Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

‘โรม’ ห่วง ใช้ ‘แก๊สน้ำตา - กระสุนยาง’ เป็น ‘มาตรฐานปกติ’ คือการทำร้ายประชาชนเพื่อทำลายสิทธิเสรีภาพ ชี้ ศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับคำสั่ง ‘ห้ามเผยแพร่ความกลัว’ ของ ‘ประยุทธ์’ สะท้อน ขัดรัฐธรรมนูญและผิดจริยธรรม เตรียมยื่น ปปช.สอบ ตาม ม.234 สัปดาห์หน้า

ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงใน 3 ประเด็น ได้แก่ ความเห็นต่อมาตรการสลายการชุมนุมและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงเกินสัดส่วน เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ,ความเห็นต่อกรณีศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ประกาศฉบับ 29 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการบังคับใช้ และข้อสังเกตต่อคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 83 และมาตรา 91 ที่มีความเร่งรัดและไม่เป็นไปตามหลักการรัฐสภา

ทั้งนี้ รังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลรู้สึกผิดหวังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมการชุมนุมของประชาชนด้วยความรุนแรงและกังวลว่าความรุนแรงแบบนี้จะขยายตัวไปเรื่อยๆ จากที่ได้ติดตามมาตลอดพบว่าความรุนแรงของการควบคุมการชุมนุมมีความรุนแรงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ก่อนหน้านี้การฉีดน้ำแรงดันสูงหรือยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมยังไม่มากขนาดนี้ และการใช้กระสุนยางยิ่งไม่บ่อยนัก แต่ช่วงที่ผ่านมา การใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางกับผู้ชุมนุมเหมือนกลายเป็นมาตรฐานการควบคุมการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ไปเสียแล้ว

“เมื่อวานช่วงเที่ยง มีหลักฐานเป็นภาพเคลื่อนไหวว่า มีการใช้กระสุนยางกับคนในบริเวณนั้นซึ่งอาจแค่มารอการชุมนุมที่จะมีขึ้นในตอนบ่ายโมง คือยังไม่ทันทำอะไร แค่มารอและคนยังเบาบาง แต่กลับมีการควบคุมสถานการณ์และบีบพื้นที่เข้ามา ธรรมชาติของการชุมนุมที่มีคนหลายพันคน อาจมีคนหลายประเภทในนั้น จริงอยู่ว่าที่อาจมีบ้างที่เตรียมอุปกรณอย่างหนังสะติ๊กมาเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ แต่ก็มีคนจำนวนมากเช่นกันที่มีแค่กระดาษเพื่อมาเรียกร้องต่อรัฐบาลในความเดือดร้อนของเขาอย่างสันติ การใช้ความรุนแรงในการจัดการจึงทำให้เสียงของเขาเหล่านี้หายไปด้วยเช่นกัน”

รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนได้ไปสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดบริเวณดินแดง เชื่อว่าภายในหนึ่งนาที มีการยิงแก๊สน้ำตาไม่ต่ำกว่า 3 ลูก จำนวนหนึ่งไปตกอยู่บริเวณบ้านเรือนใกล้เคียงที่ชุมนุมและปั๊มน้ำมัน สะท้อนว่าเป็นการยิงดะโดยไม่สนว่าผู้ชุมนุมมีพฤติการณ์รุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้ ตามมาตรฐานในการควบคุมการชุมนุมที่ควรเป็น อุปกรณ์เหล่านี้ควรใช้กับต่อกรณีที่เผชิญกับพฤติการณ์รุนแรงจริงๆ เช่น มีการฝ่าไปจะทำร้ายเข้าหน้าที่ แต่การใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกิดขึ้นคือการใช้เพื่อทำลายการชุมนุมซึ่งเป็นเสรีภาพประชาชน ขอย้ำว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหาในกรณีที่ประชาชนออกมาเรียกร้องเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากรัฐบาล ทางออกที่ดีที่สุดก็คือการตอบโต้ด้วยการทำงานให้มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด หรือไม่การลาออกก็เป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งในการแก้วิกฤตการเมืองได้ อย่าใช้เจ้าหน้าที่เป็นเครื่องมือทำร้ายประชาชน เพราะเรารู้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ถูกฝึกในการรับมือสถานการณ์อย่างถูกต้องมาแล้ว เราอยากเห็นความอดกลั้น ซึ่งในส่วนผู้ปฏิบัติหน้าที่ชั้นผู้น้อยก็พอเห็นความพยายามอยู่ แต่ในส่วนผู้อยู่ในตำแหน่งและมีอำนาจตัดสินใจก็มีคำถามว่าเหมือนจะต้องการให้บานปลายหรือไม่ 

