Wednesday, 9 July 2025
Hard News Team

‘อย. พม่า’ เตือน ระวัง ‘ไส้กรอกจากไทย’ หลัง​ 'ชาวสีป้อ'​ กินแล้ว​ถูกหามส่งโรงหมอ!!

สำนักงานอาหารและยาพม่า ออกคำเตือนให้ระวังไส้กรอกแบรนด์ไทย ที่ลักลอบนำเข้าไปตามแนวชายแดน หลังครอบครัวชาวสีป้อ 3 แม่ลูกกินเข้าไปแล้วอาหารเป็นพิษ ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาล

(9 ก.พ. 65) สำนักงานอาหารและยา (FDA) กระทรวงสาธารณสุข เมียนมา ได้ออกคำเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน ให้ระวังและห้ามบริโภคไส้กรอกที่พิมพ์ฉลากเป็นภาษาไทยว่ายี่ห้อ “ฤทธิ์” พร้อมแนบรูปภาพห่อบรรจุไส้กรอกยี่ห้อนี้ไว้ด้วย

คำเตือนระบุว่าไส้กรอกยี่ห้อถูกนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมายตามแนวชายแดน และไม่ได้ถูกรับรองจาก FDA มีผู้ที่ได้ซื้อมาบริโภคแล้วเกิดอันตราย จึงเป็นอาหารที่มีความเสี่ยง

คำเตือนของ FDA เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ เกิดกรณี 3 แม่ลูก ชาวเมืองสีป้อ จังหวัดจ๊อกแม รัฐฉานเหนือ ซื้อไส้กรอกไก่ยี่ห้อ “ฤทธิ์” มาทอดกินกันภายในครอบครัว ปรากฏว่าหลังกินไปได้ไม่นาน ทั้ง 3 เกิดอาการอาหารเป็นพิษ หายใจติดขัด เพื่อนบ้านต้องแจ้งมูลนิธิการกุศลนำถังออกซิเจนมาให้ และรีบนำตัวทั้ง 3 ส่งไปรักษายังโรงพยาบาลเมืองล่าเสี้ยว

“โฆษกรัฐบาล” ซัด "หญิงหน่อย" หยุดดราม่า-ทำปชช. สับสน เหน็บ ลต.สมัยหน้า ระวังถูกเมิน ลั่น รัฐบาลดูแลราคาน้ำมัน-ปชช.ทุกกลุ่ม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวหารัฐบาลนี้ทำราคาน้ำมันแพงกว่าประเทศอื่นเพราะเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล สูงถึงลิตรละเกือบ 6 บาทว่า ไม่เข้าใจว่าคุณหญิงสุดารัตน์ใช้สมองส่วนไหนคิด เพราะเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง สร้างความสับสนให้ประชาชน และตามข้อเท็จจริงคือ รัฐบาลใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยเหลือโดยการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 3.79 บาท

โดยข้อมูลราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน อ้างอิงวันที่  7 ก.พ. 2565 ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 5 ราคาน้ำมันของประเทศไทย เบนซิน ขายอยู่ที่ 34.55 บาทต่อลิตร  ดีเซลขายอยู่ที่  29.94 บาทต่อลิตร สิงคโปร์ เบนซินขายอยู่ที่ 66.89 บาท/ลิตร   ดีเซลขายอยู่ที่  56.07 บาทต่อลิตร  ลาว เบนซินขายอยู่ที่ 44.67 บาทต่อลิตร   ดีเซลขายอยู่ที่  34.75 บาทต่อลิตร  ฟิลิปปินส์ เบนซินขายอยู่ที่ 38.95 บาทต่อลิตร   ดีเซลขายอยู่ที่  32.02 บาทต่อลิตร  กัมพูชา เบนซิน ขายอยู่ที่ 38.19 บาทตาาอลิตร  ดีเซลขายอยู่ที่  30.88 บาทต่อลิตร 

นายธนกร กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาของคุณหญิงสุดารัตน์ และอยากขอร้องคุณหญิงสุดารัตน์หยุดพฤติกรรมปั้นหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะเมินหนี และอย่าใช้วิธีการเดิมมาดิสเครดิตรัฐบาล เพราะประชาชนรู้ทันว่า ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ ทำประโยชน์อะไรให้ประเทศนอกจากการรับใช้อดีตนายกฯ บางคนที่ทุจริตคอรัปชั่น

