Saturday, 26 April 2025
Hard News Team

ทบ. แจ้งยังคงตรวจเลือกทหารตามปกติ ส่วนหน่วยตรวจเลือกที่พบผู้ติดเชื้อทั้งสองแห่ง ได้เปลี่ยนคณะกรรมการชุดใหม่ และแจ้งผู้เกี่ยวข้องป้องกันตนเองแล้ว

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทับกบ (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองประจำการ คือ นายธิติ มหาโยธารักษ์ หรือแบงค์ ฮอร์โมน ซึ่งเข้ารับการตรวจเลือกในวันที่ 5 เมษายน 64 ที่หน่วยตรวจเลือกทหารฯ มณฑลทหารบกที่ 23 จ.ขอนแก่น และผู้เข้ารับการตรวจเลือกที่หน่วยตรวจเลือกทหาร มณฑลทหารบกที่ 14 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งทั้งสองท่านภายหลังถูกตรวจพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด และปัจจุบันได้เข้าสู่กระบวนรักษาและสอบสวนโรคแล้วนั้น

คณะกรรมการตรวจเลือกทหารทั้งสองพื้นที่ได้รับทราบ และได้รีบดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรค การทำความสะอาดสถานที่ตรวจเลือก และกองทัพภาคที่ 1 และ 2 ได้ทำการเปลี่ยนคณะกรรมการตรวจเลือกชุดใหม่ ให้ไปปฏิบัติหน้าที่แทนชุดเดิม ที่อาจมีการสัมผัสเชื้อ โดยได้ส่งคณะกรรมการชุดเดิมไปทำการตรวจคัดกรองเชื้อและกักตัวเพื่อสังเกตอาการ เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทางคณะกรรมการตรวจเลือก ได้ประสานแจ้งฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชน ให้ทราบว่ามีผู้ติดเชื้อมาเข้ารับการตรวจเลือก ขณะนี้หน่วยงานสาธารณสุขและหน่วยทหาร และเจ้าหน้าที่สัสดีได้ร่วมกันสอบสวนและตรวจสอบค้นหาบุคคลที่อาจสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในช่วงเวลาที่เข้ารับการตรวจเลือก เพื่อแจ้งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะประชาชนที่เข้ารับการตรวจเลือกในวันดังกล่าวได้รับทราบ สำหรับในส่วนของสำนักงานสาธารณสุขศรีราชาได้แจ้งให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณสถานที่ตรวจเลือก อ.ศรีราชา ไปเข้ารับการตรวจคัดกรองเชื้อที่โรงพยาบาลแหลมฉบังเรียบร้อยแล้ว 

พล.ท.สันติพงษ์ กล่าวว่า ต่อกรณีที่มีความเข้าใจผิดว่า จะมีการยกเลิกการตรวจเลือกทหารที่ จ.ขอนแก่น นั้น ขอเรียนยืนยันว่าการตรวจเลือกทหารกองประจำการในภาพรวมของกองทัพบก ยังคงดำเนินการต่อไปตามกำหนดการในทุกพื้นที่ทุกจังหวัด ในระหว่าง 1 - 20 เมษายน 64 ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด เข้มงวดในกระบวนการตรวจเลือกทหารตามแนวทางที่กองทัพบกได้กำหนดไว้ คือ การจำกัดจำนวนผู้เข้ารับการตรวจเลือกไม่เกิน 500 คน/วัน/สถานที่ ลดความแออัด รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือเจลแอลกอฮอล์ วัดอุณหภูมิ แสกนไทยชนะ และทำความสะอาดสถานที่ทุกวันหลังจบการตรวจเลือก จึงขอแจ้งยืนยันให้ผู้ที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ได้เข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียก ส่วนผู้ที่มีเหตุจำเป็นสุดวิสัยหรือผู้ที่คิดว่าตนเองมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ ขอให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรอง หรือแจ้งให้คณะกรรมการตรวจเลือกทราบในวันตรวจเลือกโดยทันที เพื่อร่วมกันแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวม และเป็นการรักษาสิทธิ์ของตนเอง 

สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค เตรียมรถตรวจโควิดพระราชทาน จำนวน 8 คัน ตรวจโควิดประชาชนในพื้นที่สุ่มเสี่ยง 3 จุด ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น

เพจ ไทยรู้สู้โควิด รายงานว่า วันนี้ (8 เมษยน 2564) สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค ได้จัดเตรียมรถตรวจโควิดพระราชทานจำนวน 8 คัน ตรวจในพื้นที่สุ่มเสี่ยง ตลาดบางแค , ผับย่านทองหล่อ , ผับย่านห้วยขวาง ให้บริการ ช่วงเวลา 09:00 - 15:00 น. โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.) ตลาดบางแค กทม. จำนวน 3 คัน ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ตลาด และประชาชนในพื้นที่

2.) ผับย่านเทียนสิริ ห้วยขวาง กทม. จำนวน 2 คัน ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงจากผับ บาร์ ในบริเวณใกล้เคียง

3.) ผับ Bar Bar Bar ทองหล่อ กทม. ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงจากผับ บาร์ ในบริเวณใกล้เคียง จำนวน 3 คัน


ที่มา : https://www.facebook.com/thaimoph/photos/a.117672836509295/282478930028684/

โฆษก ภท.แจงผลตรวจโควิด ส.ส. - จนท. ทั้งหมด ที่ร่วมงานครบรอบ 13 ปี ก่อตั้งพรรคเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด-19 นัดตรวจซ้ำ 7 - 10 วันข้างหน้า ปัดตอบ ส.ส. ฉะเชิงเทรา อาจติดเชื้อหลังไข้สูง

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของ ส.ส.พรรค และเจ้าหน้าที่พรรค ที่ไปร่วมงานวันเกิดครบรอบ 13 ปี พรรคภูมิใจไทย ที่มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ร่วมงานด้วย ก่อนตรวจพบติดโควิด-19 ล่าสุด ส.ส. และเจ้าหน้าที่ของพรรค ที่เข้าตรวจในสถาบันบำราศนราดูรวานนี้ (7 เม.ย.) ทั้งหมด ไม่พบเชื้อ และจะนัดหมายเพื่อไปตรวจอีกครั้งใน 7-10 วันข้างหน้า ซึ่งระหว่างนี้ทุกท่านก็กักตัวอยู่บ้าน เพื่อรับผิดชอบต่อสังคม ส่วนกรณีข่าวลือว่า นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคภูมิใจไทย อาจติดโควิด-19 เพราะไข้ขึ้นสูง นั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้เจอกับเจ้าตัวที่ สถาบันบำราศนราดูร

“โฆษก ทบ.” เผย กักตัว คณะกรรมการตรวจเลือกทหาร ยกชุดประมาณ 100 คน หลังพบ ผู้ติดโควิด  'ขอนแก่น - ชลบุรี' 

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากรณีนาย ธิติ มหาโยธารักษ์ หรือแบงค์ นักแสดง ติดเชื้อโควิด-19 หลังเข้ารายงานตัวตรวจเลือกทหารที่จังหวัดขอนแก่นว่า 

ล่าสุด ได้เปลี่ยนคณะกรรมการตรวจเลือกทั้งชุด ใน 2 พื้นที่ คือ จ.ขอนแก่น และ จ.ชลบุรี ประมาณชุดละ 50 นาย เข้าสู่กระบวนการตรวจโรคและกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข นอกตากนี้ให้ทุกหน่วยตรวจเลือกฯ เพิ่มมาตราการเข้มข้นขึ้น ทั้งป้องกันส่วนตัว การเว้นระยะห่าง หรือสัมผัสให้น้อยลง และถ้าเป็นไปได้งดการสัมผัส พร้อมขอร้องให้ผู้มีรายชื่อเดินทางมาตรวจเลือกคนเดียว ไม่อยากให้นำญาติพี่น้องมาด้วยเพื่อลดความแออัด  

