Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

หม้อแปลงต้านทานน้ำ สูง 3 เมตร IoT 'การไฟฟ้านครหลวง - เจริญชัย' เทคโนโลยี ล้ำสมัยผลิตภัณฑ์รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติไทย อันดับ 1 ( NiA ) เสริมสร้าง ทัศนียภาพ และความปลอดภัย อุทกภัย ,อัคคีภัย ความมั่นคงระบบไฟฟ้า ให้กับ กรุงเทพมหานคร

(4 ธ.ค.67) นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ต้อนรับคณะผู้บริหารการไฟฟ้านครหลวง (งานระบบสายไฟฟ้าใต้ดิน) ที่ให้เกียรติเยี่ยมชมหม้อแปลง ใต้น้ำโลว์คาร์บอน (Submersible Transformer Low Carbon) เทคโนโลยีชั้นนำ ผลิตภัณฑ์รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติอันดับ 1 ( NiA ) “ด้านประหยัดพลังงาน อนุรักษ์พลังงาน เสริมสร้างความมั่งคง ระบบไฟฟ้า เทคโนโลยีแบบ IoT”  

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ทำการทดสอบการต้านทานน้ำสูง 3 เมตร ตามมาตรฐานสากล IEEE Std C57. 12.24-2009 ให้ทางคณะผู้บริหารการไฟฟ้านครหลวงได้เห็นการทดสอบเพื่อให้เกิดความั่นใจในผลิตภัณฑ์ก่อนติดตั้งจริงในโครงการติดตั้งทดลองใช้งานหม้อแปลงจำหน่ายชนิดใต้น้ำในบ่อพักสายไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง 

โดยหม้อแปลงดังกล่าวผ่านการทดสอบและติดตั้งใช้งานจริงเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ปี การันตีด้วยรางวัลนวัตกรรม หม้อแปลงใต้น้ำมีประโยชน์ต่อสังคมและประชาชน แก้ไขปัญหาความเสี่ยงด้านอัคคีภัย, ความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุต่อประชาชนและพนักงาน, ส่งเสริมการท่องเที่ยว (ค้าขาย), รองรับการเติมโตทางเศรษฐกิจ, ทัศนียภาพสวยงาม, ระบบไฟฟ้ามั่นคงเสถียรภาพ, ลดค่าใช้จ่ายการตัดต้นไม้, ลดคาร์บอนไดออกไซด์ สามารถเพิ่มพื้นที่การปลูกต้นไม้, ติดตั้งและบำรุงรักษาง่าย, เสริมสร้าง Smart city ระบบสายใต้ดินให้พลังงานมั่นคงและยั่งยืนร่วมถึงส่งผลดีต่อคนที่เดินทางเท้า ฟุตบาท เนื่องจากไม่มีสิ่งกีดขวางและยังเป็นมาตรฐานสากล 

‘ไอติม’ ชื่นชมเกาหลีใต้ใช้กลไกลสภาสู้กลับ ‘ปธน.ยุน’ หลังโหวตคว่ำกฎอัยการศึก ยกเป็นบทเรียนต้านรัฐประหาร

‘ไอติม’ ปลื้ม ปชช.-นักการเมืองเกาหลีใต้ สู้กลับ ‘ปธน.ยุน ซอก ยอล’ ใช้กลไกลสภายกเลิก ‘กฎอัยการศึก’ มองชัยชนะครั้งนี้ เป็นบทเรียนประเทศอื่นต้าน “รัฐประหาร” 

วันที่ (4 ธ.ค.67) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน ทวิตข้อความว่า กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ใน #เกาหลีใต้ ด้วยความรู้สึกชื่นชมการต่อสู้กลับของประชาชนและนักการเมือง ในการใช้กลไกสภายกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี และหวังว่ากองทัพจะทำตามกฎหมาย แทนที่จะทำตามอำเภอใจของประธานาธิบดี

หากประชาชนเกาหลีใต้ปกป้องประชาธิปไตยได้สำเร็จ ชัยชนะนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศอื่น (รวมถึงไทย) ในการวางแนวทางป้องกันรัฐประหาร ซึ่งต้องดำเนินการ 2 อย่างคู่ขนาน

1. แก้กฎหมาย (เช่น รธน. / พรบ. กฎอัยการศึก) เพื่อติดอาวุธให้ประชาชนมีเครื่องมือหรือกลไกในการต่อต้านและต่อกรกับผู้ก่อรัฐประหาร

