Wednesday, 2 July 2025
Hard News Team

"บิ๊กตู่" ยอมขออภัย “ลั่น” ในฐานะผู้บัญชาสูงสุดในสงครามโควิดพร้อมรับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้น “รับ” ไม่สบายใจต้องเลื่อนฉีดวัคซีน “ชี้” ฉีดเต็มอำนาจวัคซีนหมดก็ต้องหยุด พร้อมฉีดทันทีที่ได้เพิ่ม ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 80-90% ในปี 65 ยันทุกหน่วยงานแบ่งหน้าที่รับผิดชอ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ปัจจุบันกระจายวัคซีนไปแล้ว 7 ล้านโดส มีการฉีดวัคซีนแล้ว 6.5 ล้านโดส โดยตั้งแต่คิกออฟ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมาฉีดไปแล้ว 2 ล้านโดสในเวลา 1 สัปดาห์ ถือเป็นขีดความสามารถของเรา ถ้าวัคซีนเข้ามามากกว่านี้ก็จะฉีดได้มากกว่านี้ตามระยะเวลาที่กำหนด  ต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ จิตอาสา ในการดูแลอำนวยความสะดวกที่ได้รับการชมเชยจากประชาชน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการจัดสรรวัคซีนไปยังจุดบริการทั่วประเทศอย่างทั่วถึงและพอเพียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนที่มีการรับฟังจากข่าวหรือการประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลต่างๆ อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ และเข้าใจว่าภาครัฐจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ หรือไม่มีการประสานงานกันนั้น ตนรับทราบข่าวนี้มาตลอดและไม่สบายใจ ยืนยันว่าพยายามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน และสั่งการไปยังผู้รับผิดชอบ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดและสบายใจขึ้น 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญก็อยู่ที่ปริมาณวัคซีนที่ทยอยเข้ามาต้องมีความสมดุลกับขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนในแต่ละวัน ระยะเวลาที่ให้ไป จะต้องฉีดภายในกี่วัน ถ้าเราฉีดเต็มอำนาจไปเลยวัคซีนหมดก็ต้องหยุด นั่นคือข้อเท็จจริง ถ้ามีวัคซีนมากก็พร้อมจะให้ทั้งที่ให้ไปแล้วและเพิ่มให้ ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้นในวาระต่อไป อย่างไรก็ตามภาพรวมในการดำเนินการตามวาระแห่งชาติในการฉีดวัคซีนนั้น แต่ละหน่วยงานมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ใช่ตนไปยึดอำนาจไว้คนเดียว ขณะเดียวกันย้ำว่าวัคซีนมาเป็นรอบ ไม่ใช่มาครั้งเดียว 6 หรือ10 ล้านโดสตั้งแต่ต้นเดือน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้หลักการหรือสูตรที่ใช้จัดสรรวัคซีนที่ตนสั่งการไปมีดังนี้  

1.เมื่อมีวัคซีนมากระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบแล้วต้องส่งให้กับทุกจังหวัดทันที จะไม่มีจังหวัดใดไม่ได้เพิ่มเติมในแต่ละรอบ ซึ่งในอนาคตอาจยกเว้นจังหวัดที่ได้ครบเป้าหมายแล้วหรือจังหวัดที่ศบค. พิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดด้วย

2.จำนวนวัคซีนที่ส่งให้กับแต่ละจังหวัดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่ต้องนำมาคำนวณด้วย ทั้งจำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองในระบบ ทั้งในระบบและพร้อมและระบบของจังหวัด รวมถึงกลุ่มเฉพาะกลุ่มอาชีพเสี่ยงหรือพื้นที่เศรษฐกิจ

3.หากจำนวนนักเรียนที่ได้คำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีดในระยะเวลาภายในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเสี่ยงที่ลงทะเบียนไว้ก่อนแล้วและ

4.หากมีความจำเป็นที่ต้องชะลอการฉีดวัคซีนตามกำหนดเดิมระหว่างรอการนำส่งวัคซีนต้องยึดลำดับเดิมไว้ก่อน โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่และจัดการฉีดตามลำดับเดิมทันทีที่ได้รับการจัดสรร จึงขอให้เข้าใจตรงกันและดำเนินการตามนี้ เพราะเป็นที่มติที่ประชุมร่วมกันในการบริหารจัดการวัคซีน