ยืนยันว่า กองทัพบก ยังต้องดำเนินการตรวจเลือกทหารต่อไป ตามที่กำหนด ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาเพียงไม่ถึง 10 วันก็จะเสร็จสิ้นแล้ว ในขณะเดียวกันทุกหน่วยมีมาตราการคัดกรองโรคขั้นสูงสุด ซึ่งในแต่ละวันจะทำการตรวจเลือกเพียง 500 คน/วัน  และต้องป้องกันด้วยการใส่หน้ากากอนามัย โดยถ้าใส่หน้ากากผ้าก็จะเปลี่ยนเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และจากหลังเกณฑ์และเข้ารับราชการ 1 พฤษภาคมนั้น จะมีการรับทหารเกณฑ์ใหม่เข้ามา จะมีมาตรการใช้พื้นที่คัดกรองที่ละเอียดมาก แต่ละหน่วยก็ดำเนินการที่เคยทำมาในปีที่แล้ว

คุณหญิงกัลยา ผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ เน้น Work From Home รับผิดชอบต่อสังคม

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า วานนี้ 7 เมษายน คุณหญิงกัลยา ได้เข้าไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาล หลังจากได้ทราบข้อมูลจาก นางสาวตรีนุช เทียนทอง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่ามีผู้มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 และคุณหญิงกัลยา ได้มีโอกาสร่วมประชุมกับท่าน รมว. ในวันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา

คุณหญิงกัลยา จึงได้เข้าไปรับการตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลในวันที่ 7 เมษายน 2564 ในช่วงสาย พร้อมกับตรวจเลือดเพื่อหาภูมิต้านทานไปในคราวเดียวกันด้วย เนื่องจากคุณหญิงกัลยาได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มที่ 1 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ คุณหญิงกัลยาได้รับแจ้งผลการตรวจเชื้อจากโรงพยาบาลในช่วงเย็นวันเดียวกัน ซึ่งเบื้องต้นผลตรวจออกมาเป็นลบ (negative) อย่างไรก็ตาม คุณหญิงกัลยาจะแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการเน้นการทำงานส่วนใหญ่ที่บ้านหรือ Work from Home ยกเว้นหากมีกิจกรรมสำคัญที่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมก็จะพิจารณาเป็นรายกิจกรรมอีกครั้ง

“จากคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กรณีของคุณหญิงกัลยา ถือเป็นการสัมผัสการติดเชื้อในระดับเทียร์ 3ถึงแม้ผลการตรวจหาเชื้อที่ออกมาจะเป็นลบ และไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน แต่คุณหญิงต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการทำงานที่บ้านหรือ Work from Home ยกเว้นหากมีกิจกรรมสำคัญที่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมก็จะพิจารณาเป็นรายกิจกรรมอีกครั้ง และฝากขอบคุณมายังทุกท่านที่กรุณาแสดงความห่วงใยในเหตุการณ์ดังกล่าว” นางดรุณวรรณ กล่าว

‘อาจารย์นิด้า’ ชี้ โควิดระลอกนี้หนักกว่า 2 ครั้งก่อน พร้อมทลายกรุงเทพฯแตกเป็นเสี่ยง ฟันธงติดเชื้อไม่ถึงแสนคนถือว่าเก่ง เหตุคนไร้สำนึก จากการเที่ยวสถานบันเทิงจาก ‘ศูนย์กลาง’ แต่กลับเพ่นพ่านไปทั่วประเทศ

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค บริษัท กรีนเนอร์ยี่ไทยแลนด์ จำกัด โพสต์เฟซบุ๊ก  Sunt Srianthumrong ในหัวข้อ

