Saturday, 26 April 2025
Hard News Team

ป.ป.ส. จับมือขนส่ง และหน่วยงานภาคีเปิดปฏิบัติการรณรงค์ลดการใช้ยาเสพติดในผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลสงกรานต์กลับบ้านปลอดภัย ไร้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์

วันที่ 8 เมษายน 2564 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบยาเสพติด มอบหมายให้ นายสุนทร ชื่นศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ปปส.กทม. เปิดปฏิบัติการป้องกันการใช้ยาเสพติดในผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ ประจำปี 2564 ภายใต้คำขวัญ "สงกรานต์กลับบ้านปลอดภัย ไร้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์" โดยมีหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจนครบาล กรมการขนส่งทางบก บริษัทขนส่งจำกัด จำนวนกว่า 80 คน ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (หมอชิต) ทั้งนี้การดำเนินกิจกรรมอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) ซึ่งเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข

มติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 กำหนดให้มีวันหยุดยาวสงกรานต์ ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 10 - 15 เมษายน 2564 รัฐบาล โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้ประชาชนท่องเที่ยวตามแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับภูมิลำเนาให้ประชาชน และให้ความสำคัญเรื่องการลดความต้องการใช้ยาเสพติดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามนโยบาย สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม จึงได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายลดความต้องการใช้ยาเสพติดในกลุ่มผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ และประชาชนผู้ใช้บริการ

โดยรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และความเข้าใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตนเอง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด และไม่รับฝากของจากคนแปลกหน้า เพราะจะกลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) และเป็นไปตามหลักสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

โดยรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และความเข้าใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตนเอง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด และไม่รับฝากของจากคนแปลกหน้า เพราะจะกลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) และเป็นไปตามหลักสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด


 

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพ เตรียมความพร้อม รพ.สนามกว่า 3,000 เตียง รองรับสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ อยู่ระหว่างเร่งจัดเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม ตามสั่งการของ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบัน ได้จัดเตรียมพื้นที่หน่วยทหารจำนวน 10 แห่ง พร้อมบุคลากรแพทย์ทหาร สนับสนุนจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม จำนวนกว่า 3,000 เตียง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล  ทั้งนี้ ทุกเหล่าทัพอยู่ระหว่างทำการสำรวจเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาหน่วยทหารให้เป็นพื้นที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่อาจรุนแรงและขยายตัวเป็นวงกว้างขึ้นต่อไป

สุชาติ รมว.รง. แจงมติ ครม. เห็นชอบขยายเวลาสมัครเป็นผู้ประกันตน ม.39 ได้ถึง 30 มิ.ย. 64

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศ กระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาแสดงความจำนง เป็นผู้ประกันตน และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 39 พ.ศ. .... เพื่อช่วยเหลือเยียวยาภายหลังช่วงวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ให้ผู้ประกันตนได้มีโอกาสกลับเข้าสู่ระบบประกันสังคม และได้รับสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่อง โดยเห็นชอบให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้เสนอให้มีการขยายระยะเวลารับสมัครผู้ประกันตน 33 ที่สิ้นสภาพแล้ว 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 หากประสงค์อยู่ในระบบประกันสังคมต่อไป สามารถแสดงความจำนงเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ภายใน 30 มิถุนายน 2564 พร้อมกันนี้ 

มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ขยายกำหนดเวลาให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 สามารถนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม สำหรับเงินสมทบที่ต้องนำส่งประจำงวดเดือนมีนาคม 2563 ถึงงวดเดือนพฤษภาคม 2564 ให้นำส่งภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 อีกด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อไปว่า การขยายกำหนดเวลาแสดงความจำนง เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ของผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่สิ้นสภาพ และการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 ในครั้งนี้ จะช่วยรักษาสถานภาพการเป็นผู้ประกันตน ตามมาตรา 39 และสิทธิความคุ้มครอง จากสำนักงานประกันสังคมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม ประมาณ 207,000 คน สำหรับขั้นตอนของการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ตนได้เร่งให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการเพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ได้ทันภายในกำหนด จึงขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของผู้ประกันตนให้ตรงจุด และทันท่วงที เพื่อสร้างสรรค์หลักประกันที่มั่นคงและเป็นที่พึ่งอยู่เคียงข้างผู้ประกันตนตลอดไป

