Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

THE STATES TIMES เปิดตัวไลน์แอด @THESHOPSTIMES เอาใจสาย Click...ปั้นธุรกิจ Digital Media Commerce ในคอนเซ็ปต์ โปรเด็ด ถูกคุ้ม แอดเลย แอดไลน์ @ THESHOPSTIMES ส่งดีลดีดี โปรโมชั่นเด็ด สินค้า ประเดิมเริ่มกลุ่ม ‘รถยนต์-อสังหาฯ’

สำนักข่าวออนไลน์ สำหรับคนรุ่นใหม่ THE STATES TIMES ขยายพอร์ตธุรกิจ ปั้นแนวคิดช้อปปิ้งออนไลน์คอนเทนต์ ด้วยการผสมผสานคอนเทนต์และช้อปปิ้งออนไลน์ไว้ด้วยกัน ภายใต้ชื่อ ‘THE SHOPS TIMES’

โดยตกผลึกไอเดียด้วยความเชี่ยวชาญของ THE STATES TIMES ที่มีทั้งทีมผลิตคอนเทนต์หลากสาย จนเกิดเป็นไอเดียในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้า/บริการต่างๆ มาถ่ายทอดให้กระชับ เข้าใจง่าย รวมถึงการอัดไฮไลต์โดนๆ เช่น โปรโมชั่นและดีลสุดคุ้มที่มีการพูดคุยกับเจ้าของสินค้า/บริการจำนวนมาก มานำเสนอต่อผู้ติดตามทั้งในแพลตฟอร์มของ THE STATES TIMES และ สำนักข่าวการศึกษา THE STUDY TIMES

สำหรับ THE SHOPS TIMES ได้มีการพัฒนาการซื้อการขายผ่าน ไลน์แอด @THESHOPSTIMES ภายใต้ไอเดีย Click on Goods โปรเด็ด ถูกคุ้ม ซึ่งใน ไลน์แอด ดังกล่าวจะมีการคัดเลือกสินค้าและบริการคุณภาพ, จากเทรนด์สินค้ากระแสในปัจจุบัน, ความต้องการของตลาด ภายใต้ความคุ้มค่าที่ต้องจ่ายไปอย่างสมเหตุสมผลให้มากที่สุด

ทั้งนี้ในช่วงแรกนี้ THE SHOPS TIMES ได้ดีลกับกลุ่มสินค้าในฝันของใครหลายๆ คน อาทิ เช่น ‘กลุ่มรถยนต์’ กับ Autogallary ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ชั้นนำของประเทศไทย นำเสนอโปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอเมร่า

‘กลุุ่มอสังหาริมทรัพย์’ กับ True Marketing Property ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ นำเสนอ 2 คอนโดน่าซื้อ ย่านดอนเมือง และ สุขุมวิท 34 ในราคาเริ่มต้น 3 ล้านปลายๆ

ผู้สนใจ โปรเด็ด ถูกคุ้ม อย่างสมเหตุสมผล พร้อมรีวิวจากทีมคอนเท้น จาก THE STATES TIMES ที่จะมีสินค้า/บริการมาอัปเดตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสามารถแอดไลน์สั่งซื้อได้ทันทีที่ Line@THESHOPSTIMES


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

มาสด้าปรับทัพการบริหารองค์กรรองรับการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล ดัน ‘ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์’ กำหนดกลยุทธ์การขาย การตลาด ดีลเลอร์และลูกค้า

มาสด้าปรับทัพผู้บริหารรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่กำลังรุกคืบเข้าสู่สังคมไทยอย่างรวดเร็ว โดยมอบหมายให้ นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ขยับขึ้นดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหารอาวุโส เพื่อเข้ามากำกับดูแลในส่วนของการกำหนดกลยุทธ์การขาย การตลาด และการพัฒนาธุรกิจของมาสด้า เนื่องจากปัจจุบันโลกของธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่หยุดนิ่ง เกิดโอกาสใหม่ เกิดความท้าทาย และความเป็นไปได้มากมาย มาสด้าต้องยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นการปรับทัพในครั้งนี้จะทำให้องค์กรสามารถปรับตัวเข้ากับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล และขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เร่งสร้างการเติบโตให้ยั่งยืนภายใต้การทำงานเป็นทีม หรือ One Mazda