ประเด็นที่สอง การออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่อนุญาตให้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับรู้ข่าวสารของประชาชน ล่าสุด ศาลแพ่งได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่มีประเด็นสำคัญสองประเด็น คือ หนึ่ง การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะเกินความจำเป็นต่อสถานการณ์ สอง คือการไม่มีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ตัดอินเทอร์เน็ตได้ ดังนั้น ในสัปดาหหน้า พรรคก้าวไกลจะรวบรวมหลักฐานเพื่อทำคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช.) ตาม มาตรา 234 อนุ 1 ตามรัฐธรรมนูญเพื่อเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยรายละเอียดของมาตรานี้ว่าด้วย ปปช. มีหน้าที่และอํานาจไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหาว่าผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ หรือผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อดําเนินการต่อไปตามรัฐธรรมนูญหรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งกรณีนี้เห็นได้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดที่ศาลวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และยังมีความผิดในเรื่องจริยธรรม เช่น ข้อที่ 7 ต้องถือผลประโยชน์ประเทศชาติเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งการห้ามกระทั่งการเผยแพร่ข่าวจริงจึงเป็นการกระทำที่อาจจะเกินเลยกว่าผลประโยชน์ของชาติ หรือข้อที่ 12 จะ ต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรม เป็นต้น

ทั้งนี้ รังสิมันต์ กล่าวว่า หาก ปปช.วินิฉัยว่ามีมูล จะต้องดำเนินต่อตาม มาตรา 235 หากเป็นการผิดจริยธรรมร้ายแรงต้องส่งต่อเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัย แต่หากผิดจริยธรรมไม่ร้ายแรงต้องส่งต่อไปยังอัยการสูงสุดเพื่อส่งต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และหากมีการรับเรื่องไว้พิจารณา พล.อ.ประยุทธ์ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

ประเด็นที่สาม ความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  รังสิมันต์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณา 13 ฉบับ ปรากฏว่า
มีเพียงฉบับเดียวที่ผ่านการรับหลักการของสภาในวาระที่ 1 คือ ร่างที่เสนอมาโดยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งระบุในหลักการอย่างชัดเจนว่า เพื่อแก้ 83 และ 91 โดยทั้งสองมาตราไม่ใช่การแก้เรื่องระบบเลือกตั้งทั้งหมด 

“ปรากฏว่าในกระบวนการพิจารณาชั้น กมธ. ผมซึ่งอยู่ในกมธ.ด้วย สังเกตว่ามีความพยายามเร่งรัดเพื่อแก้รัฐธรรมนูญอย่างรวดเร็วจนผิดปกติ โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธาน กมธ. ต้องการพิจารณาให้เสร็จในสัปดาห์นี้ ในสถานการณ์โควิดที่ประชาชนกำลังลำบากกลับไม่พบว่าประชาชนจะมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้รฐธรรมนูญได้เลย ทั้งที่เรื่องระบบเลือกตั้งซึ่งก็คือการกำหนดว่าเขาจะได้รัฐบาลแบบไหนมาบริหาร ประชาชนก็ควรมีสิทธิ มีปากมีเสียงในการแสดงความเห็นว่าเขาต้องการเห็นระบบอะไร เราเห็นแต่การรวบรัดโดยไม่สนใจขั้นตอนปฏิบัติ เป็นการแก้รัฐธรรมนูญในแบบที่คนไม่กี่คนมาสุมหัวกันโดยประชาชนไม่มีสิทธิอะไร ที่สำคัญก็คือคนที่แก้ต้องการให้ผลลัพธ์ที่ออกมาตรงกับ ร่างที่สภามีมติไม่รับหลักการไปแล้ว หากเป็นแบบนี้กลไกสภาและสิทธิประชาชนอยู่ตรงไหน จึงอยากให้จับตาว่ารัฐธรรมนูญจะมีหน้าตาอย่างไรต่อไป เพราะในสัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์ของการแก้รัฐธรรมนูญ”