“ลุงพล - ป้าแต๋น” โร่ร้อง กมธ.กฎหมาย ขอความเป็นธรรมถูกสื่อคุกคาม

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรรับเรื่องร้องเรียนจากนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล แห่งบ้านกกกอก พร้อมด้วยนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว อาทิ อมรินทร์ทีวี ไทยรัฐทีวี และทีวีช่อง 8 คุกคามสิทธิมนุษยชน และมีการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง จนทำให้นายไชย์พลและครอบครัวได้รับความเดือดร้อน จึงต้องมาร้องขอความอนุเคราะห์ และความเป็นธรรมต่อกรรมาธิการฯให้ช่วยให้ความเป็นธรรมด้านนายสิระ กล่าวว่า จะรับเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯเพื่อพิจารณาหาข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป

ชี้! รมว.สุชาติฯ มอบ 3 นโยบายเร่งด่วน เดินหน้าภารกิจกรมการจัดหางาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมกรมการจัดหางาน ครั้งที่ 3/2564 มอบ 3 นโยบาย บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวเร่งตรวจโควิด-19 ส่งเสริมการจัดหางานให้คนไทยมีงานทำ และส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ตลอดจนคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขอเน้นย้ำนโยบายในการปฏิบัติราชการครึ่งปีหลังของกรมการจัดหางานที่จะต้องปฎิบัติอย่างเร่งด่วน 3 ด้าน ได้แก่

1.) ด้านการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว

2.) ด้านการส่งเสริมการจัดหางานให้คนไทยมีงานทำ

3.) ด้านการส่งเสริมแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ แก่รักษาราชการอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารระดับสูง และข้าราชการกรมการจัดหางาน โดยเน้นการบริหารจัดการการแพร่ระบาดโควิด-19 ในแรงงงานต่างด้าวโดยการเร่งตรวจคัดกรองโควิด-19 การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการมีงานทำสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่ และเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน และการหาแนวทางเพิ่มการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน รับข้อสั่งการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หลังได้รับฟังการรายงาน และติดตามผลการปฎิบัติงานตามภารกิจด้านต่างๆจากจัดหางานจังหวัดและผู้อำนวยการสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดเร่งสำรวจ ตรวจสอบ ข้อมูลแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เพื่อประสานกับสาธารณสุขจังหวัด เข้าตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 และทำประกันสุขภาพให้แล้วเสร็จภายใน 16 มิถุนายน 64  

ในส่วนการส่งเสริมการมีงานทำให้คนไทย ให้ดำเนินการเชิงรุก สร้างความเข้าใจแก่นายจ้าง / สถานประกอบการ / สถานศึกษา ถึงผลดีและการปรับเปลี่ยน เงื่อนไขต่าง ๆ ของโครงการที่ขณะนี้มีความพร้อมในการรองรองรับผู้เข้าร่วมโครงการ และในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ให้เร่งปรับปรุง กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งแรงงานไทย เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งอาจมีการเจรจาเพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ

ทิศทางส่งออกเครื่องมือแพทย์ของไทยอนาคตสดใส

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังขยายตัวด้วยดี เติบโตเฉลี่ย 9 - 10% โดยปี 63 สินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ส่งออกรวม 23,314 ล้านบาท และสินค้าถุงมือยางส่งออกรวม 72,680 ล้านบาท  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และศูนย์กลางการส่งออกเครื่องมือแพทย์ ที่สำคัญการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ทำให้ผู้นำเข้าได้รับรู้ถึงศักยภาพของไทยที่พร้อมเป็นประเทศส่งออกสินค้าประเภทนี้มากขึ้น 