ปัจจุบัน นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหาร กำกับดูแลรับผิดชอบในส่วนงานการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ ถูกแต่งตั้งให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รองประธานบริหารอาวุโส เพื่อกำกับดูแลในส่วนสำคัญขององค์กรระหว่างประเทศ ทั้งสายงานด้านการขาย กลยุทธ์ด้านการตลาด การกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารงานองค์กร การพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด การตลาดดิจิทัล การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาธุรกิจและเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ และรัฐกิจสัมพันธ์ ที่สำคัญคือการมุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดและสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป 

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด แสดงวิสัยทัศน์ในการเข้ามาบริหารองค์กรระหว่างประเทศท่ามกลางวิกฤตที่คนทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ว่า ด้วยสปิริตและความมุ่งมั่นที่เป็นเสมือนดีเอ็นเอมาสด้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า การปรับทัพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกการค้าเสรียุคดิจิทัลในครั้งนี้ จะสามารถนำพาให้องค์กรก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกยุคดิจิทัลมีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ทั้งในการเลือกซื้อรถและความพึงพอใจของลูกค้า ดังนั้นมาสด้าต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกิดการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย โดยจะนำเอาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาสร้างบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่ออำนวยความสะดวกในทุกรูปแบบและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์

“การปรับกลยุทธ์ด้วยการผนวกรวมในส่วนของการขายและการตลาด รวมทั้งการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายแบบครบวงจรในครั้งนี้ มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการภายในองค์กรให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยศักยภาพของคุณธีร์ ซึ่งมีประสบการณ์การบริหารธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ มีความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรภายใต้ Mazda Way และเป็นกำลังสำคัญช่วยขับเคลื่อนมาสด้ามาตลอด ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการปรับทัพในครั้งนี้จะทำให้มาสด้าสามารถพัฒนารูปแบบและกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ ประการสำคัญคือ มาสด้า เรามุ่งเน้นการสร้างทีมบริหารโดยให้คนไทยเข้ามามีบทบาทในทุกๆ ฟังก์ชั่น ภารกิจหลักคือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ “One Mazda” การจะประสบความสำเร็จได้นั้นอาจต้องใช้ทักษะส่วนบุคคล แต่การจะทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยทีมที่แข็งแกร่ง การหลอมรวมทุกหน่วยงานเข้าสู่รูปแบบการทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพและไร้รอยต่อในทุกภาคส่วน จะนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทั้งมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รวมถึงผู้จำหน่าย เพื่อจะได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า” นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับนายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ เริ่มต้นเข้าบริหารองค์กรกับมาสด้า ตั้งแต่ปี 2550 ในตำแหน่งผู้จัดการ กำกับดูแลด้านผลิตภัณฑ์การตลาด และขยับขึ้นเป็นผู้อำนวยการเมื่อปี 2555 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายตลิตภัณฑ์การตลาดและนโยบายรัฐกิจ ต่อมาในปี 2558 ก้าวขึ้นมากำกับดูแลสายงานด้านการตลาด การวางแผนผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด งานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายการตลาด ล่าสุดเมื่อปี 2561 ได้รับการแต่งตั้งเป็น รองประธาน กำกับดูแลสายงานการตลาด กลยุทธ์การตลาด การวางแผนผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด งานประชาสัมพันธ์ และรัฐกิจสัมพันธ์ ภายใต้ฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาจนถึงปัจจุบัน

ศาลอาญาอนุญาตประกัน ‘ไมค์-อานนท์’ แล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามทำให้สถาบันเสื่อมเสีย ห้ามชุมนุมก่อความวุ่นวาย ออกนอกประเทศ กำหนดหลักทรัพย์คนละ 2 แสน

หลังจากที่ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ แนวร่วมกลุ่มราษฎร ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "The Bottom Blues" เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ระบุว่า "ผมจะมารับคุณ" คือ คำพูดสุดท้ายที่ผมพูดกับไมค์ ระยอง ระหว่างทางที่ไมค์ เดินมาส่งผมเดินออกจากเรือนจำ ไมค์ เข้มแข็งกว่าผมเสมอ เค้าได้แต่ส่ายหน้าท่าทางบอกให้ผมสบายใจ "ผมอยู่ได้ ผมสบายมาก" พรุ่งนี้ผมจะรอคอยคุณด้วยความหวัง ผมไม่เสียดายเลยสักครั้ง ที่ได้ต่อสู้เคียงข้างคุณ

ล่าสุด ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวนายอานนท์ นำภา และนายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีประเด็นให้พิจารณาว่า จำเลยทั้งสองคนมีการมาพบพนักงานอัยการตามที่ถูกนัดหมายทุกครั้งไม่แสดงพฤติกรรมว่าจะหลบหนี หลักฐานพยานในคดีถูกรวบรวมเรียบร้อยแล้วและจำเลยทั้งสองคนสมัครใจที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลประกอบด้วยจะไม่ทำกิจกรรมใดที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ไม่กระทำการใดๆ ให้สถาบันพระมหากษัตริย์เกิดความเสื่อมเสีย และไม่เดินทางออกนอกประเทศ พร้อมที่จะเดินทางมาศาลตามที่มีการนัดหมายทุกครั้ง

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การอนุญาตปล่อยตัว ชั่วคราวจะไม่กระทบต่อรูปคดี และไม่มีเหตุผลให้ไม่ปล่อย จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาโดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาไม่ไปกระทำกิจกรรมที่กระทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ร่วมการชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรให้มาศาลตามนัด

ทั้งนี้ นายธนินท์ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระ จะเป็นผู้กำกับดูแลนายภานุพงศ์ จาดนอก ส่วนนายสมชาย หอมละออ ทนายความที่นายอานนท์ให้ความเคารพ จะเป็นผู้กำกับดูแลนายอานนท์ นำภา ให้จำเลย แต่ละคนปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล ทั้งสองคนใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวคนละ 200,000 บาท หลังจากนี้ ทั้งสอง จะต้องรายงานการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้เจ้าพนักงานทราบ เพราะทั้งสองมีประวัติการติดเชื้อ โควิด-19 ระหว่างการถูกขังใน ราชทัณฑ์เพื่อที่จะได้ทำการออกหมายนัดต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.ไฟเขียวแจกเงิน 1.4 แสนล้าน ทั้ง คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ บัตรสวัสดิการ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท โดยมีโครงการเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาท มี 4 โครงการ คือ

1.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 วงเงิน 16,380 ล้านบาท โดยเติมเงินให้เดือนละ 200 บาท เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ก.ค.-ธ.ค.64 ครอบคลุม 13.6 ล้านคน

2.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ วงเงิน 3,000 ล้านบาท จำนวน 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค. 64 ส่วนวันที่เงินจะเข้านั้นกระทรวงการคลังจะแจ้งอีกครั้ง

3.) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 วงเงิน 9.3 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 31 ล้านคน ให้สิทธิ์ใช้จ่ายไม่เกิน 150 บาท วงเงิน 3,000 บาทต่อคน โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการในระยะที่ 1-2 ประมาณ 15 ล้านคนจะให้ยืนยันสิทธิในระยะที่ 3 โดยที่ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ส่วนอีก 16 ล้านคน จะเปิดให้ลงทะเบียนร่วมโครงการใหม่ต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังจะแจ้งวันลงทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งเงินที่จะให้นั้นแยกเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 1,500 บาท คือ ก.ค.-ก.ย. 64 และ ต.ค.-ธ.ค. 64

