Tuesday, 29 April 2025
Hard News Team

"อนุทิน" แจงแผนจัดหาวัคซีนโควิด 19 เผยหารือ "ไฟเซอร์ฯ" แล้ว รอใบเสนอราคา ย้ำ หากส่งได้ในเดือน มิ.ย. - ก.ค. พร้อม "คว้าหมับ" ทันที

ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด 19 ว่า สนับสนุนในการจัดหาวัคซีนทุกชนิดที่มีความปลอดภัย ทั่วโลกให้การยอมรับ ไม่ได้ระบุเป็นยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง 

ทางทฤษฏีบอกว่า การฉีดวัคซีนได้ร้อยละ 60 ของจำนวนประชากรก็จะมีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว แต่ทางรัฐบาล ได้ให้เป็นแนวทางว่า ให้เผื่อไว้ที่ร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร สำหรับวันที่ 22 เมษายน 2564 จะเจรจากับตัวแทนผู้ผลิตวัคซีนอีก 2-3 ราย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ช่วงเวลาการจัดส่งวัคซีน ที่ต้องไม่ช้าเกินไป เพราะเราต้องทำให้เกิดความมั่นใจ

ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่ได้ช้า เพราะผู้ผลิตระบุช่วงเวลาการจัดส่งวัคซีนไว้ในสัญญาตั้งแต่ในเดือนต.ค.2563 ว่าจะส่งให้ในวันที่ 1 มิ.ย.2564 สำหรับ วัคซีนจากไฟเซอร์ยังอยู่ในการเจรจา ซึ่งเราก็ขอให้เขาส่งใบเสนอราคาเงื่อนไข ข้อจำกัดต่างๆ มาให้ตัดสินใจ 

“สมมติว่าพรุ่งนี้เขาส่งใบเสนอราคามา จะส่งให้ได้ 10 ล้านโดสภายในเดือน มิ.ย.หรือ เดือน ก.ค. ปีนี้ รับรองว่าคว้าหมับเลย เพราะเราไม่ต้องการขี่ม้าตัวเดียว เราต้องมีทางเลือก แต่เราต้องมีม้าหลักก่อน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าวัคซีนไฟเซอร์ หากได้มาจะฉีดให้กลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มวัยรุ่นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากเราได้มา 10 ล้านโดส เราก็ฉีดให้กลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ แต่ถ้าได้เพิ่มมากขึ้น ก็ฉีดกับกลุ่มทั่วไปได้ ซึ่งรัฐบาลฟังทุกเสียงแนะนำ 

ต่แกรณีพบอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในบุคลากรทางการแพทย์ 6 รายที่ จ.ระยอง นายอนุทิน กล่าวว่า รับทราบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มีข้อสรุปมาหลายสมมติฐาน แต่การพิจารณาและออกข้อสรุปนั้นต้องให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ไม่ใช่ออกมาในหลายแนวทาง ซึ่งอาจารย์แต่ละท่านจะประชุมหารือกัน โดยมี ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ในฐานะประธานคณะกรรมการดูแลเรื่องความปลอดภัยจากการใช้วัคซีน ประชุมร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 

นายอนุทิน กล่าวว่า อาการไม่พึงประสงค์ของการฉีดวัคซีน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงต้องมีการเฝ้าระวังสังเกตอาการหลังฉีด 30 นาที หากเกิดอะไรขึ้นจะได้เข้าสู่ระบบช่วยเหลือได้ทันที ส่วนใหญ่ที่ฉีดไปแล้วไม่มีผลข้างเคียงอะไร ตนก็ฉีดวัคซีนของซิโนแวค 2 เข็มแล้ว ไม่มีอาการข้างเคียงอะไรแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของร่างกายมนุษย์แต่ละคนต่างกัน แต่ทุกรายก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้ แต่ถึงอย่างเราก็ต้องระวังมากขึ้น

