“นายกฯ”สั่ง “ก.พาณิชย์-ตำรวจ”ตรวจสต๊อกปาล์มน้ำมัน ห้ามกักตุน ให้ก.เกษตรฯ คุมASF ระบาดในสุกร
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์สินค้าราคาแพง และสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมัน ที่เพิ่มสูงจากสภาพอากาศ ฝนตกต่อเนื่อง โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสต็อกปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่กักตุนสินค้า ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันทั้งระบบและส่งผล
กระทบต่อประชาชนผู้บริโภคอุปโภคเป็นวงกว้าง โดยล่าสุดตำรวจร่วมบูรณาการกับพาณิชย์จังหวัด จัดชุดตรวจลงพื้นที่ตรวจสต็อกปาล์มน้ำมัน โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ตลอดจนคลังน้ำมันปาล์มฯ
โดยจะดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้กำหนดโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง หรือหากมีการแจ้งการครอบครองไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.137 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนั้น นายกฯ ติดตามการดำเนินงานตามข้อสั่งการเรื่องการป้องกัน ควบคุมและกำจัดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ตามที่กรมปศุสัตว์ ลงพื้นที่สำรวจปริมาณซากสุกรในห้องเย็นทั่วประเทศอย่างเข้มงวด ระหว่างวันที่ 20-25 ม.ค.จำนวน 773 แห่งตรวจพบซากสุกรสะสม จำนวน 18,727,824.545 กิโลกรัม
โดยกรมปศุสัตว์มีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการลักลอบนำสุกรมีชีวิตและผลิตภัณฑ์เข้าประเทศ ค้นหาโรคเชิงรับและเชิงรุก เช่น การเฝ้าระวังทางอาการในฟาร์ม การเฝ้าระวังในโรงฆ่าสัตว์ การเฝ้าระวังในซากและผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในตลาด การประเมินความเสี่ยงระดับอำเภอทั่วประเทศ เพื่อกำหนดมาตรการการควบคุมการเคลื่อนย้ายโดยทำฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม เพื่อเป็นการลดความเสียหายสามารถป้องกันการเกิดโรคได้และเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเพื่อยกระดับเป็นฟาร์มที่มีการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี