูกจริตชาวไทยและถูกใจชาวต่างชาติ จากฝีมือการแต่งและโปรดิวซ์โดย คุณเหมือนเพชร อำมะระ โปรดิวเซอร์มากฝีมือที่เคยร่วมสร้างสรรค์ผลงานให้กับศิลปินดังๆมากมายใน GMM MUSIC ส่วนเจ้าของเสียงร้องในเพลงนี้คือ “กีต้าร์” ณัฐเอก ทอนสูงเนิน สมาชิกน้องเล็กจากวงลูกทุ่งโมเดิร์นชื่อดัง นิว คันทรี่ ( New Country) นั่นเอง

สำหรับเพลงที่ 2 มีชื่อว่า “หมูเด้ง ลิตเติล ฮิปโป” เพลงจังหวะชวนโยกเบาๆ น่ารักสไตล์ T-Pop  ที่จะปล่อยออกมาให้ได้ฟังในวันที่ 20 พ.ย.นี้

คุณอรรถพร ศรีเหรัญ  ผู้อำนวยการ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  กล่าวถึงโปรเจคนี้ว่า... “เป็นเรื่องราวดีดีอีกเรื่องหนึ่งของปรากฏการณ์หมูเด้งในครั้งนี้ องค์การสวนสัตว์ต้องขอบคุณทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ที่เห็นถึงความน่ารักความสดใสของหมูเด้งจนนำไปแต่งเป็นบทเพลง เพื่อมอบความสุขให้กับประชาชนและ แฟนคลับของหมูเด้ง ได้ชม ได้ฟัง และดาวน์โหลดไว้ใช้เป็นเสียงเรียกเข้าเสียงเพลงรอสายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

หวังว่านอกจากเพลงที่ไพเราะมิวสิควิดีโอที่สวยงามแล้วผู้ที่ได้รับสิ่งนี้ไปจะกลับมาเที่ยวชมสวนสัตว์และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สัตว์ป่าทั้งในถิ่นอาศัยและนอกอาศัยอันจะ เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากยิ่งขึ้นต่อไปครับ”

คุณจามร จีระแพทย์ รองกรรมการ ผู้อำนวยการ หน่วยงาน Music Creator จาก GMM MUSIC ได้เล่าถึง concept และการทำงานในโปรเจคนี้ว่า “ทาง GMM MUSIC ตั้งใจทำเพลงเพื่อน้องหมูเด้ง ให้ออกมาเป็นเพลงที่ฟังง่ายๆ สบายๆ จดจำง่าย เหมาะกับการร้องตามและสะดวกที่จะนำไปใช้ประกอบคอนเท้นท์บน Social Media โดยเป็นรูปแบบของเพลงสั้น 1 นาที  มี ทั้งหมด 2 เพลง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นตัวตนของน้องหมูเด้งที่คนทั่วโลกจดจำและหลงรัก และความพิเศษของโปรเจคนี้คือ ทั้ง 2 เพลงจะถูกแปลเป็น 4 ภาษาทั้ง อังกฤษ จีน และญี่ปุ่นอีกด้วย”

แฟนคลับและบุคคลทั่วไปสามารถฟังเพลงและชมมิวสิควิดีโอเพลง “หมูเด้ง หมูเด้ง” ได้แล้วทาง Youtube: GMM SAUCE Thai Ver. https://youtu.be/htTWYzP9Omw
English Ver.  https://youtu.be/6aMJ8U96bVg
Chinese Ver.  https://youtu.be/UqyeB5whmc4
Japanese Ver. https://youtu.be/7qn1yhkJ02c

และฟัง Music Streaming ได้ทาง JOOX, Spotify, Apple Music, iTunes Store และ Plern
พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดบริการเสียงเรียกเข้าริงโทน (Ringtone) และเสียงรอสาย (Ring Back Tone) ฟรีได้แล้วตามช่องทางในการดาวน์โหลดต่อไปนี้ ลูกค้า AIS ใช้บริการได้ทาง https://www.ais.th/callingmelody/home และแอปพลิเคชั่น calling melody ทั้ง app store และ playstore ลูกค้า True ใช้บริการได้ทาง https://www.true.th/ring-back-tone และแอปพลิเคชั่น True iService และ TrueID ทั้ง app store และ playstore ลูกค้า dtac สามารถใช้บริการได้ทาง https://music.dtac.co.th/render/home/portal#/home และช่องทาง Line Melody สามารถดาวน์โหลดเพลงเพื่อตั้งเป็นเสียงรอสายและเสียงเรียกเข้าได้ฟรีเช่นกัน ผ่านทาง http://melody.line.me

ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ที่ช่องทาง
องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ https://www.facebook.com/ZPOTthailand
GMM MUSIC https://bio.to/GMMMUSIC และช่อง facebook :ขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top