Tuesday, 8 July 2025
Hard News Team

“บิ๊กตู่” ยังมั่นใจศึกซักฟอกเกลือไม่เป็นหนอน 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิเสธแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยระหว่างเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงราคาน้ำมันในขณะนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่กังวล แต่กังวลว่าวันหน้าจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อถามว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้กลัวจะมีสภาพเกลือเป็นหนอนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เกลือไม่เป็นหนอนหรอก” พร้อมกับหันมาชี้ที่กลุ่มสื่อมวลชน กล่าวกล่าวด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อยว่า “อยู่แถวนี้แหละ” ก่อนเดินกลับขึ้นไปยังห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที

‘บิ๊กป้อม’ ไม่สน คนพปชร.ย้ายซบพรรคอื่น ยังมั่นใจ ‘พรรคเศรษฐกิจไทย’ อยู่ข้างรัฐบาล

“บิ๊กป้อม” ไม่สน คนพปชร.ย้ายซบพรรคอื่น ลั่น ช่วยค้ำรัฐบาลพอ ปัด เลือดไหลจากพรรค โว คนแห่เข้าพปชร. ครึ่งร้อยไม่พูด 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า ก็ดี ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาอยากจะไปอยู่ที่ไหนก็เรื่องของเขา ทำงานให้ประชาชนอยู่ที่ไหนก็ได้

'บิ๊กตู่' ชื่นชม 'สกีทีมชาติไทย' คว้าอันดับ 4 ของทวีปเอเชียในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022 (Olympic Games Beijing 2022) พร้อมส่งเสริมนักกีฬาไทยในเวทีระดับโลก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมชื่นชมและยินดีกับนักสกีทีมชาติไทยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022 (Olympic Games Beijing 2022) ครั้งที่ 24 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4-20 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งล่าสุด นายนิโคล่า ซานอน สามารถรักษามาตรฐานและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้ ด้วยการติดอันดับที่ 4 ของทวีปเอเชีย และเป็นอันดับที่ 38 ของโลก จากนักกีฬาทั้งหมด 87 คน ด้วยเวลา 1 นาที 20.83 วินาที เวลารวมสองรอบ 2 นาที 38.36 วินาที ในรายการการแข่งขัน อัลไพน์สกี ชาย ประเภทไจแอนท์ (Alpine skiing: Men's giant slalom) ด้าน นางสาวคาเรน จันเหลือง สามารถทำอันดับได้ที่ 63 จากเดิมอันดับ 84 ด้วยเวลารวม 33 นาที 14 วินาที ในรายการการแข่งขัน สกี ครอสคันทรี ประเภท คลาสสิก หญิง ระยะ 10 กิโลเมตร (Cross-country skiing: Women's 10km classic)

นายธนกร กล่าวว่า นักกีฬาทีมชาติไทยทั้งสองผ่านการเข้าแข่งขันเป็นสมัยที่ 2 หลังจากได้แข่งขันในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว เกาหลีใต้ 2018 ซึ่งนับเป็นระยะกว่า 4 ปี ที่นักกีฬาได้ฝึกฝน พัฒนาทักษะมาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จจากการเตรียมความพร้อมผ่านประสบการณ์และพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นในทุกด้าน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ให้การส่งเสริมอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุนกีฬาไทยทุกประเภททั้งในระดับประเทศและในระดับโลก

"แรมโบ้" ซัด "เพื่อไทย" ช่วยศึกษาข้อมูลเรื่องน้ำมันแพงให้ถ่องแท้ อย่าบิดเบือนใส่ความนายกฯและรัฐบาล  สอนมวยกลับ ช่วยตรวจสอบย้อนหลังรัฐบาลน้องสาวนายโทนี่แตะ 50 บาทต่อลิตร ทำไมสมุนโทนี่ไม่ออกมาโวยวายบ้าง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อมูลถึง "ราคาน้ำมันแพง"ซึ่งตนขอเปิดเผยข้อมูลที่หลายคนพูดไม่ค่อยครบ ทุกมุมมอง ทุกมิติ โดยเฉพาะคนที่ตั้งหลักจะตีรวน ย่อมหยิบเพียงบางประเด็นมาโจมตี เพื่อสนองตัณหาส่วนตัว และ ดิสเครดิตรัฐบาล โดยใช้ข้อมูลที่ไม่ได้ศึกษาอย่างครบถ้วนมาโจมตีให้เกิดความเข้าผิดต่อประชาชน 

ซึ่งปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันโดยตรง ก็คือ ปัญหาความตึงเครียดระหว่างประเทศรัสเซียกับสหรัฐฯ และพันธมิตร "นาโต้" เกี่ยวกับยูเครน ซึ่งหากว่าใครติดตามข่าวสารก็จะเข้าใจ สิ่งสำคัญคือ...มันมีผลทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยทั้ง 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ สหรัฐฯ และรัสเซีย ต่างเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก  และมีน้ำมันสำรองระดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่กลับได้รับประโยชน์ที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น 

ไม่เพียงเท่านี้ ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อเนื่อง คือสถานการณ์โควิดที่ยืดเยื้อมากว่า 2 ปี ถือเป็น "มหาวิกฤต" ครั้งใหญ่ที่สุด หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกในปี 2563 ลดลงร้อยละ 3.2 และร้อยละ 9.6 ตามลำดับ ซึ่งรุนแรงยิ่งกว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ปี 2540 และ "วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์" ปี 2549 เพราะส่งผลกระทบทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เหมือน "วิกฤตมหาอุทกภัย" ปี 2554 ที่เป็นความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์ น้องสาวโทนี่ ที่รอคนนอกประเทศกดปุ่ม มันก็ไม่ทันต่อสถานการณ์แน่นอน 

นายเสกสกล กล่าวต่ออีกว่า หากจะกล่าวหาลอยๆ ว่าไทยน้ำมันแพงกว่าเพื่อนบ้านอาเซียน ตนก็อยากเอามาแบให้เห็น ให้ชัดกันไปเลยว่า "ราคาดีเซล" เฉลี่ยทั้งประเทศ เรียงจากแพงไปหาถูก คือ สิงคโปร์ (56.7 บาท/ลิตร) ลาว (34.7 บาท/ลิตร) ฟิลิปปินส์ (32.0 บาท/ลิตร) เมียนมา (31.7 บาท/ลิตร) กัมพูชา (30.8 บาท/ลิตร) อินโดนีเซีย (30.5 บาท/ลิตร) ไทย (29.9 บาท/ลิตร) เวียดนาม (27.5 บาท/ลิตร) มาเลเซีย (17.0 บาท/ลิตร) และบรูไน (7.62 บาท/ลิตร) สำหรับ "ราคาเบนซิน" เฉลี่ยทั้งประเทศ เรียงจากแพงไปหาถูก คือ สิงคโปร์ (66.8 บาท/ลิตร) ลาว (44.6 บาท/ลิตร) ฟิลิปปินส์ (38.9 บาท/ลิตร) กัมพูชา (38.1 บาท/ลิตร) ไทย (34.5 บาท/ลิตร) เวียดนาม (34.5 บาท/ลิตร) เมียนมา (32.5 บาท/ลิตร) อินโดนีเซีย (28.9 บาท/ลิตร) มาเลเซีย (16.2 บาท/ลิตร) และบรูไน (13.0 บาท/ลิตร) (ข้อมูล ณ 7 ก.พ.65)

ดังนั้น มันชัดเจนแล้วว่า ราคาน้ำมันไทย ทั้งดีเซลและเบนซิน "ไม่ได้แพง" อย่างที่บางคนกล่าวหา โดยเฉพาะกลุ่มพรรคพวกสมุนนายโทนี่ น่าจะตักน้ำใส่กระโหลก ย้อนมองไปดูราคาน้ำมันในอดีตปี 2557 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ลักหลับ เบนซินสูงสุด ตั้งแต่ตนเกิดมาสูงเป็นประวัติการณ์เกือบ 50 บาท/ลิตร จะจอดรถทิ้งที่บ้านก็หารถไฟฟ้าไม่มี จะเดินไปทำงานก็คงไม่ไหว ยังจำได้หรือไม่ หรือคนในพรรคเพื่อไทยแกล้งลืม

อย่างไรก็ตาม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ให้ได้มากที่สุด เช่น (1) ลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดย ลดส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7, ลดสัดส่วนผสมขั้นต่ำของไบโอดีเซล, ลดค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้มีสัดส่วนผสมเดียว (2) ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร มาอย่างต่อเนื่อง จนถึงสิ้น มี.ค.65