"ในฐานะที่ผมเป็นนายกฯและผอ.ศบค. ถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสงครามโควิดในคร้งนี้ ต้องขออภัยด้วยกับปัญหาที่เกิดขึ้น และขอรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งผมก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวันทุกเวลาอยู่แล้ว เพราะนี่คือวาระแห่งชาติที่ผมประกาศออกไป เราต้องร่วมใจกันทุกฝ่ายในการดำเนิยการให้บรรลุผลสำเร็จ เพื่ออนาคตของประเทศชาติ ปัญหาอุปสรรคอาจเกิดขึ้นได้ตลอด โดยเฉพาะในระยะแรกทั่วโลกวัคซีนยังมีจำกัดและกระทบต่อการจัดการ แต่จากการวางแผนของรัฐบาลที่มาอย่างต่อเนื่องการจัดหาวัคซีนล่วงหน้าทำให้รามั่นใจว่าจะได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากหลายๆแหล่ง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนขอย้ำว่ารัฐบาลได้จัดหาวัคซีนอย่างเพียงพอต่อคนในประเทศไทยทุกคน แลขณะนี้จัดหาวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมาย 100ล้านโดส เพื่อฉีดให้ประชาชน50ล้านคน 70%ของประเทศในสิ้นปีนี้และเตรียมการปีหน้าด้วย ซึ่งหากได้วัคซีนมาเพิ่มก็จะฉีดวัคซีนเพิ่มไปให้เป็น80%-90%เพราะเรามีขีดความสามารถในการฉีดอยู่แล้ว จึงขอให้ติดตามและช่วยกัน ถ้าเราพูดจากันไม่ดี เจ้าหน้าที่คนหน้างานอีกหลายหมื่นคนก็เกิดความท้อแท้และหมดกำลังใจเหมือนกัน จึงต้องประสานงานกันให้ได้ทั้งระดับบน กลาง และล่าง พร้อมทำความเข้าใจประชาชนด้วย อีกทั้งขอร้องสื่อทุกประเภทด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า การบริหารจัดการวัคซีนเป็นไปอย่างโปร่งใสในการทุจริตโดยเด็ดขาด และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าด้วยศักยภาพและความทุ่มเทของบุคลากรในการจัดการควบคุมการแพร่ระบาดและการฉีดวัคซีน เราจะต้องชนะสงครามโควิดครั้งนี้ไปด้วยกัน และขอเน้นย้ำว่าตน รัฐบาลและครม.ทุกคนมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะที่ยังไม่พ้นวิกฤตโควิด-19 และที่ผ่านมาเราทำอย่างดีแต่ต้องดูทุกอย่างให้สมดุลทั้งสุขภาพ ประชาชน และการเตรียมการในอนาคตควบคู่กัน หยุดด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ ถือว่าที่ผ่านมาเราทำได้ดีอันดับๆต้นๆของโลก นอกจากนี้กำชับเรื่องทุจริต ละเว้นใครไม่ได้อยู่แล้ว 

ป.ป.ส. เร่งขยายผลแก๊งค์ค้ายาข้ามชาติ หลังใช้ไทยทางผ่านซุกไอซ์ 2 กิโลกรัม ในเครื่องขยายเสียงก่อนส่งออกไปฟิลิปปินส์ เดินหน้าเชิงรุกเตรียมจัดประชุมยาเสพติดลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ในวันที่ 5 ก.ค.นี้  

จากกรณี หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน (AITF) ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ส. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศุลกากร และ ศรภ. ร่วมกันตรวจค้นพบไอซ์ จำนวน 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนในเครื่องขยายเสียง ภายในบริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซอยเพชรบุรี 17 ก่อนเตรียมส่งไปประเทศฟิลิปปินส์ ต่อมาศาลได้ออกหมายจับ คือ น.ส.มัณฑณา มงคลดี และ น.ส.เกศรา รุ่งเรือง ก่อนนำตัวไปลงบันทึกจับกุมและสอบสวนขยายผล นั้น 

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รับรายงานความคืบหน้าถึงคดีดังกล่าวแล้ว พร้อมกำชับให้ ป.ป.ส. สืบสวนขยายผลถึงต้นตอเพื่อเร่งดำเนินการจับกุมผู้สั่งการและใช้มาตรการยึดทรัพย์สินผู้ลักลอบส่งออกยาเสพติด จากการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่าผู้ต้องหาได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มนักค้ายาชาวแอฟริกันตะวันตก โดยได้รับการติดต่อจากเพื่อนที่เป็นภรรยาของกลุ่มดังกล่าว ใช้วิธีการติดต่อสั่งการผ่าน Application Line โดยที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ได้รับค่าจ้าง 10,000 บาท ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. จะประสานกับพนักงานสอบสวนของ บช.ปส. เพื่อขยายผลไปยังผู้สั่งการและสืบสวนเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  

