Tuesday, 8 July 2025
Hard News Team

'ลาว' รับมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากจีน เตรียมเร่งฉีดให้ประชมชน เพิ่มภูมิคุ้มกันหมู่

13 ส.ค. 64 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรีลาว กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ได้รับบริจาคจากจีนและประเทศอื่น ๆ จะช่วยลาวฉีดวัคซีนฟรีแก่ประชาชนได้มากขึ้น และเดินหน้าสู่เป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันเร็วขึ้น

เมื่อวันพฤหัสบดี (12 ส.ค.) หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ ไทม์ส รายงานว่าลาวเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งรวมถึงพื้นที่ที่ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 และพื้นที่เสี่ยง อาทิ แขวงที่มีพรมแดนติดกับประเทศที่เกิดการแพร่ระบาด และแขวงที่มีประชากรขนาดใหญ่

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนฟาร์มจากจีน ชุดที่ 5 ถูกส่งมาถึงนครหลวงเวียงจันทน์ของลาว เมื่อวันเสาร์ (7 ส.ค.) โดยลาวนำวัคซีนชุดนี้มาฉีดให้ผู้มีอายุ 18-60 ปี

พันคำ กล่าวระหว่างพิธีรับมอบวัคซีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ว่า วัคซีนชุดใหม่นี้จะทำให้ลาวเข้าใกล้เป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชาชนร้อยละ 50 ของประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปี 2021 โดยลาวตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชาชนร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด ภายในสิ้นปี 2022 และเพิ่มขึ้นในปีถัดไป

ขณะเดียวกันพันคำขอบคุณจีนและชาวจีนสำหรับการช่วยเหลือลาวต่อสู้กับโรคระบาด โดยการช่วยเหลือครั้งนี้มีความสำคัญต่อรัฐบาลลาว รวมถึงชาวลาว ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนต่อสู้กับโรคระบาดยิ่งขึ้น โดยวัคซีนชุดใหม่นี้จะช่วยลาวรับมือกับโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คณะกรรมการเฉพาะกิจแห่งชาติด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของลาว ระบุว่าปัจจุบันมีประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกแล้ว 1.38 ล้านคน และมีประชาชนฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วกว่า 1.23 ล้านคน


ที่มา xinhuathai

https://www.naewna.com/inter/594628


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผบช.สตม. มอบอาหารกล่องและน้ำดื่มจำนวน 500 ชุด ให้แก่ชุมชนนาคภาษิต พระราม9 ในโครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน"

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19  ให้หน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจสามารถพึ่งพาได้ 

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภานุวัฒน์ ร่วมรักษ์ ผบก.อก.สตม., พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 ร่วมกับ พ.ต.อ.วิชัย ณรงค์ ผกก.สน.หัวหมาก   เดินทางไปมอบอาหารกล่องและน้ำดื่มจำนวน 500 ชุด  ให้แก่ประชาชนชาวชุมชนนาคภาษิต ถ.พระราม9 ซ.49 แยก6  โดยมีคุณสวัสดิ์ นาคนาวา ประธานชุมชนฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ซึ่งจะนำไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ฯ กล่าวว่า โครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน" ครั้งนี้ เป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถึงแม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะยากลำบากเพียงใด ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีความห่วงใยและขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

เตรียมเคาะราคากลางชุดตรวจ ATK สัปดาห์หน้าขายเกินราคาเจอคุก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เห็นชอบให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแล กำหนดแนวทาง และติดตาม ชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง หรือ Antigen Test Kit มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อกำหนดแนวทางและราคาจำหน่ายที่เหมาะสม และหากตรวจพบการค้ากำไรเกินควร ถือว่าทำผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มาตรา 29 ที่มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ จะเร่งหารือเพื่อกำหนดราคาจำหน่ายชุดเอทีเคที่เหมาะสมโดยเร็ว จากนั้นจึงนำขึ้นเว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจก่อนซื้อ โดยจะพิจารณาจากต้นทุนราคาโครงสร้างที่ผู้นำเข้าและจำหน่ายแจ้งรายละเอียดต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดไว้กับกรมการค้าภายใน 

