Saturday, 26 April 2025
Hard News Team

โรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ พร้อมรับมือโควิดระบาด ติดตั้งระบบเสมือนห้องความดันลบ ฟอกอากาศกำจัดเชื้อที่จะออกจากอาคารได้ปลอดภัย เปิดใช้งานแล้ว 9 เม.ย.64 เบื้องต้นรับได้ 280 เตียง แต่พร้อมขยายเพิ่มเป็น 700 เตียง

หลังจากจังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นวันเดียว 36 ราย ทำให้ยอดสะสมระลอกใหม่พุ่งขึ้นเป็น 47 ราย และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกต่อเนื่อง ล่าสุดทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งเตรียมความพร้อมสำหรับโรงพยาบาลสนาม หลังประเมินสถานการณ์แล้วว่าจะรุนแรงกว่าทุกทั้งที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะส่งผลให้พื้นที่ในโรงพยาบาลแต่ละแห่งไม่เพียงพอสำหรับดูแลผู้ป่วยจำนวนมาก อีกทั้งแต่ละโรงพยาบาลก็ยังมีภาระในการดูแลผู้ป่วยทั่วไปด้วย

ดังนั้นจึงมีการเตรียมพร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามที่ก่อนหน้านี้มีการวางแผนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยใช้อาคารของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งมีห้องโถงใหญ่ 3 โถง แบ่งใช้ 1 ห้องโถงติดตั้งระบบ และเตียงไว้จำนวน 280 เตียง แบ่งเป็นชาย 140 เตียง หญิง 140 เตรียม พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น

ขณะที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงพยาบาลสนามนั้น นายแพทย์ วรวุฒิ โฆวัชรกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสันทราย ในฐานะผู้รับผิดชอบการวางแผนโรงพยาบาลสนาม เปิดเผยว่า ขณะนี้พร้อมที่จะเปิดโรงพยาบาลสนามแล้ว ซึ่งโรงพยาบาลสนามจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 280 เตียง แบ่งเป็นชาย 140 และหญิง 140

ทว่าหากมีมากกว่านี้จะสามารถขยายได้อีกเป็น 3 เท่า เนื่องจากห้องโถงที่ใช้เป็นโถงแรก แต่ที่ศูนย์ประชุมแห่งนี้มีอีก 2 โถงใหญ่ โดยจะใช้รองรับผู้ป่วยที่อาการไม่หนัก สามารถช่วยเหลือตนเองได้เป็นปกติ และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะพักฟื้น ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ก็จะมีการส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลหลักที่เตรียมไว้ โดยจะมีแพทย์พยาบาลมาตรวจสุขภาพทุกวัน

ส่วนการเลือกใช้สถานที่แห่งนี้นั้น เพราะเชียงใหม่ประสบภาวะเรื่องของมลพิษทางอากาศจากหมอกควันและไฟป่า ส่งผลให้ค่า PM 2.5 สูง ซึ่งโควิด-19 เป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจจะโจมตีที่ปอดเป็นหลัก ดังนั้นฝุ่นควันจึงจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยจึงต้องเตรียมสถานที่ที่มีระบบปรับอากาศรองรับ ทั้งส่วนของเตียงผู้ป่วย ห้องน้ำ ก็อยู่ในอาคารทั้งสิ้น สะดวกสบายกว่าที่อื่น ๆ

สำหรับโรงพยาบาลสนามในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จะมีระบบดูดอากาศเหมือนเป็นห้องความดันลบเล็กๆ ซึ่งตั้งระบบดูดอากาศไว้ด้านนอกอาคาร เมื่อดูดออกไปก็จะมีตัวกรองเชื้อโรคที่ปลายทาง โดยอากาศที่ดูดออกไปจะถูกแสงอัลตราไวโอเลตกำจัดเชื้อ รวมทั้งตัวกรองอากาศเฮปปาอีกชั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศที่ออกจากอาคารนี้จะปลอดเชื้อ ส่วนบุคลากรทางการแพทย์นั้นจะระดมมาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งเชียงใหม่ มาเข้าเวรเป็นผลัด ผลัดละ 12 ชั่วโมง และเนื่องจากว่าคนไข้ที่ใช้โรงพยาบาลสนามจะเป็นคนไข้ที่อาการไม่รุนแรงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เดินไปมาเองได้ จึงจะใช้พยาบาลประมาณ 4 คนต่อจำนวนผู้ป่วยประมาณ 50 คน แต่อาจจะเพิ่มจำนวนได้ถ้าจำนวนผู้ป่วยมากกว่านี้

ทั้งนี้บรรยากาศที่โรงพยาบาลสนามช่วงเช้านี้ ทางเจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดเช็ดถูเตียงและพื้นที่ทั้งหมดอีกครั้ง เตียง ฟูก ผ้าปู หมอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม รวมทั้งตู้เก็บของ ก็เป็นของใหม่หมดที่จัดซื้อจากงบของภาครัฐร่วมกับการสนับสนุนของภาคเอกชน ด้านหน้าทางเข้ามีระบบคัดกรอง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ห้องเปลี่ยนชุด PPE ของบุคลากรทางการแพทยที่จะเข้าออก และมีห้องพักของบุคลากรที่จะต้องมาเข้าเวร