2. รณรงค์ทางความคิดให้ประชาชนและนักการเมืองทุกฝ่าย (ไม่ว่าสนับสนุนหรือสังกัดพรรคใด) มีจุดยืนร่วมกันในการออกมาปกป้องประชาธิปไตย

ปตท. เผย 3 ปี แบกภาระราคา NGV รวม 18,123 ล้านบาท ขณะ ก.พลังงาน ขอความร่วมมือตรึงราคาต่อถึงสิ้นปี 2568

(4 ธ.ค. 67) ปตท. เผย 3 ปี แบกรับภาระต้นทุนราคา NGV รวม 18,123 ล้านบาท ขณะกระทรวงพลังงานยังขอความร่วมมือให้ตรึงราคาช่วยกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะจนถึงสิ้นปี 2568 ส่วนเฉพาะปี 2567 ปตท. แบกภาระลดลงเหลือกว่า 1 พันล้านบาท เหตุปล่อยราคา NGV กลุ่มผู้ใช้ทั่วไปเป็นไปตามกลไกตลาด ล่าสุดราคาลดลงต่ำสุดในรอบปี เหลือ 17.46 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่กลุ่มรถแท็กซี่และรถสาธารณะยังคงตรึงราคาไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม   

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้สรุปการอุดหนุนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 – 5 พ.ย. 2567 ว่า ปตท. ได้ช่วยเหลือราคา NGV สำหรับกลุ่มผู้ใช้ NGV ทั่วไป และกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะในเขต กทม. และปริมณฑล รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 18,123 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ขอความร่วมมือ ปตท. ช่วยตรึงราคา  NGV มาตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดย ปตท. ได้จัดทำเป็น “โครงการ NGV เพื่อลมหายใจเดียวกัน” และช่วยตรึงราคา NGV ไว้ที่ 14.62 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับผู้ใช้ NGV ทุกราย โดยตลอดปี 2564-2566 ปตท. ได้แบกรับภาระค่า NGV ไว้ประมาณ 17,000 ล้านบาท  

ต่อมาเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ในปี 2567 กระทรวงพลังงานพิจารณาเห็นว่าเศรษฐกิจประเทศยังชะลอตัว จึงขอความร่วมมือ ปตท. ให้ช่วยตรึงราคา NGV ต่อไปอีก 2 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2568 ดังนั้นทาง ปตท. จึงได้ปรับเปลี่ยนจาก “โครงการ NGV เพื่อลมหายใจเดียวกัน” มาเป็น “โครงการบัตรสิทธิประโยชน์กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ” พร้อมกับการปรับเปลี่ยนราคาใหม่

โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ NGV ทั่วไป จะไม่ได้รับการช่วยเหลือและต้องซื้อ NGV ในราคาที่เป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะจะยังได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีการขยับราคาจากที่ตรึงไว้ที่ 14.62 บาทต่อกิโลกรัม ขยับขึ้นมาเป็น 15.59 บาทต่อกิโลกรัมจนถึงปัจจุบัน ทำให้ภาระค่า NGV ที่ ปตท. ต้องแบกรับไว้ลดลง เหลือประมาณปีละเกือบ 1,100 ล้านบาท จากเดิม 3 ปี (พ.ศ. 2564-2566) แบกภาระต้นทุน NGV ไว้ถึงประมาณ 17,000  ล้านบาท

สำหรับราคา NGV สำหรับผู้ใช้ NGV ทั่วไป ปตท. จะปรับราคาทุก 15 วัน โดยล่าสุดราคาอยู่ที่ 17.46 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาระหว่างวันที่ 16 พ.ย. -15 ธ.ค. 2567 และนับเป็นราคาที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2567 ที่ ปตท. กำหนดให้ราคา NGV เปลี่ยนแปลงตามกลไกตลาด ส่วนราคาที่สูงที่สุดเคยอยู่ที่ 19.59 บาทต่อกิโลกรัม ในเดือน มี.ค. 2567