นายวิชัย เปิดเผยอีกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งการให้ ป.ป.ส. จัดเตรียมข้อมูลเพื่อประชุมร่วมกับประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 นี้ โดย ป.ป.ส.ได้กำหนดจัดประชุมเตรียมการตามข้อสั่งการในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน (AITF) และท่าเรือ (ASITF) ในฐานะที่ สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานกลางและหน่วยนโยบายด้านยาเสพติดของประเทศ และเป็นผู้เสนอให้มีโครงการความร่วมมือปราบปรามยาเสพติด ระหว่างประเทศ (ASEAN Airport Interdiction Task Force : AITF) ในที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน ยาเสพติด ครั้งที่ 13 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนตุลาคม 2553 และสำนักงาน ป.ป.ส.ยังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานสกัดกั้นยาเสพติดและปราบปรามยาเสพติด ณ ท่าเรือสากลในอาเซียน ครั้งที่ 3 เมื่อสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมาด้วย

“บิ๊กตู่” สั่งปูพรมทุกพื้นที่ขึ้นทะเบียนสิงห์ขี้ยา แยกบำบัดรักษา ส่วนนายทุน คนขายสั่งตัดการเด็ดขาด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าในเรื่องปัญหายาเสพติดได้มอบแนวนโยบายใหม่ไปว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรึกษาหารือกันและเข้าสำรวจในทุกพื้นที่ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน คนที่ติดยาเสพติดต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อนำไปสู่ การบำบัดรักษาลดภาระของพ่อแม่พี่น้อง ได้สั่งการและมอบหมายให้ไปดูว่าจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน ในส่วนของนายทุน ผู้ขาย การจำหน่ายต่างๆจะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเป็นไปตามกฏหมายทุกประการ รวมไปถึงการยึดทรัพย์ด้วย 

ศาลล้มละลายเห็นชอบเเผนฟื้นฟูการบินไทยฉบับเเก้ไข ตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้

ที่ศาลล้มละลายกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการในคดีฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คดีหมายเลขแดงที่ฟฟ 20/2563  คดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานว่าเมื่อวันที่19 พ.ค.64 ที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่มีการแก้ไข ศาลกำหนดนัดพิจารณาแผนแล้วมีเจ้าหนี้ยื่นคำคัดค้านประกอบด้วยเจ้าหนี้รายที่ 11627,10320 และรายที่ 10341ยื่นคำคัดค้านว่าแผนฟื้นฟูกิจการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลพิจารณาแผนคำคัดค้านรายงานผลประชุมเจ้าหนี้คำชี้แจงของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้ทำแผนแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการจัดประชุมเจ้าหนี้โดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการโดยถูกต้องตามมาตรา 90/46โดยแผนฟื้นฟูกิจการมีรายการครบถ้วนตามมาตรา 90/42 ทั้งลำดับและข้อเสนอการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดวิธีการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่มีลักษณะเหมือนกันอย่างเท่าเทียมตามกฎหมายแม้การชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บางกลุ่มจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็สืบเนื่องจากเจ้าหนี้แต่ละกลุ่มมีลักษณะสิทธิเรียกร้องที่ต่างกันและข้อกำหนดการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นไปตามความจำเป็นในการประกอบธุรกิจของลูกหนี้ซึ่งไม่ขัดต่อมาตรา 90/42ตรี

ลำดับและข้อเสนอการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นไปตามลำดับที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าด้วยการแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลายตามมาตรา 90/48(2) หากลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจตามแผนลูกหนี้ย่อมมีรายได้จากการดำเนินกิจการสามารถชำระหนี้ได้แผนฟื้นฟูกิจการจึงแสดงให้เห็นโอกาสและแนวโน้มที่จะสำเร็จ

ประกอบกับเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบหนี้ที่อาจขอรับชำระได้ในการฟื้นฟูกิจการแล้วเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ไม่น้อยกว่ากรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายตามหลักการในมาตรา 90/58(3) นอกจากนั้นเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการแสดงว่าบรรดาเจ้าหนี้ได้พิจารณาถึงคุณสมบัติความสามารถและความน่าเชื่อถือของผู้บริหารแผนแล้วว่ามีความเหมาะสมและการทำแผนเป็นไปโดยสุจริตไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลจึงมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่มีการแก้ไขตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้

แผนกำจัด Bitcoin ของ ‘จีน & สหรัฐฯ’ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ทีเรื่องนี้ดันคิดเหมือนกัน!!
ชวนคิดแผนกำจัด Bitcoin ของ ‘จีน & สหรัฐฯ’

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
..

