Sunday, 18 May 2025
Hard News Team

องค์การสวนสัตว์ฯ จับมือ GMM MUSIC สานต่อกระแสซอล์ฟพาวเวอร์ “น้องหมูเด้ง” มอบโปรเจคเพลงพิเศษ 4 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น ส่งความสุขแฟนคลับทั่วโลก ดาวน์โหลดฟรีได้แล้วทุกเครือข่าย

(13 พ.ย. 67) ต่อยอดกระแสซอล์ฟพาวเวอร์ “น้องหมูเด้ง” ซูเปอร์สตาร์ ฮิปโปแคระระดับโลก  องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จับมือ GMM MUSIC ส่งมอบความสุข ความบันเทิงผ่านเสียงเพลงให้กับเหล่าแฟนคลับของน้องหมูเด้ง กับโปรเจคผลงานเพลงสุดพิเศษอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อน้องหมูเด้งสุดน่ารักและแฟนคลับทั่วโลก โดยโปรเจคนี้ทาง GMM MUSIC ได้คัดสรรศิลปินและทีมงานมืออาชีพในการร่วมสร้างสรรค์บทเพลง เพื่อนำเสนอความน่ารักน่าเอ็นดู และพลังงานเด้งดึ๋งอันโดดเด่นของน้องหมูเด้งที่ทุกคนชื่นชอบและประทับใจ ผ่านผลงานเพลง 2 ซิงเกิล ที่มีทั้งเพลงแดนซ์จังหวะสนุกๆในสไตล์สามช่าและเพลงจังหวะมีเดียมน่ารักชวนโยกชวนยิ้มสไตล์ T-Pop และที่พิเศษสุดคือ ทั้ง 2 เพลงจะมีถึง 4 เวอร์ชั่น 4 ภาษา ทั้ง ไทย, จีน, อังกฤษ และ ญี่ปุ่น  อีกด้วย ซึ่งเพลงแรกมีชื่อว่า “หมูเด้ง หมูเด้ง” ที่เพิ่งปล่อยออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกันเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา  เป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสามช่าสไตล์ไทยๆ ที่คุ้นหู ถูกจริตชาวไทยและถูกใจชาวต่างชาติ จากฝีมือการแต่งและโปรดิวซ์โดย คุณเหมือนเพชร อำมะระ โปรดิวเซอร์มากฝีมือที่เคยร่วมสร้างสรรค์ผลงานให้กับศิลปินดังๆมากมายใน GMM MUSIC ส่วนเจ้าของเสียงร้องในเพลงนี้คือ “กีต้าร์” ณัฐเอก ทอนสูงเนิน สมาชิกน้องเล็กจากวงลูกทุ่งโมเดิร์นชื่อดัง นิว คันทรี่ ( New Country) นั่นเอง

สำหรับเพลงที่ 2 มีชื่อว่า “หมูเด้ง ลิตเติล ฮิปโป” เพลงจังหวะชวนโยกเบาๆ น่ารักสไตล์ T-Pop  ที่จะปล่อยออกมาให้ได้ฟังในวันที่ 20 พ.ย.นี้

คุณอรรถพร ศรีเหรัญ  ผู้อำนวยการ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  กล่าวถึงโปรเจคนี้ว่า... “เป็นเรื่องราวดีดีอีกเรื่องหนึ่งของปรากฏการณ์หมูเด้งในครั้งนี้ องค์การสวนสัตว์ต้องขอบคุณทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ที่เห็นถึงความน่ารักความสดใสของหมูเด้งจนนำไปแต่งเป็นบทเพลง เพื่อมอบความสุขให้กับประชาชนและ แฟนคลับของหมูเด้ง ได้ชม ได้ฟัง และดาวน์โหลดไว้ใช้เป็นเสียงเรียกเข้าเสียงเพลงรอสายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

หวังว่านอกจากเพลงที่ไพเราะมิวสิควิดีโอที่สวยงามแล้วผู้ที่ได้รับสิ่งนี้ไปจะกลับมาเที่ยวชมสวนสัตว์และสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สัตว์ป่าทั้งในถิ่นอาศัยและนอกอาศัยอันจะ เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากยิ่งขึ้นต่อไปครับ”

คุณจามร จีระแพทย์ รองกรรมการ ผู้อำนวยการ หน่วยงาน Music Creator จาก GMM MUSIC ได้เล่าถึง concept และการทำงานในโปรเจคนี้ว่า “ทาง GMM MUSIC ตั้งใจทำเพลงเพื่อน้องหมูเด้ง ให้ออกมาเป็นเพลงที่ฟังง่ายๆ สบายๆ จดจำง่าย เหมาะกับการร้องตามและสะดวกที่จะนำไปใช้ประกอบคอนเท้นท์บน Social Media โดยเป็นรูปแบบของเพลงสั้น 1 นาที  มี ทั้งหมด 2 เพลง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นตัวตนของน้องหมูเด้งที่คนทั่วโลกจดจำและหลงรัก และความพิเศษของโปรเจคนี้คือ ทั้ง 2 เพลงจะถูกแปลเป็น 4 ภาษาทั้ง อังกฤษ จีน และญี่ปุ่นอีกด้วย”