“ส่วนจะมีการระงับหรือฉีดต่อนั้นต้องได้รับความเห็นจากคณะกรรมการชุดนี้ก่อน รมว.สธ. ไปสั่งไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของวิชาการ เรื่องการแพทย์ ดังนั้นตอนนี้ไม่มีคำสั่งชะลอฉีด มีแต่คำสั่งให้เฝ้าระวัง สังเกตอาการมากเป็นพิเศษ และให้ความช่วยเหลืออาการที่ไม่พึงประสงค์” นายอนุทิน กล่าว

จากเนื้อหา “ปิดฉาก Motor Show 2021 ยอดจองในงานทะลักกว่า 2.7 หมื่นคัน ทะลุเป้าโต 51.5% เงินสะพัด 3 หมื่นล้าน ส่วนยอดเข้าชมกว่า 1.34 ล้านคน”

จากเนื้อหาพูดถึงโดยที่ผ่านมาต้องเจอผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ยอดจองลดลงจากช่วงปกติ แต่ด้วยตัวเลขยอดจองในปีนี้ มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 51.5 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่ากำลังซื้อของคนไทยไม่ได้หายไปไหน แค่รอเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน ในการออกแคมเปญ และโปรโมชั่นของค่ายรถช่วยให้ทุกคนเป็นเจ้าของรถคันใหม่ได้สะดวกขึ้น

ขณะที่ในส่วนพฤติกรรมของผู้บริโภคเองปีนี้ต่างให้การตอบรับกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวก่อนหน้างาน และเปิดจองภายในงานมอเตอร์โชว์เป็นครั้งแรก เห็นได้จากบรรยากาศการเจรจาที่หนาแน่นดังเช่นทุกปีโดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่มียอดจองเป็นสองเท่าของวันธรรมดา แต่ด้วยพฤติกรรมของคนผู้บริโภคเปลี่ยนไป เพื่อให้สมกับช่วงที่ต้องรัดเข้มขัด จึงหันมาซื้อหารถใหม่ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่ามากขึ้น

ขณะที่ตลาดรถหรูยังคงเติบโตตามเป้าด้วยสาเหตุที่ค่ายรถเองต่างชิงเปิดตัวสินค้าใหม่แทบทุกรุ่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย...

วันนี้มาร่วมหาคำตอบกันกับ หยก THE STATES TIMES

.

.

‘ดิว อริสรา’ แจ้งความเพื่อนซี้ ‘เบล ลูกบรรยิน’ ปมถูกทำร้ายร่างกายในปาร์ตี้บนเรือยอร์ช

กรณีดราม่างานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนบนเรือยอร์ช ที่นางร้ายสาว ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ และ เบล-บุษญา ลูกสาว นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปร่วมงานและมีเรื่องกัน เพราะมีคนที่ติดเชื้อโควิด-19 มาร่วมงานด้วย จนทำให้ทั้งสองสาวต้องกักตัว ก่อนจะมีการเผยแพร่แชทลับที่เบลอ้างว่าได้คุยกับเซบาสเตียน แฟนหนุ่มของดิว ตั้งแต่มีเรื่องไม่เข้าใจกันช่วงวาเลนไทน์

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 เมษายน ที่ สน.ปากคลองสาน น.ส.อริสรา ทองบริสุทธิ์ หรือดิว นักแสดงสาว พร้อม นายสาคร ศิริชัย ทนายความแจ้งความกับ พ.ต.ท.แดนชัย ทูลอ่อง สว. (สอบสวน) สน.ปากคลองสาน ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.กลอยใจ เพื่อนสาวคนสนิทของ น.ส.บุษยา ตั้งภากรณ์ หรือเบล ที่ทำร้ายร่างกายดิว ขณะอยู่บนเรือดังกล่าว โดยมี น.ส.เกวลิน ศรีวรรณา หรือยีน นางเอกสาวชื่อดัง มาเป็นพยาน

น.ส.เกวลินกล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเห็น น.ส.กลอยใจ ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์บนเรือกับดิว จู่ ๆ ดิวก็ล้มลงและมีรอยแดง แถมยังพูดอะไรไม่ออก ซึ่งตนไปคว้าตัวดิวไว้ได้ จังหวะนั้นเห็น น.ส.กลอยใจกำหมัดไว้อยู่ จึงเชื่อว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย เพราะดิวจะไม่ล้มเฉย ๆ และยืนยันว่าดิวไม่ได้ต่อว่าบุพการีหรือพูดจาเหยียดหยามเรื่องแฟนของเบลเลย

ด้านนายสาครกล่าวว่า ดิวเองก็เคารพนับถือนายบรรยิน พ่อของเบล เพราะรู้จักครอบครัวกันมาตั้งแต่เด็ก และไม่เหยียดเพศ ไม่ได้เหยียดเพื่อนสาวสนิทของเบลตามที่มีข่าวออกมา วันนี้จึงพายีนมาเป็นพยานพร้อมนำเอกสารหลักฐานการตรวจร่างกายมาแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดี น.ส.กลอยใจ ในเรื่องทำร้ายร่างกาย

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘หมอวรงค์’ ผุดแคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" ตั้งคำถามคนไทย 5 ข้อ ‘ระบอบการเมืองแบบนี้’ จะเอาหรือ?

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 พรรคไทยภักดี ที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้ไลฟ์สดพร้อมออกแถลงการณ์ภายใต้แคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" โดยมีเนื้อหารับุว่า ปัจจุบันได้เกิดระบอบการเมือง มีการให้ร้าย สร้างความเกลียดชัง ปล่อยเฟคนิวส์ เพื่อให้เกิดการหลงเชื่อในข้อมูลผิด ๆ จนประชาชนและสังคมโซเชียลได้ผลิตคำว่า "สามกีบ" ขึ้นมา และมีการใช้คำคำนี้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ การเมืองระบอบสามกีบ มีลักษณะดังนี้

1.) การทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าสามารถทำลายสถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนได้ เขาจะครอบครองทุกอย่างในประเทศไทยได้ แม้แต่รัฐบาล

2.) รื้อรัฐธรรมนูญ 2560 ให้เกิดสภาเดี่ยว ไม่ต้องการ สว. เพราะ สว. สรรหาจากกลุ่มอาชีพ จะยากแก่การควบคุม ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่งตั้งโดยสภาฯ โดยอ้างคำที่สวยหรูว่า ยึดโยงต่อประชาชน แต่หวังให้ว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการวิ่งเต้นผ่านพรรคการเมือง และท้ายที่สุด ก็เป็นคนของพรรคการเมือง

3.) มุ่งแบ่งแยกประชาชน โดยพุ่งเป้าไปที่เยาวชน คนรุ่นใหม่ ให้หลงคล้อยตาม และสร้างกระแสด้อยค่าคนรุ่นอื่น โจมตีว่าเป็นคนเฒ่า เต่าล้านปี ให้รู้สึกไม่มีคุณค่า เพราะคนรุ่นนี้ จะมีประสบการณ์ และรู้เท่าทันระบอบสามกีบ

4.) สร้างความรู้สึกชังชาติ ชังแผ่นดินเกิด กะลาแลนด์ ด้อยค่าประวัติศาสตร์ชาติ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีไทย ให้หลงคล้อยตามตะวันตก โดยใช้คำว่าประชาธิปไตย (จอมปลอม) มาหลอกชี้นำ

5.) ขายชาติและชักศึกเข้าบ้าน สมคบกับสถานทูต และองค์กร NGO เพื่อมาทำลายและสร้างความขัดแย้งในประเทศไทย ปั่นหัวอาจารย์ นิสิตนักศึกษา หรือดึงตัวแทนทูตมาสังเกตการณ์เข้าลักษณะ "ชักศึกเข้าบ้าน" รวมทั้งมีการสมคบคิด และรายงานสถานการณ์ เข้าข่าย "ขายชาติ"

สิ่งเหล่านี้คือระบอบสามกีบ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน พวกเราคนไทย จะยอมให้มีระบอบการเมืองแบบนี้ในประเทศหรือ?