.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ร่าง ‘น้องโฟน’ เหยื่อเก๋งบีเอ็ม Z4 ถึงสมุย พ่อ แม่ เผยทั้งน้ำตามีลูกแค่คนเดียว กว่าจะได้ลูกคนนี้มาสุดยากลำบาก ยืนยันไม่อภัยคนทำให้ลูกตาย ครอบครัวไม่เหลืออะไรแล้ว หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง

เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่วัดบางรักษ์ หมู่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รถกู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำร่างของ น.ส.กรกฏ หิรัญ อายุ 31 ปี หรือน้องโฟน ที่เสียชีวิตจากเกิดอุบัติเหตุกรณีรถยนต์เก๋งสปอร์ต BMW รุ่น Z4 ทะเบียน 3 กก 7558 กรุงเทพมหานคร สีน้ำตาลเข้ม ซึ่งมีนายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ที่มากับหญิงสาวอายุ 18 ปี ขับพุ่งชนรถยนต์เก๋งซูซูกิ สวิฟท์ สีน้ำตาล ทะเบียน 1 ขฐ 9316 กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา บนถนนทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี-หล่มสัก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 180-181 ตำบลห้วยโป่ง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

โดยที่วัด นายภูวดล และนางนิตยา หิรัญ อายุ 61 ปี พ่อและแม่ของผู้ตาย พร้อมด้วยนายวิทยา ทองสุข เจ้าของโรงแรมในเครือแฟเฮ้าส์ ในอำเภอเกาะสมุย และญาติๆ ได้รอรับศพ ทันทีที่ศพมาถึง นางนิตยา ถึงกับเป็นลมล้มพับ พร้อมส่งเสียงร้องเรียกหา น้องโฟน ตลอดเวลา ซึ่งทางญาติได้พากันปลอบใจ ขณะที่ญาติได้นำร่างของน้องวางในโลง ญาติได้นำพวงมาลัยวางในโลงศพ เป็นการแสดงความเสียใจ และนำศพใส่ในโลงเย็น ซึ่งพ่อกับแม่ของผู้ตายได้เดินไปเคาะโลงศพน้องโฟน พร้อมส่งเสียงเรียกชื่อ ตลอดเวลา

ต่อมา ทางนายภูวดล และนางนิตยา พ่อกับแม่ของน้องโฟน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุที่โหดร้ายที่สุดสำหรับชีวิตครอบครัว ‘หิรัญ’ เป็นการสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเก๋งบีเอ็ม ขับประมาท ขับคนละเลนกัน และมาชนรถลูกสาวของตน โดยรถยนต์เก๋งซูซูกิ สวิฟท์ สีน้ำตาล ทะเบียน 1 ขฐ 9316 กรุงเทพมหานคร เป็นรถของน้องโฟน ที่ใช้ขับเดินทางไปทำงาน ซึ่งเห็นตามสื่อข่าวต่างๆ เก๋งบีเอ็มขับซิ่งซ้ายซิ่งขวา ในขณะที่ทัศนวิสัยไม่เป็นใจฝนตก แต่คนขับก็ขับซิ่งโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทาง ตนรับไม่ได้จริงๆ

ขณะที่นางนิตยา กล่าวว่า ครอบครัวตนมีลูกยากมาก เมื่อ 30 กว่าปี ตนมีอาชีพเป็นพยาบาล ตนกับสามีอยากมีลูกมาก และได้ไปปรึกษาหมอที่เก่งๆ เพื่อทำกิฟต์ โดยใช้เงินไปกว่า 500,000 บาท และต้องไปฉีดยาบำรุงครรภ์เข็มละ 2,000 บาท ในสมัยนั้นกว่าจะได้น้องโฟนมา และเมื่อคลอดน้องโฟนมาก็เป็นเด็กเลี้ยงง่าย น้องน่ารักมาก เเละเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับครอบครัว ‘หิรัญ’

แต่เมื่อมาสิ้นน้องโฟนไป ก็เหมือนกับหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะในชีวิตมีแต่ลูกอย่างเดียว สำหรับตนในฐานะแม่ และพ่อผู้สูญเสีย ไม่ให้อภัยกับคนที่ทำให้ลูกตาย และจะเดินหน้าต่อสู้ในเรื่องคดีให้ถึงที่สุด ส่วนศพน้องโฟน จะทำการฌาปนกิจ ในวันเสาร์ที่ 19 มิถุนายนนี้