สำหรับปัจจุบันมี 31 รายรวม 34 ยี่ห้อ ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีวัตถุดิบ และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยที่ผ่านมากรมการค้าภายใน ระบุว่า มีผู้นำเข้าแจ้งโครงสร้างต้นทุนแล้ว 10 ราย และในจำนวนนี้มีสินค้านำเข้าและวางขายตามร้านขายยาแล้ว 9 ราย และจากหารือเบื้องต้นพบว่าราคาจำหน่ายที่ผู้นำเข้าแจ้งเป็นราคาแนะนำขายปลีกอยู่ระหว่าง 250-350 บาท ซึ่งจากนี้ไป คณะอนุกรรมการฯ จะกำหนดราคาออกมาและขึ้นเว็บไซต์ โดยจะแยกเป็นยี่ห้อให้ชัดเจน  คาดว่าจะเริ่มในสัปดาห์หน้า หากประชาชนซื้อในราคาที่สูงกว่านี้ ก็ให้แจ้งสายด่วน 1569 หรือพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อออกตรวจสอบและหากพบการกระทำผิดจะส่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

'ตุรกี' เผย ฉีดวัคซีน Sinovac 3 เข็ม ระดับปกป้องสูงกว่าฉีด mRNA เป็นเข็มที่ 3

ฟาเรตติน โคชา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขตุรกี เผยว่า การศึกษาของตุรกีในประชากรที่ฉีดวัคซีนกว่า 30 ล้านคนบ่งชี้ว่าคนที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย 3 เข็มมีระดับการปกป้องสูงกว่าคนที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มแล้วฉีดวัคซีนชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3

แม้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขตุรกีจะเลี่ยงการระบุยี่ห้อของวัคซีน แต่เจ้าตัวหมายถึงวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac จากจีน และวัคซีนชนิด mRNA ของ Pfizer-BioNTech ที่ใช้ในตุรกี

ชาวตุรกีส่วนใหญ่มักเลือกฉีดวัคซีนของ Pfizer เป็นเข็มที่ 3 เนื่องจากเชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าวัคซีนของจีน แต่การวิจัยดังกล่าวชี้ว่าการฉีดวัคซีนยี่ห้อเดียวกันมีประสิทธิภาพมากกว่า

ขณะนี้นักวิจัยกำลังติดต่อกับวารสารวิทยาศาสตร์เพื่อตีพิมพ์ผลการวิจัยฉบับเต็ม

ทั้งนี้ ตุรกีได้รับวัคซีนของ Sinovac หลายสิบล้านโดสตั้งแต่ช่วงต้นปีและเริ่มฉีดเป็นวงกว้างในกลุ่มประชากรสูงอายุนับตั้งแต่นั้น ส่วนวัคซีนของ Pfizer-BioNTech ถึงมือตุรกีเมื่อเดือน มี.ค. โดยรัฐบาลเร่งจัดหาเพิ่มเติมตั้งแต่เดือน มิ.ย.


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/660392


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศปก.ศบค. แจงยิบ ไฟเซอร์ ไม่หาย ไม่มีฉีดวีไอพี ทำบันทึกทุกขั้นตอน ยันโปร่งใส ระบุ ปม บุคลากรการแพทย์ เสียชีวิตหลังฉีดไฟเซอร์เข็ม3 นำผลชันสูตร เข้าคกก.ผู้เชี่ยวชาญอาการไม่พึงประสงค์