นอกจากนี้ ยังมีความพยายามลดค่าครองชีพด้านอื่นๆ อีก เช่น (1) ขยายส่วนลด LPG จำนวน 100 บาท/คน/เดือน ถึงสิ้น ม.ค.65 (2) ตรึงราคา LPG อยู่ที่ 318 บาท สำหรับถัง 15 กิโลกรัมถึงสิ้น มี.ค.65 (3) ตรึงราคา NGV อยู่ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม ถึง 15 มี.ค.65 (4) ลดค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า ให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 14 ล้านคน  ช่วง ต.ค.64 - ก.ย.65 รวมทั้งออกโครงการต่างๆ เช่น "คนละครึ่ง" เพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและกระตุ้นกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจฐานรากด้วย

กรมชลประทาน พร้อมรับมือน้ำเค็มรุก 

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้วางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงฤดูแล้งของทุกปี โดยกรมชลประทานได้พิจารณาแนวทางเพื่อรับมือและกำหนดมาตรการควบคุมความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยการเพิ่มการระบายจากเขื่อนภูมิพล ตั้งแต่ช่วงวันที่ 2 - 5 กุมภาพันธ์ 2565 ในอัตราเฉลี่ยวันละ 24 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมกับรักษาระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราเฉลี่ย 85 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 

สำหรับที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ปรับแผนเพิ่มการระบายน้ำ ในอัตราเฉลี่ยวันละ 5.18 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจะทยอยปรับลดการระบายลงเหลืออัตราเฉลี่ยวันละ 4.32 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะเดียวกันจะควบคุมระดับเหนือเขื่อนพระรามหก ให้อยู่ในเกณฑ์ และปรับแผนเพิ่มการระบายน้ำอยู่ในอัตราเฉลี่ย 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากนั้นจะทยอยปรับลดการระบายลงเหลืออัตราเฉลี่ย 20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในลำดับต่อไป 

ตัวแทนครูขอบคุณ ”บิ๊กตู่” ช่วยผลักดันการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างจริงจัง จนเกิดผลเป็นรูปธรรม “ส่ัง”ขยายผลแก้ปัญหาหนี้ของข้าราชการส่วนอื่น ๆ และประชาชนทุกมิติ

ที่ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  นำคณะครู จำนวน 40 คน เข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ผลักดันการแก้ไขปัญหาหนี้ครูอย่างจริงจังจนเกิดผลเป็นรูปธรรม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ต้องการแก้ไขสถานการณ์หนี้สินครัวเรือนและประชาชนรายย่อยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบ และเป็นธรรม

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาหนี้ครูผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ ว่า ผลการดำเนินการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยกรณีเป็นลูกหนี้ปกติก็จะรับการลดอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ใช้งบประมาณของประเทศ โดยเป็นการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับครู ขณะที่หนี้ที่มีปัญหาก็มีกระบวนการในการปรับโครงสร้างหนี้อย่างเหมาะสม ที่เป็นการตกผลึกร่วมกันระหว่างเจ้าหนี้ กับสหกรณ์ และลูกหนี้ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีและได้เริ่มดำเนินการแล้วประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูดำเนินการจะเป็นต้นแบบสำคัญในการขยายผลไปสู่สหกรณ์ออมทรัพย์อื่น ๆ ของประเทศต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ข้าราชการทั้งประเทศได้ลดภาระของหนี้ที่มีอยู่ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ในปี 2565 เป็นปีของการแก้ไขหนี้ภาครัวเรือนอย่างแท้จริง   

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประชาชนและหนี้ของครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยการหาแนวทางให้ข้าราชการครูมีเงินใช้จ่ายอย่างเพียงพอในการใช้ชีวิตปัจจุบัน อนาคต และหลังเกษียณอายุราชการไปแล้ว ให้เกิดความมั่นคงในชีวิตทั้งตนเองและครอบครัวภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ขณะที่เงินเดือนก็ไม่สามารถขึ้นให้ได้มากนัก เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการขึ้นเงินเดือน ดังนั้น จึงต้องมาแก้ไขภาระหนี้สินต่าง ๆ ที่มีอยู่ ผ่านกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิมก่อน รวมถึงการตั้งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อย่างไรก็ตามแนวทางต่าง ๆ จะสำเร็จได้ ทุกคนต้องช่วยกันแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติและการดำเนินการผ่านกลไกที่มีอยู่