 

https://mgronline.com/south/detail/9640000057679


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

The Global New Light of Myanmar สื่อทางการเมียนมา รายงานว่า ได้เกิดการสังหารหมู่คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารแห่งหนึ่ง บนเส้นทางจากบ้านกะแนเล มายังบ้านมอคี ตำบลวาเลย์ อำเภอซูกะลี จังหวัดเมียวดี ที่อยู่ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. The Global New Light of Myanmar สื่อทางการเมียนมา รายงานว่า ได้เกิดการสังหารหมู่คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารแห่งหนึ่ง บนเส้นทางจากบ้านกะแนเล มายังบ้านมอคี ตำบลวาเลย์ อำเภอซูกะลี จังหวัดเมียวดี ที่อยู่ตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

การสังหารหมู่ครั้งนี้ เป็นฝีมือของทหารจากองค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Defence Organisation : KNDO) ซึ่งเป็นกองทัพกะเหรี่ยงอีกกองทัพหนึ่งที่อยู่ภายใต้สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ทำงานเคียงคู่กับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ซึ่งกำลังเปิดศึกสู้รบอยู่กับกองทัพเมียนมาในบริเวณจังหวัดผาปูน ตรงข้ามอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนอยู่ในขณะนี้

มูลเหตุการสังหารหมู่ เริ่มจากเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทหาร KNDO ภายใต้การนำของ ร.อ.ซอ บ่าวา ได้นำกำลังประมาณ 30 นาย บุกเข้าไปยังแคมป์คนงานก่อสร้างสะพานข้ามลำธารอู ที่อยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านกะแนเล จากนั้นได้ลักพาตัวคนงาน และครอบครัว จำนวนรวม 47 คน ประกอบด้วยผู้ชาย 31 คน ผู้หญิง 6 คน และเด็กเล็กอีก 10 คน ไปกักขังไว้

ระหว่างวันที่ 1-9 มิถุนายน ทหารจากหน่วยรักษาความมั่นคงในพื้นที่ได้พยายามเข้าช่วยเหลือตัวประกัน และสามารถช่วยออกมาได้ 22 คน เป็นเด็ก 10 คน ผู้หญิง 6 คน และคนงานชายอีก 6 คน ตัวประกันที่ถูกช่วยออกมาได้ มี 6 คนบาดเจ็บ และได้รับการรักษาพยาบาลโดยหน่วยทหารเสนารักษ์

ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน ได้พบศพของคนงานก่อสร้าง 7 ราย ถูกทิ้งไว้ในป่าห่างจากไซต์ก่อสร้างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 1,300 เมตร ร่างที่พบมี 1 รายถูกเผา ส่วนอีก 6 รายเสียชีวิตในสภาพที่ถูกมัดมือไพล่หลัง ถัดมาอีก 1 วัน ก็พบร่างของคนงานอีก 18 ราย ถูกทิ้งไว้กลางป่าในอีกจุดหนึ่ง

ภายหลังข่าวการสังหารหมู่ครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกมา เย็นวานนี้ ร.อ.ซอ บ่าวา ได้ชี้แจงผ่าน KNDO News Media โดยยอมรับว่า ได้สังหารคนงานทั้ง 25 คนจริง เนื่องจากสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่หวงห้าม และคนงานก่อสร้างทั้ง 25 คน เป็นทหารเมียนมาที่ปลอมตัวมา ดังนั้นจึงต้องถูกลงโทษตามขั้นตอนของ KNDO

ร.อ.ซอ บ่าวา บอกว่า ทหาร KNDO ได้ตรวจพบเครื่องแบบทหารเมียนมา และป้ายชื่อ เครื่องหมายชั้นยศ ภายในแคมป์ที่คนงานเหล่านี้พักอาศัย ส่วนตัวประกันที่เป็นเด็ก และผู้หญิง จำเป็นต้องควบคุมตัวมาด้วยเพื่อความปลอดภัย และ KNDO ก็ได้ปล่อยตัวเด็ก และผู้หญิงเหล่านั้นกลับไปแล้วในภายหลัง

มีรายงานว่า คณะกรรมการกลางของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) รับรู้เรื่องราวปฏิบัติการของ KNDO ครั้งนี้ทั้งหมดแล้ว

 

https://mgronline.com/indochina/detail/9640000057664


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ PPP Plastics และ Alliance to End Plastic Waste (AEPW) จัดพิธีเปิดตัว “โครงการ ALL_Thailand เพื่อการจัดการพลาสติกอย่างยั่งยืน”

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ PPP Plastics และ Alliance to End Plastic Waste (AEPW) จัดพิธีเปิดตัว “โครงการ ALL_Thailand เพื่อการจัดการพลาสติกอย่างยั่งยืน” โดยมีนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธาน PPP Plastics และ มิสเตอร์เจค็อบ ดูเออร์ (Mr. Jacob Duer) ประธานบริหาร Alliance to End Plastic Waste (AEPW) ร่วมเป็นประธานในพิธี พร้อมผู้แทนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้บริหารจากหน่วยงานผู้สนับสนุนหลัก PPP Plastics ได้แก่ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย, ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และบริษัท สุเอซ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด

โครงการ ALL_Thailand มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาต้นแบบและนวัตกรรมในการนำพลาสติกที่ใช้งานแล้วกลับมาใช้ประโยชน์และป้องกันพลาสติกเหล่านั้นหลุดรอดไปสู่สิ่งแวดล้อม โดยเน้นการสร้างต้นแบบการจัดการตั้งแต่ต้นทางทั้งในระดับชุมชน ท้องถิ่น จนถึงระดับจังหวัด ในทุกไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงระบบและนวัตกรรมที่จะช่วยนำพลาสติกเหล่านั้นกลับมาใช้ประโยชน์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จภาครัฐสามารถนำไปขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป สอดคล้องกับนโยบาย BCG ของทางภาครัฐและ Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทย โดย ALL_Thailand ได้รับทุนสนับสนุนจาก AEPW เพื่อดำเนินงาน 3 โครงการย่อยในประเทศไทย ได้แก่ โครงการ Eco Digiclean Klongtoei (อีโคดิจิคลีนคลองเตย) โครงการ Rayong Less-Waste (ระยองลดขยะ) และโครงการ Paving Green Roads (เพฟวิ่งกรีนโรด) โดยมีระยะเวลาดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 2 ปี

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาขยะพลาสติกในประเทศไทยอย่างยั่งยืน จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตร Alliance to End Plastic Waste (AEPW) และ PPP Plastics เพื่อดำเนินโครงการในครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้เกิด Business Model ในการจัดการขยะ และสามารถนำไปขยายผล ในวงกว้าง เป็นประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ มีความพร้อมในการดำเนินโครงการเพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการขยะให้ครบวงจร และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพลาสติกใช้แล้วในรูปแบบต่างๆ เช่น การนำไปใช้สำหรับงานสร้างถนนซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ให้ประเทศไทยมีแนวทางในการจัดการขยะพลาสติกตลอด Supply Chain สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในอนาคต

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธาน PPP Plastics กล่าวว่า โครงการ ALL Thailand ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย โดยโครงการอีโคดิจิคลีนคลองเตย Eco Digiclean Klongtoei เป็นการนำเทคโนโลยีดิจิตอล มาช่วยในการบริหารจัดการขยะพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง เช่น การสร้าง Application เพื่อช่วยบริหารจัดการขยะ การพัฒนาถังขยะรูปแบบใหม่กึ่งอัตโนมัติ เพื่อช่วยแยกขยะประเภทพลาสติก เพื่อเพิ่มมูลค่าของขยะพลาสติก ในส่วน Rayong Less-Waste หรือ ระยองลดขยะ จะเป็นการขยายโมเดลการจัดการขยะระดับชุมชนและท้องถิ่นด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียนไปให้ครอบคลุมทั้งจังหวัดระยอง โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างชุมชนตัวอย่างในทั้ง 68 เทศบาลของจังหวัดระยอง เพื่อช่วยสร้างรายได้ สร้างอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี และลดปริมาณขยะพลาสติกที่ไปหลุมฝังกลบในระยองที่นับวันจะมีพื้นที่ลดน้อยลง และ โครงการ Paving Green Roads (เพฟวิ่งกรีนโรด) เป็นโครงการศึกษาวิจัยเพื่อนำพลาสติกใช้แล้วมาเป็นส่วนผสมในถนนยางมะตอยอย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกับหลายประเทศ และในประเทศไทย เราได้ร่วมทำงานกับคณะอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของการทำถนนที่มีส่วนประกอบของพลาสติกใช้แล้ว ทั้งในด้านอากาศและน้ำ รวมทั้งคุณสมบัติความแข็งแรงทนทาน และศักยภาพในการนำถนนพลาสติกที่ถูกรื้อถอนกลับมารีไซเคิลเพื่อสร้างเป็นถนนใหม่ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างถนนของประเทศไทยในอนาคตต่อไป