Covid-19: Alert Code Red: The Third Wave Confirm กรุงเทพฯแตกแล้วครับ 

หลังจากรักษาพระนครมาได้ยาวนาน แต่ถึงที่สุดแล้วตัวเลขและกราฟ 6 วันที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 เม.ย. 2021 ยืนยันการเข้าสู่ Wave#3 อย่างแน่นอน และรุนแรงมาก มากกว่า Wave#2 ที่เริ่มที่สมุทรสาครอย่างมาก 

ผมทำตัวเลขและกราฟมาให้ดูหลายชุดครับ ตอนนี้เราเข้าสู่ Exponential แล้ว Total Case ของ Wave#3 ใกล้แตะระดับ 1,000 แล้ว ก้าวข้ามสถานการณ์ของ Wave#1 เมื่อตอน Lockdown ปีที่แล้วและก้าวข้าม Wave#2 ตอนเปิดตัวเลขที่สมุทรสาครไปแล้วครับ ดังนั้นไม่ต้องหวังแล้วว่าจะจบต่ำกว่าหมื่น ขอแค่หยุดไม่ให้ถึงแสนได้ก็เก่งมากแล้วครับรอบนี้ 

คำแนะนำ: Lockdown กรุงเทพมหานคร ทันทีตั้งแต่คืนนี้ ไม่มีใครสมควรได้ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็นตั้งแต่คืนนี้พรุ่งนี้เป็นต้นไป ถ้าเรายังคิดว่าอยากจะหยุด Wave#3 นี้ไว้แค่หลักหมื่นครับ

และสำหรับ ปุถุชนทั่วไป ไม่ว่าใครจะ Encourage ท่านมากอย่างไรก็ตาม ภาครัฐและธุรกิจจะเอาน้ำเย็นเข้ารูปอย่างไรก็ตาม ผมแนะนำด้วยความปรารถนาดีต่อท่านและครอบครัวว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ อยู่บ้านครับ และอยู่ไปยาวๆ 2 เดือนครับ Wave#3 นี้แตกต่างจาก Wave#2 มาก ครั้งนี้เราถูกโจมตีกลางเมืองหลวง ซึ่งที่ผ่านมาเมียนมาสูญเสียย่างกุ้ง มาเลเซียสุญเสีย KL ฟิลิปปินส์สูญเสียมะนิลา และถึงที่สุดตัวเลขวิ่งไม่หยุดไปไกลมากก็ต้อง Lockdown อยู่ดีครับ และยังไม่มีใครกอบกู้กลับมาได้เลย 

เรามาดูสถานการณ์และกราฟต่างๆว่า คณิตศาสตร์บอกอะไรเราบ้างครับ

จาก Wave#2 สู่ Wave#3 กราฟ %Increase:

กราฟสีม่วงทึบและสีเขียวที่ทำต่อเนื่องจาก Wave#2 พลิกกลับขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. โดยเฉพาะสีม่วงทึบที่ขึ้นไปแตะระดับมากกว่า 3% ในวันนี้ส่งสัญญาณชัดเจนครับว่า นี่ไม่ใช่แค่ Cluster แต่คือ Wave ใหม่ครับ และ %Increase ในกราฟนี้ยังเป็นขาขึ้นอยู่ ซึ่งเวลา 6 วันนี้ยาวนานเท่ากับ 2 Doubling Day มาตรฐาน ซึ่งมากพอที่จะ Confirm ครับ 

กราฟของ Bangkok Cluster: 

ผมทำกราฟตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. มาให้ดูครับ กราฟ %Increase เปิดมาที่สูงกว่า 180% และทุกวันนี้ยังอยู่ที่ มากกว่า 60% แสดงว่า การติดเชื้อในวงกว้างเริ่มมาก่อน 1 เม.ย. พอสมควร เราน่าจะเจอช้าไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ครับ และมี Doubling Day ที่สั้นมากจนน่าใจหายครับ 