ขณะที่กลุ่มผู้ใช้ NGV ที่เป็นกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะ (เส้นทางเดินรถเขต กทม. หมวด 1 และ 4 ไม่รวม ขสมก.) จะได้รับการช่วยเหลือตรึงราคา NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัมตามเดิม ขณะที่กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งเป็นรถบรรทุกใน “โครงการส่งเสริมความปลอดภัยใช้ NGV” ที่เติมก๊าซที่สถานีในแนวท่อ และสถานีนอกแนวท่อ จะได้รับการช่วยเหลือราคา NGV ในกรณีที่ราคาเกินกว่า 18.59 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น

'นายเจือ ราชสีห์' ร่วมกำนันตำบลเกาะแต้ว อ.เมืองสงขลา เปิดโรงครัวช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ - มอบข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบอาหารแจกจ่ายผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ต.เกาะแต้ว อ.เมืองสงขลา

(4 ธ.ค.67) นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยปลัดอำเภอเมืองสงขลาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่นายสุรัตน์ ลายจันทร์ นายอำเภอเมืองสงขลามอบหมาย ลงพื้นที่ร่วมกับนายย่าโกบ หละตำ กำนันตำบลเกาะแต้ว เปิดโรงครัวประกอบอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งตอนนี้ถึงแม้ปริมาณน้ำฝนจะลดลงแต่บางพื้นที่เกิดสภาวะน้ำท่วมขังจากน้ำทะเลหนุนทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยได้มอบน้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง และเครื่องอุปโภค บริโภคจากบริษัท มารีน เชอร์วิเทค(สงขลา) จำนวนหนึ่งเพื่อประกอบอาหารสำเร็จรูปแจกจ่ายให้ผู้ได้รับผลกระทบต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล และกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

(4 ธ.ค.67) เวลา 07.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล พิธีทำบุญตักบาตร และพิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ) 5 ธันวาคม 2567 โดยมี คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมพิธี 

โอกาสนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดพิธีต่าง ๆ ณ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก่ พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศล ณ ห้องสารสิน , พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล ณ ห้องศรียานนท์ , พิธีถวายราชสักการะ ถวายราชสดุดี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ ห้องโถง ชั้น 1 

จากนั้น เวลา 10.00 น. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินทางไปเป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “วันพ่อแห่งชาติ” ประจำปี 2567 ณ บ้านมนังคศิลา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมี คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกิจกรรม

กิจกรรมจิตอาสาครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ โดยได้ประสานหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกิจกรรม ได้แก่ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ , กองบังคับการตำรวจจราจร , กองสวัสดิการ , โรงพยาบาลตำรวจ , กระทรวงแรงงาน , กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , กระทรวงศึกษาธิการ , กรมประชาสัมพันธ์ , กรมทางหลวง , กรุงเทพมหานคร , การไฟฟ้านครหลวง , การประปานครหลวง , มณฑลทหารบกที่ 11 , สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา , บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด , บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) , บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์

สำหรับกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานครั้งนี้ มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์สถาบันพระมหากษัตริย์ มอบถุงพระราชทาน โรงครัวพระราชทาน , บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ , บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก , บริการตัดผม , กิจกรรมฝึกสอนอาชีพเสริม , การออกหน่วยบริการทางการแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ , บริการตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนสัตว์เลี้ยง , การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ตำรวจ และการให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ เป็นต้น สำหรับในส่วนภูมิภาคต่างๆ ข้าราชการตำรวจในทุกพื้นที่ได้ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน และกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ด้วยเช่นกัน

'พิชัย' เผย 'นายกฯ' กำชับแต่แรก ให้ดูแลสินค้าอุปโภคบริโภคภาคใต้ ห้ามขาด ห้ามแพง! เร่งจัดส่งถุงยังชีพให้ ปชช. สั่งพาณิชย์จังหวัดลุยฟื้นฟูหลังน้ำลด 

(4 ธ.ค.67) ที่สำนักงานชั่งตวงวัด กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลัง นำกระทรวงพาณิชย์ปล่อย 'คาราวานถุงยังชีพช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้' ตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ทันที และเตรียมมาตรการดูแลหลังน้ำลด ขณะนี้มีจังหวัดที่ประสบอุทกภัยหนัก รวมทั้งสิ้น 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี  ยะลา นราธิวาส และจังหวัดอื่นๆในภาคใต้