“รองโฆษกพปชร.” ชง “นายกฯ”ปรับครม. โยก “บิ๊กป็อก” นั่งคุมสธ. ให้ “อนุทิน”เป็นมท.1

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดในขั้นรุนแรง ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสูงสุดติดต่อกันเกือบทุกวัน จนทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งขาดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการสถานการณ์ จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พิจารณาปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีในการบริหารงานของรัฐบาลใหม่ โดยสลับให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย รมว.มหาดไทย มาเป็นรมว.สาธารณสุข เนื่องจากบุคลิกการทำงานที่เป็นผู้นำ มีความเด็ดขาดของทหาร สามารถสั่งการ ทั้งเรื่องของควบคุมการแพร่ะระบาดโควิด การตรวจเชื้อเชิงรุก และการจัดสรรวัคซีน และทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายไปได้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์การควบคุมโควิด-19 ที่จะต้องรัดกุม และเด็ดขาด ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข เหมาะสมที่จะเป็นรมว.มหาดไทย เนื่องจาก นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาแล้ว สามารถถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานได้ รวมทั้งประสบการณ์ของนายอนุทิน ซึ่งเคยบริหารบริษัทเอกชนมาแล้ว จะสามารถนำมาปรับใช้กับรูปแบบการบริหารในส่วนของการปกครองที่จะต้องกระจายอำนาจให้กับส่วนภูมิภาคได้ 

ทั้งนี้ตนเสนอในนามส.ส.มีหน้าที่ดูแลประชาชน และเห็นว่าควรมีการปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อให้ การดูแลและแก้ไขสถานการณ์โควิดในปัจจุบันสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ต่อการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาลได้มากยิ่งขึ้น

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประณามผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่ออกมาเคลื่อนไหว ม็อบ 7ส.ค.

ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีการก่อเหตุรุนแรงก่อน มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำลายทรัพย์สินของราชการ  และมีความผิดกฎหมาย ทั้งพ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ตามขั้นตอน   นอกจากนี้ตำรวจยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 คน พร้อมของกลาง ประกอบด้วย พลุไฟ สิ่งเทียมวัตถุระเบิด, หัวน็อต , หนังสติ๊ก, วิทยุสื่อสาร, เกราะอ่อนพลาสติก รวมถึงหมวกนิรภัย และหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา น้ำเกลือจำนวนมากจึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ตั้งใจเคลื่อนไหวที่จะมาเรียกร้องตามข้อเรียกร้อง แต่เป็นการเตรียมตัวมาเพื่อที่จะสร้างความรุนแรงวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง 

“ขอเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมหากจะออกมาเคลื่อนไหว ทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน และเพื่อสร้างความรุนแรงตามใบสั่งของแกนนำม็อบและนายทุนที่สนับสนุน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องบังคับและทำตามกฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุม หรือแม้แต่ผู้ที่สนับสนุนผู้ชุมนุมโดยเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หรือแม้แต่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ไม่ควรออกมาเรียกร้องเช่นเดียวกันว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ  ใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม และจะต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับผู้ชุมนุมถ้าตรวจสอบพบหลักฐานว่ามีการสั่งการเชื่อมโยงกับม็อบกลุ่มนี้จะเจ้าหน้าที่ไม่ปล่อยให้ลอยนวลเด็ดขาด”นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า หากนายธนาธร จึงรุ่งเรื่อวกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แน่จริงก็ไม่ควรที่จะหลอกใช้เยาวชน หรือเป็นอีแอบ อยู่เบื้องหลังเยาวชนในการเคลื่อนไหว เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองเท่านั้น ทั้งนี้ มองว่าการที่นายธนาธร และนายปิยบุตร ไม่กล้าออกมา เพราะอาจไม่อยากรับผิดชอบในเรื่องใด แต่อยากได้ประโยชน์จากเยาวชนกลุ่มนี้” 

"พี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีคนไทยส่วนใหญ่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมม็อบก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันกลุ่มนี้ ใช้ความรุนแรงอย่างป่าเถื่อนใช้อาวุธหนังสติ๊กลูกเหล็ก ระเบิดไฟ ระเบิดเพลิง ปะทัดยักษ์ระเบิดปิงปอง และอาวุธสารพัดชนิด ถล่มใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนัก จนได้รับบาดเจ็บหลายนายบางคนบาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด พฤติกรรมเช่นนี้นายธนาธรยังกล้าออกมาพูดว่า ม็อบสู้สองมือเปล่า มีความคิดสร้างสรรค์เป็นอาวุธ นายธนาธรช่างกล้าออกมาพูด ไม่อายปากตัวเอง ยิ่งพูดยิ่งทำให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนมากขึ้นว่า นายธนาธรจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังวางแผนเกี่ยวข้องกับม็อบกลุ่มนี้ คงไม่ต้องเป็นอีแอบอีกต่อไป ตนก็ขอท้านายธนาธร นายปิยะบุตร แน่จริงอย่าเป็นนักปั่น ยุยงอยู่เบื้องหลัง ให้ออกมาเป็นแกนนำม็อบเหล่านี้ให้ชัดเจนไปเลย อย่าเกาะหลังเด็กหากินกับเด็ก ให้ออกไปสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง นิสัยประเภทนี้เขาไม่เรียกว่า ลูกผู้ชายตัวจริง ประเภทพวกหนักแผ่นดินคิดร้ายต่อบ้านเมือง ทำลายประเทศชาติมากกว่า" นายเสกสกลกล่าว