นอกจากนี้ ระบอบสามกีบก็กำลังดำเนินการรื้อรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็มีนักการเมือง ที่มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนผสมโรงฉวยโอกาสนี้รื้อรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา โดยไม่มีประโยชน์ของประชาชนแม้แต่น้อย เช่นการรื้อเพื่อให้ ส.ส. แปรญัตติงบประมาณ หรือให้ ส.ส. ไปวุ่นวายกับระบบราชการได้ ที่สำคัญที่สุดคือการรื้อระบบเลือกตั้ง จากบัตรใบเดียว สู่บัตรสองใบ

ระบบบัตรใบเดียว ออกแบบคัดกรองคนได้สอดคล้องกับสภาพการเมืองไทย เพราะทุกคะแนนจะมีความหมาย ไม่ใช่คะแนนแพ้ตัดทิ้ง ประชาชนจะมีอำนาจมาก ในการลงโทษพรรคการเมือง จะทำลายระบบมุ้งการเมือง นายทุนพรรค นักเลือกตั้ง ตระกูลอิทธิพลประจำจังหวัด ที่สำคัญระบบนี้ ประชาชนจะเลือกได้ทั้ง ส.ส. และนายกรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน

ระบบบัตรสองใบ ในระยะยาว เท่ากับเป็นการแก้เพื่อเอื้อให้ระบอบทักษิณ กลับเข้ามาครอบงำประเทศผ่านการเลือกตั้ง สภาจะเต็มไปด้วยนายทุนและ กลุ่มอิทธิพลจังหวัด ที่สำคัญคือประชาชนจะเลือกได้แค่ ส.ส.และ ส.ส. จะไปเลือกนายกตามที่นายทุนสั่ง ในอนาคตจะเกิดระบบ นายกนอมินินีหุ่นเชิดตามคำสั่ง เหมือนสมัย นายสมัคร นายสมชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และประเทศจะถูกครอบงำจากทุนสามานย์เหมือนเดิม

เรื่องแก้รัฐธรรมนูญจึงต้องฝาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คิดให้รอบคอบ เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่า ประชาชนอึดอัดกับระบอบสามกีบ และค้านการรื้อรัฐธรรมนูญ จึงขอเชิญทุกท่านร่วมลงชื่อ ผ่านแคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" โดยสแกน QR code หรือคลิกลิงก์ https://1mcampaign.thaipakdee.org


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

องค์การอนามัยโลก เผย ‘ยอดป่วยโควิด-19’ พุ่งทั่วโลก ต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ ขณะที่กังวล พบคนวัยหนุ่มสาวติดเชื้อมากขึ้น จากไวรัสชนิดกลายพันธุ์

21 เม.ย.64 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มขึ้นทั่วโลก เป็นสัปดาห์ที่ 8 แล้ว โดยในสัปดาห์ที่แล้วพบผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 5.2 ล้านราย และมีอัตราป่วยในหมู่คนหนุ่มสาวเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตกกังวล

ทีโดรส กล่าวว่า ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่มากกว่า 3 ล้านราย ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยหากพิจารณาจากตัวเลขขององค์การ ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แตะระดับ 1 ล้านรายในช่วงเวลา 9 เดือน ต่อมาเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2 ล้านรายใน 4 เดือน และล่าสุดแตะระดับ 3 ล้านรายใน 3 เดือน

ขณะที่อัตราการติดเชื้อและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ที่มีอายุระหว่าง 25-59 ปี เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ที่มีอัตราการแพร่ระบาดสูง และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ใหญ่ที่มีอายุไม่มากนัก

เพื่อรับมือกับความจำเป็นเร่งด่วนด้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในทั่วโลก องค์การฯ ได้เผยแพร่เอกสารแสดงความสนใจ (EOI) เมื่อวันศุกร์ (16 เม.ย.) เพื่อก่อตั้งศูนย์ส่งต่อเทคโนโลยีโควิด-19 สำหรับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ด้วยหวังว่าจะช่วยเพิ่มการผลิตวัคซีนให้ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง

ทีโดรสเรียกร้องให้ผู้ผลิตดั้งเดิมของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดนี้ ส่งต่อเทคโนโลยีและข้อมูลให้กับศูนย์กลาง เพื่อให้ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางแสดงความสนใจของตนในการรับเทคโนโลยีดังกล่าว

“เรามีนวัตกรรมล้ำสมัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งตอนนี้เราจำเป็นต้องใช้นวัตกรรมเพื่อรับรองว่าจะมีผู้เข้าถึงประโยชน์ของวิทยาศาสตร์นี้ได้มากที่สุด” ทีโดรสทิ้งท้าย

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/567405


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กตู่” เตรียมประชุมสภากลาโหม ถก “ผบ.เหล่าทัพ”ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากทำเนียบฯ ไปกลาโหม 23 เม.ย.นี้ ขณะที่ “บิ๊กบี้”กักตัว มอบ รองผบ.ทบ.ประชุมแทน

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เรียกประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ในวันที่ 23 เม.ย.เวลา 14.00 น.รูปแบบการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยนายกฯจะประชุมจากที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ร่วมประชุม ด้วย 

ส่วน พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม และรองปลัดกลาโหม จะประชุมที่ กระทรวงกลาโหม  พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู่บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ประชุมพร้อมรองผบ.ทมม. ที่ห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนผู้บัญชาการเหล่าทัพ พร้อมรองผู้บัญชาการ จะประชุมที่เหล่าทัพ 

ทั้งนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังจะไม่เข้าร่วมประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพราะยังครบกำหนดกักตัว 14 วัน ในวันที่  23 เม.ย. จึงมอบหมายให้พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ รองผู้บัญชาการทหารบก (รองผบ.ทบ.)นำประชุมแทนร่วมกับ ผู้ช่วยผบ.ทบ. และเสธ.ทบ. 

ส่วน พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ครบกำหนดกักตัว  14 วันแล้ว โดยจะร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วย จากกองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยานด้านพล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ประชุมพร้อม 5 เสื้ออากาศทอ.ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ ด้วยตัวเอง 

โดยคาดว่าการประชุมดังกล่าวจะเป็นการหารือบทบาทกองทัพที่มีส่วนสนับสนุนการตั้งโรงพยาบาลสนาม และ แพทย์ทหาร  รวมถึงการดูแลชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนเข้ามา และแผนงบประมาณ ปี2565 คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ถือว่าเป็นการประชุมสภากลาโหม ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรก  เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 3 โดยที่ผ่านมาในช่วงโควิด-19 ระลอก 1 - 2

ผช.โฆษก ศบค. เผย พบ 6 ราย มีอาการหลังฉีดวัคซีน ไม่ใช่โรคอัมพฤกษ์ แจง “คล้ายอัมพฤกษ์” หรือสโตรก กล้ามเนื้ออ่อนแรง-รู้สึกชา แนะ ฟังข่าวรอบด้าน อย่าเชื่อโซเชียล บางข่าวไม่จริง

วันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วย โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า กรณีที่ปรากฎข่าวหลังการฉีดวัคซีน พบว่ามีคนไทย6คนมีอาการอัมพฤกษ์ ในข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข มีการรายงานเคสที่มีผลตามมาจากการฉีดวัคซีนแล้ว และมีคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อายุรแพทย์โรคสมองโดยเบื้องต้นที่มีการรายงานในเช้าวันนี้พบว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เรียกว่าโรคอัมพฤกษ์ แต่ใช้คำว่ามีอาการคล้ายอัมพฤกษ์หรือสโตรก เป็นเรื่องของกล้ามเหนืออ่อนแรง รู้สึกชาหรือประสาทสัมผัสไม่รู้สึก อย่างไรก็ตามพบว่าในเช้าวันนี้ทุกคนที่มีอาการฟื้นตัวดีขึ้น