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค และภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน ร่วมแถลงข่าวประจำวันของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กรณีการเฝ้าระวัง และเหตุการณ์อาการไม่พึงประสงค์ภายหลังจากการฉีดวัคซีน โควิด-19 ว่า สำหรับการบริหารวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาค 1.5 ล้านโดส ขอย้ำว่านโยบายในการบริหารให้มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีล็อตไหนที่มีการสูญหาย ได้มีการแบ่งชัดเจนว่าจะไปในกลุ่มใดบ้าง และย้ำว่าไม่มีประเด็นของการฉีดวีไอพี หากประชาชน พบเห็นและมีข้อสงสัย สามารถแจ้งเข้ามาได้เพื่อที่จะได้มีการตรวจสอบ ยืนยันเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสผู้ป่วย จำนวน 700,000 โดส จัดสรรลงพื้นที่ที่มีการระบาด จำนวน 645,000 โดส ใช้สำหรับเพื่อการศึกษาวิจัยจำนวน 5,000 โดส ให้กลุ่มประชากรที่กระทรวงการต่างประเทศดูแล จำนวน 150,000 โดส 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การกระจายวัคซีนไปยัง 77 จังหวัด ส่งเป็นสองรอบโดยรอบแรกส่งไปแล้ว 442,800 โดส เริ่ม 4-5 ส.ค. ส่งรอบที่สอง เริ่มทยอยส่งมาตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. และมีการติดตามข้อมูลอยู่โดยตลอด เพื่อดูฐานข้อมูลและปริมาณการฉีดของแต่ละที่ที่ได้ไป พื้นที่ก็จะได้ใช้ตรวจสอบ ดังนั้นถ้าใครเข้าใจว่าตัวเองเป็นบุคลากรมีความเสี่ยง แต่ยังไม่มีรายชื่อได้รับจัดสรรก็สามารถแจ้งต่อผู้บริหารเพื่อที่จะดูหลักเกณฑ์และส่งชื่อเข้ามาได้ หากตรงตามหลักเกณฑ์แล้วก็จะได้รับการฉีดครบถ้วนทุกคน ซึ่งคาดว่าการส่งในรอบที่สองนี้จะถึงพื้นที่ไม่เกินวันที่ 14 ส.ค. การทะยอยส่งวัคซีนเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ เรื่องการจัดเก็บ ดูแล การรักษาอุณหภูมิ 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในส่วนกลุ่ม608 คือกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 7กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป มีการจัดส่งไปแล้ว 320,880 โดส ใน 13 จังหวัด ซึ่งในส่วนที่เหลือก็จะจัดส่งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งการแยกส่งอย่างนี้จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการเพราะวัคซีนที่ส่งไปในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้นั้น เมื่อฉีดเข็มที่หนึ่ง 3 สัปดาห์ถัดไป จะต้องนัดฉีดเข็มที่สอง ซึ่งถ้าหากส่งไปล็อตเดียวกัน วัคซีนไปจัดเก็บในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ เป็นตู้เย็นปกติจะสามารถเก็บอยู่ได้เพียง 1 เดือน ดังนั้นอาจทำให้วัคซีนเสื่อมสภาพได้ การทยอยส่งจะได้ให้เกิดการบริหารการนัดหมายฉีด และอยู่ในระยะเวลาที่วัคซีนมีคุณภาพดี

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในคนต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ในคนไทย หรือนักเรียนที่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็มีความก้าวหน้าในการฉีด โดยฉีดไปแล้ว 280,075 คน คิดเป็น 5.72% ของจำนวนประชากรต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย และมีที่ได้รับวัคซีนสองเข็มไปแล้ว 74,587 คน ผู้สูงอายุ 20,903 คนคิดเป็น 7.5 % ของกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่อาศัยในประเทศไทย 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในส่วนของสัญชาติ ได้แก่ เมียนมา ส่วนหนึ่งได้รับการฉีดในพื้นที่ระบาด เพื่อควบคุมการระบาด จำนวน 140,000 กว่าราย จีน โดยมีวัคซีนที่ได้รับบริจาคจากประเทศจีน ที่ฉีดให้ทั้งคนจีนและคนไทยด้วย 37,000 ราย กัมพูชา ลาว ญี่ปุ่น ลดหลั่นลงไป ในส่วนของนักเรียนไทยที่จะต้องเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ฉีดไปแล้ว 2,878 ราย 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การฉีดวัคซีนสะสมถึงเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมเวลา 18.00 น. ยอดฉีดสะสมทั้งสิ้น 22 ล้าน โดสแล้ว จำนวนผู้ได้รับบักซีนเข็มหนึ่ง 17 ล้านราย(23.9%) เข็มสอง 4.8 ล้านราย เข็มสาม ซึ่งเป็นการกระตุ้นในบุคลากรการแพทย์ 414,066 ราย ถ้าแยกเป็นยี่ห้อวัคซีนไม่ว่าจะเป็นเข็มใดก็ตาม ซิโนแวก 10.7 ล้านโดส แอสตร้าเซเนกา 9.6 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 1.7 ล้านโดส ไฟเซอร์ 286,000 โดส 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในช่วงนี้มีกรณีที่เป็นข่าวบุคลากรการแพทย์หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่สาม เป็นบุคลากรที่อยู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางคลาน จังหวัดพิจิตร เพศชาย อายุ 44 ปี หลังจากฉีดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พบว่าเสียชีวิตในวันที่ 11 สิงหาคมซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ที่เสียสละทุ่มเทในการทำงานอาจจะด้วยความเสี่ยงด้านสุขภาพ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตขึ้นมา ทั้งนี้รายละเอียดการชันสูตร ได้รวบรวมข้อมูลนำเข้าคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ต่อไป แล้วจะได้นำมารายงานให้ทราบ