แจงประเด็นโซเชียลมีเดียวิจารณ์ “อนุทิน” กรณีมอบวัคซีนไฟเซอร์จังหวัดนครสวรรค์ “ยัน”เกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน  

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่โซเชียลมีเดียนำภาพซึ่งระบุว่ามาจากงานภารกิจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลท่าตะโก อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มาโพสต์พร้อมระบุข้อความว่ารองนายกรัฐมนตรีเคลมว่าวัคซีนไฟเซอร์เป็นผลงานของตนเองนั้น เป็นการแสดงข้อความที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงและทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด  

ข้อเท็จจริงคือรองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจการทำงานแก่เจ้าหน้าที่ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งพร้อมกับการลงพื้นที่ก็ได้มีการตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐฯ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครสาธารณสุขและบุคลากรด่านหน้าในพื้นที่ด้วย ส่วนการจัดเตรียมป้าย หรือข้อความต่างๆ ก็จัดโดยเจ้าหน้าที่ในจังหวัด ซึ่งจากการตรวจสอบก็ไม่พบข้อความที่มีการส่งต่อข้อความที่มีการส่งต่อทางโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด  

“ในการลงพื้นที่จังหวัดหวัดนครสวรรค์ นอกจากรองนายกฯอนุทินแล้ว ยังมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมควบคุมโรคร่วมเดินทางด้วย ซึ่งภารกิจของการลงพื้นที่คือการไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ติดตามการดำเนินงานการควบคุมและแพร่ระบาดของโรคโควิด19  จากการสอบถามในคณะผู้ลงพื้นที่ ก็ไม่มีใครเห็นข้อความใดที่มีการส่งต่อในโซเชียลมีเดีย ก็ยังสงสัยเช่นกันว่าข้อความนั้นอยู่ส่วนใดของงาน” น.ศ.ไตรศุลี กล่าว  

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หากเป็นการวิจารณ์บนข้อมูลและเป็นความจริง และเพื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนทำได้อยู่แล้ว  แต่ขอความร่วมมืออย่าสร้างและส่งต่อข้อมูลที่ก่อความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่จะกระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ที่เป็นด่านหน้าปฏิบัติงานอย่างหนัก  โดยเป้าหมายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเวลานี้คือการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่  

"พรรคกล้า" เดินหน้าเปิด "ศูนย์กล้าดูแล" พร้อม "กรณ์"  แนะให้ทีมแพทย์ชนบท ผู้ป่วยกักตัวที่บ้าน เสี่ยงระบาดในครอบครัว เปิดศูนย์พักคอยชุมชน "อรรถวิชช์" เร่งเยียวยากลุ่มประกันสังคมตกหล่น เสนอสมาชิกประกันสังคมพื้นที่สีแดงเข้ม ทุกคนต้องได้รับการเยียวยา

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรรกล้า พร้อมทีมกล้าอาสา ร่วมมือกับชุมชนจรัญสนิทวงศ์ 25 เปิดศูนย์กล้าดูแล แห่งที่ 6 ที่สวนสิรินธราพฤกษาพรรณ เป็นศูนย์พักคอยแยกตัวผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัวและชุมชน ซึ่งเป็นโครงการที่พรรคกล้าสนับสนุนให้เกิดในชุมชนต่าง ๆ ต่อเนื่อง และมีแผนร่วมมือกับชุมชนเปิดศูนย์ในต่างจังหวัดด้วย 

นายกรณ์ กล่าวว่า ระหว่างการลงพื้นที่มีโอกาสได้คุยกับทีมแพทย์ชนบท ที่อาสามาตรวจเชิงรุกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งตรวจไปได้แล้วกว่า 3 หมื่นคน โดยเป็นการตรวจทั้ง Rapid Antigen Test และ RT-PCR โดยคนที่ติดเชื้อก็จะได้รับยา ส่วนคนที่ยังไม่ได้ติดเชื้อก็จะได้รับวัคซีน แต่ปัญหาขณะนี้คือเมื่อตรวจเสร็จแล้ว ผู้ป่วยก็ต้องกลับไปเข้าระบบ Home isolation กักตัวที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่บ้านไม่ได้เหมาะสำหรับการกักตัว มีโอกาสแพร่เชื้อให้กับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงควรมีพื้นที่รองรับเป็นศูนย์พักคอยชุมชน อย่างที่พรรคกล้าร่วมมือกับชุมชนเปิดศูนย์กล้าดูแล เพื่อตัดวงจรการแพร่เชื้อในชุมชน จึงอยากรณรงค์ให้ทุกชุมชนจัดตั้งศูนย์พักคอยลักษณะเดียวกันนี้ โดยพรรคกล้าพร้อมสนับสนุน 

