Monday, 7 July 2025
Hard News Team

เสกสกล ลั่น จันทร์นี้ จูงทนาย แจ้งความกองปราบฯ ดำเนินคดี เต้น กับพวก ฝ่าพรก.ฉุกเฉิน - จี้ ปปง. สอบเส้นทางการเงิน

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนพร้อมทนายความ จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และพวก ในข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และความผิดหลายคดีตามประมวลกฎหมายอาญาอีกหลายมาตรา ในวันจันทร์16 สิงหาคม เวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราบฯ 

และในวันเดียวกัน เวลา 11.30 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสื่อที่สำนักงาน ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมการเงินของนายณัฐวุฒิและพวกในการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ด้วย

“โฆษก ศบศ.”เผย “บิ๊กตู่” สั่งเร่งเยียวยา ชี้โอนแล้ว ม.33 พื้นที่13 จ.ล็อกดาวน์กว่า 6.5 พันล้าน แจงเตรียมโอน16 จังหวัดพร้อม ม.39-40 กลุ่มแรก ด้านส่วนลดค่าเทอมเริ่มโอน 31 ส.ค.นี้ ขณะที่ยอดใช้จ่ายมาตรการลดค่าครองชีพใกล้ทะลุ 6.3 หมื่นล้าน

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม. 33 ม. 39 และ ม. 40 ว่า เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้โอนเงินเยียวยานายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตน ม. 33 ในพื้นที่ 13 จังหวัดไปแล้ว แบ่งเป็นลูกจ้าง 2,399,459 ราย เป็นเงิน 5,998.65 ล้านบาท และทำการโอนให้นายจ้างไปแล้ว  12,711  กิจการ เป็นเงิน 594.12 ล้านบาท รวมยอดเงินที่ทำการโอนไปแล้วจำนวน 6,592.77 ล้านบาท  โดยจะดำเนินการทยอยโอนให้ลูกจ้างและนายจ้าง ม. 33 พื้นที่ 16 จังหวัดที่ลงทะเบียนและจ่ายเงินสมทบภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ต่อไป พร้อมกับโอนเงินให้ผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ใน 29 จังหวัด กลุ่มแรกวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เช่นกัน ซึ่งจะทยอยโอนวันละ 1 ล้านราย โดยผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม 

นายธนกร กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้ามาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองและนักเรียนนักศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประจำปีการศึกษา 1/2564 ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ อยู่ระหว่างการยืนยันตรวจสอบสิทธิ์การได้รับความช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นกระทรวงศึกษาธิการ จะโอนเงินช่วยเหลือให้นักเรียนและผู้ปกครองในอัตรา 2,000 บาทต่อคน ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ สำหรับผู้ได้รับเงินเยียวยาในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการมีประมาณ 11 ล้านคน วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท 

โฆษก ศบศ. กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษนั้น ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 38 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสมรวม 62,967.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 23.49 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 56,339.7 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 28,588.2 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 27,751.5 ล้านบาท 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 66,101 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,161 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 31 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.48 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 5,110.8 ล้านบาท และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 979,821 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 325.2 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งพิจารณาเชื่อมต่อแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่เพื่อให้สามารถเชื่อมกับโครงการ “คนละครึ่ง” ด้วย คาดว่าจะดำเนินการเชื่อมระบบเสร็จสิ้นและพร้อมใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เพื่อให้ทันกับการรองรับการโอนเงิน “คนละครึ่ง” รอบ 2 อีก 1,500 บาท ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเร่งเยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม

ปชป. นัด ส.ส. ประชุมเตรียมพร้อมเปิดสภา“องอาจ” ชี้ รัฐมนตรี ปชป. ไม่หวั่นไหว ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมรับการตรวจสอบ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาเพื่อพิจารณาเรื่องสำคัญๆ ว่า ตนได้เชิญ ส.ส. ประชาธิปัตย์ประชุมในวันอังคารที่ 17 ส.ค. นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสภาตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ซึ่งมีเรื่องสำคัญที่จะเข้าสู่การพิจารณาในสภาหลายเรื่อง เริ่มตั้งแต่การพิจารณางบประมาณประจำปี 2565 ซึ่งจะเป็นการพิจารณาเนื้อหาสาระที่คณะกรรมาธิการได้พิจารณามาแล้ว ก่อนลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