ทั้งนี้ กรมฯ ได้เร่งรัดแผนการส่งออกสินค้าสินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ เพื่อขยายตลาดการส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่ไวรัสโควิดแพร่ระบาด โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจการค้าออนไลน์สินค้าไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นสินค้าชุดป้องกันทางการแพทย์ พีพีอี และชุดเสื้อคลุม ส่วนครั้งสองเป็นกลุ่มสินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้เพิ่มสินค้านวัตกรรมทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ ไปด้วย โดยคาดจะมีมูลค่าซื้อขายภายใน 1 ปี 118.40 ล้านบาท  

นายสมเด็จ กล่าวว่า ทั่วโลกมีความต้องการสินค้าเครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ชุดป้องกัน พีพีอี สินค้านวัตกรรมทางการแพทย์อื่น ๆ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย ผู้ที่มีความเสี่ยง หรือประชาชนทั่วไปในแต่ละประเทศทั่วโลก เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ทันท่วงที ดังนั้นจึงถือเป็นโอกาสที่ไทยจะเร่งเข้าไปขยายตลาดส่งออกในสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น

ม.หอการค้า ประเมินผลกระทบโควิดระบาดระลอกใหม่ ทุบดัชนีเชื่อมั่น มี.ค. วูบ คาดฉุดกำลังซื้อหดหาย 3 - 5 หมื่นล้านบาทต่อเดือน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯผ่านสถานบันเทิง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มาจากอังกฤษที่แพร่กระจายได้รวดเร็วขึ้นนั้น ส่งผลกับความมั่นใจและกำลังซื้อของประชาชนทำให้มีความวิตกกังวลต่อการใช้จ่ายและการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมองว่าจะทำให้เงินจากการบริโภคของประชาชนหายไป 5 - 10% หรือ อยู่ที่ประมาณ 30,000 - 50,000 ล้านบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังประเมินว่าการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่จะสามารถคลี่คลายได้ภายใน 1 - 2 เดือน ส่งผลทำให้เม็ดเงิน หายออกไปจากระบบเศรษฐกิจประมาณ 60,000 - 100,000 ล้านบาท หรือ กระทบกับจีดีพี 0.3 - 0.5% โดยยังมีปัจจัยหนุนการส่งออกที่เริ่ม ปรับตัวดีขึ้นหลังจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ในขณะที่การค้าชายแดนยังคงทำการค้าได้ จึงยังคงประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ไว้ในกรอบเดิมที่ 2.5 - 3.0% ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ประเทศและห้ามการเดินทางในประเทศเป็นสำคัญ

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนมี.ค. 2564 จากสำรวจภาคเอกชน 369 ราย ระหว่างวันที่ 23 - 29 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ธุรกิจทุกจังหวัดส่วนใหญ่ 94% ระบุว่าเศรษฐกิจและการค้า อยู่ในภาวะแย่ลงและไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ส่งผลต่อกิจกรรมต่าง ๆ ยังไม่กลับเท่าปี 2562 กังวลเสถียรภาพทางการเมืองและการชุมนุมทางการเมือง ส่วนราคาพืชผลเกษตรดีแต่ด้วยบางพื้นที่เจอภัยแล้งผลผลิตต่ำลงจึงกระทบต่อรายได้ที่ได้รับลดลง

คลื่นสึนามิ ของการรัฐประหารยึดอำนาจฝ่ายการเมืองในพม่ายังมีพลังไม่หยุดนิ่ง ล่าสุดเกิดเหตุปฏิวัติเงียบกลางสถานทูตพม่าในกรุงลอนดอน โดยรองเอกอัครราชทูต ‘ชิต วิน’ สั่งปิดประตูไม่ให้ ‘นาย จอ ซวา มินน์’ เอกอัครราชทูตพม่าประจำกรุงลอนดอนเข้าไปปฏิบัติหน้าที่