ขณะที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงการเยียวยากลุ่มคนทำงานในกองทุนประกันสังคมที่ตกหล่นว่า ความเร็วเป็นหัวใจสำคัญในการเยียวยา แต่ขั้นตอนของส่วนราชการยุ่งยาก ประมวลข้อมูลได้ไม่ดี การจ่ายเงินจึงไม่ทันกับความเดือนร้อน จึงเสนอให้รัฐบาลใช้หลักการง่าย ๆ ว่า สมาชิกประกันสังคม “ทุกคน!” ใน "เขตพื้นที่สีแดงเข้ม" ใครเป็นลูกจ้างประจำและยังไม่ออกจากงาน รับ 2,500 บาท กรณีอื่นรวมถึงอาชีพอิสระรับ 5,000 บาทเต็ม เร็ว ง่าย ไม่มั่ว ทั่วถึง ตรงเป้า 

วันนี้พรรคกล้า ยังเปิดศูนย์กล้าดูแลที่ต่างจังหวัดด้วย โดยผศ.ดร.เอราวัณ ทัพพลี ผู้อำนวยการพรรคกล้า ลงพื้นที่เปิดศูนย์กล้าดูแล ที่จังหวัดหนองคาย อีก 4 แห่ง เช่นเดียวกัน รวมขณะนี้พรรคกล้าร่วมมือสนับสนุนชุมชนเปิดศูนย์กล้าดูแลไปแล้ว 10 แห่ง และเตรียมร่วมมือกับชุมชนต่าง ๆ เปิดศูนย์ต่อเนื่อง

รัสเซียแทรกกลาง 'จีน-สหรัฐฯ'​ เดินหน้าผูกมิตร ASEAN จริงจัง | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ชวนคิด​ หมีขาวขอคั่ว ‘ขั้วที่ 3’
เมื่อรัสเซียเดินหน้าผูกมิตร ASEAN 
โฉบความสัมพันธ์ออกจากอก ‘จีน-สหรัฐฯ’

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นฤมล มอบข้าวกล่องชุมชนดินแดง-ห้วยขวาง บรรเทาความเดือดร้อน สู้ภัยโควิด-19

รมช.แรงงาน เดินหน้าแจกข้าวกล่องในพื้นที่เขตดินแดง-ห้วยขวาง ร่วมบรรเทาความเดือดร้อน และกำลังใจให้พี่น้องแรงงาน ฝ่าวิกฤติโควิด-19

ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มอบหมายให้ทีมงานเดินสายมอบข้าวกล่องเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ได้แจกข้าวกล่องไปแล้วเกือบ 20,000 กล่อง โดยมุ่งช่วยเหลือพี่น้องแรงงานในแคมป์คนงานก่อสร้าง บุคลากรทางการแพทย์ทั้งที่ประจำอยู่โรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนามสนาม หน่วยงานจิตอาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงประชาชนที่อยู่ชุมชนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะครอบครัวที่ตกงาน ไม่มีรายได้ การได้รับข้าวกล่อง 1 มื้อสำหรับ 1 ครอบครัว ก็เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการทำอาหารได้ 1 มื้อ ทำให้เห็นว่าข้าวกล่องที่ไปถึงมือผู้รับสามารถช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อวานนี้ (7 สิงหาคม 2564) ได้นำข้าวกล่องมอบให้แก่ผู้ประสานงานชุมชนในเขตดินแดงและเขตห้วยขวาง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในชุมชน กระจายไปยังชุมชนดรุณ (ประชาสงเคราะห์16) ชุมชนนาทอง ชุมชนบึงพระรามเก้า และชุมชนประชาอุทิศ 18 และในวันนี้จะได้กระจายเพิ่มเติมไปยังชุมชนทินกร ชุมชนโค้งผาสุก ชุมชนอินทามระ 51 ชุมชนโรงปูน(ต้นสน) ชุมชนเพชรพระราม และชุมชนลาดพร้าว 80

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ในต่างจังหวัด ขณะนี้หน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในภูมิภาค ได้รับการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย เช่น สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ เข้าร่วมการตรวจบูรณาการร่วมกันในการตรวจแนะนำเพื่อสร้างการรับรู้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานประกอบกิจการ โดยเฉพาะกลุ่มสถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของลูกจ้าง สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดกระบี่ ได้รับมอบพัดลมจากเครือข่ายสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ สมาคมเชฟ ชมรมบริหารจัดการอาหารและเครื่องดื่ม ทีมวิทยากรและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน เพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 3 ของจังหวัดกระบี่ จำนวน 72 ตัว และในบางจังหวัดยังได้จัดส่งทีมช่างไฟฟ้าช่วยเดินสายไฟฟ้าให้แก่โรงพยาบาลสนาม เป็นต้น