ที่มา: http://https://mgronline.com/local/detail/9640000033943

รมช. แรงงาน ยำแผนบูรณาการ เทรนแรงงานป้อนอุตสาหกรรม S-Curve

วันที่ 9 เมษายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ครั้งที่ 2/2564 เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังคนของประเทศรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve  โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สิมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะทำงาน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้จัดทำแผนพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ได้รวบรวมแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-curveประกอบด้วย ข้อมูลแผนงาน/โครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมจำนวน 160 โครงการ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมพัฒนาคนและการศึกษา เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาแรงงานในกลุ่ม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

จากข้อมูลแผลการดำเนินของแต่ละหน่วยงาน มีเป้าหมายในการพัฒนาจำนวนกำลังแรงงานประมาณ 890,000 คน ครอบคลุมประมาณการความต้องการกำลังแรงงานใหม่และแรงงานที่อยู่ในสถานประกอบกิจการ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปี 2562 - 2566 รวมกว่า 475,000 คน ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ มีความต้องการแรงงานกว่า 142,00 คน อุตสาหกรรมดิจิทัลจำนวนกว่า 116,000 คน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จำนวนกว่า 58,000 คน เป็นต้น ซึ่งการจัดทำแผนฯ ครั้งนี้ ทำให้สามารถเห็นภาพความต้องการกำลังแรงงานของ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายใน S-Curve ของประเทศ พร้อมวางแผนการพัฒนากำลังแรงงานเพื่อนำไปสู่การพัฒนาแรงงานในเชิงรุก ด้วยการ re skill และ up skill 

“แผนพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ โดยเน้นการพัฒนาทักษะเพื่อการทำงาน ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมและการประกอบอาชีพในอนาคต โดยจะนำกรอบแผนพัฒนากำลังคนเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) เพื่อเร่งขับเคลื่อนต่อไป” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

รายงานข่าวจากบริษัทการบินไทย (จำกัด) มหาชนแจ้งว่า ตามที่บริษัทฯ ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อให้มีตำแหน่งงานและสายบังคับบัญชาที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดธุรกิจการบินได้ จนนำไปสู่ความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ

ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ และสามารถกลับมาประกอบกิจการได้อย่างมั่นคง เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 คณะผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ จึงได้มีมติให้ประกาศผลการกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 โดยกระบวนกลั่นกรองครั้งที่ 1 มีผู้แสดงความจำนงทั้งสิ้น 13,554 คน และมีผู้ได้รับการกลั่นกรองครั้งที่ 1 จำนวนทั้งสิ้น 9,304 คน

อย่างไรก็ตามหลังจากบริษัทฯ ประกาศผลการกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 ครั้งที่ 1 แล้ว พนักงานฯ ที่แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ…

1.) กลุ่มพนักงานที่ได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่และประสงค์จะเข้าทำงาน พนักงานไม่ต้องดำเนินการใดๆ โดยให้รอรับเอกสารที่เกี่ยวกับสภาพการจ้างใหม่ในช่วงกลางเดือนเมษายน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ตามประกาศที่จะออกตามมา

2.) กลุ่มพนักงานที่ได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ แต่ต้องการสละสิทธิ์ พนักงานสามารถแสดงความจำนงสละสิทธิ์ไม่รับตำแหน่งงาน และเข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร MSP B หรือ MSP C ภายในวันที่ 10 เมษายน 2564 โดยระบบจะยกเลิกตำแหน่งงานโดยอัตโนมัติ

3.) พนักงานที่ไม่ได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ หรือ ‘กลุ่มฟ้าใหม่’ จะมี 2 ทางเลือก คือ

- ทางเลือกที่ 1 สมัครโครงการ MSP B หรือ MSP C

- ทางเลือกที่ 2 แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 ครั้งที่ 2 ในระหว่างวันที่ 12 - 16 เมษายน 2564 เนื่องจาก พนักงานที่ได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ ครั้งที่ 1 นั้นยังไม่ครบตามจำนวนตำแหน่งงานที่กำหนด กระบวนการกลั่นกรองครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 19 - 23 เมษายน 2564 และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 เมษายน 2564

เช่นเดียวกับการกลั่นกรองครั้งที่ 1 เมื่อบริษัทฯ ประกาศผลการกลั่นกรองครั้งที่ 2 พนักงานกลุ่มฟ้าใหม่ จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม...