กราฟของ Total Case ในเขตกรุงเทพฯ ยืนยันหายนะที่ชัดเจนครับ กำลังเป็น Exponential ที่เพิ่มเป็นสองเท่าภายในทุกๆ 1-2 วันเท่านั้น ถึงแม้ส่วนหนึ่งเกิดจากการตรวจเชิงรุก แต่ตัวเลขการตรวจเจอจากโรงพยาบาลก็สูงมากครับ และโดยทั่วไป Doubling Day แค่ 3 วันก็หนักแล้วครับ ผ่านไปแค่ 6 วันเฉพาะ Wave#3 แค่กรุงเทพก็ราว ๆ 505 คนแล้ว และทุกคนอยู่กระจายไปทั่ว เดินทางไปทั่วเมืองและทั่วประเทศ ที่นี่เป็นเมืองศูนย์กลางการเดินทางที่มีฐานประชากรมากกว่า 10 ล้านคน ไม่ใช่แค่ 1 ล้านแบบสมุทรสาคร และไม่ใช่แรงงานต่างด้าวที่จะกักจะขังได้ตามใจชอบ  นี่คือสัญญาณว่า เราได้สูญเสียกรุงเทพฯไปแล้วครับ และมันร้ายแรงมาก

กราฟของ Wave#3 ทั่วประเทศ: 

กราฟมีความคล้ายกับของกรุงเทพฯครับทั้ง %Increase และ Total Case  และยืนยันลักษณะกราฟเป็น Exponential ที่รุนแรงเช่นกันครับ Doubling Day ยังสั้นกว่า 2 วัน ยังไม่นิ่ง แต่น่าจะใกล้ Stabilized ซึ่งจะทำให้เราเห็น Trend ระยะกลางได้ และจะสามารถประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงเวลาต่างๆของ Wave ที่จะเกิดขึ้นได้ครับ ต้องจับตาดูอีก 1 สัปดาห์ครับ

กราฟต่อเนื่องจาก Wave#2 ไป Wave#3 ที่ตัดแรงงานต่างด้าวออกไป:

กราฟนี้เพื่อการสังเกตุช่วง Transition จาก Wave#2 ไป Wave#3 เริ่มตั้งแต่ 17 ก.พ. ผมตัด Cluster สมุทรสาครและปทุมธานีออกไป เพื่อดูการติดเชื้อเฉพาะในหมู่คนไทยและคนต่างๆชาติอื่นๆ เราจะเห็นได้ชัดเจนจากทั้งกราฟ Total Case และ Daily New Case ที่กราฟพุ่งทะยานทันทีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นี่คือการติดเชื้อหลักรอบนี้ไม่ใช่แรงงานพม่าแล้วนะครับ แต่เป็นชาวกรุงทั้งไทยและเทศครับ ซึ่ง Character ของ Wave#3 จึงจะต่างจาก Wave#2 โดยสิ้นเชิงครับ 

 ความน่ากลัวในการจู่โจมของ Wave#3:

1.) เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ที่เป็น Hub ประชากร> 10 ล้านคน ยากแก่การปิดเมือง และทำ Contact Tracing มากๆ 
2.) คณะรัฐมนตรีโดนไวรัสไปแล้วเรียบร้อย 
3.) เรายังไม่หายเหนื่อยจาก Wave#2 พักมาไม่ถึง 2 เดือนแบบตาปิดไม่สนิทด้วย
4.) ผู้คนมากมายในกรุงเทพฯเริ่มออกเดินทางไปต่างจังหวัด และพร้อมจะเดินทางในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
5.) ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังรอลูกค้าสงกรานต์ 10 วัน พวกเขาจะต้องร้องไห้กันอีกเท่าไหร่ พวกเขาไม่เหลือสายป่านแล้ว และเที่ยวนี้ก็จะไม่เหลืออะไรให้พวกเขากล้าที่จะคาดหวังอีกต่อไปแล้ว มันน่าเศร้ามาก 
6.) ผู้มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบายในประเทศนี้ได้รับวัคซีนกันหมดแล้ว ทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนั้น พวกเขาจะกล้าเดินนโยบาย GDP ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและน้ำตา ณ จุดนี้ต้นทุนความเสี่ยงตายของคนในชาติไม่เท่ากันแล้วนะครับ และผู้มีอำนาจไม่จำเป็นต้องกลัวตายเหมือนครั้งก่อนมีวัคซีนครับ