นายพิชัย กล่าวว่า ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่ตอนที่อยู่เชียงใหม่ ตอนที่ทราบว่าน้ำท่วมภาคใต้ให้ทุกคนเร่งช่วยกัน สำหรับกระทรวงพาณิชย์ได้มีการแพ็คถุงยังชีพเพื่อส่งไปที่ภาคใต้อย่างเร่งด่วน โดยถุงยังชีพในวันนี้จะถูกส่งไปถึงสงขลาประมาณเที่ยงคืนวันนี้ และจะกระจายไปในจังหวัดภาคใต้ในช่วงเที่ยงของอีกวันนึง ส่วนมาตรการอื่นคือ ของห้ามขาดห้ามแพง ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนเพื่อแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ 

ถ้าพบว่ามีการกักตุนสินค้าหรือพบว่าราคาแพงผิดปกติให้แจ้งมาที่สายด่วน 1569 กระทรวงพาณิชย์จะรีบเข้าไปแก้ไขให้อย่างเต็มที่และหลังจากนี้ขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั้งห้างค้าส่ง-ค้าปลีก สำหรับการเตรียมการในช่วงหลังน้ำลดให้มั่นใจว่าของไม่ขาด และหลังน้ำลดจะมีมาตรการฟื้นฟูจัดธงฟ้าขายสินค้าในราคาถูก โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นในการทำความสะอาด ถ้าจังหวัดไหนเดือดร้อนเราจะเข้าไปดูแลอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ทางภาคเหนือประสบภัยน้ำท่วมหลังน้ำลดก็มีการจัดธงฟ้าจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก และสินค้าทำความสะอาดบ้านเรือนที่เสียหาย เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาฟื้นได้ตามปกติ

“ท่านนายกได้สั่งการตั้งแต่ที่เชียงใหม่เชียงราย ทันทีที่เกิดเหตุให้ทุกหน่วยงานเร่งช่วยเหลือและฟื้นฟูดูแลประชาชน โดยกระทรวงพาณิชย์มีการตั้งศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมกระทรวงพาณิชย์ และร่วมมือกับภาคเอกชนจัดส่งถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมและภายหลังน้ำลดก็มีการจัดโครงการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ขอความร่วมมือห้างท้องถิ่นลดราคาสินค้าและจัดธงฟ้าจัดจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ซ่อมแซมที่จำเป็นในราคาถูกลดภาระค่าครองชีพในยามวิกฤต”นายพิชัย กล่าว

มท. อิ่ม ยืนยัน กระทรวงมหาดไทยพร้อมจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม 22 ม.ค. นี้

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันความพร้อมของกระทรวงมหาดไทยในการเปิดให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมแก่ประชาชนทุกคู่สมรส โดยนายทะเบียนทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ และ 50 เขตในกรุงเทพมหานคร ได้รับการอบรมและซักซ้อมการให้บริการอย่างครบถ้วน พร้อมระบบรองรับที่จัดเตรียมไว้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร พร้อมในการอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ตามกฎหมายฉบับใหม่ที่มีการบังคับใช้ ในวันที่ 22 มกราคม 2568 นี้ ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม โดยมีการประชาสัมพันธ์อย่างแพร่หลายเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล

นางสาวธีรรัตน์ระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทยในการส่งเสริมความเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายทางเพศ ทั้งยังแสดงความยินดีกับคู่รักทุกคู่ ที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างเท่าเทียมกัน ผ่านการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายฉบับใหม่นี้

"นี่คือก้าวสำคัญในเรื่องความเท่าเทียมของสังคมไทย ที่เปิดรับทุกความหลากหลาย และขออวยพรให้คู่รักทุกคู่ ที่จะมาจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายฉบับใหม่นี้ ประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิตคู่" นางสาวธีรรัตน์กล่าว

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเขต ทุกเขต และที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง ทั่วประเทศ

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ เผยความสำเร็จโครงการ ‘ดีอี’ จับมือ ‘Google’ ปกป้องคนไทย ด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยใน Google Play Protect 

เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยผลลัพธ์โครงการความร่วมมือกับ Google ในการปกป้องคนไทยจากกลโกงออนไลน์ที่หลอกให้ติดตั้งมัลแวร์ด้วยฟีเจอร์ป้องกันกลโกงใหม่ใน Google Play Protect ที่ได้นำร่องการใช้งานในประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายนปี 2567 ที่ผ่านมาว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้ความสำคัญกับการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรงอย่างทันท่วงที ดังนั้นกระทรวงดีอี จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ Google ในการเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับประชาชนชาวไทย ความร่วมมือครั้งนี้ได้เห็นผลลัพธ์ผ่านฟีเจอร์ Google Play Protect ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันในการตรวจจับและบล็อกแอปพลิเคชันที่อาจเป็นอันตรายก่อนที่จะติดตั้งลงในอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน เช่น แอปที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมโทรศัพท์ หรือแอปดูดเงิน จากความเชี่ยวชาญของ Google รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสร้างความตระหนักรู้และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยี เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งให้กับประชาชน พร้อมพาคนไทยก้าวสู่สังคมดิจิทัลที่ทั้งปลอดภัย ยั่งยืน และรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างมั่นคง

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวซึ่งกระทรวงดีอีได้ร่วมกับ Google นั้นเริ่มดำเนินการร่องการใช้งานในประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ฟีเจอร์ดังกล่าวได้ช่วยบล็อกความพยายามในการติดตั้งแอปที่มีความเสี่ยงไปแล้วกว่า 4.8 ล้านครั้งบนอุปกรณ์ Android กว่า 1 ล้านเครื่อง บล็อกแอปไปกว่า 41,000 รายการ ซึ่งรวมถึงแอปปลอมที่แอบอ้างเป็นแอปรับส่งข้อความ แอปเกม และแอปอีคอมเมิร์ซยอดนิยม 

ฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ใน Google Play Protect ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้อุปกรณ์ Android จากกลลวงต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการบล็อกการติดตั้งแอปที่อาจมีความเสี่ยงซึ่งโหลดมาจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จักบนอินเทอร์เน็ต (เช่น เว็บเบราว์เซอร์ แอปรับส่งข้อความ หรือโปรแกรมจัดการไฟล์) ที่อาจใช้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลละเอียดอ่อน ซึ่งมักจะถูกนำไปใช้ในกลโกงทางการเงิน

ขณะที่ Eugene Liderman, Director of Android Security Strategy, Google กล่าวว่า “แม้ว่าฟีเจอร์ป้องกันกลโกงใหม่ใน Google Play Protect จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ แต่เราก็ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากมิจฉาชีพมีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้จำเป็นต้องมีการคุ้มครองผู้บริโภคในเชิงรุก ซึ่ง Google ก็มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ Android ทุกคนได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีและปลอดภัย นอกจากนี้ การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่สำคัญ เช่น รัฐบาลไทยและนักพัฒนาแอป ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างระบบนิเวศของโทรศัพท์มือถือที่ปลอดภัยและทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผล ซึ่งจะช่วยเสริมความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้กับทุกคน”

ด้าน แจ็คกี้ หวาง Country Director, Google ประเทศไทย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่าง Google กับรัฐบาลไทยในการปกป้องคนไทยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยกล่าวว่า “ดิฉันดีใจที่ได้เห็นความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่าง Google และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในการต่อสู้กับกลลวงบนโลกออนไลน์ ท่ามกลางการระบาดของภัยการหลอกหลวงทางโทรศัพท์ในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้คนไทยพร้อมรับมือกับกลโกงรูปแบบต่างๆ ซึ่ง Google มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อรับมือกับภัยไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนไทยทั่วประเทศ”

ความมุ่งมั่นในเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยมีคดีหลอกลวงและกลโกงทางออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าในปีที่ผ่านมาผู้คนจะตระหนักถึงกลโกงทางออนไลน์กันมากขึ้น แต่กลับพบว่า 7 ใน 10 ของผู้ใช้ออนไลน์ในประเทศไทยตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางออนไลน์ ทั้งๆ ที่มีความมั่นใจว่าตนเองนั้นสามารถมองกลโกงออกและหลีกเลี่ยงได้

สำหรับกลไกการทำงานของฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ใน Google Play Protect นั้น หากผู้ใช้พยายามติดตั้งแอปที่อาจมีความเสี่ยงจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จักบนอินเทอร์เน็ต (เช่น เว็บเบราว์เซอร์ แอปรับส่งข้อความ หรือโปรแกรมจัดการไฟล์) ที่อาจใช้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลละเอียดอ่อน ซึ่งมักจะถูกนำไปใช้ในกลโกงทางการเงิน Google Play Protect จะบล็อกการติดตั้งโดยอัตโนมัติ โดยจะตรวจสอบสิทธิ์ของแอปแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะสิทธิ์ 4 รายการนี้ ซึ่งได้แก่ การรับ SMS (RECEIVE_SMS) การอ่าน SMS (READ_SMS) การฟังการแจ้งเตือน (BIND_Notifications) และการช่วยเหลือพิเศษ (Accessibility) มิจฉาชีพมักจะใช้สิทธิ์เหล่านี้เพื่อดักจับรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (One-time Password หรือ OTP) ที่ส่งมาทาง SMS หรือการแจ้งเตือน รวมทั้งแอบส่องเนื้อหาบนหน้าจอของผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้พยายามติดตั้งแอปที่อาจมีความเสี่ยงจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จักบนอินเทอร์เน็ต และมีการขอใช้สิทธิ์เหล่านี้ Google Play Protect จะบล็อกการติดตั้งโดยอัตโนมัติ พร้อมแสดงคำอธิบายให้ผู้ใช้ทราบ

Google ยังคงยึดมั่นในพันธกิจ Leave No Thai Behind และเดินหน้าส่งเสริมศักยภาพของคนไทยด้วยการให้ความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อให้พวกเขาสามารถท่องโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย นอกจากนี้ Google ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศออนไลน์ที่ส่งเสริมนวัตกรรมและความปลอดภัยไปพร้อมๆ กัน โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัว มีความปลอดภัยโดยค่าเริ่มต้น และให้ผู้ใช้ควบคุมประสบการณ์การใช้งานด้วยตนเอง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Google รักษาความปลอดภัยให้กับผู้คนในทุกวันได้ที่ https://safety.google 

รู้จัก 'กลุ่มชุงอัม' พรรคพวก 'ยุนซอกยอล' เพื่อนร่วมรุ่นมัธยม กุมอำนาจฝ่ายความมั่นคงเกาหลีใต้

(4 ธ.ค.67) การเมืองเกาหลีใต้ร้อนระอุ หลังประธานาธิบดียุนซอกยอล ประกาศกฎอัยการศึกช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่าพรรคฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมากในรัฐสภา มีพฤติการณ์ต่อต้านรัฐโดยได้รับการสนับสนุนจากเกาหลีเหนือ ส่งผลให้สมาชิกรัฐสภาเรียกประชุมฉุกเฉิน ทั้งสส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ลงมติเอกฉันท์โหวตคว่ำกฎอัยการศึก ส่งผลให้ต่อมาประธานาธิบดียุนซอกยอล ยอมยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกในที่สุด 

ในรายงานข่าวของสื่อเกาหลีใต้ระบุถึงแหล่งข่าวว่า การประกาศกฎอัยการศึกของยุนซอกยอลได้รับการวางแผนและการสนับสนุนจาก 'กลุ่มชุงอัม' (Chungam faction) ซึ่งเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมชุงอัมในกรุงโซล ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวกันกับที่ยุนซอกยอลเรียนจบ

สมาชิกกลุ่มชุงอัม ถูกระบุว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของยุนซอกยอล โดยศิษย์เก่าโรงเรียนชุงอัมหลายคน ปัจจุบันมีบทบาทใกล้ชิดประธานาธิบดียุนซอกยอล ทั้งสิ้น หลายคนดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลยุน ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรอง หรือหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย

คีย์แมนคนสำคัญในเหตุการณ์คืนวันที่ 3 ธ.ค. คือ คิมยองฮยอน รัฐมนตรีกลาโหม ผู้เป็นอดีตรุ่นพี่ของประธานาธิบดียุนซอกยอนในโรงเรียนมัธยมชุงอัม ได้หลีกเลี่ยงที่จะรับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ แต่กลับรับคำสั่งโดยตรงจากประธานาธิบดี โดยคิมยองฮยอน ได้สั่งให้กองพลรบพิเศษทางอากาศที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษ ที่ได้ฉายาว่า 'หน่วยอีเกิล' ภายใต้กองบัญชาการสงครามพิเศษของกองทัพบกเกาหลีบุกเข้าอาคารรัฐสภา

