Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

รมว.แรงงาน ส่งทีมแพทย์ตรวจโควิด-19 แก่ชุดเฉพาะกิจฯ เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนออกปฏิบัติภารกิจปราบปรามคนต่างด้าวผิดกฎหมายทั่วประเทศ

พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล หัวหน้าคณะอำนวยการชุดเฉพาะกิจฯ พร้อมอธิบดีกรมการจัดหางาน ตรวจเยี่ยมการทำงานของทีมแพทย์ที่มาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจ ด้านตรวจสอบ ปราบปรามและประชาสัมพันธ์นายจ้างไม่ให้ใช้แรงงานต่างด้าวเถื่อน 

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ในฐานะหัวหน้าคณะอำนวยการของชุดเฉพาะกิจฯ ประสานทีมแพทย์จากสถานพยาบาลเอกชน เข้ามาตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้ง 5 ชุด รวม 30 นาย พร้อมมอบนโยบายแก่คณะอำนวยการและชุดเฉพาะกิจฯ 


ให้มุ่งเน้นสร้างการรับรู้การใช้แรงงานต่างด้าวถูกฎหมายกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนายจ้าง/สถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการ เพื่อป้องกันมิให้มีการจ้างแรงงานผิดกฎหมายโดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่สุ่มเสี่ยงต่อการเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ตามข้อสั่งการของ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สั่งการต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์อีกวัคซีนทางเลือกชิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ณ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยกำชับให้กระทรวงแรงงาน ร่วมกับ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจโรงงานเพื่อป้องกันปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย และให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที หากตรวจพบการกระทำผิด รวมทั้งกวดขันการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายตามพื้นที่แนวชายแดน

นายไพโรจน์  กล่าวต่อไปว่า  ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบ ปราบปรามจับกุมและดำเนินคดีคนต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายฯ เป็นชุดที่บูรณาการระหว่างพนักงานเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมการจัดหางาน และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งก่อนที่ชุดเฉพาะกิจดังกล่าวจะออกปฏิบัติการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีกับคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ตลอดจนนายจ้าง/สถานประกอบการที่จ้างแรงงานต่างด้าว ทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และแรงงานในสถานประกอบการจึงกำหนดให้มีการตรวจคัดกรองเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยผลการตรวจวิเคราะห์เชื้อโควิด -19 พบว่า ไม่พบเชื้อโควิด-19 ทั้ง 30 นาย หลังจากนี้จะออกปฏิบัติการตลอดเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งหากตรวจพบนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี 

“ทั้งนี้หากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่  1-10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694 หรือแจ้งเบาะแสโดยตรงที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 02 354 1729” อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าว

ลูกชายนายพลโบเมียะ เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 หลังจากเข้ารับการรักษาอาการป่วยนานหลายวัน

4 ส.ค. 64 มีรายงานข่าวจากชายแดนไทย-เมียนมา ว่าพันเอกเนโซ เมียะ หรือผู้การเตเร ผู้บังคับกองพันรบพิเศษ ซึ่งเป็นผู้นำกองกำลัง Karen National Liberation Army-Peace Council - KNLA PC ลูกชายนายพลโบเมียะ อดีตประธานาธิบดีสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ The Karen National Union - KNU ได้เสียชีวิตแล้ว จากการติดเชื้อไวรัส Covid-19 หลังจากเข้ารับการรักษาอาการป่วยนานหลายวัน ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.แม่สอด แต่อาการไม่ดีขึ้น กระทั่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อคืนวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พันเอกเนโซเมียะ หรือผู้การเตเรก่อนเสียชีวิตนั้นเป็นผู้นำกำลังคนสำคัญคนหนึ่งของกองกำลัง KNLA PC ในตำแหน่งผู้บังคับการรบพิเศษ ที่ทำงานอย่างมุ่งมั่นจริงจังในการทำงาน เพื่อชาติพันธุ์กะเหรี่ยงกอซูเล (Kawthoolei) เหมือนนายพลโบเมียะผู้เป็นบิดา และเป็นน้องชายนายพลเนอดา เมียะ บุตรชายคนโตของนายพลโบเมียะ ผู้นำกองกำลัง Karen National Defence Organization (KNDO) ซึ่งทุกกองกำลังนั้นอยู่ในฝ่ายของ KNU ทั้งหมด