มิสเตอร์เจค็อบ ดูเออร์ (Mr. Jacob Duer) ประธานและซีอีโอ Alliance to End Plastic Waste กล่าวว่า “ทั้ง 3 โครงการนี้มีเป็นตัวอย่างของกิจกรรมในพื้นที่ ที่มีเอกลักษณ์พิเศษที่แตกต่างกันไป แต่เมื่อนำทั้ง 3 โครงการมารวมกันภายใต้โครงการ ALL_Thailand จะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่ที่จะช่วยกระจายความรู้ สร้างความเข้าใจ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในชุมชน สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ AEPW ที่ต้องการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนและหยุดขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อม”

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สายงานส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรม ภายใต้สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการขยะพลาสติก พร้อมเป็นตัวแทนภาคธุรกิจร่วมกำหนดมาตรฐานขวด PET พลาสติก จากรูปแบบขวดสี สู่ขวดใส เพื่อส่งเสริมให้เกิดการนำขวดพลาสติกนำกลับมารีไซเคิลได้ใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมให้เกิดการจัดเก็บขวดพลาสติกที่ใช้แล้วเข้าสู่ระบบมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับทิศทางเทคโนโลยีในอนาคต ด้วยภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model)

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow เห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างยั่งยืน จึงร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง PPP Plastics ตั้งแต่ปี 2560 และขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ภายใต้ PPP Plastics รวมทั้งโครงการ ALL_Thailand ในครั้งนี้ เพื่อช่วยขับเคลื่อนการจัดการขยะพลาสติกตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม DOW ยินดีให้การสนับสนุนโครงการและทำงานร่วมกับทุกภาคีเครือข่ายเพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างยิ่ง”

นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า “ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน” ตามแนวทาง ESG (Environmental, Social and Governance) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยตระหนักถึงผลกระทบของพลาสติกใช้แล้วที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม จนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม จึงได้นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เข้ามาขับเคลื่อนการทำธุรกิจ มุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการพลาสติกตลอดทั้งวงจรอย่างใส่ใจและรับผิดชอบ โดยมีการดำเนินการ 3 ด้านหลัก คือ

1.) การสร้างความรู้และความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน

2.) การประยุกต์หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้ครอบคลุมทุกมิติของการทำธุรกิจ

3.) การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความร่วมมือระหว่างองค์กรและกับทุกภาคส่วน เพื่อดูแลและร่วมสร้างการเติบโตให้กับชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”

ดร.ชญาน์ จันทวสุ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความยั่งยืนและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “GC หนึ่งในบริษัทผู้ก่อตั้ง PPP Plastics มีความยินดีที่ PPP Plastics สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตร Alliance to End Plastic Waste ในการแก้ปัญหาเพื่อลดปริมาณพลาสติกที่ใช้แล้วบนพื้นฐานของการจัดการขยะอย่างยั่งยืน ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และหลักการ 3Rs บริษัทฯ เห็นความสำคัญของปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากพลาสติกที่ใช้แล้ว จึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค ในรูปแบบที่หลากหลาย บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการศึกษา พัฒนาการวิจัย และนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะพลาสติกให้สอดคล้องกับแนวทาง BCG เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพวกเราทุกคน GC หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือกับ PPP Plastics และพันธมิตร จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการจัดการพลาสติกที่ใช้แล้วอย่างเป็นระบบ และส่งผลให้โครงการสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายที่วางไว้ ในการลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลไทยลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายใน ปี 2570”

นายนภดล ศิวะบุตร ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัญหาขยะพลาสติกเป็นความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่หลวงสำหรับทุกภาคส่วน เนสท์เล่ ในฐานะบริษัทอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก เราตระหนักดีถึงบทบาทและหน้าที่สำคัญของเราในฐานะผู้ผลิตที่ต้องมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่อนาคตที่ปลอดขยะ เนสท์เล่ได้มีการเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ของเราให้สามารถนำไปรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนั้นแล้ว เรายังเล็งเห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และยินดีที่จะให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันให้เกิดการจัดการขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบโดยเร็ว”