4.) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการ 4 ล้านคน โดยภาครัฐจะสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) ให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการ โดยจำกัดวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่ใช้คำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 6 หมื่นบาทต่อคน และไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้เข้าโครงการจะได้รับการสนับสนุน E-Voucher จากภาครัฐในช่วง ก.ค.-ก.ย. 64 เพื่อไปใช้จ่ายในเดือน ส.ค.-ธ.ค. 64 ส่วนในรายละเอียดว่าจะสามารถใช้จ่ายสินค้าและบริการอะไรได้บ้างกระทรวงการคลังจะชี้แจงรายละเอียดต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ปตท. ผนึก ฟ็อกซ์คอนน์ พันธมิตรร่วมทุนกว่า 1 พันล้านดอลล่าร์ ศึกษาการสร้างแพลตฟอร์มผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าครบวงจรในประเทศ หนุนรัฐส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานใน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด (Hon Hai Precision Industry Co., Ltd.) หรือ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป (Foxconn Technology Group) ในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual MOU Signing Ceremony) จัดขึ้น ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย และ กรุงไทเป ไต้หวัน

โดยมี นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการ ปตท. พร้อมด้วย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อศึกษาโอกาสในการพัฒนาฐานการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือนี้จะเป็นการผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตและเศรษฐกิจของประเทศ ให้เติบโตและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากลมากยิ่งขึ้น

สำหรับความร่วมมือนี้เป็นการผสานความเชี่ยวชาญของ Foxconn ที่เป็นผู้นำการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก และความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงาน ของ ปตท. ทั้งเครือข่ายพันธมิตร กลุ่มบริษัทในเครือและผู้ร่วมทุนปัจจุบัน ในการพัฒนาแพลตฟอร์มการผลิต และเสริมศักยภาพระบบนิเวศ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตลอดห่วงโซ่คุณค่ายานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้รับผลิตสินค้า (Original Equipment Manufacturers : OEMs) ในประเทศไทย ที่มีความสนใจสามารถเข้าถึงการบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและใช้ต้นทุนต่ำ เพื่อร่วมสร้างอนาคตแห่งการเดินทางด้วยยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า รูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต จะมุ่งไปด้าน GO GREEN และ GO ELECTRIC มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเดินทางของประชาชน ซึ่งในช่วงของการเปลี่ยนผ่านพลังงานดังกล่าว เราเชื่อว่าเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมจะยังเป็นพลังงานที่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกันเราก็จำเป็นต้องเร่งพัฒนาและปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ทิศทางพลังงานในอนาคตอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ปตท. ได้เริ่มรุกเข้าสู่ EV Value Chain โดยจับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ในการพัฒนา EV Charging Platform, EV Station รวมถึงการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ดังนั้นความร่วมมือกับ Foxconn ในครั้งนี้ จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ เสริมสร้างทักษะและอาชีพให้กับประชาชน เพื่อเป็นรากฐานสำคัญสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคตและเป็นต้นแบบนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้านพลังงานให้กับประเทศได้ต่อไป

โดยในระยะแรก ปตท. และ Foxconn ตั้งเป้าหมายที่จะจัดตั้งแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และส่วนประกอบหลักต่างๆ แบบ end-to-end ด้วยเงินร่วมลงทุนขั้นต้นที่ 1-2 พันล้านดอลลาร์ และจะขยายการลงทุนในอนาคตต่อไป ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจสู่เวทีโลกในอนาคต

นอกจากนี้ ยังเป็นการตอบสนองนโยบายและทิศทาง การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ที่มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

นาย ยัง ลวือ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป (Mr. Young Liu, Chairman and CEO of Foxconn) กล่าวว่า เป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจทั่วโลก ได้เชื่อมต่อสังคมแห่งการเดินทางด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความเชี่ยวชาญของ Foxconn ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก ทำให้เราผนึกความร่วมมือกับภาครัฐ และ ปตท. ในการถ่ายทอดวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และความชำนาญเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมสำหรับอนาคต

โดยที่ผ่านมา ปตท. ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จพลังงานและแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ Foxconn จะสามารถแบ่งปันความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งขึ้น เรามุ่งหวังที่จะเห็นประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

 

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/941056


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษกทร. ระบุ กองทัพเรือ อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูล ชี้แจงการรับ-มอบ รถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จำนวน 3 คัน จากจีน หลังฝ่ายค้านพูดถึงในการพิจารณางบประมาณประจำปี 2565 ในสภามาไวกว่า วัคซีนโควิด-19

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.จากกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. เพื่อไทย ได้ระบุถึงการจัดส่งรถถังมายังไทยซึ่งมาเร็วกว่าวัคซีนโควิด-19 ในเวทีการพิจารณางบประมาณ 2565 ของรัฐบาล เมื่อคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถถังดังกล่าว เป็นรถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จำนวน 3 คัน จีนส่งมาให้กองทัพเรือไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากสั่งซื้อไปเมื่อเดือนมิ.ย. ปี 2563 โดยจะเข้าประจำการใน กองพันสะเทินน้ำสะเทินบก กองพลนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ. ชลบุรี

โดยจัดซื้อจาก China North Industries Corporation (NORINCO) สาธารณรัฐประชาชนจีน ใช้งบประมาณ 398 ล้านบาท คุณสมบัติรถถังรุ่นนี้ สามารถติดปืนใหญ่ 105 มม. ได้สามารถยิงกระสุนเจาะเกราะ และมี อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง

ทั้งนี้ กองทัพเรือจัดซื้อมา ทดแทนรถถังหลัก Type 69-II ที่ใช้มานาน ของนาวิกโยธิน

ล่าสุด พล.ร.อ. เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า ขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูล และเตรียมที่จะชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการ ป.ป.ส. เร่งสืบสวนขบวนการ ค้ายาเสพติดข้ามชาติ หลังจากที่ผ่านมาพบการจับกุมการลักลอบส่งยาเสพติดไปต่างประเทศหลายคดี

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสั่งการให้ สำนักงาน ป.ป.ส.เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลกลุ่มนักค้ายาเสพติดที่ลักลอบขนยาเสพติดซุกซ่อนไปกับสิ่งของไปยังต่างประเทศหลายคดี โดยให้สืบหาผู้สั่งการ ผู้ส่ง ให้ดูว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ ป.ป.ส. ได้ดำเนินการสืบสวนอยู่หรือไม่ โดยให้เร่งรัดสืบสวนและดำเนินการจับกุมยึดทรัพย์สินต่อไป

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงได้ตรวจยึดไอซ์น้ำหนัก 9 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกรอบรูปบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งมาจากประเทศไทยทางเรือ จับกุมผู้ต้องสงสัย เป็นชายสัญชาติ จีน-ฮ่องกง 2 คน และได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับ สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อขยายผลถึงตัวการที่ส่งยาเสพติดมาจากประเทศไทย

ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2564 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับ กรมศุลกากร และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนจนทราบแหล่งที่มาของการส่งยาเสพติดดังกล่าว และทราบว่าจะมีการส่งกรอบรูปลักษณะเดียวกับที่ส่งไปฮ่องกง จึงได้ทำการตรวจสอบสิ่งของในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกำลังเตรียมส่งออกจากประเทศไทยไปยังฮ่องกง ที่ศูนย์เอกซเรย์สินค้าขาออกระหว่างประเทศ พบกรอบรูป 5 ชิ้น ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ศุลกากรฮ่องกงได้ตรวจยึด และได้แกะกรอบรูปออกดูมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 9 กิโลกรัม บรรจุถุงพลาสติกใสถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 9 ถุง ซุกซ่อนอยู่ข้างใน จึงดำเนินการบันทึก ตรวจยึด และส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้ยังได้ขยายผลไปตรวจค้น บริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศภายในซอยเพชรบุรี 17 พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวม 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนในเครื่องขยายเสียงปะปนไปกับสินค้าชนิดอื่นเตรียมส่งไปยังประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมมือกับศุลกากรฮ่องกงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยจะดำเนินการขยายผลตรวจสอบจากการจับกุม ตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ลักลอบขนส่งยาเสพติดในกลุ่มดังกล่าวต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เลี่ยงปัญหาตีตราประเทศต้นกำเนิดเชื้อกลายพันธุ์ใหม่