ล่าสุดกองกำลังกระเหรี่ยงและองค์แห่งชาติกระเหรี่ยง ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเสียชีวิตครั้งนี้แล้ว และแจ้งให้ประชาชนกับกำลังพลทางทหารขอให้อยู่ที่ในที่มั่น ห้ามเคลื่อนไหว ขอพรจากพระเจ้าเพื่อรำลึกได้ที่บ้านเนื่องจากจะไม่มีการเชิญบุคคลหรือทำพิธีทางศาสนาแต่อย่างใด

พันเอกเนโซเมียะ หรือ เตเร เป็นบุตรชายคนเล็กของ นายพลโบเมียะ อดีตผู้นำสูงสุดของสหภาพกระเหรี่ยง เข้าร่วมกับกองกำลัง - KNLA PC มากว่า 6 ปี และเป็นผู้ชักชวนให้สมาชิกชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงในเมียนมา สร้างกระบวนการสันติภาพ และหันมาทำการค้าแทนการสู้รบอยู่อย่างสงบ ซึ่งก็สามารถทำได้ในระดับที่ดีมาก

สำหรับพันเอกเนโซเมียะ อายุประมาณ 48 ปี นั้น เพิ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดทหารเคเอ็นยู.เคเอ็นแอล พีซี. หลังจากที่พลเอกทิ่นหม่อง อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เสียชีวิตลง และให้พลเอกก้อทอ ขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ขณะนี้ได้มีการระบาดในหมู่ทหารกะเหรี่ยงทุกกลุ่มตามแนวชายแดนอย่างมาก ตั้งแต่นายทหารระดับสูง ลงไปถึงพลทหาร และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 พลเอกมูเซ ผู้บัญชาการทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ.หรือ กะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตยได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เช่นกันที่โรงพยาบาลทหารเมืองย่างกุ้ง


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/112142

https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2866144


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทำความรู้จักฮีโร่โอลิมปิกคนล่าสุด ‘แต้ว-สุดาพร สีสอนดี’

ลุ้นสุด ๆ กันไป สำหรับเจ้าแต้ว-สุดาพร สีสอนดี นักกีฬามวยหญิงไทย ที่ลงทำการแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นในรอบ 8 คนสุดท้าย ศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ก่อนจะเอาชนะนักชกจากสหราชอาณาจักร ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ

แต่ก่อนจะถึงวันชิงเหรียญเงิน ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ เรามาทำความรู้จักกับ ‘ฮีโร่เหรียญทองแดงคนล่าสุด’ และนี่คือเรื่องราวชีวิตของนักมวยหญิงวัย 29 ปี อ่านจาก 6 หมัดต่อจากนี้ แล้วคุณจะรู้จักเธอดีมากยิ่งขึ้น!


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ธนกร” เผยรัฐเตรียมนำระบบ “BKK HI Care” เป็นเครื่องมือช่วยหมอติดตามผู้ป่วย Home Isolation ตามนโยบาย "บิ๊กตู่” แจง ยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่ตุลาคม 2564 จะผลิตได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน มั่นใจมีเพียงพอรักษา

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  โฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวว่า สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ภายใต้กำกับของนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาระบบที่เรียกว่า “BKK HI Care” ในการติดตามและดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีเขียว ที่รักษา-กักตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือที่ชุมชน (Community Isolation) อย่างใกล้ชิด ตลอดจนผู้ป่วยสามารถรายงานและรับคำแนะนำการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์และพยาบาล เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกาย และการวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดตามเวลาที่กำหนด แล้วแจ้งผลให้ทางสถาบัน/โรงพยาบาลทราบทันที ซึ่งระบบนี้ดำเนินการผ่าน Line Application โดยการสแกน QR Code หรือแอดไลน์ เมื่อมีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 จากสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยได้เข้าทำการตรวจเชื้อหรือรักษา โดยไม่ต้องโหลดแอพพลิเคชันใหม่
    
นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 285 แห่ง มีผู้ป่วยที่อยู่ในระบบแล้วกว่า 9,000 ราย ซึ่งจะช่วยทำให้ 1 คลินิกชุมชนดูแลผู้ป่วยได้ถึง 200 ราย หรือแพทย์ 1 ท่าน ดูแลผู้ป่วยได้ถึง 30 ราย พร้อมกันนี้ยังสามารถช่วยเก็บบันทึกรายงานการรักษารายวัน การสั่งยา การวัดอุณหภูมิ และอาหารที่รับแต่ละวัน โดยระบบนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญให้กับสถาบัน/โรงพยาบาลในการติดตามดูแลผู้ป่วยโควิด- 19 ที่เป็นผู้ป่วยสีเขียว รักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ ซึ่งจะได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ ในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยผู้ป่วยจะได้รับการดูแลแบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) ซึ่งหากผู้ป่วยแสดงอาการที่มีข้อบ่งชี้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ทางสถาบัน/โรงพยาบาลจะรับผู้ป่วยเข้ามารักษาได้อย่างสะดวก เป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถรายงานสุขภาพที่เข้าถึงได้โดยง่าย โดยระบบนี้ แพทย์ พยาบาล สามารถเข้าถึงผ่านมือถือ Tablet หรือ PC ได้ ซึ่งครอบคลุมทั้ง Windows, Android และ IOS ทั้งนี้ แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย Home Isolation ผ่าน “BKK HI Care” มีดังนี้

1.มอบชุดสำหรับ Home Isolation (BKK HI CARE kit) ซึ่งประกอบไปด้วย หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล/ สเปรย์/ ถุงแดง แผ่นพับคำแนะนำในการปฏิบัติตัว แผ่นบันทึกอาการ (กรณี ไม่มี Smart phone) Pulse oximeter (เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด) Digital thermometer (เครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัล) และยาฟ้าทะลายโจรหรือยาฟาวิพิราเวียร์ 2.บริการจัดส่งอาหารทุกวัน 3.ให้ผู้ป่วยวัดอุณหภูมิร่างกาย และวัดปริมาณออกซิเจนในร่างกาย วันละ 2 ครั้ง และรายงานอาการ และ4.เจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุข ติดตามดูแล สังเกตอาการผู้ป่วย ผ่านระบบ BKK HI Care /โทรศัพท์ เป็นระยะเวลา 14 วัน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการสนองนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการนำดิจิตอลมาบริหารงาน
    
นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลดำเนินการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ ทั้งการนำเข้าจากต่างประเทศ และการผลิตเองในประเทศ โดยขณะนี้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เริ่มผลิตได้ และจะทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีศักยภาพการผลิตอยู่ที่เดือนละ 2-4 ล้านเม็ด แต่ในเดือนกันยายนคาดว่าจะผลิตได้จำนวน 23 ล้านเม็ด และตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้น ไปจะสามารถผลิตได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจ่ายให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ทำ Home Isolation โดยพิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรหรือยาฟาวิพิราเวียร์ตามระดับอาการด้วยแล้ว ดังนั้นขอให้ประชามั่นใจว่า ยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอต่อการรักษาอย่างแน่นอน

กกร. ปรับลดการเติบโตจีดีพีของไทยปี 2564 อีกครั้งจากเดิมอยู่ในกรอบ 0-1.5% เหลือ -1.5 - 0% หลังรัฐขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ แต่ปรับการส่งออกเพิ่มจาก 8-10% เป็น 10-12% จากการฟื้นตัวของศก.โลก แต่ยังคงต้องคุมไม่ให้เกิดการระบาดในโรงงาน

กกร. ปรับลดการเติบโตจีดีพีของไทยปี 2564 อีกครั้งจากเดิมอยู่ในกรอบ 0-1.5% เหลือ -1.5 - 0% หลังรัฐขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ แต่ปรับการส่งออกเพิ่มจาก 8-10% เป็น 10-12% จากการฟื้นตัวของศก.โลก แต่ยังคงต้องคุมไม่ให้เกิดการระบาดในโรงงาน ค้านรัฐหากเดินหน้า Full Lockdown