แฟนคลับและบุคคลทั่วไปสามารถฟังเพลงและชมมิวสิควิดีโอเพลง “หมูเด้ง หมูเด้ง” ได้แล้วทาง Youtube: GMM SAUCE Thai Ver. https://youtu.be/htTWYzP9Omw
English Ver.  https://youtu.be/6aMJ8U96bVg
Chinese Ver.  https://youtu.be/UqyeB5whmc4
Japanese Ver. https://youtu.be/7qn1yhkJ02c

และฟัง Music Streaming ได้ทาง JOOX, Spotify, Apple Music, iTunes Store และ Plern
พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดบริการเสียงเรียกเข้าริงโทน (Ringtone) และเสียงรอสาย (Ring Back Tone) ฟรีได้แล้วตามช่องทางในการดาวน์โหลดต่อไปนี้ ลูกค้า AIS ใช้บริการได้ทาง https://www.ais.th/callingmelody/home และแอปพลิเคชั่น calling melody ทั้ง app store และ playstore ลูกค้า True ใช้บริการได้ทาง https://www.true.th/ring-back-tone และแอปพลิเคชั่น True iService และ TrueID ทั้ง app store และ playstore ลูกค้า dtac สามารถใช้บริการได้ทาง https://music.dtac.co.th/render/home/portal#/home และช่องทาง Line Melody สามารถดาวน์โหลดเพลงเพื่อตั้งเป็นเสียงรอสายและเสียงเรียกเข้าได้ฟรีเช่นกัน ผ่านทาง http://melody.line.me

ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ที่ช่องทาง
องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ https://www.facebook.com/ZPOTthailand
GMM MUSIC https://bio.to/GMMMUSIC และช่อง facebook :ขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ 2 คดีพื้นที่ สภ.ห้วยไร่ และพื้นที่ สภ.พาน 

(13 พ.ย. 67) เวลา 11.00 น.  พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว การจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ  2 คดี คดีที่  1 จับกุมผู้ต้องหา 3  คน รถยนต์  1  คัน ยาบ้า 620,000 เม็ด พื้นที่ สภ.ห้วยไร่  อ.เด่นชัย จ.แพร่  คดีที่ 2 ด่านตรวจปูแกง  สภ.พาน จ.เชียงราย  จับกุมผู้ต้องหา  4 คน พร้อมของกลางไอซ์  360 กก., เคตามีน 570 กก. และ รถยนต์บรรทุก 2  คัน พื้นที่ สภ.พาน จ.เชียงราย  ณ ลานแถลงข่าวอาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน  ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 

ตามนโยบายรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยการอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผบ.ตร, พล.ต.อ.ธนา ชูวงค์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข  ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ  มทภ.3 ได้รับบัญชาและข้อสั่งการนำไปสู่การปฏิบัติ

ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร  ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร, พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง  รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.มานพ เสนากูล  ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พล.ต.ต.พิชญา บุญขจร  ผบก.ภ.จว.แพร่ ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35โดย พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน  มทน.3/ผบ.นบ.ยส.35 ฝ่ายปกครอง โดย นายโชตินรินทร์ เกิดสม   รอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการ ผวจ.เชียงราย นายชุติเดช มีจันทร์ ผวจ.แพร่ สำนักงาน ปปส.ภาค 5  โดย นายธันวา ผุดผ่อง  ผอ.ปปส.ภาค 5  แถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี 1. คดี สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ ผู้ต้องหา 3 คน ของกลางยาบ้า 600,000 เม็ด 2. คดี สภ.พาน จว.เชียงราย ผู้ต้องหา 4 คน ของกลาง ไอซ์ 360 กก. และ เคตามีน 570 กก.