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปดูแลราคา ในส่วนของของราคาน้ำมันแพงเป็นภาวะที่ทั่วโลกเผชิญ คาดว่าเมื่อพ้นฤดูหนาวของต่างประเทศไปแล้ว แนวโน้มราคาน้ำมันจะปรับลดลง มาตรการภาษีจึงจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่รัฐบาลจะดำเนินการ โดยจะดูราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ว่าปรับขึ้นไปถึงจุดที่ไม่สามารถรับได้ จะไม่เข้าไปอุดหนุนเกินความจำเป็น เพราะรายได้จากภาษีน้ำมันก็เป็นรายได้หลักของรัฐบาล ซึ่งตอนนี้มีกองทุนน้ำมันที่ทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันอยู่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้นโยบายดูแลระดับราคาพลังงานให้เหมาะสม เน้นดูแลประชาชนในภาพใหญ่  ลดผลกระทบต่อธุรกิจให้มากที่สุด  

'ส.ส.ก้าวไกล' ขอบคุณกลุ่มธรรมนัส ช่วยเทคะแนนให้ หวังรอบหน้าจะได้รับการสนับสนุนอีก

วันที่ 10 ก.พ. 65 นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.... หรือ ร่างพรบ.สุราก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า... 

ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ "ไม่เห็นด้วยกับการอุ้ม" เมื่อวานนี้ทั้ง พรรคเพื่อไทย ที่ช่วยอภิปรายสนับสนุนสะท้อนปัญหาพี่น้องในพื้นที่และโหวตให้ 

โควิดระลอกใหม่แรงทุบสถิติ ติดเชื้อ 1.3 หมื่น/วัน 'สธ.ไทย' ชี้!! ปลายกุมภาพันธ์ อาจแตะ 3 หมื่น

(9 ก.พ. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากถึง 13,182 ราย ถือเป็นยอดสูงสุดครั้งแรกในระลอกเดือนมกราคม 2565 

>>ติดเชื้อทุบสถิติ13,182-ตาย 24 ราย 

ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,182 รายนั้น จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 13,043 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 139 ราย ผู้ป่วยสะสม 307,616 ราย นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 หายป่วยกลับบ้าน 8,571 ราย หายป่วยสะสม 241,383 รายนับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 ผู้ป่วยกำลังรักษา 98,830 ราย เสียชีวิต 24 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อเข้าข่ายจากการตรวจด้วยชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) อีก 5,928 ราย อาการหนักใช้ท่อช่วยหายใจ 111 ราย อาการหนัก 547 ราย 

>>กทม.พุ่งพรวด2,757-ปากน้ำ1,133 

ศบค.ระบุด้วยว่าสำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด 1.) ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) ติดเชื้อใหม่พุ่ง 2,757 ราย 2.) สมุทรปราการ 1,133 ราย 3.) ชลบุรี 641 ราย 4.) นนทบุรี 560 ราย 5.) ภูเก็ต 425 ราย 6.) สมุทรสาคร 366 ราย 7.) นครราชสีมา 306 ราย 8.) ราชบุรี293 ราย 9.) มหาสารคาม277 ราย 10.) เชียงใหม่ 252 ราย ทั้งนี้ในกลุ่ม 10 อันดับ จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดพบว่า กรุงเทพฯ 2,757 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์อยู่ที่ 1,897 ราย ถือเป็นสถิติใหม่ของจำนวนผู้ติดเชื้ออีกครั้ง

>>โควิดเอเชียขาขึ้นเปิดกิจกรรมติดเชื้อขยับ 

ด้านนพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่งสูงขึ้นวันเดียวมากถึง 13,182 ราย และผลตรวจ ATK เข้าข่ายติดเชื้ออีก 5,928 รายว่า การประเมินสถานการณ์โควิดทั่วโลก จะเห็นว่าต่างประเทศอย่างยุโรป อเมริกา อยู่ในช่วงขาลงของการระบาด พบติดเชื้อลดลง แต่ขณะที่ทวีปเอเชียและประเทศไทย อยู่ในช่วงขาขึ้น จึงพบตัวเลขสูงขึ้นได้ ปัจจัยหลักของไทย เกิดจากเราเปิดกิจกรรมกันมากขึ้น กิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้นมาก จะเหลือเพียงผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการ แต่ก็สามารถเปิดในรูปแบบร้านอาหารได้ ฉะนั้น ตอนนี้เราใช้ชีวิตเหมือนปกติแล้ว การติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ไม่อยากให้กังวลเรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อ อยากให้ดูจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตเป็นสำคัญ