บุคคลสำคัญอีกรายคือ พลเอกปาร์กอันซู อดีตรุ่นน้องจากโรงเรียนมัธยมชุงอัน ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคม ปี 66 ยุนซอกยอล ได้แต่งตั้งเขาให้ดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพบกเกาหลีใต้ ทั้งรับหน้าที่เป็นนายทหารผู้บังคับบัญชากฎอัยการศึกด้วย อย่างไรก็ตามมีรายงานอีกฝ่ายระบุว่า พลเอกปาร์กอันซู ไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มชุงอันตามข่าว โดยว่าเขาจบจากโรงเรียนมัธยม Deokwon ในเมืองแดกู และเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยเกาหลีใต้รุ่นที่ 46 

นอกจากบรรดาสายทหารแล้ว ยุนซอกยอน ยังได้แต่ตั้งนาย อีซังมิน รุ่นน้องจากโรงเรียนมัธยิมชุงอัม อีกทั้งยังเป็นอดีตผู้พิพากษาให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลกองกำลังตำรวจโดยตรง ในคืนกฎอัยการศึกมีรายงานว่า นายอีซังมิน ได้สั่งการโดยตรงต่อตำรวจนครบาลกรุงโซลให้เขาควบคุมพื้นที่อาคารรัฐสภา โดยหลีกเลี่ยงที่จะสั่งการผ่านหน่วยงานตำรวจแห่งชาติเกาหลี

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านเคยออกมาเตือนเรื่องความเป็นไปได้ในการประกาศกฎอัยการศึกโดยกลุ่มชุงอัม แต่ทางสำนักประธานาธิบดีออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ในเกาหลีใต้ยังไม่มีความชัดเจน แต่นักวิเคราะห์การเมืองต่างเห็นพ้องกันว่าการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดภายในรัฐบาลที่แตกขั้วอย่างชัดเจนเพราะในคณะรัฐมนตรีเกาหลีบางราย ไม่ทราบถึงการเตรียมประกาศกฎอัยการศึกมาก่อน จึงมองได้ว่าความวุ่นวายเมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค. เป็นความพยายามรักษาอำนาจของ 'กลุ่มชุงอัม' ของประธานาธิบดียุนซอกยอลอย่างชัดเจน

ส่องหนทาง ‘ยิ่งลักษณ์’ กลับบ้าน ผสมผสาน ‘ทักษิณ - บุญทรง’ โมเดล..!?

25 ส.ค. 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน คดีรับจำนำข้าว...บุญทรง เตริยาภิรมย์  อดีตรมว.พาณิชย์และพวกเดินเข้าคุกด้วยโทษที่สูงเต็มพิกัด  ส่วน ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ อดีตนายกฯใช้ช่องทางธรรมชาติหลบหนีออกนอกประเทศ ศาลออกหมายจับและอ่านคำพิพากษาย้อนหลังในวันที่ 27 ก.ย.2560..ลงโทษจำคุก 5 ปี

เมื่อ (2 ธ.ค. 67) ที่ผ่านมา บุญทรงที่มีโทษจำคุก 48 ปี แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษต่างกรรมต่างวาระ 4 ครั้ง เหลือรับโทษจริง 10 ปี 8 เดือน นับแต่ 25 ส.ค. 2560 ถึง 2 ธ.ค. 2567 ติดคุกมาแล้ว 7 ปี 3 เดือน 10 วัน  เหลือโทษ 3 ปี 4 เดือน 20 วัน กำหนดพ้นโทษวันที่ 21 เม.ย. 2571 เข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ...

2 ธ.ค. ที่ผ่านมา บุญทรงได้รับอิสรภาพภายใต้ติดกำไล EM ไปคุมประพฤติอยู่ที่เชียงใหม่ เป็นที่เรียบร้อย  เช่นเดียวกับ ภูมิ สาระผล  อดีตรมช.พาณิชย์  ที่มีโทษจำคุก 36 ปี ได้รับการพักโทษไปแล้วเมื่อเดือน ก.ย. 2567 จะพ้นโทษจริง 25 ส.ค. 2568

ตอนนี้สปอตไลท์ฉายจับไปที่ ‘อาปู’ ของนายกรัฐมนตรี  น้องสาวสุดเลิฟของ ‘ทักษิณ  ชินวัตร’  จะมารับโทษ..พักโทษกับเขาเมื่อไหร่..