3.1) กลุ่มฟ้าใหม่ที่แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรอง Relaunch ครั้งที่ 2 ในตำแหน่งที่ไม่มีผู้สมัครหรือมีผู้สมัคร แต่ไม่มีผู้เหมาะสม หรือตำแหน่งที่มีการสละสิทธิ์ หรือตำแหน่งใหม่ตามความต้องการของธุรกิจ หากผ่านการพิจารณากลั่นกรองจะเข้าสู่สัญญาจ้างใหม่ ข้อบังคับและข้อกำหนดสวัสดิการใหม่

3.2) กลุ่มฟ้าใหม่ที่แสดงความจำนงเข้าสู่ตำแหน่งงานชั่วคราว และได้รับการพิจารณากลั่นกรองให้เข้าสู่ตำแหน่งงานนี้ พนักงานจะเข้าสู่สัญญาจ้างใหม่ที่มีกำหนดระยะเวลา 1 ปีและเข้าสู่โครงการ MSP B หรือ MSP C เมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้าง โดยคำนวณจากอัตราเงินเดือนเดิมก่อน 1 พฤษภาคม 2564

3.3) กลุ่มฟ้าใหม่ที่แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรอง Relaunch ครั้งที่ 2 ในตำแหน่งที่ไม่มีผู้สมัครหรือมีผู้สมัคร แต่ไม่มีผู้เหมาะสม หรือตำแหน่งที่มีการสละสิทธิ์ หรือตำแหน่งใหม่ตามความต้องการของธุรกิจ หรือตำแหน่งงานชั่วคราว แต่ประสงค์จะสละสิทธิ์ สามารถสละสิทธิ์ในตำแหน่งงานนั้นได้ และสมัครเข้าโครงการ MSP B หรือ MSP C ตามสิทธิของพนักงาน

3.4) หากพนักงานไม่ได้รับตำแหน่งในกระบวนกลั่นกรอง Relaunch ครั้งที่ 2 หรือไม่ประสงค์จะแสดงความจำนงใด ๆ พนักงานสามารถสมัครเข้าโครงการ MSP B หรือ MSP C ได้ตามสิทธิต่อไป

อย่างไรก็ตามสำหรับพนักงานที่สมัครเข้าโครงการ MSP B และ MSP C จะได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์บัตรโดยสารสำหรับโครงการ MSP B และ MSP C ตามเงื่อนไขของแต่ละโครงการและจะมีระยะเวลาการจ่ายค่าตอบแทนไล่เรียงกันไปตามช่วงเวลาที่พนักงานสมัครเข้าโครงการ ส่วนกำหนดเวลาการจ่ายเงินบำเหน็จของ MSP B จะเริ่มจ่ายในเดือนมิถุนายน 2564 โดยผ่อนชำระ 4 งวด และโครงการ MSP C เริ่มจ่ายเดือนกันยายน 2564 ผ่อนชำระ 4 งวดเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ในการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างของพนักงานทั้งหมด บริษัทฯ ได้ดำเนินการและพิจารณาอย่างรอบคอบรัดกุม ภายใต้กรอบกฎหมายล้มละลาย และกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยคำนึงถึงสถานการณ์ของบริษัทฯ และความเป็นธรรมต่อพนักงานอย่างที่สุด เพื่อให้การบินไทยกลับมาเป็นองค์กรที่แข่งขันได้ สามารถสร้างความภูมิใจแก่ประเทศไทยได้ในฐานะที่เป็นสายการบินแห่งชาติที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ

‘บิ๊กตู่’ แจงทุกเรื่อง!! ลั่นหยุดสักทีพวกเที่ยวที่อโคจร!! เตือนนักการเมืองเป็นบทเรียน บอกตัวเองไม่เคยไปมาหลายสิบปี ส่วนตอนหนุ่มๆ คนละเรื่อง พร้อมขู่ฟ้องคนโยง ‘ไทยคู่ฟ้าคลับ’ ยันไทยไม่ได้ฉีดวัคซีนช้ากว่าใคร แจงต้องยึดความปลอดภัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังร่วมกับคณะแพทย์ ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารป้องกันโควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กว่า ขอให้พวกเราทุกคนระวังตัวไว้ด้วยกับสถานการณ์ในวันนี้ ซึ่งการที่ตนบอกว่าอะไรจะเกิดมันต้องเกิดนั้น เพราะตราบใดที่ยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ทั้งหมด เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้ไขกันต่อไปไม่มีอะไรจบปุ๊บปั๊บ เพราะเป็นเรื่องเชื้อโรค เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่าหลังโควิดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีก เช่น เชื้อสายพันธุ์ใหม่

นายกฯ ย้ำว่าตนให้ความสำคัญทุกช่วงให้เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข รวมทั้งได้เชิญตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน มาด้วย โดยหารือหลักการนำเข้าวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง แต่ปัญหาคือต้องไปแก้ไขเรื่อง อย.และเภสัชด้วย เพื่อพิจารณาการนำเข้าวัคซีน เพราะย้ำว่าเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงให้ไปหาทางว่าจะเอาเข้ามาได้อย่างไร เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือก วันนี้เราจึงเดินหน้าเรื่องวัคซีนทางเลือก โดยหารือกับผู้ผลิตด้วย เพราะมีหลักการหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่โรงพยาบาลเอกชนจำนวนมากอยากหาวัคซีนช่วยรัฐบาล ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้นอยู่แล้ว แต่มีปัญหาในเรื่องการนำเข้า ซึ่งเกี่ยวกับต่างประเทศด้วย จึงต้องไปปลดล็อคตรงนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีวัคซีนเข้ามาแล้ว 3.5 แสนโดส และในเดือนเม.ย.นี้ จะเข้ามาเพิ่มเติม 1.5 ล้านโดส และจะเข้ามาตามลำดับ เว้นแต่มีปัญหาที่ต้นทาง ซึ่งจะควบคุมได้ยาก ส่วนที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้น 300-400 ที่ทำให้ตระหนกกันนั้น ยืนยันว่าเราควบคุมได้ โดยหาตัวมาเข้าสถานกักตัว เข้ารับการรักษา และเตรียมโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเตรียมการไว้ทั้งหมด หากสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น