คดีที่ 1 สืบเนื่องจากคดีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมเครือข่ายรถยนต์กระบะดัดแปลงทำช่องลับ ซุกซ่อนเฮโรอีนจำนวน 92 กก. ที่ โกดังในพื้นที่ จว.นนทบุรี จากการขยายผลจับกุม พบว่า ยังมีเครือข่ายลักษณะดังกล่าวอีกที่ยังคงเคลื่อนไหวลักลอบลำเลียง โดยใช้รถยนต์กระบะดัดแปลงเป็นช่องลับซุกซ่อนยาเสพติดจากแนวชายแดนด้าน จว.เชียงราย ลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ 
ตำรวจภูธรภาค 5 ได้บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส., ฝ่ายทหาร, ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มอบหมายชุดปฏิบัติการสืบสวนวิเคราะห์พฤติการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มรถกระบะดัดแปลงทำช่องลับอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 16.30 น. สืบสวนพบรถกระบะต้องสงสัย ใช้เส้นทางจากพื้นที่ จว.เชียงราย มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง และมีพฤติการณ์เปลี่ยนป้ายทะเบียน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองแพร่ และ ด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ จว.แพร่ ทำการตรวจค้น และนำรถกระบะดังกล่าวเข้าตรวจในเครื่อง X-ray  พบ ยาบ้า 600,000 เม็ด ซุกซ่อนในช่องลับของรถกระบะ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 คน คือ นายศริตตรา หรือ ก๊อต อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา อ.อัมพวา จว.สมุทรสาคร, นายกฤษณ์ หรือ ทิต อายุ 40 ปี ภูมิลำเนา อ.ดำเนินสะดวก  จว.ราชบุรี และ น.ส.อารี หรือ นุ่น อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี พร้อมด้วยยาเสพติดและรถยนต์ของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจปูแกง สืบสวนทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติด จาก จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นพาหนะลำเลียงยาเสพติด จึงได้รายงาน ให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และบรูณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งด่านตรวจบริเวณด่านตรวจปูแกง ต.แม่เย็น อ.พาน จว.เชียงราย  กระทั่งถึงเวลาประมาณ 22.00 น. พบรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ตู้ทึบ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว เลขทะเบียน 71 – 2060 ปทุมธานี เข้ามาที่ด่านตรวจ มีนายวัลลพ เป็นผู้ขับ มี นายมานะ และ นายเหม เป็นผู้โดยสาร จึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อขอทำการตรวจสอบและขอทำการตรวจค้น ระหว่างทำการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นว่าชายทั้ง 3 มีลักษณะอาการ กระวนกระวาย ให้การวกวนไปมา จึงทำการตรวจค้นตู้ทึบ และพบว่าเป็นการนำแผ่นเหล็กมาปิดดัดแปลงทำเป็นช่องลับขึ้นมาใหม่  จึงได้ทำการเปิดช่องดังกล่าวออกมา พบยาเสพติด ไอซ์ จำนวน 360 กก. และพบเคตามีน จำนวน 570 กก. ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับ จึงได้ควบคุมตัวบุคคลทั้ง 3 คน ตรวจยึดของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้ทำการสืบสวนขยายผลไปจับกุมตัวนายฉลาด พร้อมรถยนต์หัวลาก ยี่ห้อ ฮีโน่ เลขทะเบียน 700-4518 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์นำ/สำรวจเส้นทาง ได้ที่บริเวณ ต.เนินกุ่ม  อ.บางกระทุ่ม จว.พิษณุโลก ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลหาเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไปในส่วนการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน ตำรวจภูธรภาค 5 ได้บรูณาการร่วมกับหน่วยเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ได้ จำนวน 19 คดี ของกลางยาบ้าประมาณ 10 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,384 กิโลกรัม, เฮโรอีน 143 กิโลกรัม และ เคตามีน 622 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายตำรวจ ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้นำบัญชาและข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

“ยืนยันเป็นสัจจวาจาว่า ไม่รับกระเช้าดอกไม้ ไม่รับการกราบกรานขอโทษ คุณจะคลานจากประตูบ้านพระอาทิตย์ ผมก็ไม่ให้เข้า”

สนธิ ลิ้มทองกุล
กล่าวถึงทนายเดชา กิตติวิทยานันท์
ในรายการ Sondhi Talk เมื่อ 11 พ.ย.67

ไม่รับกราบ ไม่รับกระเช้า บ้านพระอาทิตย์ปิดประตูไม่ต้อนรับ ทนายไร้ราคา

AION พาสื่อทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ‘AION V’ ก่อนประกาศราคาขายอย่างทางการในงาน Motor Expo 2024

(13 พ.ย. 67) กรุงเทพฯ – AION ผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก จัดกิจกรรม AION V My V, My Version พาสื่อมวลชนร่วมทดลองขับ AION V รถเอสยูวีไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่ ก่อนการเปิดราคาขายอย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2024 ที่บูท AION (A12) อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 - 3 เมืองทองธานี โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 - 8 พฤศจิกายน 2567 ณ Take a Breath Café & Eatery ถนนพุทธมณฑล สาย 1 ซึ่งในงานครั้งนี้ สื่อมวลชนที่เข้าร่วมได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ AION V บนถนนจริง ทำให้ได้ทดสอบสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยของรถยนต์ไฟฟ้า AION V อย่างเต็มที่

กิจกรรม AION V My V, My version จัดขึ้นเพื่อให้สื่อมวลชนร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด AION V เอสยูวีไฟฟ้าที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยและการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสกับสมรรถนะและความสะดวกสบายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ AION V ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2 และฟีเจอร์ความบันเทิงและฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งการใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ ภายใต้แนวคิด My V, My version ที่เน้นให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกสไตล์การใช้งานที่ตรงกับตัวเอง

AION V มาพร้อมแนวคิดการออกแบบ Cyber Design สะท้อนถึงความล้ำสมัยและความแข็งแกร่งในทุกมุมมอง โดดเด่นด้วยไฟหน้าและไฟท้ายที่ออกแบบมาอย่างลงตัว เส้นข้างตัวรถที่เฉียบคม พร้อมด้วยระยะทางวิ่งสูงสุด 602 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง AION V จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเดินทางระยะไกล โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Magazine Battery 2.0 แบบ lithium ion phosphate ขนาด 75.3 kW พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 3C ทำให้การชาร์จไฟเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สามารถชาร์จไฟได้ระยะทาง 300 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 15 นาที เทียบเท่ากับการแวะดื่มกาแฟ 1 แก้วเท่านั้น

ภายในห้องโดยสารของ AION V ได้รับการออกแบบให้หรูหราและทันสมัย มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างเต็มที่ พร้อมด้วยเบาะนั่งขนาดใหญ่ที่รองรับสรีระของร่างกายอย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีเบาะนวดไฟฟ้า 8 จุดที่สามารถปรับโหมดการทำงานได้มากถึง 5 โหมด รองรับทุกความต้องการในการผ่อนคลายระหว่างการเดินทาง และยังมี ตู้เย็นอัจฉริยะ ขนาด 6.6 ลิตร ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -15°C ถึง 50°C สามารถใส่เครื่องดื่มและสร้างความเย็นได้ในทุกการเดินทาง