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ขอให้ติดตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนการบริโภคข่าวขอให้ตั้งคำถามเสมอ เพราะทุกข่าวที่ปรากฎและมีการแชร์ไปในโลกโซเชียลอาจจะไม่ใช่ข่าวจริง บางท่านอาจจะเป็นนักวิชาการ เป็นอาจารย์ เป็นคุณหมอที่เราเคารพนับถือ แต่ขอให้ตรวจสอบและอยากให้ฟังรายงานรอบด้านเพราะกระทรวงสาธารณมีการสอบสวนและนำข้อมูลข้อเท็จจริงมาเป็นหลักฐานมายืนยันไอ้ติดตามในช่วงการแถลงของกระทรวงสาธารณสุขในบ่ายวันเดียวกันนี้

โพลพระปกเกล้า เผย ปชช. ต้องการแก้ไขรธน. พร้อมหนุนให้ส.ส.ร.ดำเนินการ เชื่อเหมาะสมสุด ขณะที่ปชช.ส่วนใหญ่ บอกไม่รู้จัก "แอปฯหมอพร้อม"

เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกันสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 22,830 ตัวอย่าง กระจายตามเพศ อายุ อาชีพ และระดับการศึกษา ระหว่างวันที่ 1-19 เม.ย.ที่ผ่านมา  ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า ประชาชนในสัดส่วนร้อยละ 77.5 มีความต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ขณะที่ร้อยละ 22.5 บอกว่าไม่ต้องการแก้ไข โดยให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันดีอยู่แล้ว การแก้ไขเพิ่มเติมทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ เสียเวลา และไม่มีประโยชน์ ขณะที่บางส่วนให้เหตุผลว่าไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง และไม่รู้จัก 

เมื่อสำรวจลึกลงไปถึงกลุ่มประชาชนที่ต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พบว่า คณะบุคคลที่มีความเหมาะสมให้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น ควรเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ร้อยละ 39.1  รัฐสภา ร้อยละ 30.8 คัดเลือกบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของสังคมมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 13.6 ขณะที่ประชาชนร้อยละ 12.7 และ 2.6 เสนอให้เป็นรัฐบาลและฝ่ายค้าน ตามลำดับ 

การสำรวจยังสอบถามความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการไปลงประชามติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญด้วย โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 93.2 บอกว่าจะไปออกเสียงประชามติแน่นอน ขณะที่ร้อยละ 6.8 ตอบว่า ไม่ไป โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีเวลา ไม่สนใจ และเบื่อการเมือง 

อย่างไรก็ตาม การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่จัดทำโดยสถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติในครั้งนี้ ยังได้สอบถามถึงการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ที่รัฐบาล กำลังประชาสัมพันธ์เพื่อใช้ในการจองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาก่อนเริ่มใช้จริง ผลปรากฏว่ามีประชาชนร้อยละ 19.7 เท่านั้นที่บอกว่ารู้จักและใช้แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" ร้อยละ 4.3 บอกว่า รู้จัก แต่ไม่ใช้ ขณะที่ประชาชนร้อยละ 76 บอกว่า ไม่รู้จักแอปพลิเคชันนี้

‘วรรณวรี ก้าวไกล’ ถามดัง ๆ ถึง ‘ประยุทธ์’ คนไทยจะฉีดวัคซีนครบเมื่อไหร่ SMEs กำลังจะไปไม่รอดแล้ว พ้อไม่อยากเห็นประเทศไทยมีรัฐบาลที่จัดการวัคซีนได้แย่ที่สุดในโลก

กรณีที่ภาคเอกชนกว่า 40 องค์กร มีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลเรื่องการจัดหาวัคซีนล่าช้า วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส. เขตยานนาวาและบางคอแหลม กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงรัฐบาลว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแต่เจ้าสัวที่พูดแล้วทำทันที แต่ให้ช่วยฟังเสียงธุรกิจรากหญ้าและ SMEs ที่ส่งเสียงมาตั้งนานแล้วด้วย

“การที่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว CP หรือกลุ่ม CEO บริษัทชั้นนำออกมาพูดเรื่องวัคซีนล่าช้า คงสะท้อนให้เห็นกันแล้วว่าวิกฤตครั้งนี้ คนเดือดร้อนไม่ใช่แค่คนรากหญ้า แต่ผลกระทบได้ขึ้นไปถึงคนระดับกลางและระดับบนด้วย แต่ก็รู้สึกน้อยใจอยู่นิด ๆ ที่รัฐบาลออกมาขานรับในการจัดหาวัคซีน Pfizer เพิ่มทันทีเมื่อมีเสียงจากคนระดับบนเคลื่อนไหว ขณะที่เสียงจากคนเล็กคนน้อยและเศรษฐกิจรากหญ้าที่เดือดร้อนสะท้อนมาตั้งนานแล้วกลับไม่ค่อยได้รับความสนใจ”

วรรณวรี กล่าวต่อไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการที่รัฐบาลควบคุมโควิดไม่อยู่จนเกิดการระบาดระลอก 3 จากธุรกิจที่คิดว่าจะดีขึ้นในปีนี้จึงกลับแย่ลงไปอีก ทุกวันนี้หากเดินไปตามห้าง ตลาดสด ตลาดนัด ย่านการค้าต่าง ๆ สิ่งที่เห็นคือการค้าขายเงียบมาก เพราะกลุ่มคนที่เคยมีกำลังซื้อ เริ่มกลัวการออกมาจับจ่าย และเริ่มระวังการใช้เงินมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าสถานการณ์โควิดจะแย่ต่อเนื่องไปอีกนานเท่าไหร่ จึงต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น

“มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ออกมาเพิ่มเติมถือว่าดีขึ้น แต่ก็ยังกังวลว่าการขยายวงเงินสินเชื่อนั้นจะไม่กระจายไปถึงผู้กู้รายใหม่และคนที่เดือดร้อนย่างแท้จริง สำหรับมาตรการ Softloan รัฐบาลทำให้เห็นชัดมากว่ากระบวนการช่วยเหลือล่าช้าและไม่ทันการ SMEs ในรอบปีที่ผ่านมาจึงมีหลายกิจการล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก พูดง่าย ๆ ก็คือตายไปตั้งแต่ระลอก1-2 แล้ว ถึงแม้รัฐบาลจะมีการออก พ.ร.ก. Softloan ฉบับใหม่ออกมา มีการปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มวงเงินสินเชื่อ และให้มีการปล่อยกู้รายใหม่ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอซึ่งเสนอมาแล้วเกือบปี

แต่ในขั้นตอนการปฏิบัติยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ธนาคารยังอยากปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหญ่มากกว่าอยู่ ส่วนรัฐก็ยังไม่สามารถขอความร่วมมือจากธนาคารได้ ขณะที่ธนาคารรัฐเองอย่าง SME Bank ที่ควรเป็นความหวังของ SMEs ก็ไม่มีกำลังพอที่จะประคองหรือเป็นความหวังให้ SMEs ได้เลย”

วรรณวรี ระบุต่อไปว่า มาตรการ Asset warehousing หรือโครงการ ‘พักทรัพย์ พักหนี้’ เอาเข้าจริง คนที่ได้ประโยชน์คือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ โรงแรม หรือผู้ประกอบการที่มีสินทรัพย์ไปค้ำ แต่คนค้าขายทั่วไป เช่น พ่อค้าแม่ค้าขายของในห้าง เขาจะเอาทรัพย์สินอะไรไปค้ำ มาตรการช่วยเหลือจึงยังตกหล่นบุคคลเหล่านี้