คาดการณ์ว่า ปฏิบัติการยึดอำนาจภายในสถานทูตพม่า เกิดจากคำสั่งตรงของฝ่ายรัฐบาลทหารพม่า อันเนื่องจาก ท่านทูต จอ ซวา มินน์ ต่อต้านการทำรัฐประหารในพม่า และได้เคยเข้าพบ นายโดมินิค ราบ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษช่วยกดดันรัฐบาลทหารพม่าให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี ที่ถูกฝ่ายกองทัพจับกุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และอาจถูกดำเนินคดีข้อหาคอร์รัปชัน ที่มีโทษจำคุกถึง 15 ปี

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า นายชิต วิน รองเอกอัครราชทูตที่ได้ยึดอำนาจการบริหารภายในสถานทูตพม่าว่า ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทหารพม่า จึงทำให้มีแรงหนุนมากพอที่จะขับนาย จอ ซวา มินน์ ให้พ้นจากตำแหน่งด้วยวิธีนี้ และเริ่มมีการขับเจ้าหน้าที่สถานทูตที่อยู่ในสายงานของนาย จอ ซวา มินน์ ออกนอกสถานทูตแล้ว

ด้านท่านทูต จอ ซวา มินน์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ขณะยังคงยืนวนเวียนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสถานทูตพม่าว่า "นี่คือการรัฐประหารอย่างหนึ่ง ณ ใจกลางกรุงลอนดอน เห็นไหมครับ เขายึดสถานทูต เขายึดที่ทำงานของผมไป"

ทันทีที่มีข่าวการยึดอำนาจในสถานทูตพม่าประจำกรุงลอนดอน ก็มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุ้มกันที่หน้าสถานทูตจำนวนหนึ่ง เพราะหวั่นการเกิดเหตุชุมนุมประท้วงโดยชาวพม่าที่พำนักอยู่ในอังกฤษ และอาจทำให้เกิดความรุนแรงได้ ซึ่งตอนนี้มีรายงานว่า เริ่มมีชาวพม่ามามุงดูที่หน้าสถานทูตบางส่วนแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศได้พยายามติดต่อรัฐบาลทหารพม่า เพื่อสอบถามรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด จึงไม่อาจแน่ใจว่าคลื่นสึนามิการรัฐประหารของฝ่ายกองทัพพม่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และการยึดอำนาจในสถานทูตพม่าอาจไม่ได้หยุดแค่ที่ลอนดอนก็เป็นได้


อ้างอิง

https://www.bbc.com/news/world-asia-56670524

https://www.straitstimes.com/world/europe/myanmar-ambassador-to-london-locked-out-of-embassy-after-breaking-with-military

ศบค. แถลง ไทยติดเชื้อพุ่ง 405 ราย สธ. ยัน! ไม่ปรับสีพื้นที่ ยึดตามเดิม ชงปิดสถานบันเทิง 41 จังหวัด นายกฯ สั่งเตรียมแนวทางเวิร์ค ฟอร์ โฮม หมอทวีศิลป์ ระบุ ยังหาที่มาสายพันธุ์อังกฤษเข้ากลางกรุงไม่ได้ แต่ ลั่น สธ. จะหาให้เจอ - ดูจากรหัสพันธุกรรม

วันที่ 8 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 405 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 391 ราย มาจากการระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 197 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 194 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 14 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 30,310 ราย หายป่วยสะสม 28,101 ราย อยู่ระหว่างรักษา 2,114 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 95 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 133,688,126 ราย เสียชีวิตสะสม 2,901,038 ราย 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อในพื้นที่ กทม. มี 95 ราย มาจากการระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 48 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 47 ราย อย่างไรก็ตาม หากดูกราฟแสดงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำแนกตามความเสี่ยง จะเห็นว่าการติดเชื้อในสถานบันเทิงในพื้นที่ กทม.ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เคยมีมาแล้วในช่วงต้นปี 64 ที่ผ่านมา ในสถานบันเทิงย่านปิ่นเกล้า ครั้งนี้มาอีกกลุ่มย่านทองหล่อ เหตุที่ยอดพุ่งสูงเพราะพื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่ปิด มิดชิด อับ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย และข้อมูลจากสำนักอนามัย กทม. ระหว่างวันที่ 22 มี.ค.จนถึงปัจจุบันที่มีการปิดสถานบันเทิงต่างๆ ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าไปเกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 21 แห่งใน 8 เขต ประกอบด้วย เขตวัฒนา 9 แห่ง บางแค 1 แห่ง ภาษีเจริญ 1 แห่ง ลาดพร้าว 2 แห่ง ห้วยขวาง 4 แห่ง ดินแดง 1 แห่ง วังทองหลาง 2 แห่ง บางกะปิ 1 แห่ง โดยข้อสังเกตของการระบาดรอบนี้ส่วนใหญ่เป็นสถานบริการในรูปแบบเลานจ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่หรูดูดี เน้นลูกค้าที่มีระดับ ราคาแพง และลูกค้าเมมเบอร์เป็นหลัก มีเด็กนั่งดริ๊งค์ และย่านที่พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนมีร้านประเภทเดียวกันตั้งอยู่ติดกัน    

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน (8 เม.ย.) ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (อีโอซี) กระทรวงสาธารณสุข ได้พิจารณาเรื่องการปรับระดับพื้นที่ หรือปรับสีพื้นที่ โดยได้ข้อสรุปและจะเสนอ ศบค.ชุดเล็กว่า จะไม่มีการปรับระดับพื้นที่ หรือปรับสีพื้นที่ เพราะจะกระทบต่อการวางแผนการเดินทางของประชาชนและผู้ประกอบการที่ไม่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเรื่องสถานบันเทิงเท่านั้น ดังนั้น มาตรการในช่วงสงกรานต์จึงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยข้อมูลจนถึงวันที่ 7 เม.ย. มีผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องสถานบันเทิงเพียง 20 จังหวัด และ 504 ราย เท่านั้น ถ้าเราจะออกมาตรการไปกระทบต่อคนเรือนล้านคงไม่แฟร์และไม่ยุติธรรมกับคนอื่นๆ การใช้ยาแรงกวาดไปทั้งหมดจึงไม่เหมาะสม ผอ.ศบค.จึงมอบหมายให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พูดคุยกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอแนวทางการให้ยาเฉพาะจุดที่มีปัญหา จะเฉพาะเจาะจงลงไป โดยให้กระทรวงสาธารณสุขทำเสนอขึ้นมา ซึ่งในวันเดียวกันนี้ (8 เม.ย.) กระทรวงสาธารณสุข

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า และในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ทางอีโอซีกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอแนวทางผ่านไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการ ที่มีลักษณะคล้ายสถานที่บริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และสถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด อย่างน้อยเป็นเวลา 14 วัน หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กอีกครั้งในวันที่ 9 เม.ย. เพื่อพิจารณาและเสนอ ผอ.ศบค.ลงนาม โดยมาตรการดังกล่าวจะใช้กับจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อในสถานบันเทิงและจังหวัดใหญ่ที่เป็นทางผ่านและมีสถานบันเทิงจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 41 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี นครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา ยะลา นราธิวาส นครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี บุรีรัมย์ เลย เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์ ทั้งนี้ ข้อเสนอที่กล่าวมาเป็นการพิจารณาในเบื้องต้นและจะมีการอนุมัติในภายหลัง แต่ที่เอามาพูดก่อนเพื่อให้ผู้ประกอบการใน 41 จังหวัดได้เตรียมการล่วงหน้า พร้อมกันนี้ ผอ.ศบค.ยังให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยกำหนดแนวทางเวิร์ค ฟอร์ โฮม ตามความเหมาะสมในแต่ละกรณี รวมถึงขอความร่วมมือไปยังภาคเอกชนให้พิจารณาแนวทางดังกล่าวด้วยเพื่อลดปริมาณผู้ปฏิบัติงานและลดการเดินทาง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เราขอความร่วมมือสถานประกอบการอื่นที่ยังไม่ได้รับคำสั่งให้หยุดการดำเนินงานให้เพิ่มความเข้มงวดในมาตรการป้องกันโควิด-19 หรืออาจจะพิจารณาหยุดดำเนินการด้วยความสมัครใจ และขอให้ประชาชนร่วมมือต่อการป้องกันโควิด-19 สำหรับแนวทางในการจัดกิจกรรมช่วงสงกรานต์ การจัดพิธีสรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ การเดินทางข้ามจังหวัดยังสามารถไปได้ทุกที่ แต่มีข้อห่วงใยให้ทุกคนยึดถือมาตรการป้องกันโควิด-19 บุคคลที่เคยไปในพื้นที่เสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการพบปะผู้สูงอายุ หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมในพื้นที่แคบ และย้ำว่าปีนี้งดการสาดน้ำสงกรานต์ คอนเสิร์ต ปาร์ตี้โฟม ประแป้ง ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ ให้อยู่ในดุลยพินิจคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
 
นพ.ทวีศิลป์ ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้เตรียมการตั้งรพ.สนาม มีความคืบหน้าอย่างไร ว่า การประชุมศูนย์เฉพาะกิจที่กระทรวงสาธารณสุขได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ โดยหารือร่วมกับโรงพยาบาลหน่วยงานในสังกัดของมหาวิทยาลัย คณบดีหลายคนเข้าร่วมประชุม และได้บอกด้วยว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่ผ่านมานี้สร้างความแออัดเกิดขึ้นแล้วในโรงพยาบาล ทั้งการขอรับการตรวจเชื้อ เมื่อพบจำนวนเคสที่มากขึ้น ก็ใช้เตียงมากขึ้นด้วยทั้งในภาครัฐและเอกชน ดังนั้นจึงต้องมีการหารือถึงแผนร่วมกันได้แก่

1.) ถ้าเตียงไม่พอขอขยายเตียงในแต่ละโรงพยาบาลให้เพิ่มมากขึ้นทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน

2.) ถ้ายังไม่พอขอให้เปิดมาตรการการใช้สถานที่กักตัวโดยใช้โรงแรมต่าง ๆ ที่เข้ามาอยู่ในระบบ แล้วให้โรงพยาบาลเข้าประกบ เหมือนที่ผ่านมาที่คนที่มีอาการไม่มากก็สามารถไปนอนที่โรงแรมที่สามารถให้บริการ ในลักษณะทางการแพทย์ได้

3.) เตรียมการไว้ว่าหากเกิดโรงพยาบาลสนามขึ้นจริง เหมือนที่เราคุ้นเคยเมื่อครั้งที่เกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ทางจังหวัดต่างๆที่เตรียมการและสั่งการโดยทางกระทรวงสาธารณสุขขอให้เริ่มมีการจัดเตรียมความพร้อมเอาไว้ ซึ่งขณะนี้มีหลายจังหวัดที่มีการแพร่กระจายเชื้อโรคถึงแม้ว่าจำนวนไม่มากแต่ก็ได้มีการสั่งการให้เตรียมความพร้อม

ผู้สื่อข่าวถามว่า สายพันธุ์ โควิด-19 จากอังกฤษเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร และจะต้องมีการปรับเรื่องการกักตัวหรือไม่ โฆษกศบค.กล่าวว่า ในการพูดคุยหารือทางอาจารย์โรงเรียนแพทย์ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่าสายพันธุ์อังกฤษนั้นสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว จึงมีความกังวลว่าอาจจะต้องใช้เวลามากขึ้นกว่าเดิมในการดูแลซึ่งเดิมดูแลกัน 10 วัน ต้องขยายเป็น 14 วัน ในการดูแลรักษาพยาบาล ทั้งนี้เพื่อป้องกัน อย่างเต็มที่เนื่องจากเคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อนว่าอยู่ในสถานกักตัวแล้วเมื่อครบ 14 วันออกมาแล้วยังพบว่ามีการติดเชื้อซ้ำได้ ดังนั้นการดูแลรักษาหากเป็นสายพันธุ์อังกฤษต้องมีการบำบัดรักษาดูแลอย่างใกล้ชิด

ส่วนกรณีที่มีความสงสัยกันว่าสายพันธุ์อังกฤษนี้มาจากไหนนั้นยังไม่มีคำตอบ ช่วงเวลาขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนโรคของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขจะต้องลงไปหาเหตุให้ได้ ซึ่งจากเดิมในระบบระบุว่าหากมาจากต่างประเทศก็ต้องมีการกักตัว แต่ในครั้งนี้เป็นการเข้ามาถึงในใจกลางเมือง เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่ประชุมได้หารือพูดคุยกันแล้วว่าจะต้องหาคำตอบให้ได้ ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคได้เน้นในเรื่องดังกล่าวว่าจะต้องสอบสวนโรคเพื่อหาให้ได้รหัสพันธุกรรม ให้ได้จำนวนมากขึ้นแล้วใช้หลักการวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์ เพื่อให้บอกได้ว่าตัวนี้มาได้อย่างไร ขอให้ทางกรมควบคุมโรคเป็นผู้ให้ แต่ ณ เวลานี้ยังไม่ทราบ

ขอให้ประชาชนได้ติดตามการแถลงข่าวจากทางกระทรวงสาธารณสุขทุกวันในเวลา 15.00 น. ซึ่งจะมีรายละเอียดจำนวนมากโดยเฉพาะเรื่องไทม์ไลน์ของแต่ละคน เช่นกรณีของชาวญี่ปุ่นที่ทองหล่อ กรณีครัสเตอร์จังหวัดสระแก้ว ที่เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง รวมไปถึงบุคคลสำคัญต่างๆที่สื่อมวลชนต้องการทราบ ขอให้ติดตามได้จากการแถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุข

และในช่วงท้ายนี้ขอฝากด้วยความห่วงใย จากผู้อำนวยการศบค. และที่ประชุมศบค. ที่ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ท่านห่วงใย และยังได้ย้ำว่ามาตรการไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาและมีความเข้มข้นขนาดไหน เมื่อทำทุกอย่างทั้งหมดแล้วไม่มีมาตรการใดที่ดีที่สุดทุกอย่างล้วนแต่โยงไปกับบางกิจการกิจกรรมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และห้วงระยะเวลา เพราะปีที่แล้วเรามีมาตรการเข้มอย่างมากและสามารถกดตัวเลขผู้ติดเชื้อลงได้เป็นศูนย์ แต่ผลกระทบมีมาก จากนั้นเราผ่อนคลายมาจนกระทั่ง มาเกิดเหตุขึ้นอีก ดังนั้นที่สุดแล้วเราต้องการความร่วมมือจากประชาชนทุกมาตรการ ดังนั้นไม่ว่ามาตรการใดออกมาหากไม่ปฏิบัติตามก็จะเกิดผลเสีย ดังนั้นขอให้ทุกคนมีมาตรการส่วนตัว ใส่ใจอยู่เสมอว่าทุกคนมีส่วนสำคัญในการควบคุมป้องกันโรค โควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ขอให้ทุกคนทำเพื่อส่วนตัวและครอบครัว รวมถึงกิจการและกิจกรรมของทุกคน เราจะไปด้วยกันและเราต้องชนะให้ได้

อย่างไรก็ตามการแถลงข่าวของศบค. ยังคงเป็น วันจันทร์-พุธ-ศุกร์ เช่นเดิม ห่าง ๆ เจอกันครั้งหนึ่ง จะได้มีความสุขดังนั้น ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองและครอบครัวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top