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยวิกฤติและถลำลึกกว่าที่คาดไว้และเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ แม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว เพราะเรายังไม่สบความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 ยังไม่อาจกระจายวัคซีนได้มาก แม้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ มา 14 วันแล้วก็ตาม ทำให้ภาครัฐต้องขยายมาตรการ Lockdown ออกไปอีกจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม และขยายวงกว้างออกไปหลายจังหวัดซึ่งประเมินว่ากระทบคิดเป็น 300,000-400,000 ล้านบาท เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจึงอยู่ในภาวะที่ฟื้นตัวได้ยาก ธุรกิจทุกส่วนได้รับผลกระทบรุนแรงทั้ง เอสเอ็มอี แรงงาน ไม่เว้นแม้กระทั่งส่งออก และจากการหารือต่างเห็นพ้องกันว่ารัฐบาลไม่ควรดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโดย Full lockdown โดยควรต้องอยู่กับมันให้ได้แต่ต้องมีวัคซีนและชุดตรวจเชื้อเร่งด่วน (Antigen Test Kit) หรือ ATK ที่เพียงพอ

นอกจากนี้ รัฐต้องเตรียมมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจให้พร้อมเพราะภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงโดยภาคครัวเรือนเผชิญภาระหนี้ที่เพิ่มสูงกว่า 90% ต่อจีดีพี และต้องการการเยียวยาเพื่อชดเชยรายได้ที่หดหายไปและการฟื้นฟู การเตรียมพร้อมงบประมาณซึ่งเพดานหนี้สาธารณะควรขยายให้มากกว่า 60% ต่อจีดีพี เป็น 65-70% เพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต รวมไปถึงการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน

ธนาคารแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องพิจารณาแนวทางในการผ่อนคลายนโยบายการเงินและมาตรการกับสถาบันการเงินเพิ่มเติมภายใต้ข้อจำกัดที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ใกล้ระดับ 0% เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินของประเทศ

ขณะเดียวกันกกร.เห็นว่าควรขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90% ออกไปอีก 1 ปี ของการจัดเก็บภาษี ปีภาษี 2565 (ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565) เพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันความเสียหายผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็น 60% ขึ้นไป ขอกรมสรรพากร ยกเว้นภาษี SMEs 3 ปี โดยจะต้องทำบัญชีเดียวและยื่นภาษีผ่านระบบ E-Tax รัฐบาลควรมีคำสั่งเดียว (Single Command) ในการสั่งการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 และให้เอกชนนำเข้าวัคซีนได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องผ่านผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายและหน่วยงานรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลจากภาครัฐ

โดยภาครัฐเป็นผู้ออกใบสั่งซื้อและออกค่าใช้จ่าย ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. เร่งอนุมัติวัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ โดยไม่ต้องรอบริษัทวัคซีนนำเอกสารมายื่น ขอให้ภาครัฐสนับสนุนการลดหย่อนภาษี 2 เท่า สำหรับภาคเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน (Antigen Test Kit) และค่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เอกชนช่วยดำเนินการสนับสนุนการผลิตและจัดหายา "ฟาวิพิราเวียร์" ที่กำลังมีความต้องการสูง เป็นต้น

นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร.ได้เน้นย้ำมาโดยตลอดว่าการจัดหาวัคซีนเป็นหัวใจของการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเห็นว่าวัคซีนทางเลือกควรจะมีเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เอกชนมีค่าใช้จ่ายในการป้องกันดูแลสูงขึ้นโดย ATK ต้องซื้อไว้ตรวจพนักงานอย่างเพียงพอจึงเห็นว่ารัฐควรจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าวส่วนหนึ่งซึ่งคิดว่าเป็นเงินไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่รัฐต้องใช้เยียวยาซึ่งภาคเอกชนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยหากรัฐจะมีการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบโดยห้ามออกจากบ้าน หรือ Full Lockdown เพราะจะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ขณะนี้ก็ย่ำแย่อยู่แล้วและเศรษฐกิจไทยอาจต่ำสุดในภูมิภาค

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่ววว่า วัคซีนยังเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐต้องเร่งจัดหา รวมไปถึง ATK ที่เอกชนมองว่ารัฐควรจะช่วยเหลือเอกชนในส่วนนี้ และยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับ Full Lockdown เพราะหากไม่สามารถจัดวัคซีนแยกคนป่วยที่กลุ่มสุ่มเสี่ยงออกจากกัน ระบบสาธารณสุขเอาไม่อยู่ เศรษฐกิจก็พังลงได้เช่นกัน

‘โกฐจุฬาลัมพา’ สมุนไพรที่ต้องจับตามอง ล่าสุดผลวิจัยขั้นต้นพบ สามารถต้านเชื้อโควิดได้