AION V มาพร้อมกับ AEP 3.0 (AION Electric Platform 3.0) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารได้มากขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน เช่น ถุงลมนิรภัยกลางสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ที่ช่วยลดการบาดเจ็บจากการชน และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างขนาดยาวพิเศษ 2.3 เมตร ซึ่งสามารถพองตัวเต็มที่ได้ในเวลาเพียง 0.008 วินาที และสามารถคงแรงดันได้นาน 6 วินาที ให้การปกป้องรอบด้านในกรณีรถพลิกคว่ำ

นอกจากนี้ AION V ยังมาพร้อมกับระบบ ADiGO SPACE ห้องโดยสารอัจฉริยะที่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้ถึง 4 โซน รองรับคำสั่งเสียงทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพิ่มความสะดวกสบายในการควบคุมและสั่งการระหว่างการขับขี่ โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย นอกจากนี้ยังรองรับแอปพลิเคชันหลากหลาย รวมถึง Apple CarPlay และ Spotify (OTA ในเดือนธันวาคม) เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้งาน พร้อมด้วยชิปประมวลผล Qualcomm SA8155P ที่ให้สมรรถนะการประมวลผลที่โดดเด่นในรถยนต์ระดับเดียวกัน รองรับระบบขับขี่อัจฉริยะระดับ L2 ที่ครอบคลุมฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (ACC with S&G) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) และระบบช่วยเหลือการขับขี่อื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อมอบความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุดในการขับขี่

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า AION V รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดจาก AION มีกำหนดการเปิดตัว พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ในงาน Motor Expo 2024 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2567 นี้

ILINK ทำรายได้ไตรมาส 3/67 กว่า 5,148 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้มาตามนัดทะลุ 7 พันล้าน จากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก

(13 พ.ย. 67) โตต่อเนื่อง ! ILINK เผยงบการเงินประจำไตรมาส 3/67 กวาดรายได้รวม 5,148.19 ล้านบาท ทำรายได้โต 21.54 ล้านบาท จากศักยภาพของการเดินหน้าธุรกิจ รุกตามแผนพัฒนาด้วยนวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโต เตรียมสร้างสถิติใหม่ สู่เป้ารายได้รวม 7,002 ล้านบาท พร้อมประกาศชัด การันตีรายได้ปีนี้มาตามนัด ทั้ง 3 ธุรกิจ ด้วยการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์การขยายตลาด และการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัย ร่วมกับให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล มั่นใจอนาคตสดใส สามารถรักษาระดับอัตรากำไร ต่อยอดสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืน แบบมีคุณภาพ 

เมื่อวันที่ (12 พ.ย. 67) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ได้ประกาศงบการเงินประจำไตรมาส 3/67 เผยถึงผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยรายได้รวมของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมากว่า 38 ปี ซึ่งอาศัยหลักอุดมการณ์ของผู้ก่อตั้งที่จะนำเทคโนโลยีมาพัฒนาประเทศไทย เป็นผลทำให้การขยายตัวของธุรกิจด้านโครงข่าย และการจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารที่แข็งแกร่งมากขึ้นในตลาด ภายใต้ความมุ่งมั่นในการพัฒนา และเสริมสร้างระบบโครงข่าย เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชีย 

สำหรับรายได้รวมของผลประกอบการในไตรมาส 3/67 นี้ การันตีทำรายได้ดี มีฟอร์มแจ่ม จากทั้ง 3 ธุรกิจในเครือที่เกี่ยวเนื่องกัน อันได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Import & Distribution Business) ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business) และธุรกิจโทรคมนาคม และดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom Business & Data Center) ทำรายได้รวม 5,148.19 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้น 21.54 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิรวม อยู่ที่ 549.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 27.72 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 5.31% ส่งซิกผลงานทั้ง 3 ธุรกิจ ในไตรมาสนี้เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดจำหน่ายอุปกรณ์โครงข่ายที่ครบวงจร ตั้งแต่โครงข่ายพื้นฐานจนถึงอุปกรณ์ขั้นสูง ซึ่งการขยายตัวในธุรกิจเครือข่ายไอที และการสื่อสารมีบทบาทสำคัญที่ทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง ยังมีการวางแผนขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กร นอกจากนี้ ยังมีงานทางด้านวิศวกรรมที่กำลังรอส่งมอบอีกเป็นจำนวนมาก ที่จะส่งผลทำให้มีรายได้ในไตรมาสสุดท้ายก้าวหน้าต่อเนื่อง พร้อมกับมุ่งหวังว่า ผลประกอบการจากการดำเนินธุรกิจในไตรมาสถัดไป มั่นใจสามารถรักษาระดับมาตรฐานการเติบโตได้ตามที่คาดการณ์