ศบค.ใหญ่ จ่อถก คลายล็อกธนาคาร-ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้าง จันทร์ 16 ส.ค.นี้

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA เสนอภาครัฐให้มีการทบทวนมาตรการ ขอผ่อนปรนให้ 4 ธุรกิจหลักที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชาชน สามารถเปิดให้บริการได้ในศูนย์การค้า ได้แก่ 1.ธนาคาร สถาบันการเงิน 2.ธุรกิจสื่อสาร ไอที 3.ร้านเบ็ดเตล็ด 4.ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น ว่า ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. ได้รับทราบเรื่องราวต่างๆที่มีการยื่นร้องเรียนเข้ามาทางอีโอซี กระทรวงสาธารณสุขแล้ว และจะต้องมีการพิจารณาว่ามีผลในเรื่องการป้องกันควบคุมโรค โควิด-19 อย่างไรในกลุ่มเฉพาะต่างๆที่จะขอผ่อนคลาย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มาตรการขณะนี้เข้มที่สุดแล้วแต่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ก็ได้รับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ในแต่ละกลุ่มในแต่ละสถานที่อยู่เสมอและจะต้องนำมามองในภาพรวม และภาพย่อย แล้วจึงตัดสินใจ ซึ่งในวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคมนี้จะมีการประชุมศบค. ชุดใหญ่ ในช่วงบ่ายดังนั้น จะได้ข้อสรุปกันในวันนั้นและหากมีผลการประชุมเป็นอย่างไร ตนจะแถลงข่าวให้ทราบ อย่างไรก็ตาม จากนี้จะมีการนำเสนอชุดข้อมูลที่น่าสนใจทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เพื่อนำเสนอและวิเคราะห์ นำไปสู่ ทิศทางการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ และประชาชน

'ศรีสุวรรณ' เข้าร้องเรียนกล่าวโทษนายปิติ ภิรมย์ภักดี หรือต๊อด ทายาทเครื่องดื่มตราสิงห์ ฐานนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ศูนย์ราชการฯ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าร้องเรียนกล่าวโทษนายปิติ ภิรมย์ภักดี หรือต๊อด ทายาทเครื่องดื่มตราสิงห์ ฐานนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ กรณีโพสต์เฟซบุ๊กตำหนิการจัดสรรวัคซีนของรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้นั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การโพสต์ข้อความที่เป็นประเด็นปัญหาก็คือคำว่า “ด่านหน้าต้องจับฉลากเพื่อจะได้ฉีด บางโรงบาลใช้วิธีผสมน้ำเพื่อให้ครบคน ผมขอสละตัวเองเป็นกระบอกเสียงให้พวกเค้าครับ และเมื่อผมเอาจริงคือเอาจริง” การโพสต์ข้อความดังกล่าวมีสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ได้นำไปเผยแพร่อย่างมากมาย ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และเป็นที่สงสัยกันมากว่า วัคซีนที่แพทย์พยาบาลกำลังฉีดให้กับประชาชน เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 อยู่ในขณะนี้มีการ “ผสมน้ำ” ในบางโรงพยาบาลเพื่อฉีดให้กับประชาชนได้ด้วยหรือ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หรือหากจะแก้ตัวว่าผิดหลงเขียนไม่ครบตกคำว่า “เกลือ” ไปก็ไม่อาจฟังขึ้น เพราะใช้คำว่า “บางโรงบาลใช้วิธีผสมน้ำเพื่อให้ครบคน” อยู่ด้วย เป็นการกล่าวหาแพทย์ พยาบาลว่ามีการใช้วัคซีนผสมน้ำ ซึ่งไม่มีหลักวิชาการทางการแพทย์ที่ไหนในโลกเขาทำกัน และก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรคก็ออกมาชี้แจงอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า “วัคซีนบางชนิดมีความเข้มข้น ต้องผสมกับน้ำเกลือ (Normal Saline) ซึ่งในโรงพยาบาลก็มีการใช้น้ำเกลือที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการผสมน้ำอย่างแน่นอน” การโพสต์ข้อความดังกล่าว เชื่อว่ามีเจตนาตาม ปอ.มาตรา 59 ที่ไม่เป็นไปตามปกติวิสัยที่ปุถุชนพึงกระทำได้ แต่ถ้าคุณต๊อดยืนยันว่ามีหลักฐานความจริง ขอให้เปิดเผยออกมาว่ามีโรงพยาบาลแห่งใด ใช้วิธีการผสมวัคซีนดังกล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แต่ถ้าไม่มี ก็พึงระลึกไว้เถิดว่า การโพสต์หรือเขียนข้อความในลักษณะดังกล่าว โดยการนำเข้าข้อความสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นความผิด เพราะมีลักษณะที่เป็นเท็จ อันก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และอาจเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศฯ มีความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขปี 2560 ม.14(2) ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องต่อ ปอท. เพื่อแจ้งความเอาผิดตามกฎหมายด้งกล่าวต่อนายต๊อด ปิติ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในสังคมต่อไป แม้จะเขียนว่า “เมื่อผมเอาจริงคือเอาจริง” เพราะเป็นคนดัง คนรวยและใหญ่แค่ไหน ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ประธาน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เตรียมเรียก ‘ผู้บัญชาการ คฝ.’ แจงเหตุสลายม็อบรุนแรง เตือน มีแต่รัฐเผด็จการเท่านั้นที่กระทำกับประชาชนเยี่ยงศัตรู ย้ำ การละเมิดสิทธิและก่ออาชญากรรมโดยรัฐ คือสิ่งไม่ปกติในสังคมประชาธิปไตย 