ย้ำว่านายกฯ ไม่เคยทอดทิ้งใคร ขณะเดียวกันวันนี้ได้ข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หมอและพยาบาลติดเชื่ออีก ดังนั้นทำอย่างไรไม่ให้มีการระบาดในโรงพยาบาลจึงต้องมีโรงพยาบาลสนามไว้ตรวจคัดกรอง นอกจากนี้ยืนยันว่าน้ำยาตรวจมีเพียงพอ ไม่มีปัญหาอะไร

นายกฯ กล่าวย้ำว่า วันนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวเองเว้นระยะห่างสวมหน้ากากและล้างมือและเว้นไปในที่อโคจร ระมัดระวังตัวเอง ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไปสั่งห้ามคนไม่ให้ไปไม่ได้ มีอย่างเดียว คือ สั่งปิดสถานบริการ ซึ่งวันนี้ สั่งปิดเพิ่มอีกใน 41 จังหวัดตามมาอีก แล้วใครเดือดร้อน ซึ่งเราโทษใครไม่ได้ แต่ทุกคนต้องทำเพื่อคนไทยซึ่งนายกฯ เข้ามาเพื่อแบบนี้

นอกจากนี้ในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยงและกิจกรรมเสี่ยง ต้องได้รับการดูแลโดย สงกรานต์ปีนี้ขอให้เป็นสงกรานต์ปลอดภัย เป็นแบบ New Normal การไปรดน้ำพระหรือไปที่ที่มีคนจำนวนมากยังอันตรายทั้งหมด จึงขอให้รดน้ำคนที่บ้าน สิ่งสำคัญนอกจากไหว้พระแล้ว ต้องทำกุศลให้คนอื่นปลอดภัยด้วย มีจิตสำนึกรู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงในช่วงรอมฎอนด้วย ขอให้ระมัดวังที่สุด เพราะสถานการณ์โควิดทั่วโลกยังไม่หยุด มีคนติดเพิ่มเป็นหมื่น ๆ บางประเทศตายเป็นแสน ๆ แต่ของเราไม่ได้จะว่ามากหรือน้อย เพราะชีวิตคือชีวิต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนอย่ามองว่าฉีดช้าหรือเร็ว ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ ทั้งนี้หลายประเทศไม่ต้องจัดหา วัคซีนเองด้วยซ้ำ เช่นประเทศมีรายได้ร้อย แต่เป็นการฉีดให้ทดลองก่อนแล้วเรากล้าหรือไม่ ดังนั้นไม่ใช่ช้ากว่าเขา ถ้าวัคซีนมีฉีดได้หมด แต่เราไม่ใช่วัคซีนบริจาคซื้อเอง เพราะเรารายได้ปานกลาง ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันวันนี้เราต้องบริหารความเข้าใจให้ได้ลดความแตกแยก เพราะทุกคนเป็นคนไทยและสำคัญทั้งหมด ซึ่งตนเองในมุมหนึ่งเป็นนายกฯและนักการเมือง แต่ก็เป็นประชาชนเหมือนทุกคน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะทำงานโดยมี นพ.ปิยสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์ศบค. เป็นประธานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมและบริหารการฉีดวัคซีน โดยต้องฉีดให้ได้ อย่างน้อย 45 ล้านคนทั้งประเทศ

เมื่อถามถึง ความเป็นไปได้ในการลดขั้นตอนการนำเข้าวัคซีนของ ภาคเอกชนได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะลดขั้นตอน แต่ต่างประเทศเขาไม่ยอมลด เพราะมีมาตรฐานที่ทั้งโลกต้องดำเนินการ แต่ปัญหาหลักคือตอนนี้ต่างประเทศจะขายให้เราหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ก็มีการแย่งวัคซีนกัน ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการช้าไปกว่าประเทศอื่น อย่างในประเทศอินเดียที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่จากบริษัทแอสตราเซเนกา ยังประสบปัญหาผลิตไม่ทัน เพราะคนติดเชื้อมากขึ้น ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อภายในประเทศไทยก็มีมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือต้องไม่เจ็บและไม่ตาย รักษาให้ได้ ซึ่งขณะนี้ยารักษาภายในประเทศนั้นเพียงพอ ส่วนวัคซีนนั้นสามารถป้องกันได้ แต่ไม่ใช่ป้องกันได้ 100% เป็นเพียงการเพิ่มภูมิต้านทานให้ติดเชื้อยากขึ้น ไม่ใช่ว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไปในสถานที่อโคจร ไม่เช่นนั้นก็ติดอยู่ดี

ส่วนเมื่อถามถึงกรณีที่โรงพยาบาลเอกชนไม่รับตรวจโควิด-19 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เกิดจากสาเหตุเตียง โรงพยาบาลเอกชนไม่เพียงพอ หากรับตรวจเมื่อพบว่าติดเชื้อก็ต้องรักษา จึงต้องนำผู้ป่วยนี้ดึงออกมาอยู่ในโรงพยาบาลสนาม และยืนยันว่าขณะนี้เองโรงพยาบาลเอกชนสามารถตรวจได้แล้วและมีน้ำยาเพียงพอ พร้อมอธิบายว่าหากรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งหมดจะไม่สามารถรักษาโรคปกติได้ ซึ่งต้องมีการบริหารคนหมู่มาก

ส่วนแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเพียงแผน หากดำเนินการไม่ได้ก็ไม่ทำตามแผน ซึ่งหากจะบังคับใช้ได้จริงจะต้องออกมาเป็นคำสั่งไม่ใช่แผน รวมถึงการเจรจากับประเทศ เช่น มีวัคซีนพาสปอร์ตหรือไม่ พร้อมย้ำว่าแผนการเปิดประเทศไม่ใช่เปิดโล่งทั้งหมด ต้องดูด้วยว่าประเทศเพื่อนบ้านเขาเปิดหรือไม่ ทุกวันนี้ต้องย้ำเรื่องเศรษฐกิจค้าขายเป็นหลัก ทั้งต้องเตรียมวัคซีนให้พร้อมในพื้นที่ท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งทำอะไรต้องเป็นกลางเสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม รับฟังความคิดเห็นว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้าง ไม่ใช่เพียงแค่คิดแล้วสั่งโครมๆ ลงไปเลย

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่นักการเมืองหรือรัฐมนตรีบางคนยังเดินทางไปที่อโคจร รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไก่เกิดก่อนไข่หรือไข่เกิดก่อนไก่ ใครจะไปที่ไหนมาก็รู้ตัวอยู่แล้ว รัฐบาลจะไปห้ามก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล วันนี้ตนมองว่าเป็นบทเรียนพอสมควรแล้ว ขอให้หยุดกันเสียที เพราะหากใครติดเชื้อก็ต้องรักษา ซึ่งเป็นบทเรียนว่าสถานที่อโคจร ไม่ควรไป เพราะนายกฯ ก็ไม่เคยไปไหนเลยกว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย แต่สมัยหนุ่มๆ ก็คงคนละเรื่อง แต่ไม่ไปขนาดนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ว่า มีการรายงานการกักตัวเข้ามาให้ทราบ ซึ่งเขาก็โอเค และตนได้สั่งการให้ทำงานอยู่ที่บ้าน ผ่านการประชุมระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ไม่ใช่ 14 วันและจะหายไปเลย ทุกคนมีความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาใดก็รับผิดชอบ จึงขอทุกคนรับผิดชอบไปกับตนเองด้วยรวมถึงสื่อมวลชนด้วยว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองสงบ

ส่วนกรณี ที่รัฐสภามีการเลื่อนพิจารณาร่างประชามตินายกรัฐมนตรีย้อนถามว่าเพราะอะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เพราะมีการติดเชื้อโควิด ซึ่งตนจะไปบังคับใครไม่ได้เนื่องจากเป็นเรื่องของสภาฯ เมื่อมีการระบาดสมาชิกก็กลัวจะติดไปด้วย ยืนยันว่าตนจะไม่เข้าไปยุ่งกรณีที่ร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะหลายอย่างที่เสนอผ่านรัฐบาลไปแล้วเป็นสิ่งที่เห็นชอบและจะไปควบคุมไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไร เพราะทุกคนมีความคิดไม่ต้องไปสั่งเขา

ส่วนการออกมาตรการของจังหวัดที่ออกมาควบคุมป้องกันการแพทย์ระบาดนั้น นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 อย่าง คือ จังหวัดจะจัดการพื้นที่อย่างไรที่มีการระบาดอย่างไร และจะเข้าไปอย่างไร และอีกประการคือคนที่จะเข้าไป มาจากพื้นที่ใดบ้าง ทั้งนี้ต้องคำนึงด้วยว่า การเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ถึงจังหวัดปลายทางจะรับหรือไม่ ส่วนจะเพิ่มพื้นที่หรือไม่ ศบค. จะเป็นผู้แถลงชี้แจง และในวันนี้ สถานบันเทิงก็มีปิดตัวลงและได้รับความเดือดร้อนด้วย อีกทั้งตนยังได้สั่งตำรวจดูแลในเรื่องของอุปกรณ์การตรวจวัดแอลกอฮอล์ในจุดตรวจด่านแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาดด้วย โดยยืนยันว่ามีการเปลี่ยนหลอดเป่าอยู่ตลอดไม่ใช่การเป่าปี่หรือดูดแต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีที่มีการโยงสถานบันเทิงกับตึกไทยคู่ฟ้าว่า กำลังสั่งการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่ การใช้คำว่าไทยคู่ฟ้า ไปทำโน้นทำนี้ คงไม่ใช่ ขอให้ระวังกันด้วย