กระแสการเลือกใช้ยาสมุนไพรเพื่อช่วยต้านโควิด-19 มีข่าวออกมาให้เห็นกันเรื่อย ๆ จากยาฟ้าทะลายโจร มาจนถึงกระชาย และล่าสุดกับ ‘โกฐจุฬาลัมพา’ ที่ล่าสุดนี้มีข่าวออกมาว่า มีการวิจัยในขั้นต้นว่าสมุนไพรชนิดนี้ช่วยต้านโควิด-19 ได้

โดยทางเพจ BIOTHAI (มูลนิธิชีววิถี) ได้ออกให้ข้อมูลว่า มีคณะนักวิจัยจาก Columbia University และ University of Washington สหรัฐอเมริกา ได้วิจัยพบว่า ‘โกฐจุฬาลัมพา’ สามารถต้านเชื้อโควิดได้ในห้องปฏิบัติการ ผลวิจัยดังกล่าว พบว่าสารสกัดโดยน้ำร้อนของสมุนไพรนี้มีฤทธิ์ยับยั้งโควิดได้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ของนักวิจัยในจีน และการส่งเสริมโดยประธานาธิบดีแห่งมาดากัสการ์

สารสกัดรวมของโกฐจุฬาลัมพา (โดยมีตัวอย่างหนึ่งเป็นใบแห้งมีอายุการเก็บมานานกว่า 10 ปี) มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเชื้อโควิด ซึ่งรวมทั้งสายพันธุ์แอฟริกา และอังกฤษ โดยนักวิจัยเชื่อว่าสารที่มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งไวรัสมรณะนี้นอกจากสาร artemisinin และองค์ประกอบแล้วน่าจะมาจากการทำงานของสารอื่น ๆ ในโกฐจุฬาลัมพาด้วย

ในบัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เดิม ตามประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้สมุนไพรโกฐจุฬาลัมพาในหลายตำรับ ได้แก่ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม ซึ่งมีปรากฏในตำรับ ‘ยาหอมเทพจิตร’ และตำรับ ‘ยาหอมนวโกฐ’ ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาอยู่ในพิกัดโกฐทั้งเก้าร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ

โดยมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืดตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และแก้ลมจุกแน่นในท้อง และในยาแก้ไข้ก็มีปรากฏในตำรับ ‘ยาจันทน์ลีลา’ และตำรับ ‘ยาแก้ไข้ห้าราก’ ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทาอาการไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู

ทั้งนี้ งานวิจัยเกี่ยวกับโกฐจุฬาลัมพาช่วยต้านโควิด-19 ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองในห้องปฏิบัติการ การจะเลือกใช้โกฐจุฬาลัมพา เป็นยาสมุนไพรช่วยต้านโควิดจึงต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ และติดตามผลการทดลองทั้งในไทยและต่างประเทศ

ในเบื้องต้น ทาง BIOTHAI แนะนำข้อควรระวังไว้ว่า ต้นโกฐจุฬาลัมพามีทั้งพันธุ์ดอกสีขาวและดอกสีแดง มีสรรพคุณทางยาเหมือนกัน สามารถนำมาใช้แทนกันได้ นอกจากนี้ ยังมีพันธุ์ดอกสีเหลือง ชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artemisia princeps Pamp ด้วย แต่พันธุ์นี้จะมีพิษ ถ้าใช้เกินขนาดก็อาจทำให้เสียชีวิตได้

การใช้ยา ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ควรใช้ตามคำแนะนำของหมอพื้นบ้าน และแพทย์แผนไทย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อตับไต หญิงตั้งครรภ์ หรือไข้เลือดออก


ที่มา : https://mgronline.com/travel/detail/9640000075833


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เมื่อทำเนียบขาว​ ก็สองมาตรฐานกับเขาเหมือนกัน!! | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ทำเนียบขาวสีเทา!! 
สะท้อนสองมาตรฐานการเมือง!! ที่คนไทยควรเรียนรู้และเท่าทัน... 
เมื่อรัฐบาลยุค​ 'โจ​ ไบเดน' ปกปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อ = ‘ไม่ผิด’
แต่ถ้าเป็นยุค 'โดนัลด์​ ทรัมป์'​ ปกปิด = ‘ไม่โปร่งใส’