โดยขอบคุณที่ทุกคนได้สานต่อนโยบายของนายกรัฐมนตรีไปสู่การปฏิบัติจนเกิดผลเป็นรูปธรรมในการดำเนินการแก้หนี้ครูจนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งจะเป็นตัวอย่างสำคัญในการขยายไปสู่การแก้ปัญหาหนี้ให้กับข้าราชการส่วนอื่น ๆ ต่อไปด้วยทั้งในส่วนของข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้กับประชาชน ในการแก้ปัญหาความยากจนรายครัวเรือนทุกมิติทั้งเรื่องสุขภาพ คุณภาพชีวิต ที่อยู่อาศัย การเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ การเข้าถึงบริการภาครัฐ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ทุกคนเข้มแข็งด้วยตนเอง โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตและปฏิบัติหน้าที่ และให้ใช้จ่ายให้สอดคล้องกับศักยภาพของตนเอง ทั้งนี้เรื่องใดที่สามารถทำได้เร็วให้ทำก่อน ส่วนตรงไหนที่ติดขัดก็ให้เร่งปรึกษาหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไข โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานและข้อกฎหมาย ต้องไปหารือกันอีกครั้งให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนการดำเนินการแก้ปัญหา โดยต้องไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ตามมาภายหลังอีก ทุกอย่างต้องทำเพื่อประชาชนทุกคน

น้ำปลาร้า ‘แม่บุญล้ำ’ จัด 2 กิจกรรมใหญ่ เอาใจแม่ค้าและคนไทยทั้งประเทศ 

แม่ค้าร้านตำ ร้านยำ มีเฮ! ยิ่งซื้อ ยิ่งล้ำ ยิ่งใช้ ยิ่งรวย กับกิจกรรม ‘รวยล้ำล้ำกับแม่บุญล้ำ’ ลุ้นบัตรทองคำ กับ ‘น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ’ พร้อมกับ เอาใจชาว TikTok ชวนสร้างสรรค์คลิปสุดล้ำ ร้อง ทำ กิน เต้น กับเพลงแม่บุญล้ำ กิจกรรม ‘สนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ’ ชิงรางวัลสุดล้ำ ตลอดเดือน ก.พ. นี้

คุณพิไรรัตน์ บริหาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำปลาร้าแบรนด์ ‘แม่บุญล้ำ’ กล่าวว่า ‘จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์น้ำปลาร้าไทยในชื่อ ‘แม่บุญล้ำ’ ที่อยู่ในแวดวงนี้มามากกว่า 38 ปี ได้ปฏิวัติสินค้าน้ำปลาร้าของตนแบบพลิกโฉม ตั้งแต่การผลิตด้วยระบบปลอดเชื้อ โรงงานระดับมาตรฐานโลก จนปัจจุบันเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและส่งออกไปยังหลายๆ ประเทศทั่วโลก ภายใต้แนวคิดและความเป็นผู้นำในตลาดน้ำปลาร้า ‘ล้ำความคิด ล้ำความอร่อย’ เพื่อผลักดันให้น้ำปลาร้าเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงคู่ครัว เพื่อเป็นการรุกตลาดน้ำปลาร้าในปี 2565 นี้ จึงได้จัดหนัก 2 กิจกรรมใหญ่ เอาใจแม่ค้าและคนไทยทั้งประเทศ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้’

กิจกรรมแรก เอาใจกระแส TikTok โซเชียลมีเดียสุดฮิต น้ำปลาร้า ‘แม่บุญล้ำ’ ชวนสายล้ำ!! แค่โชว์ล้ำง่ายๆ ก็ได้เงินหมื่น!! ร่วม ‘กิจกรรมสนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ’ โชว์ Step ร้อง ทำ กิน เต้น ประกอบเพลงแม่บุญล้ำ ผ่าน TikTok กดใช้เสียงเพลงแม่บุญล้ำ ใครล้ำเกินหน้าเกินตา ชนะใจโซเชียล รับรางวัลเงินสด 10,000 บาท แจกให้พร้อมมีรางวัลปลอบใจให้อีกเพียบ! เพียงทำง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน!!

1. ครีเอทคลิปสุดล้ำ ลง TikTok โดยใช้เพลงแม่บุญล้ำ
2. แท็กชื่อ TikTok @Maeboonlamofficial พร้อมติดแฮชแท็ก #สนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ #น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ #แฮปปี้มาร์เก็ต
3. แชร์ลิงก์จาก TikTok ไปที่หน้า Facebook Fanpage แฮปปี้ มาร์เก็ต ชาแนล พร้อมติดแฮชแท็ก #สนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ #น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ #แฮปปี้มาร์เก็ต ส่งทุกความล้ำได้ตั้งแต่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2565 แล้วรอลุ้นผลกันภายใน 10 มีนาคม 2565