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้เปลี่ยนชื่อวิธีเรียกสายพันธุ์โควิด-19 โดยจะใช้อักษรกรีก (Greek Alphabet) แทนการเรียกชื่อสายพันธุ์ด้วยชื่อประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการตีตราประเทศต่าง ๆ ว่าเป็นต้นกำเนิดของโควิด-19 สายพันธุ์นั้น ๆ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผู้นำชาติไหน ฉีดวัคซีนยี่ห้อใดกันไปแล้วบ้าง?

ตั้งชื่อให้อย่างไม่เป็นทางการว่า ‘เทศกาลฉีดวัคซีน’ เนื่องจากเวลานี้ทั่วโลก ต่างพยายามปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันอย่างสุดกำลัง (เท่าที่มี) ฉะนั้น & ฉะนี้ วัคซีนจึงมีกันไปตามโควต้า เพราะใครก็อยากฉีดกันทั้งนั้น ทางด้านบรรดา ‘ผู้นำ’ ระดับประเทศทั้งหลาย หลายคนก็ออกมาถลกแขนเสื้อ ไม่ได้หาเรื่องใครหรอกนะ แต่เขา ‘ฉีดนำร่อง’ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชน ไปดูกันหน่อยว่ามีใครฉีดวัคซีนของแบรนด์อะไรกันบ้าง?


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“รังสิมันต์ โรม” ยื่นตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้พิพากษาไทยเอี่ยวรับสินบนโตโยต้า ชี้ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 รังสิมันต์​ โรม​ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อประธาน กมธ.ป.ป.ช.​ ให้พิจารณาสืบสอบหาข้อเท็จจริงกรณีรายงานข่าวว่า​ บริษัทโตโยต้าให้สินบน​ผู้พิพากษาระดับสูงของศาลยุติธรรมไทย​

รังสิมันต์ กล่าวว่าในวันนี้ตนได้ยื่นเรื่องต่อพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามทุจริตเเละประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นที่เกี่ยวกับการรับสินบนซึ่งเกี่ยวพันกับผู้พิพากษาจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นกรณีที่เราทราบจากสำนักข่าวจากสหรัฐอเมริกาโดยตนหวังว่าจะมีการตรวจสอบในประเด็นต่างๆ ต่อไป โดยหนังสือที่ตนส่งมานั้นมีรายละเอียดทั้งภาษาไทยเเละภาษาอังกฤษโดยเป็นประเด็นที่หลายท่านคงทราบเเล้ว

“ความยุติธรรมกระบวนการยุติธรรมของประเทศเราท้ายที่สุดเเล้วจะเป็นมรรคเป็นผลหรือไม่ กรณีนี้จะเป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญ เรามาทราบว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน เรามาทราบว่าอาจมีการรับสินที่เกี่ยวกับผู้พิพากษาจากต่างประเทศ ดังนั้นตนจึงขอให้ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้คู่ขนานต่อไป เเละขยายผลให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันให้กับกระบวนการทางยุติธรรมของไทยต่อไป”