“ขอบคุณในน้ำใจของทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ในส่วนของกระทรวงแรงงานจะยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องแรงงานตลอดจนประชาชนทุกคน ให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปพร้อมกัน” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

“จุรินทร์”เผย เรียกประชุมล้ง-ผู้ว่าฯ3 จว.แก้ปัญหามังคุดตกต่ำ ราคาพุ่ง 13-15 บ.แล้ว ซัพพลายเออร์ ทำสัญญารับซื้อแล้ว 2 หมื่นตัน ยันไข่ไก่ในปท.ไม่ขาด แม้ราคาพุ่งสูง ขอปชช.อย่ากักตุนสินค้า สั่งตรวจสอบค้ากำไรเกินควรเอาผิดจำคุก 7 ปี -ปรับ1.4 แสน

ที่ห้างแม็คโคร สาขาสามเสน บางกระบือ ถนนสามเสน กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ถึงการแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ โดยการดึงห้างสรรพสินค้าเข้ามามีส่วนร่วมจะสามารถช่วยดึงราคาได้มากน้อยแค่ไหน ว่า ห้างสรรพสินค้าที่ช่วยนำมังคุดจากภาคใต้ที่ออกเยอะในขณะนี้ มาช่วยขายในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศรวมทั้งกรุงเทพฯ เพราะถือว่ามีส่วนช่วยมากเนื่องจากถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยระบายตลาดภายในประเทศและช่วยให้ราคาหน้าสวนที่เกษตรกรขายได้ราคาดีขึ้น  ซึ่งการรับซื้อหน้าสวนอาทิ มังคุดคละกิโลกรัมละ 17 บาท แต่ในภาพรวมเราไม่ได้ใช้ช่องทางส่งเสริมการขายของเกษตรกรในประเทศเฉพาะส่งในห้างสรรพสินค้า แต่ห้างสรรพสินค้าเป็นช่องทางหนึ่งที่ต้องขอขอบคุณ ทั้งนี้ยังมีหลายฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ เช่นภาคเอกชน ปั้มปตท. และปั้มบางจาก ซึ่งหากประชาชนไปเติมน้ำมันก็จะมีมังคุดแถมฟรีด้วย นอกจากนี้บริษัทไปรษณีย์ไทยร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ในการช่วยเป็นช่องทางระบายมังคุด จากเกษตรกรโดยตรงส่งไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยส่งผ่านไปรษณีย์ และกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในสนับสนุนกล่องที่จะบรรจุมังคุดให้ฟรีไว้ที่ไปรษณีย์

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้หัวใจสำคัญที่สุดอีก 2 มาตรการที่มีผลให้มีการรับซื้อมังคุดเพิ่มขึ้นในปริมาณที่มาก คือ 1.กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการเชิงรุกตั้งแต่ต้นมือในการนำห้างสรรพสินค้าและซัพพลายเออร์ต่างๆที่ไปช่วยรับซื้อมีการทำสัญญาล่วงหน้า เพื่อซื้อมังคุดจากเกษตรกรซึ่งขณะนี้สามารถทำสัญญาไปแล้ว 20,000 ตัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ใหญ่มาก ที่จะช่วยระบายมังคุดในราคาที่เกษตรกรพอใจ ตั้งแต่ก่อนมังคุดภาคใต้ออก และ 2.การที่จะต้องมีล้งเข้าไปรับซื้อในพื้นที่เพราะถ้าไม่มีเกษตรกรจะต้องขายเองตามช่องทาง  ย้ำว่าล้งสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ล้งที่เข้าไปซื้อในพื้นที่ภาคใต้มีปัญหามาก เพราะตอนที่มังคุดออกในภาคตะวันออกล้งเต็มไปหมดในพื้นที่ช่วยให้เกษตรกรขายมังคุดได้ราคาดีมาก เช่น มังคุดคัดเกรดกิโลกรัมละ100-200 บาทโดยเฉลี่ย แต่พอมังคุดในพื้นที่ภาคใต้ออกตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา  ปรากฏว่าเป็นช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ทำให้ล้งที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งหมดส่วนใหญ่ลงไปรับซื้อในพื้นที่ภาคใต้ไม่ได้  ซึ่งในช่วงนี้ราคาเหลือ 5-7 บาท ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนมาก 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ขณะนั้นมีล้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพียง 40-50 ล้งเท่านั้น แต่หลังจากที่ตนเรียกประชุมล้งทั้งประเทศเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร และผู้ว่าจังหวัดจันทบุรี มาพูดคุยกันปรากฏว่าทั้ง 3 จังหวัดพร้อมบริการเคลื่อนย้ายล้งจากจันทบุรีไปในพื้นที่ภาคใต้และเคลื่อนย้ายแรงงานตามไปด้วย ขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานตนและอธิบดีกรมการค้าภายในว่ามี 200 กว่าล้งแล้ว  ฉะนั้นทำให้การระบายมังคุดลื่นไหลขึ้นและราคามังคุดคละเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 4-7 บาท ซึ่งตอนนี้ขึ้นไปในราคา 13-15 บาทแล้ว ยืนยันว่าเราจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป หวังว่ามาตรการทั้งหมดจะช่วยผ่อนคลายได้ และที่สำคัญจะต้องขอความร่วมมือจังหวัดที่มีการขนส่งมังคุดกระจายไปยังทั่วประเทศ ให้มีการอำนวยความสะดวกรถบรรทุกที่ขนมังคุดให้สามารถผ่านด่านได้โดยสะดวกด้วย ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องปฏิบัติตามของแต่ละพื้นที่