สิ่งที่ควรทำที่สุด:
1.) Lockdown กรุงเทพฯ ทันที และยึดเมืองหลวงคืนมาให้ได้ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครจะกล้าประกาศ Lockdown เร็วๆนี้แน่ แต่เราต้องทำอะไรบางอย่างครับ เวลามีค่ามาก ถ้าเราไม่ทำอะไรเอาแค่สั่งปิดเล็กๆน้อยๆเป็นน้ำจิ้ม ไม่รอดครับ ถ้าจะทำหลังสงกรานต์ก็หนักแล้ว 
2.) ธุรกิจท่องเที่ยวที่หยุดไม่ได้แล้ว ต้องตั้งการ์ดสูงสุดในการรอรับลูกค้า 
3.) คนที่เดินทางออกไปต่างจังหวัดแล้ว จองโรงแรมจ่ายตังค์ไปแล้ว ต้องมีสำนึกในการป้องกันตัวเอง ไม่ทำสิ่งที่คนอื่นจะเสี่ยงเพราะตัวเรา
4.) จังหวัดต่างๆ ต้องพิจารณาประกาศควบคุม 14 วันด้วยตนเอง เมืองหลวงแตกแล้ว หัวเมืองต้องเข้มแข็งครับ แล้วช่วยกันกลับมายึดกรุงเทพฯคืนมา
5.) ฉลองสงกรานต์อยู่บ้าน พยายามงดเว้นสถานที่ติดแอร์ทั้งหมด และหลังสงกรานต์ Work from Home ทันที 
6.) วัคซีนต้องเร่งให้เร็วขึ้นอีกอย่างมากครับ ไม่มีวัคซีนเราไม่ชนะหรอกครับ
7.) ติดตาม Timeline ฟังศบค.และข้อมูลจากบุคลากรสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดทุกๆวันครับ สำคัญมากๆ

พวกเราคนไทยเคยเสียกรุงไป 2 ครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่ข้าศึกเข้มแข็ง แต่เป็นเพราะคนไทยติดประมาท ไม่สามัคคี ไม่ตั้งใจเพียงพอในการรักษาพระนคร ครั้งนี้ และครั้งนี้ ถ้าจะนับเป้นครั้งที่ 3 เราเสียเมืองหลวงเพราะ คนไทย เสพติดอบายมุข สุรา กามา บันเทิง ไม่ละเว้นทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงที่ประเทศอยู่ในวิกฤตเจียนอยู่เจียนไป 

นับจากวันนี้ คนกรุงเทพฯ Mind Set ต้องรีบเปลี่ยน กลับมาตั้งหลักกันใหม่ ช่วยกันครับ กอบกู้พระนครกลับมาให้ได้ ต้องเรียนตามตรงครับว่า ภาระกิจนี้กับ Covid แทบไม่มีชนชาติใดที่โดนตัวเลขระดับนี้แล้วกู้กลับมาได้ แต่ผมมั่นใจว่าเราจะเป็นชาติแรกๆครับ ช่วยกันครับ ผมเชื่อว่ายังไม่สายเกินไป


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5639518276088846&id=100000921874426

‘บิ๊กป้อม’ ป้อง ‘ศักดิ์สยาม’ เชื่อติดโควิด จากลูกน้อง ย้อนถามโซเชียลฯออกมาแฉ เชื่อถือได้หรือไม่ มั่นใจเจ้าตัวไม่โกหกปกปิด ‘ไทม์ไลน์’ เผยกระทรวงกลาโหม พร้อมตั้งโรงพยาบาลสนาม ในกรุงเทพฯ