‘อรรถวิชช์’ ขอ กทม. เร่งส่งหนังสือเวียนชุมชนต่าง ๆ งดจัดกิจกรรมต่าง ๆ ช่วงสงกรานต์โดยเฉพาะกิจกรรมกับผู้สูงอายุ ป้องกันเสี่ยงรวมตัวระบาดโควิด-19

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ในฐานะดูแลกลุ่ม กทม. พรรคกล้า กล่าวถึงกรณีที่กรุงเทพมหานคร ประกาศงดจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ที่ลานคนเมือง และกิจกรรของสำนักงานเขตรวมถึงหน่วยงานในสังกัด เพื่อป้องกันการรวมตัวเสี่ยงระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการจัดงานในชุมชนของกรุงเทพมหานคร ยังต้องดำเนินการต่อไปหรือไม่ หลายชุมชนเดินหน้าเตรียมงาน เพราะเข้าใจว่ายังสามารถจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ได้อยู่ จึงขอให้กรุงเทพมหานคร เร่งส่งหนังสือเวียนถึงชุมชนทั้ง 2,016 ชุมชน งดจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคระบาดที่กำลังแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วในขณะนี้

"แม้จะมีการประกาศงดจัดกิจกรรมของ กทม. เองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้การจัดกิจกรรมใหญ่ ๆ หลายพื้นที่ต้องประกาศงดไป แต่ตามชุมชนหลายพื้นที่ยังเข้าใจว่าสามารถจัดกิจกรรมได้ จึงอยากให้ทาง กทม. เร่งส่งหนังสือเวียนขอให้ชุมชนต่าง ๆ งดจัดกิจกรรม และเพื่อความรวดเร็ว สำนักงานเขตก็สามารถส่งหนังสือเวียนผ่าน Line แจ้งต่อชุมชนหรือผู้นำชุมชน หรือให้ฝ่ายพัฒนาชุมชน โทรหาผู้นำชุมชนเร่งกระจายข่าวให้ทราบโดยเร็ว ซึ่งสามารถทำได้ทันที เพื่อ หลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน ป้องกันการระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19" นายอรรถวิชช์ กล่าว

นครหลวงปักกิ่งของจีนทะยานขึ้นมาเป็นเมืองที่มีจำนวนมหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐมากที่สุดในโลกเพิ่มขึ้นอีก 33 คน ดันมหาเศรษฐีของเมืองเพิ่มขึ้นเป็น 100 ราย โดยเบียด นครนิวยอร์ก ที่ครองแชมป์เมืองมหาเศรษฐีพันล้านมากที่สุดในโลกติดต่อกันมาถึง 7 ปี ตกแท่นไป

โดยนิตยสารฟอร์บ ได้เผยรายงานการจัดอันดับมหาเศรษฐีพันล้านดอลล์ทั่วโลกปี 2021 ซึ่งปีนี้เมือง ‘ปักกิ่ง’ มีกลุ่มมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญฯ หน้าใหม่ผุดขึ้นเพียบ เพราะการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 และดีดตัวขึ้นจากเมืองมหาเศรษฐีพันล้าน ‘อันดับที่ 4’ มาเป็น ‘อันดับที่ 1’

นับเป็นการเบียด ‘นิวยอร์ก’ ที่ครองแชมป์เมืองมหาเศรษฐีพันล้านมากที่สุดในโลกติดต่อกันมาถึง 7 ปี ตกแท่นไปได้อย่างน่าสนใจ แม้ปีนี้นิวยอร์กจะมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านเพิ่มขึ้น 7 คน รวมจำนวนมหาเศรษฐีของนิวยอร์ก เท่ากับ 99 รายก็ตาม

สำหรับปีนี้เมืองมหาเศรษฐีระดับพันล้านเหรียญ ที่มีจำนวนมากสุดในโลก ประกอบไปด้วย...

1.) ปักกิ่ง

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 100

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น 33

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $484.3 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = จาง อีหมิง มีทรัพย์สิน $35.6 พันล้าน (ผู้ก่อตั้ง ByteDance และโซเชียลมีเดีย โต่วอิน (Douyin) หรือ ‘TiKToK’)

2.) นิวยอร์ก

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 99

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น 7

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $560.5 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = มิเชล บลูมเบิร์ก มีทรัพย์สิน $59 พันล้าน (ผู้ก่อตั้ง ประธานบริหาร และเจ้าของบริษัท Bloomberg L.P. ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการทางการเงิน สื่อมวลชน และซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์)

3.) ฮ่องกง

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 80

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น 9

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $448.4 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = ลีกาชิง มีทรัพย์สิน $33.7 พันล้าน (นักธุรกิจใหญ่ชาวฮ่องกง นักลงทุน และนักการกุศล)