แทบทุกวงการเชื่อตามทักษิณว่า...อดีตนายกฯปู  ยิ่งลักษณ์น่าจะได้กลับมาก่อนหรือหลังสงกรานต์ 2568 เล็กน้อย...ถามว่าจะกลับเข้ามาด้วยวิธีการไหน.. ‘ทักษิณโมเดล’ ที่ไม่ติดคุกจริงๆ แม้แต่วันเดียวจนคนด่ากันทั้งเมืองอย่างนั้นหรือ...คำตอบคือ...ไม่ใช่แต่อาจใกล้เคียง...ยังไงๆ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม...

ส่องกล้องมองทางยาวดูแล้ว ความเป็นไปได้กรณียิ่งลักษณ์มี 2-3 หนทางที่กุนซือทีมงานกำลังตกผลึกออกแบบกันอยู่...

1)เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกลับมารับโทษ  แต่ใช้พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560, กฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563และกฎกติกาต่างๆ โดยเฉพาะระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566  เอื้ออำนวยการคุมขังนอกเรือนจำ...ที่แม้อาจไม่เหมือนห้องสูทชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นนักโทษนางฟ้าไม่ได้..แต่ก็ถือว่าอยู่ในที่ที่ชิล ๆ ...สบาย ๆ

เมื่อเข้าสู่กระบวนการรับโทษ..ก็ถวายฎีกาของพระราชทานอภัยโทษแบบทักษิณ...ติดคุกครบ 2 ใน 3 ของโทษจริงแล้วก็เข้าข่ายพักโทษได้..

2)หาหนทางฟื้นคดีจำนำข้าว...ต่อสู้ให้หลุดพ้นข้อหาปล่อยปละละเลย...อ้างกรณีข้าว 10 ปียังกินได้ขายได้..ฯลฯ...ระหว่างสู้คดีก็ขอประกันตัว..

3)หนทางอื่นๆ  เช่น การนิรโทษกรรม  ที่สภาฯจะพิจารณากันในเดือนนี้เดือนหน้าไม่เข้าข่ายเช่นเดียวกับความผิดมาตรา 112 ใครขืนแปรญัตติเพิ่มใส่ไปวงแตก รัฐบาลหัวคะมำแน่นอน

กล่าวโดยสรุป ความเป็นไปได้ยากจะเป็นอื่นไปได้ นอกจากต้องเริ่มต้นด้วยช่องทาง ‘กฎหมาย’ แล้วค่อยผ่อนคลายด้วยกฎ-ระเบียบกระทรวง  ความสุขสบายอาจไม่เทียบชั้นพี่ชายแต่ก็ชิล ๆ ก่อนที่จะขอพักโทษเหมือนบุญทรง..แนวทางนี้น่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองน้อยที่สุด...ยิ่งถ้า ‘ยิ่งลักษณ์’ แต่งชุดนักโทษให้เห็นกันแบบเต็มตา  ชดเชยไถ่บาปให้กับ ‘นักโทษเทวดา’  แรงเสียดสีต่างๆ ก็คงจะไม่มี  เผลอๆอาจจะมีเสียงปรบมืออีกต่างหาก..

เล่ากันว่าวันที่ 25 ส.ค. 2560 ก่อนศาลตัดสิน… ‘บุญทรง’ ได้รับโทรศัพท์เสียงสุภาพสตรีบอกว่า..รอแป๊บ..เดี๋ยวถึง แต่สุดท้ายเจ้าของเสียงล่องหนหายไป 7 ปี....สงกรานต์ปีหน้าก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะกลับมาหรือไม่…

สำหรับ ‘บุญทรง’ ที่อยู่ในมุ้งใหญ่ของ ‘เจ๊แดง’ เยาวภา  วงศ์สวัสดิ์  ชีวิตก็คงจะตกผลึกหลายเรื่อง  แต่ยังไงๆ เชื่อว่าคงไม่ถึงขั้นปลีกวิเวกหลีกหนีการเมืองไปได้  โดยสถานภาพและบารมีเก่าๆ เขาก็คงจะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูกู้ชีพให้พรรคเพื่อไทย เชียงใหม่กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง...

แน่นอนด่านแรก 1 ก.พ. 2568 คือต้องช่วยเจ๊แดง-นายใหญ่ ให้ ‘นายกก๊อง’ พิชัย  เลิศพงษ์อดิศร รักษาแชมป์นายกอบจ.เชียงใหม่เอาไว้ให้ได้..!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top