Mr. Stephane Heddesheimer, CEO ของ กลุ่มรีไซเคิล และการนำกลับมาใช้ใหม่ ของสุเอซ เอเชีย กล่าวว่า "การรีไซเคิลพลาสติก มีบทบาทสำคัญในการเร่งให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว ของประเทศไทย และวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน บริษัท สุเอซ มุ่งมั่นที่จะรีไซเคิลพลาสติก และเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงานสำหรับประเทศไทย และยังคงร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย PPP Plastics และกลุ่มพันธมิตร ตลอดจนผู้นำอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด ในการยุติขยะพลาสติก และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือของเราจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพ และชุมชนของเรา”


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ได้ยื่นเอกสารขออนุญาตวัคซีน ‘สปุตนิก วี’ กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น...

นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ได้ยื่นเอกสารขออนุญาตวัคซีน ‘สปุตนิก วี’ กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น...

ขณะนี้ อย. ได้รับข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ซึ่ง อย. ตรวจสอบแล้วพบว่าข้อมูลล่าสุดที่ยื่นเป็นข้อมูลชุดเดิมที่เคยยื่นกับ อย. แล้ว ยังคงขาดข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาด้านความปลอดภัย คุณภาพ และหลักฐานการแสดงมาตรฐานการผลิต GMP PIC/S หรือเทียบเท่า

โดยข้อมูลที่ขาดคิดเป็นร้อยละ 50 ของข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาทั้งหมด เช่น ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวยาสำคัญ รายละเอียดวิธีวิเคราะห์ของตัวยาสำคัญและผลิตภัณฑ์ยา ข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ อย. ได้แจ้งทางบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ให้จัดส่งข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาโดยเร่งด่วนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว

 

ที่มา: https://oryor.com/อย/detail/media_news/2060


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม. เคาะ ผู้ประกันตน ม.40 ลดเงินสมทบเหลือ 60% 6 เดือน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราการจ่ายเงินสมทบของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมตามมาตรา 40 เหลือ 60% ของเงินสมทบเดิม เป็นระยะเวลา 6 เดือน และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... ลดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีผลหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว

สำหรับการลดเงินสมทบครั้งนี้ แบ่งเป็น การส่งเงินสมทบทางเลือกที่ 1 (ได้ประโยชน์ทดแทน 3 กรณี) อัตราเงินสมทบใหม่ 42 บาท/เดือน จากอัตราเงินสมทบเดิม 70 บาท/เดือน ทางเลือกที่ 2 (ได้ประโยชน์ทดแทน 4 กรณี) อัตราเงินสมทบใหม่ 60 บาท/เดือน จากอัตราเดิมที่ 100 บาท/เดือน และทางเลือกที่ 3 (ได้ประโยชน์ทดแทน 5 กรณี) อัตราเงินสมทบใหม่ 180 บาท/เดือน จากอัตราเดิมที่ 300 บาท/เดือน

ทั้งนี้เงินสมทบที่รัฐบาลชำระเข้ากองทุนประกันสังคม ให้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงแต่ไม่เกินกึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ได้รับจากผู้ประกันตน ดังนี้ โดยการส่งเงินสมทบทางเลือกที่ 1 อัตราเงินสมทบใหม่ 21 บาท/เดือน จากอัตราเงินสมทบเดิม 30 บาท/เดือน ทางเลือกที่ 2 อัตราเงินสมทบใหม่ 30 บาท/เดือน จากอัตราเดิมที่ 50 บาท/เดือน และทางเลือกที่ 3 อัตราเงินสมทบใหม่ 90 บาท/เดือน จากอัตราเดิมที่ 150 บาท/เดือน

อย่างไรก็ตามการปรับลดอัตราการจ่ายเงินสมทบเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะส่งผลให้ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบลดลง 378 ล้านบาท ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนและเพิ่มกำลังซื้อมากขึ้น จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในระหว่างการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขณะที่รัฐบาลลดนำส่งเงินสมทบลง 189 ล้านบาท รวมทั้งแรงงานนอกระบบมีแนวโน้มที่จะเลือกส่งเงินสมทบตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ ซึ่งเป็นแบบสมัครใจเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราการจ่ายเงินสมทบดังกล่าว

โดยกระทรวงแรงงานคาดว่าจะมีเงินสมทบลดลงหลังจากการปรับลดอัตราการจ่ายเงินสมทบ 6 เดือน จำนวน 567 ล้านบาท เหลือจำนวน 850.5 ล้านบาท จากจำนวนเดิม 1,417.5 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมจัดสรรเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามอัตราปกติ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top