นายณัฐชา​  บุญไชยอินสวัสดิ์​ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล​ ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและ​การมีส่วนร่วมของประชาชน​ แสดงความเห็นต่อปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมช่วงที่ผ่านมาว่า ด้วยหลายปัจจัยสะสมตั้งแต่หลังการรัฐประหารจนถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ที่ล้มเหลวและผิดพลาดร้ายแรง ปัญหาปากท้องข้าวยากหมากแพง คนตกงาน การบริหารราชการแผ่นดินด้วยความไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรม รวมถึงการบังคับใช้อำนาจกฎหมายอย่างล้นเกิน ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นในสังคม ซึ่งการชุมนุมเพื่อแสดงออกและการเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาถือเป็นสิทธิโดยชอบของประชาชนและเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย หากมีการกระทำใดที่ผิดกฎหมายก็ต้องมีมาตรการดำเนินการอย่างได้สัดส่วน แต่ที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากถึงการใช้ความรุนแรงอย่างไร้เหตุผลและไม่ได้สัดส่วนในการจัดการการชุมนุม จึงอยากเรียกร้องให้ตระหนักถึงสิทธิของประชาชนและใช้อำนาจอย่างพึงระวังและไม่ขัดต่อหลักการของกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่   

“นอกจากนี้ ผมอยากขอชวนพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมเย็นวันนี้ ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากลไม่ใช่เพื่อปกป้องการใช้อำนาจด้วยคำสั่งอันไม่ชอบธรรม จะเห็นว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและหลังจากนี้ไป การชุมนุมของพี่น้องประชาชนเกิดขึ้นติดต่อกันเกือบทุกวันและทุกครั้งจะได้ยินข่าวจากสื่อมวลชนถึงความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติเกินกว่าเหตุ​ หรือในสื่อโซเชียลมีเดียที่ปรากฏภาพความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำต่อพี่น้องประชาชนหรือสื่อมวลชน​จำนวนมาก ปัญหาของสังคมไทย ณ ขณะนี้คือ เมื่อพี่น้องประชาชนมีปัญหา เขาไม่รู้จะเรียกร้องความเป็นธรรมได้จากใคร​ เพราะรัฐบาลเองก็บริหารประเทศแบบไม่เห็นหัวประชาชนในทุกเรื่องแล้วยังปิดกั้นการแสดงออกด้วยความรุนแรงเช่นนี้อีก”

นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า สิทธิการชุมนุมเป็นหลักการสำคัญในสังคมประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต้องให้การรับรองและคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าเป็นภาครัฐเองที่พยายามจะทำลายหลักการนี้ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องช่วยกันปกป้อง สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือขอให้พี่น้องประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา รายงานข้อเท็จจริงออกมาให้มากที่สุด​ เพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องชำระต่อไปในอนาคตและทำให้ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมโลก​ เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ประชาคมโลกต่างตั้งคำถามต่อรัฐไทยว่ายังเป็น​รัฐที่ทำหน้าที่ภายใต้ระบอบประชาธิไตยหรือไม่ และเหตุใดจึงปฏิบัติต่อประชานเยี่ยงอริราชศัตรู​ เพราะคงมีแต่รัฐเผด็จการเท่านั้นที่จะทำกระทำเยี่ยงประชาชนเป็นศัตรูเช่นนี้

“ในครั้งนี้ ผมขอสื่อสารไปยังเจ้าหน้าที่ประดับปฏิบัติการที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชุมนุมวันนี้เช่นกันว่า ​ก่อนกระทำการใด​ โปรดระลึกไว้ว่า คุณและผู้ชุมนุมก็คือประชาชนเหมือนกัน​ มีพ่อแม่ครอบครัวอยู่ข้างหลัง​ การออกมาเรียกร้องของผู้ชุมนุมเพราะเขาต้องการเห็นประเทศไทยที่พวกเราทุกคนรวมถึงคุณด้วยจะสามารถมีชีวิตได้อย่างมีความหวังและมีอนาคต​ พวกคุณสามารถเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งได้ด้วยความสามารถ ไม่ใช่ด้วยการเข้าหานายหรือมีเส้นสายเป็นเด็กฝากของใคร ผมเชื่อในตัวพวกคุณทุกคนว่าจะยังรักในเกียรติ ในศักดิ์ศรี และมีความรักต่อประชาชน ไม่ใช่สัตว์ร้ายที่จะยินยอมกระทำตามในสิ่งที่ผิดอย่างปราศจากมโนสำนึกอย่างไรก็ตาม ผมในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ​ ได้แต่งตั้ง​ ส.ส.อมรัตน์​ โชคปมิตต์กุล​ กรรมาธิการฯเป็นประธานติดตามการชุมนุมเพื่อสังเกตการณ์และรวบรวมเหตุความรุนแรงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน​ เพื่อรายงานต่อที่ประชุมกรรมาธิการใหญ่ และจะเรียก​ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการต่อไป​ และผมในฐานะตัวแทนของประชาชนที่ทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการ ยืนยันว่าจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ยอมให้มีการละเมิดสิทธิหรือการก่ออาชญากรรมโดยรัฐกลายเป็นสิ่งปกติในสังคมประชาธิปไตยอย่างแน่นอน”

สุดท้าย นายณัฐชา ยังกล่าวต่อไปว่า อยากฝากไปยังรัฐบาลว่า​ การกระทำที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานที่ล้มเหลว​ในการจัดการโรคระบาดแล้วมองหาช่องทางนิรโทษกรรม​ รวมไปถึงการไล่ล่าจับกุมคุมขังและปิดปากประชาชน เพื่อยืดเวลาต่ออำนาจในการบริหารประเทศท่ามกลางความป่นปี้เช่นนี้​ ไม่ต่างอะไรกับสุนัขจนตรอกที่ตะเกียกตะกายและกัดไปทั่วขอแค่มีชีวิตรอดโดยไม่สนใจว่าประเทศจะพังพินาศไปขนาดไหน การกระทำเช่นนี้ต่างหากที่สมควรต้องถูกจัดการเพราะถือเป็นศัตรูอันเป็นภัยสูงสุดต่อประเทศอย่างแท้จริง

‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ กลับสู่วงการท้าความอึด เตรียมโชว์แกร่ง วิ่งระยะ 300 กิโลเมตร พิชิตเทือกเขามงต์บลังค์ของฝรั่งเศส ปลายเดือนนี้

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เตรียมโชว์พลังอึด ร่วมแข่งขันวิ่งเทรลรายการโหด รายการดังของโลก ‘อัลตร้า เทรล ดู มงต์บลังค์’ ที่ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 23-29 ส.ค.นี้