4.) มอสโค

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 79

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น 9

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $420.6 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด: อเลกซี มอร์ดาชอฟ (ALEXEY MORDASHOV & FAMILY) มีทรัพย์สิน $29.1 พันล้าน (นักธุรกิจมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เขาเป็นผู้ถือหุ้นหลักและเป็นประธานของ Severstal ซึ่งเป็นกลุ่ม บริษัท ในรัสเซียที่มีผลประโยชน์ใน บริษัท โลหะพลังงานและเหมืองแร่)

5.) เซินเจิ้น

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 68

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น24

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $415.3 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = หม่า ฮว่าเถิง มีทรัพย์สิน $65.8 พันล้าน (โพนี หม่า ผู้ก่อตั้ง ประธาน และกรรมการผู้จัดการ Tencentบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี รวมถึงกลุ่มการลงทุน, การเล่นเกม และความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก

6.) เซี่ยงไฮ้

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 64

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น 18

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $259.6 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = หวง เจิง มีทรัพย์สิน $55.3 พันล้าน

7.) ลอนดอน

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 63

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น7

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $316.1 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = LEN BLAVATNIK มีทรัพย์สิน $32 พันล้าน

8.) มุมไบ

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 48

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น 10

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $265 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = MUKESH AMBANI มีทรัพย์สิน $84.5 พันล้าน

9.) ซานฟรานซิสโก

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 48

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น 11

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $190 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = DUSTIN MOSKOVITZ มีทรัพย์สิน $17.8 พันล้าน

10.) หังโจว

จำนวนมหาเศรษฐีรวม = 47

นับจากปีที่แล้ว = เพิ่มขึ้น 21

มูลค่าสุทธิทั้งสิ้น = $269.2 พันล้าน

ผู้อาศัยในเมืองที่รวยที่สุด = จง สานส่าน มีทรัพย์สิน $68.9 พันล้าน


ที่มา: http://https://mgronline.com/china/detail/9640000033716

แรงงาน เตือนลดเสี่ยงเพลิงไหม้ ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าก่อนหยุดยาว พร้อมย้ำดูแลตัวเอง ลดเสี่ยงโควิด-19  

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเตือนระวังเหตุเพลิงไหม้ในช่วงสงกรานต์ ขอความร่วมมือลูกจ้าง นายจ้าง และสถานประกอบกิจการเตรียมการป้องกันและตรวจสอบเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดก่อนหยุดยาว พร้อมย้ำสำหรับแรงงานที่เดินทางออกต่างจังหวัด ควรขับรถด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยในความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของลูกจ้าง นายจ้าง และสถานประกอบกิจการ ในช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 10 - 15 เมษายน 2564 เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยสถานประกอบกิจการส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกจ้างได้กลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัว และร่วมกิจกรรมตามประเพณีนิยมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการเกิดอัคคีภัย จึงได้ขอความร่วมมือนายจ้าง ลูกจ้าง ในสถานประกอบกิจการ ตรวจสอบเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ปลอดภัย หากพบว่าชำรุดต้องซ่อมแซมทันที รวมทั้งปิดเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า และระบบต่าง ๆ ที่ไม่ได้ทำงานให้เรียบร้อย นอกจากนี้สถานประกอบกิจการ ต้องจัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิง สัญญาณแจ้งเหตุให้พร้อมสำหรับการใช้งานเพื่อจะได้ช่วยลดความเสียหายกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ได้

อธิบดี กสร. กล่าวต่อว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังห่วงถึงสวัสดิภาพของพี่น้องผู้ใช้แรงงานและนายจ้างที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง มีสติ ไม่ประมาท ทั้งคนขับและผู้โดยสารต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะเดินทาง และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่แต่ละสถานประกอบกิจการขอความมืออย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการรับเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่น โดยสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดและไปในพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ขออวยพรให้ประชาชนทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ สุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะกลับปฏิบัติหน้าที่การงานต่อไป

DSI ลงพื้นที่บุกอายัดที่ดิน เครือข่ายอดีตผู้บริหารสหกรณ์สโมสรรถไฟ กับพวก ในพื้นที่ กรุงเทพฯ นนทบุรี อำเภอเมืองเพชรบุรี และ อำเภอแก่นกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ได้สอบสวนขยายผลบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการพิสูจน์การได้มาของทรัพย์สิน (ที่ดิน) โดยการเชื่อมโยงเส้นทางทางการเงินกับทรัพย์สิน ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเครือข่ายอดีตผู้บริหาร สหกรณ์สโมสรรถไฟ ที่ได้นำเงินจากการทุจริตออกจากบัญชีสหกรณ์สโมสรรถไฟ และนำเงินที่ได้จากการทุจริตไปเปลี่ยนสภาพแห่งตัวทรัพย์ เพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา หรือได้มา ครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มา อันเป็นเหตุในการเข้าทำการตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินข้างต้น