เมื่อถามว่า ในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภคได้มีการเตรียมมาตรการรองรับแล้วหรือไม่นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นประเด็นที่เมื่อมีการล็อกดาวน์ในช่วงแรกประชาชนอาจจะตื่นตระหนกและกังวล ทำให้สินค้าขาดแคลน แต่ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายลงได้บ้าง ผู้บริโภคเริ่มเรียนรู้และเข้าใจว่าไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะขาดแคลน ซึ่งไข่ไก่ที่กังวลว่าจะขาดแคลน ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีสถานการณ์ที่ขาด ยกเว้นช่วงเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเติมสินค้าไม่ทันแต่โดยภาพรวมไข่ไก่เฉลี่ยทั้งประเทศยังมีเพียงพอและถ้าหากขาดแคลนจริง กระทรวงพาณิชย์จะมีมาตรการในการเข้ามาแก้ปัญหาซึ่งขอยังไม่พูดในตอนนี้ เพราะจะสร้างความตื่นตกใจ และราคาไข่ไก่เบอร์ 3 ตอนนี้ฟองละ 3 บาท 50 สตางค์ ถือว่าสูงกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ถือเป็นช่วงฤดูกาลด้วยที่จะมีผลกับกลไกตลาด แต่เราก็พยายามดูอยู่ว่าถึงขั้นค้ากำไรเกินควรหรือไม่ถ้าหากว่ามีการค้ากำไรเกินควรในสินค้าตัวใดก็ตามตนสั่งการพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดไปแล้วว่าต้องใช้มาตรา 29 ที่ระบุว่า ใครค้ากำไรเกินควรจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสินค้าจะต้องติดป้ายแสดงราคาถ้าไม่ติดป้ายจะปรับ 1 หมื่นบาท

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนเนื้อไก่ราคาอยู่ในช่วงที่ถือว่าลดลงกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะราคาน่องไก่ติดสะโพกกิโลกรัมละ 60 บาท หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 118-119 บาท แต่เมื่อเทียบกับหลายเดือนที่ผ่านมาที่กิโลกรัมละ 150- 170 บาทตอนนี้ถือว่าราคาลดลงมา ยืนยันว่าอย่ากังวลและอย่าซื้อสินค้ากักตุน ส่วนได้มีการประสานห้างสรรพสินค้าขอความร่วมมือเพิ่มสต๊อกในการสต๊อกสินค้าให้เพียงพอนั้น กรมการค้าภายในได้ประสานงานมาโดยตลอดถ้าติดขัดตรงไหนกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยเหลือดูแล แต่ประเด็นสำคัญที่เกินกำลังกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเดียวที่จะเข้าไปแก้ไขคือแรงงานสินค้าอุปโภคและบริโภค ซึ่งภาพรวมจะต้องเข้ามาช่วยดู รวมทั้งการสัญจรที่ทุกจังหวัดจะต้องเข้ามาอำนวยความสะดวกให้สินค้าอุปโภคและบริโภคสามารถข้ามแดนจังหวัดได้โดยสะดวกถ้าหากติดขัดมากของอาจจะเน่าเสียหรือส่งไปยังจุดกระจายสินค้าล่าช้าลงได้