หลังจากนั้นสภาก็จะพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งในส่วนของพรรคได้แสดงจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่ต้นถึงความตั้งใจที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ถึงแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมา การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราต้องการทั้งหมด เนื่องจากข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นได้ต้องมีความเห็นพ้องต้องกันทั้งจากฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดไว้ แต่เราก็ได้พยายามอย่างถึงที่สุด ถึงแม้จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ได้ เราก็พยายามเสนอแก้รายมาตราในประเด็นที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ในที่สุดจะแก้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะแสดงความเห็นพ้องต้องกันของฝ่ายต่างๆ ได้มากน้อยแค่ไหน

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าเราได้แสดงออกถึงการกระทำให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญอย่างเต็มกำลังตลอดมา

เรื่องสำคัญอีกเรื่องที่จะต้องพิจารณาในสภาคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกระบวนการปกติของการทำงานในระบบรัฐสภา ที่ฝ่ายบริหารต้องพร้อมรับการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายค้าน

รัฐมนตรีของพรรคก็พร้อมจะให้ตรวจสอบและเชื่อมั่นว่ารัฐมนตรีทุกคนทำงานโดยยึดประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นหลัก จึงไม่รู้สึกหวั่นไหวถ้ามีรายชื่อถูกอภิปรายและพร้อมจะชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สภาและสาธารณชนรับทราบได้อย่างแน่นอน

ถึงแม้ขณะนี้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดอย่างรุนแรงในประเทศไทย ซึ่ง ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างเต็มที่ต่อเนื่องตลอดมาควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ในสภา ก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนตลอดไป

“จุรินทร์ ออนทัวร์ กทม.” เปิดตัว “กัปตันไมเคิล” ผู้สมัคร ส.ส. และ “ปพนชัย” ผู้สมัคร ส.ก. บึงกุ่ม ยันไม่ห่วงถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากถูกยื่นญัตติจะใช้เป็นโอกาส “โชว์ผลงาน” มั่นใจทำงานเองกับมือ 

ที่ชุมชนวัดพิชัย เสรีไทยซอย 2 แขวง คลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พร้อมคณะลงพื้นที่มอบถุงน้ำใจ ปชป. ที่เขตบึงกุ่ม เปิดตัว “กัปตันไมเคิล” นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช เป็นผู้สมัคร ส.ส.บึงกุ่ม และนายปพนชัย สุวรรณทศ เป็นผู้สมัคร ส.ก. เขตบึงกุ่ม พร้อมกับให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการวางตัวผู้สมัครผู้ว่า กทม. ของพรรคว่า พรรคได้ตัดสินใจตัวผู้สมัครแล้ว เพียงแต่ยังรอเวลาที่เหมาะสม ยังไม่เปิดตัวในขณะนี้ ซึ่งผู้สมัครของพรรคเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักตามสมควร และมีศักยภาพที่จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้ ที่สำคัญคือเป็นคนรุ่นใหม่พร้อมมาร่วมอุดมการณ์กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป 

เมื่อถวาทว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีการยื่นญัตติในวันที่ 16 ส.ค.นี้ และมีข่าวว่าจะมีชื่อของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน โดยจะอภิปรายถึงเรื่องปัญหาการส่งออก และสินค้าการเกษตรตกต่ำนั้น จะมีการตั้งวอร์รูมเพื่อรับมือการอภิปรายหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า คงไม่ต้องตั้งวอร์รูม และยังไม่ทราบว่าสุดท้ายจะมีใครถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจบ้าง แต่ถ้ามีชื่อถูกอภิปรายก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้อาศัยญัตติอภิปรายแถลงผลงานที่ทำมาเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบพร้อมกันทั้งประเทศ 