วันที่ 9 เมษายน 2564 พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พันตำรวจโท สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล พันตำรวจโท จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการพิเศษ นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา และนายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีการฟอกเงินทางอาญา 3 พร้อมคณะ ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี (สาขาท่ายาง) และนายประกอบ เผ่าพงศ์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ร่วมกันอายัดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างหลายพื้นที่ ประกอบด้วย

(1) ที่ดินเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 แปลง

(2) อาคารชุดฮอลส์มาร์ค แจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน 7 ห้อง

(3) ที่ดินโครงการพฤกษ์พิมาน 3 ตำบลนาวุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 23 แปลง

(4) พื้นที่อำเภอแก่นกระจาน จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 49 แปลง

รวมทรัพย์สินที่ทำการอายัด 85 แปลง มูลค่าประมาณ 85,601,690 บาท โดยในการอายัดครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของกลุ่มบุคคล จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่านำเงินที่ได้จากสหกรณ์ฯ ไปซื้อที่ดิน ตามที่ได้อายัดไว้ข้างต้น 

การดำเนินการครั้งนี้ เพื่อเป็นการสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสามารถนำเงินชดใช้คืนสหกรณ์สโมสรรถไฟ และสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพื่อเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการในทุกมิติ โดยร่วมกับสำนักงาน ปปง. เพื่อทำการการยึด/อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด 

เพื่อขอให้พนักงานอัยการมีคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืน หรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ตลอดจนสมาชิกสหกรณ์จำนวนกว่า 6,000 ราย และสหกรณ์พันธมิตรอีก 15 แห่ง โดยจะดำเนินการเชิงบูรณาการร่วมกับ สำนักงาน ปปง. ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่งผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อย่างเด็ดขาด ต่อไป

โฆษกกองทอ. เผยเตรียมพร้อมโรงเรียนการบิน กำแพงแสน เป็นโรงพยาบาลสนาม ประมาณ 100 เตียง หนุนรัฐบาลรับมือสถานการณ์โควิดฯระบาดเพิ่ม ขณะที่ “บิ๊กแอร์บูล” เตือนกำลังพลห้ามไปพื้นที่เสี่ยง แต่ไม่ห้ามกลับภูมิลำเนา/ช่วงสงกรานต์ พร้อมเปิด10 รพ.สนามในเขต กทม.และปริมณฑล

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมสั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามและเตียงสนาม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดเพิ่มเติมต่อเนื่องว่า กองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมโรงเรียนการบิน กำแพงแสน จ.นครปฐม ไว้เป็นโรงพยาบาลสนาม โดยมีการเตรียมเตียงสนามไว้ประมาณ 100 เตียง  ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเคยใช้เป็นพื้นที่กักตัว หรือ state quarantine ที่ทางรัฐบาลจัดไว้ เพื่อกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

ซึ่งก็ได้มีการปรับพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนาม ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดทางกองทัพอากาศก็ได้เตรียมเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ไว้คอยสนับสนุนทุกจังหวัด หากมีการประสานงานร้องขอมา เราก็พร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ขณะที่ในพื้นที่ส่วนกลางมีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช สังกัดกรมแพทย์ทหารอากาศ ยังคงดำเนินการรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และพร้อมให้การรักษาอยู่ ซึ่งจากการประสานกับเจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศล่าสุดทราบว่าโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชยังไม่ประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำยาตรวจเชื้อโควิด-19 


พล.อ.ท.ฐานัตถ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้มีคำสั่งแจ้งเตือนกำลังพลทุกนายไม่ให้เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงหากไม่จำเป็น รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชากำชับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองต้องปฏิบัติตัวและดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และขอความร่วมมืออย่าเพิ่งเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้ห้ามกำลังพลกลับภูมิลำเนาไปเยี่ยมครอบครัว ซึ่งเน้นย้ำว่าต้องบันทึกไทม์ไลน์ของตนเองอย่างเคร่งครัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของกระทรวงโหม จากการสนับสนุนของเหล่าทัพ เพื่อรองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลโดยรอบ (ระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากกรุงเทพ) ได้เตรียมพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่

1.) ปตอ.1 กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (แจ้งวัฒนะ)  จังหวัดกรุงเทพฯ  จำนวน 200 เตียง
2.) สนามมวยค่ายบุรฉัตร กองพลทหารช่าง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 100 เตียง
3.) สนามกีฬากลาง กรมการทหารช่าง  อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 400 เตียง
4.) โรงพลศึกษา ศูนย์พัฒนาการกีฬา กรมการทหารช่าง  อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 120 เตียง
5.) โรงรถ กองพันทหารช่าง กรมการทหารช่าง  อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 120 เตียง
6.) ศูนย์ฯ 8 (วัฒนาแฟคทอรี 2) จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 1,000 เตียง
7.) ศูนย์ฯ 9 (บ.วิท วอเตอร์ฯ) จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 485 เตียง
8.) ศูนย์ฯ 10 (สภาอุตสาหกรรม) จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 500 เตียง
9.) ศูนย์ฝึกบรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 150 เตียง
10.) รร.การบิน อาคารแผนกฝึก (ทอ.) อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 เตียง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top