เมื่อเวลา 09.45น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่รัฐมนตรีติดเชื้อโควิด-19 แล้วไม่เปิดไทม์ไลน์ทั้งหมด จะกระทบรัฐบาลหรือไม่ว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ก็บอกมาว่าติดจากลูกน้อง เขาติดจากหน้าห้องจะต้องถามไทม์ไลน์อะไร เพราะท่านก็ไม่ได้ไปไหนแค่ไปประชุมเท่านั้น การติดก็ติดมาจากหน้าห้อง ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด

เมื่อถามว่าสังคมต้องการให้เปิดเผยไทม์ไลน์และการใช้แอปฯ ‘ไทยชนะ’ นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไทม์ไลน์เขาก็เปิดแล้วว่าไปประชุมที่ไหน ตนอ่านดูแล้วเขาก็มีความจริงใจอยู่แล้วที่จะเปิดเผย ขอย้ำว่าเขาไม่ได้ติดจากใคร แต่มาจากหน้าห้อง

เมื่อถามว่าโซเชียลฯระบุว่าอาจติดมาจากการไปเที่ยวสถานบันเทิง ย่านทองหล่อ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โซเชียลจะเชื่อได้หรือไม่ แล้วใครเป็นคนเขียน เมื่อถามกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ระบุว่าคริสตัลคลับเป็นสถานที่คุยงานของรัฐมนตรีเปรียบเหมือนไทยคู่ฟ้า 2 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผมไม่รู้ ผมก็เชื่อจากที่รัฐมนตรีท่านพูดอย่างงั้น

เมื่อถามถึงความพร้อมในการตั้งโรงพยาบาลสนามในกทม. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นายกฯสั่งการแล้ว ส่วนเรื่องพื้นที่ทางกระทรวงกลาโหมจะไปดูเพราะเป็นผู้รับดำเนินการในเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วงเขาเตรียมการไว้แล้ว

ส่วนกรณีการแจกขันน้ำของพรรคพลังประชารัฐนั้น พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ไม่มีอะไร และเรื่องนี้พรรคเป็นคนดำเนินการ

เมื่อถามว่าการจัดแจกขันน้ำพลาสติกดังกล่าวจะนำไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ เมื่อถามว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาระบุว่าเหมือนการแจกขันให้ประชาชนไปอยู่ตามสะพานลอย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แล้วเราจะให้อย่างงั้นหรือเปล่า และในอดีตเคยมีใครทำ เพราะฉะนั้นก็เป็นอย่างนั้นไปแล้วกัน

จุรินทร์ ปลื้มดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดกัน อานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและราคาพืชผลการเกษตรปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

วันที่ 8 เมษายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่าดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภคโดยรวมในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ทุกภาค และทุกอาชีพ โดยเฉพาะในอนาคต ปรับขึ้นมาอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง เนื่องด้วยประชาชนเชื่อมั่นในมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจและราคาพืชผลการเกษตรดีขึ้นจากมาตรการเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และประชาชนมีความคาดหวัง ในแง่ดีต่อวัคซีน Covid-19

นายจุรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนมีนาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ ระดับ 47.5 เทียบกับระดับ 45.5 ในเดือนก่อนหน้า เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 38.1 มาอยู่ที่ระดับ 40.2 และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต พบว่า ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 50.4 มาอยู่ที่ระดับ 52.3

เมื่อจำแนกรายภูมิภาค พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากระดับ 46.1 มาอยู่ที่ระดับ 49.6 และภาคใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 47.0 มาอยู่ที่ระดับ 48.5 เมื่อจำแนกรายอาชีพ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 45.8 มาอยู่ที่ระดับ 49.3 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว 

ส่วนกลุ่มเกษตรกรปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 46.8 มาอยู่ที่ระดับ 47.7 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคา สินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และกลุ่มพนักงานของรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.4 มาอยู่ที่ระดับ 52.5 ซึ่งปรับตัวมาอยู่ในระดับเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส Covid-19 น้อยที่สุด