“โจ้ ยุทธพงศ์” กัด “เรืองไกร” ไม่ปล่อย ขอ “ชวน” สอบเบนซ์หรู ก่อนบรรจุ งบ65 วาระ 2-3 อัด “อาคม” ไม่ยอมสอบเรื่องนี้ ระวังโดนม. 144 ด้วย

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี และน.ส.ชนก จันทร์ทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว

โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เรื่องรถเบนซ์ ของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการ(กมธ.)ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565  สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ เคยให้สัมภาษณ์เอง ว่า จริงๆ นายเรืองไกรอยากได้เงิน 30 ล้านบาท แต่อีกฝ่ายให้เป็นรถหรูราคา 5 ล้านบาทมาแทน ขณะเดียวกันนายเรืองไกรก็ยอมรับว่าถูกผู้ใหญ่ใจดีเฉ่งปมรถหรู เรื่องนี้เป็นข่าวที่นายเรืองไกรให้สัมภาษณ์เอง ปัญหาคือ นายเรืองไกรได้รับรถเบนซ์คันนี้มาขณะมีตำแหน่งเป็นกมธ.งบประมาณ มีหน้าที่พิจารณา และปรับลดงบประมาณต่างๆ ดังนั้น ตนจึงทำหนังสือร้องไปยังนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.งบประมาณปี 65  ให้ตรวจสอบนายเรืองไกร ตามมาตรา 144  แต่ผลปรากฎว่านายอาคมกลับไม่ดำเนินการตรวจสอบ แต่มีหนังสือไปถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบนายเรืองไกร  

“ผมมองว่าไม่ถูกต้องเพราะนายอาคมเป็นประธาน กมธ.ฯและเรื่องของนายเรืองไกรเกิดใน กมธ.ฯ นายชวนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย นายอาคมทำไมจึงไม่สอบเอง การที่ไม่ยอมสอบเองนี้นายอาคมอาจจะผิดมาตรา 144 ด้วย”นายยุทธพงศ์ กล่าว 

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนได้มีหนังสือไปถึงนายชวน ลงวันที่ 30 ก.ค. 64 ด้วยว่าก่อนบรรจุวาระร่างพ.ร.บ.งบ 65 ในวาระ 2 และ 3 ขอให้ตรวจสอบเรื่องนี้กับนายอาคมก่อน ว่ารถถเบนซ์หรูนี้ได้มาอย่างไร มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการพิจารณางบประมาณของ กมธ.หรือไม่ และนายเรืองไกรต้องบอกมาว่าผู้ใหญ่ใจดีที่ให้รถเบนซ์หรูคนนั้นคือใครเพราะนายเรืองไกรบอกว่า ใหญ่กว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ไม่เช่นนั้นการพิจารณางบฯ 65 อาจมีการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ได้

“ยุทธพงศ์” เตรียมชงชื่อ “บิ๊กป้อม” ขึ้นเขียงซักฟอก ต่อหน.พท.พรุ่งนี้

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีกการยื่นญัตติในวันที่ 16 ส.ค.นั้น คนที่จะถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจคือแน่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข โดยประเด็นที่ตนจะยกเป็นนำจิ้มคือ กรณีพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่เป็น รมว.กลาโหม เพราะกองทัพบกได้ขอเงินจากสภาฯจัดหายานยนต์สายสรรพาวุธ จำนวน 921 ล้านบาท เมื่อสภาฯอนุมัติไปแล้วแทนที่จะนำไปซื้อรถใหม่ กลับมีการเปลี่ยนแปลงงบฯเป็นเอาไปซ่อมรถ M35 ค่าซ่อมคันละ 2.5 ล้านบาท ขณะที่บริษัทซ่อมรถดังกล่าวที่เสนอราคามาแล้ว คือ บริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด เรื่องนี้มีความผิดปกติ เพราะขอสภาฯซื้อรถใหม่ แต่กลับเอาเงินไปซ่อมรถเก่าที่ใช้มากว่า 40 ปี และไม่มีการผลิตอะไหร่แล้ว ต้องไปเอาอะไหร่เก่าจากประเทศเกาหลีมาซ่อม ซึ่งพล.อ.ประยุทธเป็นผู้เซ็นต์เสนอเรื่องนี้เข้า ครม. 

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่าในวันที่9 ส.ค. นายสมพงศ์ อมรวิวัฒน์ ส.สงเชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เชิญตนในฐานะรองหัวหน้าพรรคให้เข้าพบเวลา 13.00 น. โดยตนเตรียมเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะผู้ให้กำเนิดเรือดำน้ำในประเทศไทยตอนที่ยังเป็น รมว.กลาโหม ให้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ซึ่งตนมีข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของประทรวงกลาโหมจำนวนมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top