>>จับตาป่วยหนักไม่ให้เกิน 200 คน/วัน 

ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยากล่าวต่อว่า ข้อมูลล่าสุด มีผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่างรักษาทั้งที่โรงพยาบาล (รพ.) และรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ประมาณ 90,000 ราย ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งอยู่ใน รพ. และพบว่า ร้อยละ 90 ของคนที่อยู่ในรพ.ไม่มีอาการหรือมีเล็กน้อยมาก ส่วนผู้อาการรุนแรงต้องใส่ช่วยหายใจ มีประมาณ 111 ราย คิดเป็นอัตรา ร้อยละ 0.1 ของผู้ติดเชื้อ ซึ่งเราพยายามประคองให้ไม่เกินวันละ 200 รายจากที่เราเคยพบสูงถึง 1,300 ราย ในช่วงระบาดของเชื้อเดลตา ทำให้ไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วยโรคอื่น เราไม่อยากให้เกิดภาพนั้น

>>ปลายกพ. จุดพีกยอดอาจแตะ 3 หมื่น

“ขณะนี้ค่อนข้างสบายใจได้กว่ารอบเดลตา ที่ติดเชื้อสูงและมีตัวเลขป่วยหนัก เสียชีวิตตามมา แต่รอบนี้ติดเชื้อสูงแต่อาการหนักยังน้อยอยู่ ทั้งนี้ อีก 2-3 สัปดาห์จะมีตัวเลขป่วยหนัก เสียชีวิตเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะคาดว่าปลายเดือนนี้ ถึงต้นเดือนหน้าจะถึงจุดพีกของการระบาด ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในเส้นฉากทัศน์ที่เงื่อนไขว่า หากไม่มีมาตรการอะไรเลย ก็คิดว่าจะถึง 3 หมื่นรายใหม่ต่อวัน และเราจะอยู่ในตัวเลขนั้นนานแค่ไหนขึ้นกับมาตรการที่เราจะใช้ควบคุมสถานการณ์ ถ้าประชาชนช่วยป้องกันจะไม่ยาว” นพ.จักรรัฐ กล่าว

>>ย้ำลดปัจจัยเสี่ยงลดยอดโคมา-ตาย

และว่า ไม่อยากเห็นตัวเลขสูงถึงที่คาดการณ์ไว้ แต่วันนี้ก็เห็นตัวเลขที่ 1.3 หมื่นราย แล้ว ดังนั้น เราต้องช่วยกันลดปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อ เพราะขณะนี้เกิดติดเชื้อในครอบครัวเป็นหลัก ลดรวมตัวของคน เช่น รับประทานอาหาร นักเรียนเล่นกีฬารวมกัน และลดความเสี่ยงในที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม หากจะลดอัตราป่วยหนัก เราต้องลดความเสี่ยงนำเชื้อเข้าไปติดในกลุ่มเสี่ยง 608 และขอให้กลุ่มนี้เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ตามกำหนด ย้ำว่าตรงนี้จำเป็นมาก ถ้าเราติดเชื้อมากขึ้น แต่ตัวเลขป่วยหนักไม่เพิ่มขึ้น การเสียชีวิตไม่สูงก็จะไม่น่ากังวล เราก็อยู่ร่วมกับโควิดต่อไปได้

>>พีกต่อเนื่องอาจไม่ได้จัดสงกรานต์

“ประเด็นคือ หากติดเชื้อถึงพีกเยอะๆ แล้วคนยังตกใจอยู่ สงกรานต์ปีนี้ เราอาจไม่ได้จัดเทศกาล ฉะนั้น เราต้องช่วยกันสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจว่า ติดเชื้อแล้วอาการรุนแรงมีความสำคัญมาก เราต้องเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นรองรับกลุ่มเสี่ยง” นพ.จักรรัฐ กล่าว และว่า สิ่งสำคัญที่ต้องฝากถึงทุกคน คือ 1.) การปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เลี่ยงเข้าสถานที่แออัด หมั่นล้างมือ ช่วงนี้ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกับคนที่เสี่ยงสูงแม้จะรู้จักกันก็ตาม 2.) หากบ้านที่มีกลุ่มเสี่ยง 608 และเด็ก ขอให้คนอื่นในบ้านเว้นระยะห่าง เลี่ยงรับประทานอาหารร่วมกัน สวมหน้ากากอนามัย และ 3.) เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ก็รับเข็มกระตุ้นเป็นแอสตร้าเซนเนก้า ผู้ที่รับซิโนแวค+แอสตร้าฯ ก็รับแอสตร้าฯ และผู้ที่รับแอสตร้าฯ 2 เข็ม ก็รับไฟเซอร์ เพื่อให้มั่นใจว่า แม้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ผู้ป่วยอาการหนักจะไม่เพิ่มขึ้นตาม

ราชกิจจาฯ ประกาศปลด ‘กัญชา’ พ้นยาเสพติด มีผลบังคับใช้ในอีก 120 วัน!!