สำหรับผลประกอบการของ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Import & Distribution Business) ในไตรมาส 3/67 มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยังคงเป็นธุรกิจหลักที่ทำรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการขาย ทำรายได้รวม 2,451.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 216.19 ล้านบาท คิดเป็น 9.67% และทำกำไรสำหรับงวดรวม 264.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.39 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 4.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี รายได้รวมสำหรับไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 950.56 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำรายได้เพิ่มสำหรับงวดนี้ 80.11 ล้านบาท จากการมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สายสัญญาณให้มีคุณภาพสูง และได้มาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นสายสัญญาณใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) สายสัญญาณระบบแลน (LAN) สายสัญญาณกล้องวงจรปิด (CCTV) รวมถึงสายสัญญาณเฉพาะทางที่ออกแบบให้ตอบโจทย์จากการขยายตัวของความต้องการในโครงข่ายพื้นฐานการสื่อสาร ซึ่งรวมไปถึง Hyperscale Data Center อีกด้วย ที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริษัทฯ ยังได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ และพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อมารองรับการเติบโตของเทคโนโลยี และการสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ สามารถเจาะตลาดกลุ่มลูกค้ารายใหม่ และตอบสนองลูกค้าปัจจุบันได้อย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่าย การจัดจำหน่ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และการให้บริการหลังการขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ครอบคลุมทุกรอบด้าน

ด้านผลการดำเนินงาน และรายได้รวมของ ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business) ทยอยรับรู้รายได้ผลประกอบการรวมประจำไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 703.50 ล้านบาท ทำกำไรรวม 82.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.63 ล้านบาท หรือ 16.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการทยอยรับรู้รายได้ ตามผลงานและอยู่ในระยะเวลาของ การเร่งรัดการชำระเงินตามผลงานที่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ยังได้ติดตามโครงการต่าง ๆ อาทิ งาน Transmission line จังหวัดประจวบคีรีขันธ์/งานสายไฟฟ้าใต้ดิน จังหวัดพิจิตร และงาน Submarine ที่คาดว่าจะเปิดประกวดราคา และประกาศผลภายในปี 2567 นี้ต่อไป

ภูฏานปิ๊งเมกะโปรเจกต์ สร้างเมืองสีเขียวส่งเสริมสมาธิ

(13 พ.ย. 67) ภูฏาน ประเทศเจ้าของไอเดีย GDPความสุข เผยแนวคิดพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์สร้าง "เมืองแห่งสติ" ในเมืองเกเลพู ผ่านการระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ 

สำหรับเมืองเกเลพูจะได้รับการจัดตั้งให้เป็นพื้นที่บริหารพิเศษที่มีกฎหมายและกฎระเบียบแยกเฉพาะ มีเป้าหมายให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เมืองนี้จะเน้นการส่งเสริมการเดินและการขี่จักรยานเพื่อลดมลพิษ รวมถึงจัดสรรพื้นที่สีเขียวสำหรับการทำสมาธิและการผ่อนคลาย ระบบการศึกษาจะมุ่งเน้นการปลูกฝังสติและส่งเสริมกิจกรรมชุมชน สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ

เมืองเกเลพูจะครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,500 ตารางกิโลเมตร ติดชายแดนอินเดีย โดยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจด้านการเงิน การท่องเที่ยว พลังงานสีเขียว เทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ เกษตรกรรม การบิน โลจิสติกส์ การศึกษา และการพัฒนาจิตวิญญาณ

เมื่อ 11 พ.ย. ผ่านมา ภูฏานได้ประกาศเริ่มโครงการระดมทุนจากชาวภูฏานในต่างประเทศ เพื่อนำเงินมาสร้างสนามบินนานาชาติและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ในเกเลพู การระดมทุนนี้จะอยู่ในรูปแบบพันธบัตรระยะ 10 ปี

อดีตนายกรัฐมนตรี โลเท เชอร์ริง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเมืองเกเลพู กล่าวว่า โครงการนี้จะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจของภูฏาน โดยเน้นดึงดูดการลงทุน พัฒนาทักษะ และสร้างงานเพื่อความเจริญรุ่งเรือง

การพัฒนาเมืองเกเลพูจะดำเนินไปหลายระยะ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 21 ปี โดยการลงทุนจากเอกชนจะครอบคลุมการก่อสร้างถนน สนามบิน ที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล และธุรกิจต่าง ๆ คาดว่าจะมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 150,000 คนภายใน 7-10 ปีแรก

เจ้าหน้าที่ระบุว่า อินเดียซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของภูฏาน ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้ โดยมีแผนขยายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อมายังเมืองเกเลพู

นิตยสาร Travel + Leisure ยกย่อง ธรรมชาติสวย - 4 ภาคเอกลักษณ์เด่น

(13 พ.ย. 67) ไทยคว้ารางวัลจุดหมายปลายทางแห่งปี 2025 จาก Travel + Leisure - ประกาศศักยภาพ Soft Power สู่สายตาชาวโลก

ประเทศไทยได้รับรางวัล “จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวแห่งปี 2025” (Destination of the Year 2025) จากนิตยสาร Travel + Leisure สื่อท่องเที่ยวทรงอิทธิพลระดับโลก โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้ว่า นี่เป็นสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวในปีหน้า