กิจกรรมที่สอง ‘รวยล้ำล้ำกับแม่บุญล้ำ’ เอาใจร้านตำ ร้านยำ หรือร้านอาหารที่ซื้อสินค้าน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสตราแม่บุญล้ำ สูตรฝาแดง ขนาด 2 ลิตร ขั้นต่ำ 1 ลัง หรือ สูตรใด ขนาดใดก็ได้ มูลค่าขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับคูปอง 1 ใบ และซื้อสินค้าน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสตราแม่บุญล้ำ สูตรใด ขนาดใดก็ได้ ทุก 2,500 บาท มีสิทธิ์ได้รับคูปอง 10 ใบ เขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร หย่อนกล่องที่พนักงานขาย ลุ้นบัตรทองคำมูลค่า 25,000 บาทต่อจังหวัด (1 จังหวัด ต่อ 1 รางวัล) เฉพาะร้านอาหาร ร้านตำ ร้านยำ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุดรธานี, อุบลราชธานี, เชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต และกาฬสินธุ์ รวม 9 รางวัล ยิ่งซื้อมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565

ติดตามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ Facebook และ TikTok แม่บุญล้ำ และ แฮปปี้ มาร์เก็ต ชาแนล

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ออกโรงเตือนเด็กๆ ไปม็อบ ระวังได้ของแถม หลังเรื่องฉาวแกนนำคาวฟุ้ง

15 ก.พ. 65 - นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ว่า กลิ่นเน่าเหม็นคาวของแกนนำชื่อ นิว ไม่ทันจางหาย ก็มีกลิ่นของน้ำเหม็นเน่าไล่มาติดๆ ชาวบ้านชาวช่องสำลักกลิ่น จนทนไม่ได้ ออกมาเปิดโปงวีรเวร จนปิดข่าวไม่ทัน

ไหนว่ารังเกียจการกดขี่ รักความเสมอภาค ไหนว่ารักสิทธิมนุษยชน เสรีภาพ แต่ข่าวคราวที่เกิดขึ้นมันตรงข้ามกับเสียงเรียกร้องดั่งฟ้ากับเหวนะ

ไม่เป็นไร มาตรฐานเสมอด้วยเจ๊ จ.

ที่รับประกันว่า คนเหล่านี้เป็นคนดี ตำรวจจับก็วิ่งประกันให้

สุภาษิตโบราณว่าไว้ ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง จะเหลือปลาดีกี่ตัว

อยากเตือนเด็กๆ ที่ไปม็อบจะด้วยเหตุใด อย่าหลงเชื่อแกนนำจอมปลอม ระวังจะได้ของแถมโดยไม่เต็มใจ

'นายกฯ' มอบโล่แก่  'หน่วยงาน/องค์กร' ผู้มีคุโณปการต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยภายใต้โครงการ “Workation Thailand” ทํางานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ พร้อมสนับสนุนให้ไทยเป็นสวรรค์ของนักเดินทางชาวไทยและต่างชาติทั่วโลก

ที่ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณและประกาศนียบัตรแก่หน่วยงานหรือองค์กรที่มียอดสะสมแต้มความอยู่รอดของผู้ประกอบการ (Survival Point) ซึ่งเป็นผู้มีคุโณปการต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ภายใต้โครงการ “Workation Thailand” ทํางานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ” สูงสุด 11 อันดับแรก หรือระดับ Legendary และ Gold เพื่อเป็นการสร้างกําลังใจให้กับหน่วยงานและองค์กรในการสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยต่อไปในอนาคต

ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในฐานะฟันเฟืองสําคัญในการสร้างรายได้เพื่อพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในหลายมิติ ภายใต้แนวคิด “Working Outing & Meeting from Somewhere เปลี่ยนทุกที่ของประเทศไทยให้กลายเป็นที่ทํางาน พบปะ พูดคุย สังสรรค์และจัดประชุม ท่ามกลางบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มุ่งเน้นประชาสัมพันธ์โครงการ “Workation Thailand” ทํางานเที่ยวได้ ให้ประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติได้รับทราบอย่างกว้างขวางและเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีในการที่จะเปลี่ยนทุกที่ของประเทศไทยให้กลายเป็นที่ทํางาน พบปะ พูดคุย สังสรรค์และจัดประชุม โดยนายกรัฐมนตรี พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นโลเคชั่น พาราไดซ์ สวรรค์ของนักเดินทาง และเป็นสถานที่ทำงานไปด้วยสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติทั่วโลก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับพื้นที่และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมทั้งช่วยผู้ประกอบการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยวให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้อีกด้วย