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จุรินทร์ กำชับ ดึงประโยชน์ FTA ช่วยผู้ประกอบการส่งออก ลดต้นทุนการผลิต-การส่งออก นำรายได้เข้าประเทศ เพราะสถานการณ์นี้ประเทศต้องพึ่งพาส่งออกเป็นขาหลัก

วันที่ 3 ส.ค. นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดตามนโยบายด้านเขตการค้าเสรี หรือ Free Trade Area หรือ FTA ที่ประเทศไทยได้ประโยชน์ทั้งนี้เพื่อประกอบเป็นฐานข้อมูลสำหรับผู้ส่งออกในการหาตลาดที่เป็นประโยชน์และลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนการส่งออกได้นับจากนี้

นางมัลลิกา กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศที่ไทยมี FTA กับ 18 ประเทศ โดยในปี 2563 มีการค้ากับประเทศที่มี FTA รวม 276,005 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,044,703 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 63 ของการค้าไทยกับทั้งโลก สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 คือระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2564 การค้าของไทยกับประเทศคู่ FTA มีมูลค่ารวม 167,372 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,297,055 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เป็นการส่งออกไปประเทศคู่ FTA มีมูลค่ารวม 81,961 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว ร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563

ซึ่งในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมการค้ามีการขยายตัวในประเทศที่มีการทำ FTA โดยเฉลี่ยประมาณ 150-200% ในขณะที่ประเทศที่ไม่มี FTA มีการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 50-100%โดยการใช้สิทธิประโยชน์ผ่าน FTA ในปี 2563 มีมูลค่า 58,077.19 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 76.5 ของการส่งออก ที่ได้รับสิทธิ FTA

"ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 คือ มกราคม-เมษายน 2564 มีการขอใบรับรองเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออกด้วย FTA มูลค่า 23,082.45 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ ร้อยละ 74.91 ของมูลค่าการส่งออกของรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิ FTA เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ร้อยละ 18.09 และประเทศที่ไทยมีมูลค่าการส่งออกภายใต้สิทธิ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย" นางมัลลิกา กล่าว

อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลผู้ประกอบการทุกระยะเพื่อได้ใช้ประโยชน์ทางการค้าและเพิ่มตลาดส่งออกที่สำคัญ โดยในช่วงที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้ในฐานะประธานการประชุมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ Regional Comprehensive Economic Partnership หรือ RCEP ระหว่าง 15 ประเทศ

ประกอบด้วยกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และบวกอีก 5 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยที่ถือว่าเป็นความตกลงทางหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่า GDP 1 ใน 3 ของโลกและมีประชากรรวมกัน 1 ใน 3 ของโลก ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในการเปิดการค้าเสรีเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ห่วงโซ่มูลค่าการผลิตโลกเพิ่มสูงขึ้น ในส่วนนี้คาดว่าจะเริ่มต้นได้ในต้นปี 2565 จึงอยากเชิญชวนให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP โดยสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าใช้บริการของ RCEP Center ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยสอบถามข้อมูลผ่าน Call Center ที่หมายเลข 02-507-7555 รวมทั้งสามารถสืบค้นข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ www.dtn.go.th และเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ www.moc.go.th


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผย สปป. ลาว ยังไม่มีการพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่คนไทย 7 รายที่เข้าไปเก็บของป่า (เห็ด)

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกรณีคนไทย 7 ราย ถูกจับกุมตัว เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 เนื่องจากรุกล้ำแนวชายแดนไทย-สปป. ลาว เข้าไปเก็บของป่า (เห็ด) ในบริเวณพื้นที่ช่องทางธรรมชาติ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ตรงข้ามกับเมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก สปป. ลาว ว่า หลังคนไทยกลุ่มดังกล่าวถูกจับกุม ทางการ สปป. ลาวได้ประสานงานกับตำรวจชายแดน อ.โขงเจียม เพื่อตรวจสอบชื่อผู้ถูกจับกุมทั้ง 7 ราย

เมื่อทราบเรื่อง สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งรับผิดชอบเขตอาณาดังกล่าว ได้ประสานงานกับแขวงจำปาสักเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ถูกจับกุม และได้รับแจ้งเพิ่มเติมว่า ขณะนี้คนไทยทั้ง 7 คน อยู่ที่ศูนย์กักตัวหลัก 21 ของแขวงจำปาสัก โดยแผนกการต่างประเทศของแขวงจำปาสักได้มีหนังสือแจ้งการจับกุมคนไทยทั้ง 7 รายอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะกักตัวคนไทยทั้ง 7 ราย เป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของ สปป.ลาว ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมาย และส่งตัวกลับประเทศไทยต่อไป