เฟซบุ๊ก แฟนเพจ ‘Thailand by UTMB’ ระบุว่า ธนาธร จะไปแข่งแบบทีม ชื่อทีม ทรูเซาธ์ไทยแลนด์ (True South Thailand) ลงระยะทางรวม 300 กิโลเมตร ความสูงสะสม 25,000 เมตร เส้นทางทรหด ผ่าน 3 ประเทศ ฝรั่งเศส, อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ ของเทือกเขามงต์บลังค์ ซึ่งแต่ละปีเส้นทางจะเปลี่ยนไป ซึ่งในการคัดเลือกนั้น คัดจากประสบการณ์ของผู้สมัครในแต่ละทีม ตัวแทนนักกีฬาไทยที่ไปเข้าร่วมแข่งขันมีเพียง 1 ทีม นอกจาก ธนาธร แล้ว ยังมี ‘ซึง’ สว่างจิต แซ่โง้ว หญิงแกร่งหนึ่งเดียวในทีม และ ‘แอล’ สุภัทร บุญเจือ นักวิ่งเทรลคนดัง

ทั้งนี้ทีม True South Thailand เป็นโครงการที่รวบรวมผู้คนที่มีใจรักในการผจญภัยเพื่อเดินทางด้วยเท้ามากกว่า 1,000 กิโลเมตร เป้าหมายของการเดินทางคือ เป็นคนไทยกลุ่มแรกที่พิชิตขั้วโลกใต้ด้วยการเดินเท้า ซึ่ง นายธนาธร เองก็เคยลุยโครงการนี้ ก่อนหยุดไปเพราะหันเข้ามาสู่การเมืองเสียก่อน

สำหรับ นายธนาธร นั้นก่อนเข้ามาสู่แวดวงการเมือง ลุยแข่งขันวิ่งระดับอัลตร้า และไตรกีฬาอย่างต่อเนื่อง แม้มาสู่การเมืองแล้ว ก็ยังหาเวลาซ้อม และลงสนาม เมื่อ 2 ปีก่อน เคยวิ่งระห่ำข้ามคืน 300 รอบสนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมระยะ 120 กิโลเมตร


ที่มา : https://www.facebook.com/THbyUTMB/photos/a.124275428966387/665535238173734/

https://www.dailynews.co.th/news/153557/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"เพื่อไทย" ปัดตีเช็คเปล่าให้ กกต. กำหนดการเลือกตั้ง แจง หากยุบสภาใน 120 วันที่แก้กม.ลูกไม่แล้วเสร็จ จะเกิดปัญหา ยัน ไม่มีกระหนุงกระหนิงกมธ.ซีกรัฐบาล

ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ…. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทยพยายามนำร่างที่ถูกตีตกไปในวาระที่ 1 ของพรรคพลังประชารัฐกลับเข้ามาสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 อีก ว่า ในชั้นนี้เป็นการพิจารณาในชั้นกมธ.ของร่างรัฐสภาที่ผ่านขั้นตอนการรับหลักการมาแล้ว ขณะนี้จะไม่เรียกว่าร่างพรรคประชาธิปัตย์และต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นร่างของรัฐสภา โดยมีหลักในการแก้ไข 2 มาตราที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้ง ซึ่งคำว่าระบบไม่ได้มีเพียงแค่ 2 มาตราแน่นอน ยอมรับว่ากมธ.มีความหนักใจมากโดยเฉพาะการแก้มาตรา 83 เรื่องระบบบัตรเลือกตั้งจาก 1 ใบมาเป็น 2 ใบ 

เมื่อให้โจทย์มาแบบนี้ทางเสียงข้างมากใน กมธ. มีมติชัดเจนว่าเป็นการแก้ไขจากบัตรเลือกตั้ง 1 ใบเป็น 2 ใบ โดยมีการเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งรัฐธรรมนูญเดิมเขียนไว้ว่ามาตรา 84 , 85 , 86 ,87 , 88 , 89 , 90 , 91 , 92 ,93 และ 94 เขียนรองรับเรื่องบัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่ที่รัฐสภารับหลักการมา คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 83 และมาตรา 91 ว่าด้วยเรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือว่าเป็นโจทย์ยากที่เรารับมา ทั้งนี้ ต้องมาดูรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่ และแก้ไขให้สอดรับกับมาตรา 83 และมาตรา 91 โดยเฉพาะมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รองรับและสอดรับกัน จึงจำเป็นต้องแก้มาตราอื่นด้วย และยืนยันว่ารัฐสภามีข้อบังคับอนุญาตให้สามารถดำเนินการได้ แต่ห้ามแก้ไขหลักการ เว้นแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการ 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นปัญหาและเป็นประเด็นในสังคมกล่าวหาว่ากมธ.พรรคเพื่อไทยเขียนเช็คเปล่าให้กกต.ในเรื่องบทเฉพาะกาล และบอกว่าเป็นการพิจารณาเกินหลักการด้วยนั้น ยืนยันว่าบทเฉพาะกาลเขียนไป 2 มาตรา เพราะหากเราแก้รัฐธรรมนูญได้และมีการประการใช้ เกิดมีการเลือกตั้งซ่อมขึ้นมา ก็มีคำถามว่าเราใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่แก้แล้วในการเลือกตั้งหรือจะใช้รัฐธรรมนูญเดิม ซึ่งตนเห็นว่าถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขมีการประกาศใช้แล้ว ก็ยังไม่ควรนำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปใช้ เพราะจะมีผลใช้กับการเลือกตั้งทั่วไปเท่านั้น หากมีการเลือกตั้งซ่อมในช่วงนี้ห้ามนำมาใช้ เพราะจะมีปัญหาในสภาว่า ส.ส.สภาเดียวกันจะมาจาก 2 ระบบ และเกิดการตีความทำให้สภาทำงานไม่ได้ และอาจทำให้สภาล่มได้ จึงเป็นที่มาของการเขียนบทเฉพาะกาลเพื่อป้องกันการตีความว่ายังไม่ควรนำรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาใช้ และหลังจากฉบับรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขประกาศใช้แล้ว รัฐสภาต้องไปทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการประกอบการเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ 

เพื่อนำมาใช้ในการเลือกตั้ง และเราเป็นห่วงว่าหากภายใน 120 วันนี้เกิดการประกาศยุบสภาโดยที่กฎหมายลูกยังไม่เสร็จแต่รัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว กกต.ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งภายใต้การออกประกาศข้อกำหนดของ กกต. ได้ โดยยึดสิ่งที่รัฐธรรมนูญแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปประกาศเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานได้ แต่พรรคเพื่อไทยกลับถูกหาว่ายัดไส้และทำเกินหลักการ ไปมอบอำนาจให้ กกต. ตนถามว่าหากไม่มอบอำนาจให้ กกต. จะเกิดการเลือกตั้งได้หรือ หรือจะให้ฝ่ายบริหารออกพระราชกำหนดประกาศให้มีการเลือกตั้ง ถามว่าจะเอาแบบนั้นหรือ ซึ่งเราก็ไม่เอา ระหว่างเลือกกกต.กับฝ่ายบริหาร เราเลือกกกต.มากกว่า

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเขียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ใช้โอกาสยุบสภาเร็วขึ้นนั้น คนพูดไล่พล.อ.ประยุทธ์ทุกวันให้ออกไป แต่พอมาสู้กันในมุมกฎหมายกลับย้อนแย้งเสียเอง ซึ่งตนก็อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภาโดยเร็ว เพราะเป็นสิ่งที่คนต้องการมากที่สุดคือให้พล.อ.ประยุทธ์ออกไป อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในกมธ.ไม่มีความขัดแย้งและไม่มีการกระหนุงกระหนิง เพราะทุกความคิดเห็นที่เสนอโดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ใช่ความคิดเห็นของตนเพียงคนเดียว แต่เราผ่านกระบวนการกลั่นกรองจากพรรคมาเพื่อเสนอให้เป็นไปในด้านที่ดีที่สุด ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะให้รัฐสภาตีความเรื่องข้อบังคับที่เราใช้นั้นใช้ไม่ได้ ก็สามารถทำได้ หรือจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาหลักผ่านวาระที่ 3 ก็ทำได้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็ต้องรอจังหวะเวลา ยืนยันว่าทุกอย่างไม่ได้พิจารณาอย่างร้อนรน เพราะมีเพียงแค่ 2 มาตรา
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top