าหรับผู้ประกอบการที่มียอดสะสมแต้มความอยู่รอดสูงสุด 11 อันดับในระดับ Legendary และ Gold ที่ได้รับประกาศเกียรติคุณและประกาศนียบัตร ได้แก่ 1. บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) 2. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 3. ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) 4. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 5. สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

6. บริษัท ไทยออยล์ จํากัด (มหาชน) 7. บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) 8. บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน) 9. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 10. บริษัท สโตนเฮ้าจ์ อินเตอร์จํากัด (มหาชน) และ 11. บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จํากัด ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการถึง 885 ราย ผู้มีคุโณปการต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย จํานวน 117 ราย และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 โครงการ Workation Thailand มียอดขายรวม 154,507,000 บาท

รักใครให้หอม “บิ๊กตู่” เชิญชวนผู้สนใจสั่งซื้อหอมแดง GI เกรด A มอบเป็นของขวัญในเดือนแห่งความรักในกิจกิจกรรม “สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม” ร่วมอุดหนุนช่วยเหลือเกษตรกรช่วงผลผลิตล้นตลาด  

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)  น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงจังหวัดศรีสะเกษ นำหอมแดงในกิจกรรม “สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม” มอบให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม คณะรัฐมนตรี(ครม.) และผู้เข้าร่วมการประชุม ครม.  

น.ส.ไตรศุลี  กล่าวว่า กิจกรรม “สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม” เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันดำเนินการเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ที่ขณะนี้ประสบปัญหาหอมแดงราคาตกต่ำ เนื่องจากช่วงเดือนต.ค.-มี.ค.ทุกปีจะมีผลผลิตออกมาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก โดยในปีนี้จังหวัดศรีสะเกษได้เพิ่มพัฒนาช่องทางการตลาด กิจกรรมส่งเสริมการขายหลายช่องทางเพื่อให้ผู้สนใจร่วมอุดหนุนเกษตรกรได้สะดวกยิ่งขึ้น  

สำหรับในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรักจังหวัดศรีษะเกษจึงจัดกิจกรรม “สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม” เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และกระตุ้นการบริโภคในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ โดยเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศสั่งซื้อหอมผ่าน Line Official “รักใครให้หอม” โดยผู้สั่งซื้อจะได้รับหอมแดง GI เกรด A ใส่ในถุงตาข่ายถุงละ 1 ก.ก. พร้อมป้ายข้อความอวยพรรวม 3 ถุงบรรจุในกล่องราคา 189 บาท/กล่อง(รวมค่าจัดส่ง) ส่วนผู้สนใจสั่งเป็นชุดเล็กสามารถสั่งชุด 1 ก.ก. ราคา 40 บาท(ไม่รวมค่าจัดส่ง) หรือชุดคู่เซต(หอม+กระเทียม) ชุดละ 79 บาท(ไม่รวมค่าจัดส่ง)  

“นายกรัฐมนตรี เชิญชวนให้คนไทยทั่วประเทศช่วยกันอุดหนุนหอมแดงจังหวัดศรีสะเกษเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร และเป็นการอุดหนุนสินค้าคุณภาพมาตรฐาน GI ของประเทศไทยด้วย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับช่องทางการขายอื่นๆ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ขอรับการสนับสนุนเครือข่ายพาณิชย์และเกษตรจังหวัดต่างๆ เพื่อจับคู่ค้าขายโดยตรง ประสานจุดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าทั้งในและต่างจังหวัดเพื่อสั่งหอม จากเกษตรกรไปจำหน่ายภายใต้กิจกรรมสื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม เช่นเดียวกัน รวมถึงมีกิจกรรมส่งเสริมการขายในจังหวัด ได้แก่ กิจกรรมหมอแดงโมบายล์ โดยนำหอมแดงไปขายภายในช่วงเทศกาลต่างที่จังหวัดจะเกิดขึ้น เช่น  เทศกาลแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ระหว่างวันที่ 5-25 มี.ค. 2565 และการแข่งขันกีฬาคนพิการ ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 30 มี.ค.-3 เม.ย. 2565  รวมถึงประสานผู้ส่งออกทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เพื่อรับซื้อหอมแดง GI ศรีสะเกษ และผลักดันการส่งออกโดยกลไกเซลแมนจังหวัดและเซลแมนประเทศ(ทูตพาณิชย์)   


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top