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสธ. ปลดล็อก "กัญชา" พ้นยาเสพติดแล้ว มีผลบังคับใช้ในอีก 120 วัน

(9 ก.พ. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 มีรายละเอียดดังนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 29 วรรค (แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข) โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ให้ยาเสพติดให้โทษที่ระบุชื่อดังต่อไปนี้ เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
(1) พืชฝิ่น พืชซึ่งมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Papaver somniferum L. และ Papaverbracteatum Lindl. หรือที่มีชื่ออื่นในสกุลเดียวกันที่ให้ฝุ่นหรือแอลคาลอยด์ของฝิ่น
(2) เห็ดขี้ควายหรือพืชเห็ดขี้ควาย ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Psilocybe cubensis (Earle) Singer หรือที่มีชื่ออื่นในสกุลเดียวกันที่ให้สาร psilocybin หรือ psilocin

(3) สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis ยกเว้น
(ก) สารสกัดที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ 2 โดยน้ำหนัก เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่ปลูก
(ข) สารสกัดจากเมล็ดของพืชกัญชาหรือกัญชง ที่ได้จากการปลูกภายในประเทศ

'นายกฯ' ย้ำ ปชช.ปฏิบัติมาตรการ สธ.เคร่งครัด หลังยอดผู้ติดเขื้อเกินหมื่นหลายวัน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำประชาชน ผู้ประกอบการ ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขภายใต้สถานการณ์โควิด – 19 ทั้งมาตรการ Covid Free Setting และ Universal Prevention รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาด ในทุกสถานที่ ห้างสรรพสินค้า ตลาด  ร้านอาหาร โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 งดให้บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดทาง  ควรตรวจ ATK ก่อนเดินทาง  

นอกจากการปฏิบัติตามมาตรการของประชาชนแล้ว ยังย้ำให้สถานที่ทำงานทั้งของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ต้องปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กรเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด - 19 อย่างเคร่งครัดด้วย หลังกระทรวงสาธารณสุขมีการประเมินว่าไทยอาจมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุโอมิครอน รายวันถึงเพิ่มสูงขึ้นอีกในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ 

'แรมโบ้' บอก 'บิ๊กตู่' ไม่ตำหนิ หลังสัมภาษณ์ ปม อย่ามาบีบไข่นายกฯ ชี้ เป็น ส.ส.บ้านนอก เลยใช้คำง่ายๆ

ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.45 น. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี  และ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้าตามปกติ ก่อนที่ทั้งสองคนจะมายืนพูดคุยกันที่หลังตึกไทยคู่ฟ้า

โดยภายหลังการพูดคุย นายเสกสกล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตำหนิ หรือตักเตือนอะไร หลังจากที่เมื่อวันที่ 9 กพ. ที่ผ่านมา ได้ไปให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ในประเด็นการหาบ้านหลังใหม่ คือพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตนได้ใช้คำว่า “จะมาบีบไข่นายกฯ แบบนี้ตลอดไม่ได้ “ นั้น ก็เป็นการพูดภาษาชาวบ้านๆ เพราะตนเองเป็นผู้แทนราษฎรบ้านนอก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเข้าใจไม่ได้ว่าอะไร 

“อนุทิน” ยันสัมพันธ์รัฐยังดี อ้างลาครม. เพราะไม่อยากโต้เถียงจึงสงวนสิทธิ แต่ครั้งหน้าหากโหวตปมรถไฟฟ้าไม่ลาแล้ว แจงไม่ร่วมประชุมเตรียมเอเปคเพราะติดประชุม กก.ยา ยังอุบ เปิดดีล "ธรรมนัส" รอผลหลังเลือกตั้ง แต่ที่เจอทักทายเรื่องปกติของเพื่อนที่รู้จักกันกว่า 20