กล่าวโดยสรุป แนวโน้มความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มมั่นใจ ที่จะจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ซึ่งหากไม่มีสถานการณ์ปัญหาร้ายแรงอื่นเพิ่มเติม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ เศรษฐกิจไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องขึ้นเป็นลำดับ

พล.อ.ประวิตร ห่วงใยชุมชนคนริมคลอง ประชุมคกก. ขับเคลื่อนโครงการเร่งด่วน คลองลาดพร้าว-คลองเปรมฯ-คลองแสนแสบ มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัย ภูมิทัศน์ การสัญจร การระบายน้ำและคุณภาพน้ำ เน้นสร้างความเข้าใจ รัฐบาลจริงใจแก้ปัญหา มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต

เมื่อ 8 เม.ย.64  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง.นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ ครั้งที่ 1/2564 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มท. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม  301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบ ความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนและพัฒนา ที่อยู่อาศัยริมคลองลาดพร้าว และคลองเปรมประชากร ซึ่งมีหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ได้แก่ กทม.,สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พม.,กรมธนารักษ์ และทภ.1 ได้ดำเนินโครงการ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเจรจา/สร้างความเข้าใจ ,การส่งมอบพื้นที่ ,การตอกเสาเข็มเขื่อน ,การรื้อถอน/การขนย้าย และการก่อสร้างบ้าน เป็นต้น โครงการก่อสร้าง เขื่อนริมคลองลาดพร้าว มีความก้าวหน้า คิดเป็นร้อยละ 48.50 มีบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 3,062 ครัวเรือน สำหรับคลองเปรมประชากรได้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนไปแล้ว จำนวน 900 เมตร (ร้อยละ 95 ของพื้นที่ส่งมอบ) มีบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 193 ครัวเรือน

สำหรับการพัฒนาคลองแสนแสบ และคลองสาขา รัฐบาลได้เห็นชอบแผน ปฏิบัติการพัฒนาฟื้นฟูสภาพแวดล้อมคลองแสนแสบ โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้การสัญจร ,การปรับปรุงภูมิทัศน์ ,การป้องกันการบุกรุก และการรักษาคุณภาพน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เร่งรัดโครงการ โดยจะต้องให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการฟื้นฟู และพัฒนาพื้นที่คลองลาดพร้าว,คลองเปรมประชากร และคลองแสนแสบ เพื่อกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินงาน พร้อมทั้งให้มีการรายงานผลให้คณะกรรมการฯ ทราบ ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ สตช.ใช้มาตรการทางกฎหมาย อย่างเคร่งครัด และเป็นธรรม ต่อผู้บุกรุกพื้นที่ ควบคู่กับการเจรจา สร้างความเข้าใจกับประชาชน  ให้ ทบ.ร่วมเจรจาสร้างการรับรู้ และให้การสนับสนุนการรื้อถอน/การขนย้ายสิ่งของ เพื่ออำนวยความสะดวก แก่ประชาชน รวมทั้งให้ กรมประชาสัมพันธ์ เร่งสร้างการรับรู้/ความเข้าใจ ถึงประโยชน์ที่ประชาชนในพื้นที่จะได้รับ และให้ความร่วมมือ สอดคล้องตามนโยบาย ของรัฐบาลที่มีความจริงใจ ที่จะให้ความช่วยเหลือ ชุมชนคนริมคลองทั้ง 3 แห่ง ต่อไป ภายใต้แนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

จับตา ศบค. แถลงวันนี้ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด ตัวเลขทะลุ 405 ราย กทม. ติดเชื้อ 95 ราย

ทะลุไม่หยุด รายงานข่าวจาก ศบค. วันนี้ 8 เมษายน มีผู้ติดเชื้อโควิดถึง 405 ราย มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯ 95 ราย จับตาดูการแถลงของ ศบค. วันนี้โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ในเวลา 11.30 น. ยกระดับมาตรการเข้มป้องกันการแพร่ระบาด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top