ด้านพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่าตนเพิ่งได้รับเรื่องในวันนี้ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติในการที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหารหรือฝ่ายตุลาการ เเต่ว่าตามรัฐธรรมนูญ 129 วรรค 4 ได้ยกเว้นในการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการ ละการบริหารงานบุคคลของศาล ซึ่งตนได้ฟังจากเรื่องดังกล่าวเเล้ว กรณีนี้ไม่เข้าข่าย เพราะเป็นการดำเนินการตรวจสอบคู่ขนาน แม้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะดำเนินการต่อไป เเละจะมอบให้ ส.ส. ธีรัจชัย พันธุมาศ ในฐานะกรรมาธิการเป็นผู้ดูเเลเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ ธีรัจชัย พันธุมาศ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนนั้นรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้นเราจะต้องหาความจริงร่วมกันกับสำนักงานศาลยุติธรรม หากเป็นเรื่องจริงตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมประกาศว่าได้ตั้งคณะทำงานอยู่ 2 ชุด ชุดเเรกคือ สำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม ชุดที่ 2 เกี่ยวกับผู้พิพากษศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ที่ตรวจสอบ กรณีเเบบนี้เป็นเรื่องดี เเต่ตนคิดว่าอยากใหัเป็นชุดที่ใหญ่กว่านี้ นั่นคือ ประธานศาลฎีกา จะต้องเป็นประธานในการดำเนินการตรวจสอบเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นเรืองที่ดี

และหากกรณีที่โฆษกศาลยุติธรรมได้เเถลงว่า มีการดำเนินทางวินัย ตนขอตั้งขอสังเกตว่าการดำเนินการเพียงเท่านี้จะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งถ้าเรื่องดังกล่าวพิสูจน์เเล้วว่าเป็นเรื่องจริง สถาบันทางตุลาการของไทยจะมีปัญหาว่าสามารถถูกเเทรกเเซงได้หรือไม่ เเละจะมีการตรวจสอบถ่วงดุลภายในองค์กรอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่จะต้องชี้เเจงต่อประชาชน

“ผมคิดว่าถ้าทำเเบบนี้ได้ จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมา แต่ก่อนหน้านี้เคยมีคดีบอสกระทิงเเดงขับรถชนตำรวจ เเละคดีคุณสมบัติของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง มันบ่งบอกว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยจะต้องมีข้อที่ให้โต้เเย้ง

ดังนั้น ผมคิดว่าหากเราตรวจสอบในเรื่องนี้ ในฐานะ กมธ.ป.ป.ช. ที่เป็นองค์กรตรวจสอบเดียวที่มาจากประชาชน เราก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยรัฐธรรมูญมาตรา 129 ที่ระบุไว้ห้ามตรวจสอบการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการ และการบริหารงานบุคคลของศาล เเต่ในกรณีนี้กรรมาธิการจะดำเนินการตรวจสอบว่าทุจริตเเละประพฤติมิชอบต่อกระบวนการทางยุติธรรมหรือไม่ ดังนั้นการตรวจสอบคู่ขนานกับศาลยุติธรรมจำเป็นต้องมี 

เเละอีกส่วนคือฝ่ายบริหาร โดยผมขอเรียกร้องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตรวจสอบด้วย โดยให้หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี คือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ควรต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนรอบข้างก็สามารถดำเนินคดีได้เหมือนที่ผ่านมา”

โดยธีรัจชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่ได้มองถึงเรื่องตัวบุคคล เเต่มองถึงโครงสร้างความยุติธรรมในเชิงหลักการ โดยตนจะดำเนินภารกิจอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความลำเอียงและอคติในการปฏิบัติหน้าหน้าที่หาความจริง เพื่อวางระบบยุติธรรมของประเทศให้น่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะหากปล่อยกรณีนี้ไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อประเทศ และโดยเฉพาะหากพบว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เราก็จะยืนยันโต้แย้งข้อมูลของหน่วยงานองค์กรต่างประเทศที่มาทำให้เราเสียหาย แต่ถ้าพบว่าเป็นความจริง ศาลยุติธรรมก็ต้องทำให้เป็นตัวอย่างด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top