"จากกรณีที่เป็นข่าวว่า สปป. ลาว ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่คนไทยทั้ง 7 รายนั้น จากการตรวจสอบกับฝ่าย สปป. ลาว ปรากฎว่า...ยังไม่มีการพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้คนไทยทั้ง 7 ราย ตามที่ปรากฏแต่อย่างใด ทางกระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ จะประสานงานกับแขวงจำปาสักในการให้ความช่วยเหลือ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คนไทยทั้ง 7 รายสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้โดยเร็ว" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุ


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/112088


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม'​ หนุนภาคเกษตรนครศรีธรรมราช​ เหมาผลไม้ 20 ตัน ช่วยชาวสวน ฝ่าวิกฤต Covid-19

(3 ส.ค. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานพบภายในบ้านใหญ่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้มีรถบรรทุกขนาดใหญ่​ ภายในรถคันดังกล่าวได้บรรจุผลไม้มาเต็มคันรถ คาดว่ามีจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 ตัน  หรือ (20,000 กิโลกรัม)

จากการสอบถามทราบว่า ภายในรถบรรทุกนั้น ได้มีการลำเรียงผลไม้มาเป็นจำนวนมากหลายชนิด โดยการสนับสนุนจาก​ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้ให้การสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวสวน โดยการเหมาสวนผลไม้ของพี่น้องชาวสวนจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 20 ตัน หรือ 20,000  กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้กำลังใจเกษตรกรชาวสวนทางภาคใต้ฟันฝ่าวิกฤต Covid-19

โดยนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม​ ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ผลไม้ทั้งหมดสั่งตรงมาจากสวนผลไม้ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดนครศรีธรรมราช  จำนวน 20 ตัน หรือ 20,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอุ้มพี่น้องเกษตรกรชาวใต้ ฟันฝ่าวิกฤต Covid-19 โดยผลไม้ทั้งหมดที่ช่วยเกษตรกรอุดหนุนมานั้น จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆ โรงพยาบาลสนาม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ และพี่น้องประชาชนในชุมชน 

นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ยังกล่าวต่ออีกว่า “เป็นเวลาที่พวกเรา ต้องช่วยกัน” อีกทั้งได้กล่าวถึงการอุดหนุนผลผลิตต่างๆ เช่น มังคุด, ส้มโอทับทิมสยาม, เงาะโรงเรียน และ ลองกอง  ด้วยการใช้งบประมาณส่วนตัวในการสนับสนุนซื้อผลไม้จากพี่น้องชาวสวน จำนวนกว่า 20,000 กิโลกรัม จากจังหวัดนครศรีธรรมราช

อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวใต้  และจะนำผลผลิตทั้งหมดส่งมอบให้กับพี่น้องประชาชนจังหวัดสมุทรปราการ แทนความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย รวมถึงประชาชนที่เดือดร้อนประชาชนที่ขาดรายได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 

โดยทางด้าน เกษตรกรผู้ปลูกไม้ผล ต่างขอบคุณในความมีน้ำใจที่คุณเอ๋ หรือนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้การสนับสนุนผลผลิตของพี่น้องชาวสวนทางภาคใต้ เเละยังเป็นการได้ระบายผลผลิตเพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการได้อีกด้วย  ซึ่งถือเป็นการให้ความช่วยเหลือได้อีกหนึ่งทาง

นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ยังได้กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ ด้วยโครงการวัคซีนชิโนฟาร์ม และโรงพยาบาลสนาม ของทาง อบจ. สมุทรปราการ ที่ประสบความสำเร็จนั้นเป็นเพียงมิติด้านเดียวในการทำงาน แต่ยังมีประชาชนพี่น้องของเราในจังหวัดสมุทรปราการและต่างจังหวัด ที่ยังรอคอยความช่วยเหลืออยู่ตนจึงพยายามผลักดันให้ทุกโครงการที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนนั้น สามารถดำเนินไปแบบควบคู่กันได้ในทุกมิติ

คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top