“คงไม่ต้องตั้งวอร์รูมอะไร และยังไม่ทราบว่าสุดท้ายแล้วจะมีใครถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจบ้าง แม้จะมีชื่อ หรือจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่จำเป็นต้องไปตั้งวอร์รูม เพราะผมกับท่านเฉลิมชัย เราทำงานมาโดยต่อเนื่องตลอด และลงไปทำทุกเรื่องกับมือ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปมีวอร์รูมอะไรเป็นกรณีพิเศษ ยังไม่ทราบว่าจะมีชื่อ หรือไม่มี แต่ว่าถ้ามีก็จะถือว่าเป็นโอกาสดีในการที่จะได้แถลงผลงานที่ทำมา เพราะเราก็มั่นใจว่าที่ผ่านมาเรามีผลงานที่จะบอกกับพี่น้องประชาชนพร้อมกันทั้งประเทศได้ โดยอาศัยญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในการที่จะเป็นโอกาสสำคัญ และผมก็มั่นใจว่าเกษตรกร พี่น้องประชาชนก็ทราบดี ผู้ส่งออกก็ทราบดีว่า เราทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง และประสบความสำเร็จบ้าง” นายจุรินทร์กล่าว 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า การส่งออกในวันนี้ได้กลายเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเห็นชัดเจนอยู่แล้ว ไม่มีข้อกังขาอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่จะต้องมีการแก้ปัญหาแวดล้อมอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย เช่นเรื่องแรงงาน เรื่องผู้ผลิต แรงงานในโรงงานต่างๆ ที่จะต้องมีการอำนวยความสะดวกให้แรงงานมีเพียงพอในการผลิต ขณะเดียวกันการบริหารจัดการในเรื่องของโรงงานบางโรงที่ติดเชื้อ จะต้องมีการบริหารจัดการที่เอื้ออำนวยต่อการที่จะให้การส่งออกเดินหน้าต่อไปได้

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เวลาปิดโรงงานก็ควรจะปิดเฉพาะส่วนที่ติดโควิด ไม่ควรไปปิดรวมทั้งโรงงาน ไม่อย่างนั้นภาคการผลิตก็จะเสียไปหมดทั้งโรง สุดท้ายเมื่อของผลิตมาไม่พอ นอกจากจะเป็นปัญหาตลาดในประเทศ หรือไม่พอที่จะสนองความต้องการในประเทศแล้ว ตัวเลขส่งออกก็จะกระทบด้วย ถึงอย่างไรก็ตามส่วนไหนที่เกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ เราก็จับมือทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะมีหมัดเด็ดในเรื่องใบเสร็จที่จะสร้างความหนักใจให้กับพรรคร่วมรัฐบาลในการโหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่สามารถตอบแทนฝ่ายค้านได้ ก็ต้องถามฝ่ายค้านว่ามีข้อมูลอะไรอย่างไร

ททท. เตรียมชง ศบค. เปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เชื่อม 3 จังหวัด ส.ค.นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมนำเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบแนวทางการให้นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่นในลักษณะ 7+7 โดยนักท่องเที่ยวต้องพำนักภายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 7 วันก่อน จึงสามารถเดินทางท่องเที่ยวและพำนักในพื้นที่นำร่องจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7 วัน  คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนส.ค.นี้ 

ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่นำร่องที่เชื่อมโยงจังหวัดภูเก็ตในลักษณะ 7+7 ได้แก่ 1.เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2.เขาหลัก เกาะยาวใหญ่ และเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา และ 3.เกาะพีพี ไร่เลย์ และเกาะไหง จังหวัดกระบี่ โดยแนวปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งของ ศบค. และข้อกำหนดตามมาตรการของแต่ละจังหวัด เชื่อว่าจากนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่เป็นไฮซีซั่น ของการท่องเที่ยว

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลกำชับมาตรการการยกระดับดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว โดยจังหวัดมีการถอดบทเรียน แหล่งไหนที่ไม่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว เป็นพื้นที่เปลี่ยวไม่ปลอดภัย เร่งปรับปรุงแก้ไขควบคู่ไปกับการดำเนินการตามมาตรการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่อย่างเข้มงวด