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการ “มุมการเมือง” ทางThaiPBS กรณี 7 รัฐมนตรีบอยคอตเรื่องต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยืนยันความสัมพันธ์ กับพรคร่วมรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหา สิ่งที่แสดงออกเป็นการพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชน การทำงานยังเป็นมืออาชีพไม่เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ เพราะการทำงานร่วมกันในเรื่องนี้ มีความเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ไม่เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ หรือขัดแย้งใดๆ ทำงานได้ตามปกติ เรื่องอื่นๆนายกฯยังคงสั่งงาน และได้รายงานนายกฯ ตามปกติ 

ส่วนจุดยืนโหวตเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้ขัดแย้งที่จะให้ปรับแก้สัญญารถไฟฟาสายสีเขียว แต่กระทรวงคมนาคมมีข้อกังวลที่ขอให้ปรับปรุง ชี้แจง ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ทำหนังสือไป

ส่วนปฏิกิริยางัดข้อของภูมิใจไทย จะกลายเป็นระเบิดลูกใหม่ของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เวลาไม่ปกป้องผลประโยชน์ประชาชน ก็ถูกว่า ถูกตำหนิ หรือวิพากษ์วิจารณ์ เวลาปกป้องก็ผิดอีก ก็จะไม่ใช่การทำงาน ตนไม่ใช่พวกลากมากไป ไม่ต่างจากระบบสภา ถ้าถึงเวลาจริงๆตกลงกันไม่ได้ ความเห็นขัดแย้ง ทิศทางยังจูนกันไม่ได้ ก็จะใช้วิธีโหวต ตามระบอบประชาธิปไตย และเมื่อผลโหวตออกมาอย่างไรทุกฝ่ายก็ต้องตามนั้น

นายอนุทิน ย้ำว่าการที่รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เข้าร่วมประชุม ครม. เพราะเราแจ้งนายกฯ ทุกครั้งว่า ถ้าประเด็นรถไฟฟ้านี้ไม่ได้คำตอบจากกทม. เราขอสงวนสิทธิ์ เราไม่อยากโต้เถียง เพราะคนที่ลำบากใจที่สุดคือประธานในที่ประชุม ดังนั้น เมื่อทราบว่าจะมีวาระจรเรื่องนี้บรรจุเข้ามาทันที เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการประชุม เราเลยถอยออกมา และก็ได้ส่งหนังสือชี้แจงไป

ส่วนที่มีการเขียนข่าวกันไปว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ร่วมประชุมก็ต้องรับมตินั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่เราจะต้องรับมติครม. แต่มีการทำหนังสือให้ความเห็นเป็นการสงวนสิทธิตรงนี้ไว้ และเรา 7 คนคิดว่าถ้าเรื่องนี้มีความสมบูรณ์ ก็น่าจะผ่านไปได้ และเราก็สบายใจที่สงวนสิทธิ ไม่เข้าประชุม ไม่โต้แย้ง ไม่ถกเกียง แต่รมว.คมนาคม มีจดหมายแสดงเจตจำนงค์ ข้อคิดเห็นข้อสังเกต ถึง 8 ฉบับไปแล้ว เราหลีกเลี่ยงการปะทะ ไม่ต้องการโต้คารมกัน 

เมื่อถามว่า หากมีการประชุมครม. เพื่อโหวตครั้งต่อ พรรคภูมิใจไทยจะสงวนสิทธิไม่เข้าประชุมอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีคำตอบ และดำเนินการตามกฎหมายขั้นตอนที่ชัดเจนแล้ว เราไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ายังคงเดิมก็จะไม่ลาประชุมแล้ว เพราะถือว่าแสดงท่าทีไปแล้วว่าถ้าไม่มีการแก้ไขตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอก็จะใช้สิทธิในการพิจารณา

นายอนุทิน ยังชี้แจงกรณีที่ไม่ได้ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมประชุมเอเปค ว่าเป็นคนละเรื่องกัน แต่เพราะตนติดประชุมคณะกรรมการยาแห่งชาติ  ซึ่งได้เขียนโน๊ตชี้แจงนายกฯแล้ว ขออย่าสังเกตท่าที และในวันพรุ่งนี้ (11 ก.พ.) มีการประชุม ศบค. เวลา 09.00 น. ที่ตนเป็นเจ้าภาพเป็นเรื่องใหญ่ ที่เกี่ยวกับสุขภาพคนก็จะเข้าร่วม  ย้ำไม่มีปัญหาเรื่องการทำงาน เพราะทราบดีว่ามีความสำคัญอย่างไร