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า Travel + Leisure เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกสำหรับปี 2025 ด้วยความครบครันในด้านแหล่งท่องเที่ยว ทั้งความงามตามธรรมชาติอย่างอ่าวพังงา การอนุรักษ์ช้างไทย และเสน่ห์ของกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสีสัน ทั้งด้านวัฒนธรรม อาหารอันเลื่องชื่อ และการเปิดกว้างสำหรับชุมชน LGBTQ+

การได้รับตำแหน่งนี้จาก Travel + Leisure ซึ่งจัดอันดับจุดหมายปลายทางแห่งปีมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก โดยในอดีตประเทศที่ได้รับรางวัลนี้ เช่น คอสตาริกา อิตาลี และญี่ปุ่น ต่างก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

นิตยสาร Travel + Leisure ประเมินว่าประเทศไทยโดดเด่นด้วยความผสมผสานของความเป็นไทยและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ฌัคกี กิฟฟอร์ด บรรณาธิการใหญ่ของ Travel + Leisure กล่าวว่า “การประกาศให้ไทยเป็นจุดหมายแห่งปี 2025 เป็นความตื่นเต้นสำหรับเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการชิมอาหารในกรุงเทพฯ พักผ่อนบนเกาะงดงามกว่า 1,430 เกาะ หรือสัมผัสการบริการระดับโลก เมืองไทยมีทุกสิ่งให้คนทุกสไตล์ได้ค้นพบ”

นอกจากนี้ แต่ละภูมิภาคของไทยยังมีเอกลักษณ์เฉพาะที่น่าประทับใจ ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม และการผจญภัย อย่างกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารชั้นเลิศและชุมชน LGBTQ+ ที่มีชีวิตชีวา ขณะเดียวกัน เกาะสมุยยังเป็นจุดถ่ายทำซีรีส์ดังอย่าง *The White Lotus* ของ HBO ซึ่งต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรีสอร์ตหรูและบรรยากาศอันเงียบสงบ และอ่าวพังงาก็มีทัศนียภาพเขาหินปูนที่งดงามเป็นเอกลักษณ์

ททท. มองว่าการได้รับรางวัลครั้งนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งต่อเป้าหมายการท่องเที่ยวในปี 2025 โดยนโยบายภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ 3.4 ล้านล้านบาท และยกระดับประเทศไทยให้เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยวและกีฬายิ่งใหญ่” (Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025)

ประเทศไทยยังดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า โดยเฉพาะการดูแลช้างไทยที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งสามารถเยี่ยมชมได้ตามศูนย์อนุรักษ์ช้างทั่วประเทศ 

การคว้าตำแหน่งจุดหมายปลายทางแห่งปี 2025 แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ Soft Power ของไทยที่ยังคงตรึงใจนักเดินทางทั่วโลกและตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าค้นหาในปีหน้า

'เยอรมนี' ชาติยอดนิยมในยุโรป นักศึกษา 'อินเดีย-จีน' แห่ไปเรียนมากสุด

(13 พ.ย. 67) เยอรมนีพบจำนวนนักศึกษาต่างชาติเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยในภาคการศึกษาฤดูหนาวปี 2023-2024 มีนักศึกษาต่างชาติกว่า 380,000 คนลงทะเบียนเรียน เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ DAAD (German Academic Exchange Service) นักศึกษาต่างชาติเหล่านี้คิดเป็นเกือบ 13% ของนักศึกษาทั้งหมดในเยอรมนี

นักเรียนจากอินเดียมีจำนวนมากที่สุด โดยมีนักเรียนลงทะเบียนประมาณ 49,000 คน รองลงมาคือจีน (38,700 คน) ตุรกี (18,100 คน) ออสเตรีย (15,400 คน) และอิหร่าน (15,200 คน) ขณะที่ซีเรีย ซึ่งเคยอยู่ในห้าอันดับแรก ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 13,400 คนหล่นอยู่ในอันดับที่หก

นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่อยู่ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย (78,500 คน) รองลงมาคือบาวาเรีย (61,400 คน) และเบอร์ลิน (40,800 คน)

ศาสตราจารย์ Monika Jungbauer-Gans ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ศูนย์วิจัยอุดมศึกษาและการศึกษาวิทยาศาสตร์เยอรมัน กล่าวว่า จำนวนผู้ลงทะเบียนนักศึกษาต่างชาติในเยอรมนีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปี นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความน่าดึงดูดของมหาวิทยาลัยในเยอรมนี โดยเฉพาะหลักสูตรปริญญาโทที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ “เพื่อเพิ่มจำนวนการลงทะเบียน เราจำเป็นต้องยกระดับการสนับสนุนนักศึกษาในทุกระดับการศึกษา” เธอกล่าวในแถลงการณ์ของ DAAD

ปัจจุบัน หลักสูตรวิชาการในเยอรมนีราว 10% ใช้การสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เพิ่มขึ้นจนเกิดข้อจำกัดในบางประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ ตามรายงานของ The PIE News

การสำรวจจาก Study in Germany เว็บไซต์การศึกษาต่อเยอรมนี ระบุเหตุผลสำคัญสามประการที่ดึงดูดนักเรียนต่างชาติ ได้แก่ 1.การเรียนฟรี มหาวิทยาลัยของรัฐในเยอรมนีไม่มีการเก็บค่าเล่าเรียน โดยนักศึกษาชำระเพียงค่าธรรมเนียมการบริหารปีละประมาณ 150-250 ยูโร (160-268 ดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรกว่า 500 หลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ และมหาวิทยาลัยเยอรมนี 49 แห่งติดอันดับโลกโดย Times Higher Education