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มียอดนักท่องเที่ยวสะสมอยู่ที่เกือบ 20,000 คน มียอดการจองโรงแรมที่ได้เครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย SHA Plus ตลอดไตรมาส 3 (ก.ค. –ก.ย. 2564) จำนวนกว่า 371,826 คืน มีเที่ยวบินเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกมาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล เยอรมนี และฝรั่งเศส โดยจำนวนนักท่องเที่ยวแซนด์บ็อกซ์ที่เดินทางเข้ามาทั้งหมดนั้น ตรวจคัดกรองพบเชื้อจำนวน 55 คน คิดเป็น 0.28 % และนำเข้าสู่กระบวนการของสาธารณสุขแล้ว

“กลาโหม” กำชับจับกุมลักลอบเข้าเมืองผิดกม. เข้มจุดตรวจรอยต่อจว.แดงเข้ม ลดการแพร่นะบาดโควิด-19 

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด 19 ร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC

โดยภาพรวมฝ่ายความมั่นคง ทหารตำรวจ ยังคงตรวจพบและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1-12 ส.ค.64 จับกุมได้ 1,864 คน  สำหรับการควบคุมโรค เจ้าหน้าที่ยังคงตั้งจุดตรวจและด่านตรวจบริเวณรอยต่อจังหวัดสีแดงเข้ม และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วตรวจในพื้นที่ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายและจำกัดกิจกรรมตามเคหสถานที่เป็นปัญหา โดยยังพบพฤติกรรมขาดความรับผิดชอบ รวมกลุ่มดื่มสุรา มั่วสุมเสพยาและเล่นการพนันต่อเนื่อง 

ขณะเดียวกัน กองทัพได้เร่งขยายขีดความสามารถทางการแพทย์ใน รพ.ทหาร แต่ละเหล่าทัพ โดยจัดตั้งห้อง ICU รองรับผู้ป่วยสีแดงเพิ่ม 80 เตียง และผู้ป่วยสีเหลือง 306 เตียง ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเร่งจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI ในพื้นที่หน่วยทหารทั่วประเทศเพิ่ม ร่วมกับ สธ.จังหวัด พร้อมกันนี้ ได้เรียกระดมบุคลากรทางการแพทย์แถว 2 กว่า 500 คน เข้ามาเสริมการทำงาน เพื่อรองรับการดูแลประชาชน 

สำหรับ รพ.สนาม ในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในพื้นที่ กทม. อยู่ระหว่างปรับเพิ่มให้สามารถรองรับการตรวจเชื้อคัดกรองโรคได้เพิ่ม 500 คน ต่อวัน ในลักษณะขับรถยนต์มารับการตรวจ (Drive Thru) ขณะที่ รพ.สนามศูนย์คัดกรอง สโมสรกองทัพบก ในพื้นที่ กทม. มีประชาชนมารับการบริการแล้วเกือบ 10,000 คน ให้บริการครบวงจรตรวจคัดกรองเชื้อ เอ๊กเรย์ปอด พบแพทย์ รับตัวเข้ารักษาในระบบ  รวมทั้งจ่ายยาและพากลับบ้าน

ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอให้ทุกเหล่าทัพเร่งสนับสนุนการจัดตั้ง รพ.สนาม และ CI ในหน่วยทหาร เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้ม และให้เข้าไปเสริมสนับสนุนการจัดชุดตรวจเชิงรุก และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากชุมชนและตามบ้าน ที่ยังพบและมีอยู่เข้ามารักษาในระบบโดยเร็ว พร้อมทั้งขอขอบคุณกำลังพลตำรวจและทหารทุกเหล่าทัพ ที่เข้ามาสนับสนุนและเสริมการทำงานของกระทรวงสาธารณะสุข และ กทม. อย่างใกล้ชิดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคทั้งในเขตเมืองและชุมชนทั่วประเทศต่อเนื่องมา โดยกำชับให้ใช้ความระมัดระวังและไม่ประมาทในการปฏิบัติงาน เพื่อมิให้เกิดการสูญเสียในทุกชีวิต