ส่วนภาพที่ปรากฎภาพไปร่วมประชุมรัฐสภา และประชุมสภาผู้แทนราษฎร เจอและพูดคุยกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส พะเยา ถึง 2 วันติดต่อกันนั้น เป็นการเปิดดีลอะไรกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คุยกับใครไม่ได้เลยหรือ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาประชุมในนามพรรคใหม่ และเป็นช่วงจังหวะเวลาไปลงคะแนนในที่ประชุม ระหว่างนั้นทางเดินสายหลักในห้องประชุมสภามีเส้นเดียวเจอกันจึงทักทายกันปกติ และส่วนตัวเป็นเพื่อนกับร.อ.ธรรมนัสมา กว่า 20 ปี ถ้าเทียบก็รุ่นเดียวกัน โดยร.อ.ธรรมนัสเป็น ตท. รุ่นที่ 25 ตนก็รุ่น 25 มีเพื่อนกลุ่มเดียวกันมากมาย จึงเป็นเรื่องปกติที่เจอกัน เป็นคนละเรื่องระหว่างการทำงาน และการเมือง 

“โฆษกรัฐบาล” เผย เนื้อหมูราคาลง โว ผลงาน “บิ๊กตู่” สั่งแก้ไข เผย รัฐบาล แก้ปัญหาเร็ว บรรเทาปชช.เดือดร้อน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงราคาเนื้อหมู ที่เริ่มปรับราคาลง โดยราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ส่วนสะโพก ไหล่ ไม่รวมหมูเนื้อแดงปรุงแต่ง อยู่ที่กิโลกรัม(กก.)ละ 164-170 บาท ลดจากสัปดาห์ที่แล้ว วันที่ 30 ม.ค. ที่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 187 บาท และตอนนี้เฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 175 บาท ทั้งนี้เป็นไปตามการสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ให้กำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า แก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบห้องเย็น และโรงเชือด ที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้แจ้งการเก็บสต๊อกเนื้อหมูตั้งแต่ 5,000 กก.ขึ้นไป

โดยมีผู้แจ้ง 404 ราย มีเนื้อหมูในสต๊อก 15.5 ล้านกก. สำหรับรายที่ไม่แจ้ง ก็มีการตรวจสอบด้วย โดยตรวจรวม 616 ราย รวมมีเนื้อหมู 19.5 ล้าน กก. พบผู้กระทำผิด 12 ราย ส่งฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว 3 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 9 ราย นอกจากนี้ยังจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งในกรุงเทพฯ ได้ตรวจสอบตลาดสด 103 แห่ง ห้างค้าส่งค้าปลีก 101 แห่ง และในต่างจังหวัด ตรวจสอบทั้งตลาดสด ห้าง โดยรายที่พบการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายเกินราคา ได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว 

นายธนกร กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคจำเป็นอื่น เริ่มทยอยปรับราคาลง อาทิ เนื้อไก่ ราคาจำหน่ายในห้าง เนื้อน่องติดสะโพกกก. ละ 65 บาท ส่วนในตลาดสด ราคาแตกต่างกันแต่ละพื้นที่ เฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 70-75 บาท และคาดว่าแนวโน้มราคายังทรงตัวต่อไป ส่วนน้ำมันพืชปาล์ม ราคาที่สำรวจจากร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ขวดลิตรละ 64-65 บาท และในห้าง 61-62 บาท และมีแนวโน้มลดลง และทรงตัวในระดับนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ผักสดมีทั้งราคาเพิ่มและลดลงตามแต่ละพื้นที่ โดยมีต้นทุนค่าขนส่งเป็นตัวแปร ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ราคาทรงตัว ยกเว้นภาคใต้ ที่ราคาอาจจะสูงกว่าภาคอื่นเล็กน้อย เนื่องจากมีต้นทุนในเรื่องค่าขนส่งจากระยะทางที่ไกล

รัฐบาลชวนลงทะเบียน 'คนละครึ่ง เฟส 4' วันแรก 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความยินดีที่ประชาชนพอใจโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ที่กระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริงและต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดโครงการเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 65 มีประชาชนที่กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 24.67 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 26.35 ล้านราย และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 แล้วจำนวน 1.33 ล้านราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 205 ราย 

โดยในวันนี้จะเป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนกลุ่มใหม่ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ลงทะเบียนเป็นวันแรก (10 ก.พ. 2565) ต่อเนื่องทุกวัน ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com จนกว่าจะครบจำนวน 29 ล้านสิทธิ ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปฯ ที่ลงทะเบียนโครงการฯ ระยะที่ 4 สำเร็จ จะสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ. - 30 เม.ย. 2565


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top