“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคืออยากให้รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีออกมาบอกให้ชัดเจนว่าวัคซีนจะกระจายถึงมือคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศเมื่อไหร่ เพื่อให้คนทำธุรกิจวางแผนได้ถูกต้อง สำหรับภาคธุรกิจ ตอนนี้เราคิดว่ามาตรการช่วยเหลือเยียวยาเป็นเรื่องรอง แต่เราอยากเห็นความชัดเจนจากรัฐบาลเพื่อให้เราสามารถรู้ได้ว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติเมื่อไหร่ จะอีก 3 เดือน 6 เดือน หรือปีหน้า เรื่องเหล่านี้มีผลต่อการวางแผนธุรกิจทั้งสิ้น จะได้ประเมินว่าต้องมีกระแสเงินสดในมือเท่าไหร่เพื่อพยุงธุรกิจ ต้องจัดการสต็อกสินค้าในช่วงนี้อย่างไร หรือต้องปิดกิจการไปก่อนแล้วไปรอเปิดใหม่อีกที ตอนนี้ความหวังของทุกคนจึงอยู่ที่วัคซีน แต่สิ่งที่ดิฉันและคนไทยหลายคนไม่อยากเห็น คือเรากำลังจะมีรัฐบาลที่จัดการวัคซีนได้แย่ที่สุดประเทศหนึ่งของโลก” วรรณวรี กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"บิ๊กป้อม" ประชุมคกก.แม่น้ำโขงแห่งชาติ ไทยเจ้าภาพเตรียมจัดประชุมสุดยอดผู้นำ ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ยืนยันท่าทีไทย/ปชช. ได้รับประโยชน์สูงสุด สั่งเดินหน้า 24 โครงการ ร่วมพัฒนาลุ่มน้ำโขงยั่งยืน เร่งบรรเทาผลกระทบ ปชช.8 จ.ว.ริมโขง

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่าวันนี้ เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564  ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบสถานการณ์แม่น้ำโขง  จากปัญหาภาพรวม การผันผวนของปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง ตั้งแต่ 1 ม.ค 64 ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนของไทยริมฝั่งแม่น้ำโขง ในการดำเนินชีวิต อาทิ การเลี้ยงปลาในกระชัง การเดินเรือขนาดเล็ก เป็นต้น ต่อมากระทรวงการต่างประเทศ และ สทนช. ได้ประสานงานร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน เพื่อแก้ปัญหา และได้รับความร่วมมือด้วยดีกระทั่ง ระดับน้ำเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ตั้งแต่ มี.ค.64 และได้รับทราบ ผลการประชุมคณะมนตรีฯแม่น้ำโขงเมื่อ 26 พ.ย.63 เห็นชอบกรอบความร่วมมือ ทั้งการพัฒนาลุ่มน้ำโขง การจัดการสินทรัพย์ด้านสิ่งแวดล้อม และการคมนาคมขนส่ง เป็นต้น 

จากนั้น คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบเรื่องสำคัญ ได้แก่การเตรียมจัดการประชุมสุดยอด ผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 4  การประชุมคณะมนตรีครั้งที่ 28 และการประชุมร่วมระหว่างคณะมนตรีกับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนาครั้งที่ 26 ในฐานะไทยเป็นประธานคณะมนตรีฯปีพ.ศ.2564 ประมาณช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 64 และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ covid-19 ด้วย และเห็นชอบให้ทำการศึกษาการพัฒนาเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขง โดยให้ สทนช.ร่วมกับ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เร่งประสานงานกับ สปป.ลาว รวมถึงเห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการระดับประเทศ (พ.ศ.2564-2568) จำนวน 24 โครงการ เพื่อบริหารจัดการแม่น้ำโขง อย่างยั่งยืน สอดคล้อง แผนแม่บทบริหารทรัพยากรน้ำ 20ปี

พล.อ.ประวิตร ยังได้สั่งการ สทนช. และกำชับ หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตามแผนงาน ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว โดยขอให้มีความคืบหน้าตามเป้าหมาย อย่างเป็นรูปธรรม โดยจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับสูงสุด ภายใต้กรอบความร่วมมือ และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้มากขึ้น ที่สำคัญอย่างยิ่งจะต้องเร่งขับเคลื่อนโครงการที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน จากผลกระทบ ของพี่น้องประชาชน 8 จังหวัด ริมแม่น้ำโขงของไทย อย่างรีบด่วน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top