พท.จี้รัฐอัดฉีดเม็ดเงินเดือนละ 1.5 แสนล้าน อัดสภาพคล่อง 2.5 แสนล้าน ก่อนล็อคดาวน์กลายเป็นน็อคดาวน์ทั้งประเทศ

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และผอ.ศูนย์นโยบายพรรคพท.กล่าวถึงการอัดฉีดเงินลงสู่ระบบ เพื่อชดเชยความเสียหายจากการล็อคดาวน์ว่า 1.รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบอย่างน้อยเดือนละ 150,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของความเสียหายต่อเดือนที่เกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ที่เหลือปล่อยให้เม็ดเงินหมุนเอง ซึ่งการอัดฉีดเงินต้องไปให้ถูกที่และถูกวัตถุประสงค์ แรงงานในระบบยังไม่ได้ตกงาน แต่ใกล้จะตกงาน รัฐจึงต้องอัดฉีดเงินผ่านนายจ้างผูกกับการจ้างงาน เพื่อรักษางานของพวกเขาผ่านมาตรการคงการจ้างงาน สำหรับ แรงงานนอกระบบ กลุ่มนี้พวกเขาสูญเสียรายได้แล้ว มีปัญหาแล้ว จำเป็นต้องอัดฉีดตรงเพื่อเยียวยารายได้ที่หายไป และชดเชยกำลังซื้อ สองกลุ่มนี้แตกต่างกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอัดฉีดเงินในลักษณะที่ต่างกัน

นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า 2.มาตรการการเงินผ่านมา 1 ปี 4 เดือน Soft Loan สินเชื่อฟื้นฟู พักทรัพย์พักหนี้ วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท แต่ใช้จริงราว 2.4 แสนล้าน ไม่ถึงครึ่ง ทำอะไรกันอยู่ เอกชนกำลังล้มตาย ตามด้วยแรงงานกำลังถูกปลด แต่การแก้ไขตรงนี้ช้าจนเหลือเชื่อ สภาพคล่องที่เหลืออีกกว่า 2.5 แสนล้าน จำเป็นอย่างยิ่งต้องเร่งกระจายลงสู่ระบบภายใน 2-3 เดือนต่อจากนี้ให้ได้ มาตรการที่ล้มเหลวแบบพักทรัพย์พักหนี้ที่ถูกใช้เพียงราว 9,000 ล้านบาท จากวงเงิน 100,000 ล้านบาท ต้องรีบยกเลิก และปรับเป็นวงเงินสำหรับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐสำหรับการปล่อยกู้เอกชนที่เข้าไม่ถึง Soft Loan เดิมโดยเฉพาะ รัฐต้องกล้ารับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และกำหนดเป็นนโยบายของภาครัฐในการเร่งระดมปล่อยสินเชื่อ 3.ภาคการส่งออกเหมือนไข่แดงที่ต้องประคองเอาไว้ เหมือนขอนไม้ชิ้นสุดท้ายที่ต้องเกาะเพื่อไม่ให้จมน้ำ แต่ตอนนี้ถูกกระทบหนักจากการติดเชื้อในโรงงานเป็นคลัสเตอร์ใหม่ทุกวัน จนการผลิตต้องหยุด โรงงานต้องปิด สาเหตุจากการฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในระบบอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่ถึง 10% ตรงนี้อันตราย รัฐบาลต้องเพิ่มกลุ่มแรงงานเป็น เป้าหมายเร่งด่วนในการได้รับวัคซีน เพราะติดเชื้อกันมาก ระบาดเร็วเพราะทำงานใกล้ชิดกัน และกระทบต่อการส่งออกที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงทั้งหมดนี้ต้องรีบทำก่อนล็อคดาวน์จะกลายเป็นการน็อคดาวน์เศรษฐกิจประเทศ

บิ๊กตู่ ขอบคุณคนไทย ช่วยอุดหนุนผลไม้ไทย มังคุด ขายได้เกิน 2 หมื่นตัน ดันราคาขึ้น ก.พาณิชย์ ลุย เพิ่มส่งออก ตลาดตะวันออกกลาง

 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์ราคาพืชผลการเกษตร ซึ่งช่วงที่ผ่านมา ชาวสวนมังคุดได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างมาก ทำให้การกระจายสินค้าและการส่งออกมีปัญหา อีกทั้งปีนี้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เป็นกลไกขับเคลื่อนการแก้ปัญหา ได้ปรับกลยุทธ์เน้นการบริโภคภายในประเทศทดแทนการส่งออก จนถึงวันนี้สามารถดึงมังคุดออกจากแหล่งผลิตได้กว่า 20,000 ตัน ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 13-15บาท/กิโลกรัม  จากเดิมที่เคยต่ำกว่า 6 บาท สำหรับมังคุดเกรดคละและมังคุดเกรดคุณภาพ ราคาใกล้แตะที่กิโลกรัมละ 50 บาท  ตามรายงานล่าสุดของกรมการค้าภายใน

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ประกอบกับสามารถแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกขาดแคลน ปัญหาโลจิสติกส์และปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงาน และล้งจากภาคตะวันออกลงใต้  คลี่คลายได้ระดับหนึ่ง เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นฮับมังคุดภาคใต้ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมมีเพียง 46 ล้ง ปัจจุบันมีล้งเพิ่มเป็นกว่า 200 รายและแผงรับซื้อผลไม้กว่า 400 แผงที่เข้าไปรับซื้อในพื้นที่ รวมทั้งความร่วมมือกับเหล่าทัพ ภาครัฐ ภาคเอกชนในการกระจายมังคุด เช่น ผ่านระบบร้านค้าส่ง ค้าปลีก ร้านธงฟ้า เครือข่ายปั๊มน้ำมัน ช่วยกระจายได้ 1 ล้านกิโลกรัม และโครงการส่งผลไม้ฟรีผ่านไปรษณีย์ไทย คาดว่าจะช่วยได้อีก 2 ล้านกิโลกรัม สำหรับปัญหาลำใยและเงาะที่ช่วงนี้ราคาลดลง คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ได้เข้าไปดูแลแล้วเช่นกัน

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกฯได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันอุดหนุนผลไม้ไทย แสดงให้เห็นว่า การช่วยซื้อคนละจำนวนไม่ต้องมาก แต่เมื่อรวมกันแล้วก็เป็นจำนวนมาก พอที่จะช่วยดันราคาให้สูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้ ทั้งนี้นายกฯยังได้รับทราบรายงานจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่ากำลังเร่งเปิดตลาดใหม่ด้วยโครงการจับคู่ธุรกิจเพื่อเจรจาการค้าผ่านระบบออนไลน์ในตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาติน อเมริกา  ซึ่งผู้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจเป็นผู้ส่งออกไทยจำนวน 123 บริษัท และมีผู้ซื้อ ผู้นำเข้าสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น จำนวน 74 ราย เกิดการจับคู่ธุรกิจได้จำนวน 123 คู่ ซึ่งจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งเพื่อขยายตลาดส่งออกโดยเฉพาะผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของไทย

บิ๊กป้อม สั่ง รมว.เฮ้ง เตรียมตำแหน่งงานกว่า 8 แสนอัตรารองรับคนว่างงานทั่วประเทศ

รมว.แรงงาน เตรียมตำแหน่งงานกว่า 8 แสนอัตรารองรับคนว่างงาน เผย 4 อุตสาหกรรมส่งออก ยานยนต์ แผงวงจรอิเล็กโทรนิกส์ เครื่องมือแพทย์ และอาหารแช่แข็งยังมีความต้องการแรงงานจำนวนมาก

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงานในทุกมิติ ท่านให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนทุกคนที่ต้องการมีงานทำ และห่วงใยผู้อยู่ในกำลังแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างยิ่ง โดยย้ำกระทรวงแรงงานเร่งหาตำแหน่งงานให้คนไทย เปิดโอกาสให้คนหางานเข้าถึงตำแหน่งงาน มีงาน มีรายได้ สามารถดูแลตนเองและครอบครัว

“ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้มอบหมายอธิบดีกรมการจัดหางาน สำรวจความต้องการแรงงานจากสถานประกอบการทั่วประเทศ และดำเนินการจัดหางานเชิงรุกโดยเตรียมตำแหน่งงานไว้แล้ว จำนวน 814,198 อัตรา แบ่งเป็นแรงงานด้านฝีมือ (แรงงานไทย) จำนวน 389,495 อัตรา และธุรกิจที่พึ่งพาแรงงานต่างด้าว จำนวน 424,703 อัตรา ซึ่งยินดีรับคนไทยทำงานเช่นกัน โดยจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ส่วนใหญ่เป็นแรงงานภาคการผลิตส่งออกในอุตสาหกรรมยานยนต์ แผงวงจรอิเล็กโทรนิกส์ เครื่องมือแพทย์ และอาหารแช่แข็ง ที่มีความต้องการแรงงานจำนวนมาก นอกจากนี้กรมการจัดหางานได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาร่วมให้บริการประชาชน โดยปรับเปลี่ยนการจัดหางานแบบเดิมสู่รูปแบบ“นัดพบแรงงานออนไลน์” เต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ 

เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมลดค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางให้กับประชาชน การจัดงานลักษณะนี้จะช่วยจับคู่ระหว่างนายจ้าง/สถานประกอบการที่มีความต้องการจ้างงานและผู้สมัครงาน ผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่การค้นหาตำแหน่งงานจนถึงการสัมภาษณ์งาน ซึ่งใช้แนวคิดจากแพลตฟอร์มไทยมีงานทำที่เคยรวบรวมตำแหน่งงานมากที่สุดถึง 1.3 ล้านอัตรา ในงาน JOB EXPO THAILAND 2020 ในด้านการจัดหางานต่างประเทศ กระทรวงแรงงานมีเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 100,000 อัตรา โดยจัดส่งแล้ว 38,019 คน และอยู่ระหว่างจัดส่งตามแผนอีก 61,981 คน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานขานรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ด้านการจัดหางานในประเทศมีการจัดหางานเชิงรุกเพื่อเตรียมตำแหน่งงานรองรับคนหางานผ่านระบบออนไลน์ โดยกระจายหน้าที่การรวบรวมตำแหน่งงานให้สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศลงพื้นที่สำรวจความต้องการนายจ้าง/สถานประกอบการในเขตรับผิดชอบ เตรียมไว้บริการคนหางานที่ประสงค์สมัครงานและทำงานในพื้นที่ที่ตรงความต้องการ โดยจัดงานนัดพบแรงงานออนไลน์ครั้งแรกใน “นัดพบแรงงานใหญ่ 9 จังหวัด” ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ อุดรธานี นครราชสีมา และนครศรีธรรมราช 

มีตำแหน่งงานว่างรองรับ จำนวน 9,064 อัตรา มีผู้สมัครงานลงทะเบียนหางาน จำนวน 4,245 คน และได้รับการบรรจุงานทันที จำนวน 931 คน รวมทั้ง “นัดพบแรงงานออนไลน์พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC” ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มีตำแหน่งงานว่างรองรับ จำนวน 8,910 อัตรา ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ที่สนใจยังสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.doe.go.th โดยคลิ๊กที่แบนเนอร์  นัดพบแรงงาน Online DOE Job Fair 2021 จะมีรายละเอียดงาน QR code และช่องทางติดต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดพื้นที่ที่ต้องการทำงาน รวมทั้งคู่มือการลงทะเบียนสำหรับสถานประกอบการและผู้สมัครงานไว้ให้บริการ 