2.ค่าครองชีพต่ำ นักศึกษาต่างชาติใช้ชีวิตด้วยงบประมาณเฉลี่ย 930 ยูโร (1,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน ซึ่งต่ำกว่าสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกามาก 3.โอกาสทำงานหลังเรียนจบ นักศึกษาสามารถอยู่ในเยอรมนีได้นานถึง 18 เดือนเพื่อหางาน โดยผลสำรวจยังชี้ว่านักศึกษาต่างชาติ 70% ต้องการทำงานในเยอรมนีหลังเรียนจบ

Kai Sicks เลขาธิการ DAAD กล่าวถึงความสำคัญของการสนับสนุนหลักสูตรภาษาอังกฤษพร้อมกับการส่งเสริมการเรียนภาษาเยอรมันเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ “นักเรียนต่างชาติที่ประสบความสำเร็จในเยอรมนีมักจะเป็นผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและมหาวิทยาลัยได้ดี” เขากล่าวกับ The PIE

นอกจากนี้ เยอรมนี เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป กำลังเผชิญกับการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะถึง 7 ล้านคนภายในปี 2035 เนื่องจากประชากรสูงวัย DAAD ได้เรียกร้องให้รัฐบาล มหาวิทยาลัย และธุรกิจต่างๆ เพิ่มอัตราการคงอยู่ของบัณฑิตต่างชาติ โดยตั้งเป้ารักษาบัณฑิตไว้ประมาณ 50,000 คนต่อปีภายในปี 2030

ในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Steffen Kaupp รองผู้อำนวยการสถาบันเกอเธ่ ฮานอย เปิดเผยว่า จำนวนนักศึกษาชาวเวียดนามในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกือบ 30% จากช่วงก่อนโควิด-19 โดยส่วนใหญ่สนใจการฝึกอาชีวศึกษาในสาขาการพยาบาลและการบริการ

‘เอกนัฏ’ สั่งปรับปรุง มอก. 2333 ย้ำ รถแก๊สต้องปลอดภัยกว่าเดิม เพิ่มวาล์วตัดแก๊สอัตโนมัติรถ NGV คาดเริ่มประกาศใช้ใน ก.พ. 68

(13 พ.ย. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี) ได้มีการยื่นหนังสือขอให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ทบทวนมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2333 เล่ม 1 และ 2-2550 (ระบบการใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ เล่ม 1 ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย เล่ม 2 วิธีทดสอบ) เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์) จึงได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2333 ให้ทันต่อสถานการณ์และเพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สุขของประชาชนที่โดยสารรถที่ใช้ CNG (COMPRESSED NATURAL GAS) เป็นเชื้อเพลิง หรือเรียกกันว่ารถ NGV (NATURAL GAS VEHICLE)

ทาง สมอ. ได้ยกเลิกและปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2333 เพื่อให้ กรมการขนส่งทางบก นำไปอ้างอิง บังคับใช้ตามกฎหมาย โดยอ้างอิง ISO 15501 ฉบับล่าสุด ซึ่งกำหนดให้รถติดตั้งระบบ CNG ต้องมีวาล์วเปิด-ปิดอัตโนมัติที่หัวถัง ทุกถังเท่านั้น โดยเตรียมนำเสนอคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) หรือ บอร์ด สมอ. เพื่อพิจารณาในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เมื่อมีมติเห็นชอบคาดว่าจะสามารถประกาศใช้งานมาตรฐานดังกล่าวได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

“การแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เป็นการกำหนดแนวทางให้ผู้ผลิตต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ปลอดภัย เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ และนับเป็นอีกก้าวในการสร้างอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชน ตามนโยบาย "การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส“ เลขาฯ พงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย

เจาะเบื้องลึกหลังม่านแคมเปญเลือกตั้งสหรัฐฯ กับ ‘วินท์ สุธีรชัย‘ การป้ายสีให้ทรัมป์เป็นปิศาจ vs นโยบายแก้ปัญหาพื้นฐานสหรัฐฯ

(13 พ.ย. 67) การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผ่านพ้นไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นที่แน่นอนว่า ‘โดนัลด์ เจ ทรัมป์’ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ท่ามกลางความโกลาหลของโลก

THE STATES TIMES ได้รับโอกาสนั่งจิบกาแฟพร้อมกับคุยถึงสถานการณ์การเมืองของสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลกระทบต่อโลก และไทย ภายหลังการรับตำแหน่งของทรัมป์กับ ‘วินท์ สุธีรชัย‘ หนึ่งในนักการเมืองไฟแรง ความสามารถสูงโดยเฉพาะในส่วนของด้านเศรษฐกิจ 

บทสนทนาแรกเริ่มต้นจากการที่วินท์ได้เริ่มอธิบายภาพรวมการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา ผ่านวิธีคิดของพรรคการเมืองทั้ง 2 ขั้วบนเวทีการเมือง

การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นความประสบสำเร็จเป็นอย่างสูงของทรัมป์ และพรรครีพับลิกัน เพราะสามารถชนะได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกผู้แทนรัฐสำหรับเลือกประธานาธิบดี(Electoral College) คะแนนรวม(Popular Vote) สว. และ สส. 

เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่พรรครีพับลิกันสามารถเอาชนะได้ทั้งการเลือกตั้งผู้แทนรัฐสำหรับเลือกประธานาธิบดี(Electoral College) คะแนนรวม(Popular Vote)

ก่อนวินท์จะเริ่มเล่าถึงกลยุทธ์ในการทำแคมเปญหาเสียง

พรรคเดโมแครตพยายามใช้กลยุทธ์คล้าย ๆ กับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว คือสร้างภาพทรัมป์ให้เป็นเผด็จการที่จะมาทำลายระบอบประชาธิปไตยในอเมริกา เป็นคนบ้า เป็นคนเลวร้าย เป็นปิศาจ การสร้างแคมเปญแบบนี้ในการเลือกตั้งคือการสร้างภาพว่าทรัมป์คือ อดอร์ฟ ฮตเลอร์คนที่สอง และพยายามให้ภาพแบบนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

จนกระทั่งวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ทรัมป์ถูกลอบสังหารระหว่างการปราศรัยหาเสียงที่ เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนน์ซิลเวเนีย

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เดโมแครตต้องลดโทนการหาเสียงลง เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น 

ทำให้คนเริ่มสงสัยว่าหากทรัมป์เป็นปีศาจเผด็จการจริง ต้องฆ่าให้ตายสิ แต่นี่มาปกป้อง แสดงว่าทรัมป์ก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เขาไม่ใช่ปิศาจเผด็จการ เป็นคนธรรมดาที่มีความดีความชั่วปน ๆ กันไม่ต่างจากประชาชนทั่ว ๆ ไป

การใช้แนวคิดหาเสียงแบบนี้ของเดโมแครตไม่ต่างอะไรกับการสร้าง ‘ปิศาจที่ไม่มีจริง’

พรรคเดโมแครตยังมีข้อครหาเรื่อง ‘กมลา แฮร์ริส’ ที่มาแทนที่ ‘โจ ไบเดน’ เพราะแม้ไบเดนจะชนะการเลือกตั้งไพรมารี่ภายในพรรคด้วยเสียงถึง 14 ล้านเสียง แต่พอการดีเบตออกมาไม่ดี ก็มีนายทุนพรรคไม่กี่คนมาบีบให้ลาออกและชูแฮร์ริสขึ้นมาแทนโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งภายในพรรค

ที่ไบเดนต้องยอมถอยก็เพราะว่า แค่มีคำขู่ว่าถ้าไม่ยอมถอยออกไป เม็ดเงินในการเลือกตั้งจะหายไป 

นอกจากนี้แนวคิดในการหาเสียงของทีมกมลา แฮริส ยังมุ่งไปที่พยายามจะชูอัตลักษณ์ของตนเอง ที่เป็นผู้หญิงผิวสี มีเชื้อสายชนพื้นเมือง แต่ไม่ได้บอกอะไรเลยว่าจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวสหรัฐอย่างไร 

กมาลา แฮริส ไม่ได้โชว์ศักยภาพว่านโยบายของตัวเองดีอย่างไร หรือตัวเองที่เป็นตัวแทนของอัตลักษณ์จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขายังไง ดังนั้นไม่แปลกเลยที่แฮริสจะได้คะแนนน้อยทั้งในสัดส่วนผู้หญิง และอัตลักษณ์ต่าง ๆ

กลับกันการหาเสียงของทรัมป์ถึงจะดูรุนแรง แต่ยังไงก็ตามล้วนแต่จี้เข้าไปที่ปัญหาพื้นฐานของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่มีสวัสดิการดูแลอย่างดี แต่ประชาชนอเมริกันแท้ ๆ กลับมีหลายคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก 

ดังนั้นนโยบายการผลักดันผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายออกนอกประเทศอาจจะถูกโจมตีบ้าง แต่คนอเมริกันล้วนแต่ต้องการ เพราะตรงกับความรู้สึกที่ว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมตลอดเวลา ซึ่งนโยบายนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างมากแม้แต่กับชาวต่าชาติที่ได้รับสิทธิพลเมืองสหรัฐแล้ว 

นอกจากนี้ ‘วินท์’ ยังได้ยกตัวอย่างอีก 1 ปัญหาสำคัญของสหรัฐอเมริกา นั่นคือ ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงอย่างต่อเนื่อง 

นโยบายของทรัมป์จี้ไปที่เรื่องนี้ผ่าน 2 เรื่อง คือ การสร้างกำแพงภาษีจากสินค้านำเข้า เพื่อดึงโรงงาน ดึงธุรกิจ กลับมาบนแผ่นดินอเมริกา เพื่อสร้างงานให้กับพลเมืองอเมริกา 

ไม่ใช่การอุดหนุนสวัสดิการอย่างเดียว ข้อความ(Message)หลักของทรัมป์คิดว่า บนแผ่นดินของอเมริกาคนสามารถหางานดี ๆ มีเงินเดือนดี ๆ และศักดิ์ศรีในหน้าที่การงาน ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้

กาแฟแก้วแรกหมดลงไปสำหรับการได้รับคะแนนเสียงถล่มทลายของทรัมป์ สำหรับกาแฟแก้วต่อไปจะเป็นการพูดคุยถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลังการดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top