ด้านการจัดหางานต่างประเทศ ได้ปรับมาตรการการเดินทางภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาประเทศ โดยปรับวิธีการอบรมแรงงานก่อนเดินทางด้วยระบบอออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom แทนการเดินทางมาอบรม ณ กรมการจัดหางาน การให้ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์และมาตรการควบคุมโรคที่ประเทศนั้น ๆ กำหนด  การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางไปทำงานต่างประเทศ และการฉีดวัคซีน Astra Zeneca ให้แรงงานไทยที่จะเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าที่สวีเดนและฟินแลนด์ก่อนเดินทาง ซึ่งจากข้อมูล ณ เดือน ก.ค.64 มีแรงงานไทยที่ยังทำงานอยู่ในต่างประเทศ จำนวน 118,572 คน ส่งรายได้กลับประเทศผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว 153,006 ล้านบาท

‘เสกสกล’ ถก ฝ่ายกฎหมาย จ่อฟ้องกลับ ‘คุณหญิงหน่อย’ เป็นคดีที่ 2 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคไทยสร้างไทย และสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย นำ 7 แสนรายชื่อ ยื่นฟ้องต่อศาล กล่าวโทษรัฐบาลบริหารผิดพลาดบกพร่องในการแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า  

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น่าจะเข้าใจสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี การจัดการวัคซีนต่างๆในขณะนี้ที่ประเทศทั่วโลกก็มีความต้องการเช่นเดียวกัน วัคซีนซิโนแวคได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก หลายประเทศก็นำมาฉีดให้กับประชาชนเช่นเดียวกัน แม้รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามา แต่ยังมีวัคซีนยี่ห้ออื่นๆอีกหลายยี่ห้อรวมถึงวัคซีนชนิด mRNA เข้ามาด้วย อยากให้ประชาชนได้สิ่งที่ดีที่สุด

นายเสกสกล กล่าวว่า นายกฯและรัฐบาล ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 คุณหญิงสุดารัตน์ควรที่จะเข้าใจ ไม่ใช่แค่จะอาศัยโอกาส มาโจมตีนายกฯ และรัฐบาล เพื่อหวังว่าตนเองกับพรรคตนเองอาจจะได้เข้ามาทำงานแทน ซึ่งหากคิดเช่นนั้น ตนขอให้ย้อนมองดูตัวเองและพรรคตัวเองก่อนว่า มีศักยภาพหรือไม่ เพราะตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์กลับมาเล่นการเมือง ตนยังไม่เคยเห็นว่าจะทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองและประชาชน มีแต่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น

นายเสกสกล กล่าวว่า คราวนี้ สิ่งที่คุณหญิงฯและพรรคไทยสร้างไทย เปิดแคมเปญและโพสต์ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่ามีเจตนาเพื่ออะไร หิวแสงอยากเป็นนายกฯ จนเนื้อตัวสั่นหรืออย่างไร ทำไมไม่อดทนรอให้ครบวาระ 4 ปีเลือกตั้งใหม่ จะมาตีกินการเมืองในช่วงวิกฤติความเดือดร้อนประชาชนทำไม เป็นถึงคุณหญิงสุดารัตน์ทำไมสมองคิดได้แค่นี้ ประชาชนจะฝากความหวังให้เป็นผู้นำบ้านเมืองคงไม่ได้ ถ้ายังมีหลักวิธีคิดได้เพียงแค่นี้ ถึงแม้จะเป็นนายกฯได้ ตนคิดว่า ประชาชนคงพึ่งพาฝากความหวังไม่ได้เลย มีแต่จะนำพาประเทศไทยลงเหว ลงทะเล ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ยังมีหลักวิธีคิดได้เพียงแค่นี้

นายเสกสกล กล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ คงหิวแสงมาก ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่า ดำเนินคดีคุณหญิงว่ามีสิทธิที่จะฟ้องนายกฯได้หรือไม่ และถ้าเจตนาต้องการใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาทนายกฯ คงต้องแจ้งความกลับคุณหญิงฯหิวแสงเป็นคดีที่สอง หลังจากที่เคยกล่าวหารัฐบาลฆาตกร ที่ตนไปแจ้งความดำเนินคดีที่ตำรวจกองปราบปรามฯไว้แล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top