Monday, 7 July 2025
Hard News Team

'นายกฯ' ตั้งเป้าพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ เพิ่มการมีส่วนร่วมและผู้นำหญิง 'รัชดา' ประเดิมงานกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ขับเคลื่อนงานด้านสตรี

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ด้านประสานการมีส่วนร่วม เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ อ.เมือง อ.ปะนาเระ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี  อ.จะนะ จ.สงขลา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และอ.เมือง จ.ยะลา เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการด้านเด็กและสตรี (ศป.ดส.) นักวิจัย เครือข่ายภาคประชาสังคม ผู้นำท้องที่และท้องถิ่น เกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานด้านสตรีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เน้นย้ำการทำงานของภาครัฐต้องให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม 

โดยเฉพาะการกำหนดยุทธศาสตร์ของสตรี ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างสูงสุด ภายใต้แนวทางที่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมของพื้นที่ และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทั้งพุทธและมุสลิมในทุกๆมิติ ทั้งนี้  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและสร้างการมีส่วนร่วมจากพลังสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ระยะ 6 ปี) เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมี กลุ่ม/องค์กร/เครือข่ายการปฏิบัติงานด้านสตรี 64 องค์กร ร่วมหารือให้ความคิดเห็น และเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป 

“ขณะเดียวกัน กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมต่อยอดการเสริมบทบาทผู้หญิงและความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมพลังสตรี ระหว่างวันที่ 17 – 18 ก.พ. นี้ ที่ จ.ปัตตานี แก่กลุ่มเครือข่ายสตรีในจังหวัดชายแดนใต้ โดยเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและโอกาสในการเข้าถึงสิทธิ รวมถึงแนวทางและช่องทางการให้ความช่วยเหลือให้กับเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านสตรีในพื้นที่ เพื่อให้สตรีเป็นพลังในการพัฒนาตนเอง ชุมชน และสังคม อีกทั้งจะอบรมเรื่องการเขียนโครงการและจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ (Gender Responsive Budgeting: GRB) ซึ่งเป็นไปตามมติครม.ที่เพิ่งเห็นชอบเมื่อ ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรมและเหมาะสมตามความจําเพาะของผู้หญิง ซึ่งการผลักดันโครงการทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ตอบสนองต่อความต้องการกลุ่มสตรี จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ”รัชดากล่าว

ตำรวจไซเบอร์ ทลายรัง แก๊งค์ Call Center & Admin page ชาวไทยกว่า 70 คน หลอกชักชวนลงทุนออนไลน์และพนันออนไลน์ ก่อนเชิดเงินและบล็อคการติดต่อเหยื่อ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย ฯพณฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุขผบ.ตร. ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการลักลอบเล่นการพนันออนไลน์ ซึ่งเป็น นโยบายสำคัญที่ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัดกับผู้ระทำความผิดไม่มีละเว้น

จากกรณี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ว่าได้ถูกคนร้ายหลอกให้หลงเชื่อเพื่อให้นำเงินไปลงทุนกับคนร้าย โดยคนร้ายอ้างว่าสามารถนำเงินของผู้เสียหายไปลงทุนจนได้กำไรสูง ซึ่งต่อมาคนร้ายได้แจ้งให้ผู้เสียหายว่าได้รับกำไรจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว แต่ผู้เสียหายต้องโอนเงินเป็นค่าถอน ค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และค่ารหัสผ่านในการถอนเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินให้แก่กลุ่มคนร้ายหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 12,139,000.25 บาท ต่อมาภายหลัง เมื่อผู้เสียหายทราบว่าตนถูกหลอกลวง จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ สั่งการให้ พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 เป็นผู้ควบคุมการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ โดยกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ได้ออกสืบสวนคดีนี้ พบว่ากลุ่มคนร้ายได้เปิดเพจหลอกลงทุนและนำเงินจากการลงทุนมาเล่นพนันออนไลน์

ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวน หาตัวคนร้ายกับกลุ่มที่ร่วมขบวนการ ทราบว่า ได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่ หอพักคิตตี้ เลขที่ 601 หมู่ 10 ชั้น 2 ตำบลท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี จึงได้วางแผนเข้าตรวจค้นจับกุม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขออนุญาตศาลจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเข้าค้นบ้านหลังดังกล่าว

ผลการตรวจค้นพบ สถานที่ทำงาน ใช้ตึกอพาร์ทเม้นท์ 2 ชั้น ดังกล่าว โดยแบ่งเป็นชั้นๆละ 18 ห้อง รวม 36 ห้อง ชั้นบนเป็นที่พักพนักงาน ชั้นล่างเป็นที่ทำงาน ไม่รับบุคคลนอกและไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไป แต่ใช้เป็นที่ทำงาน Call Center & Admin page ในการชักจูงและหลอกให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุนการพนันผ่านทางช่องทางเฟสบุ๊ค และทางไลน์ ซึ่งการทำงานของกลุ่มคนร้าย มีการแบ่งการทำงานแต่ละห้อง พบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือในการกระทำความผิดและพักอาศัยอยู่ตึกดังกล่าวทั้งหมด

จากการตรวจค้นพบผู้กระทำความผิด 66 คน, เงินสด 1,300,000 บาท, ทองคำ 20 บาท, รถยนต์ 3 คัน, คอมพิวเตอร์ 87 เครื่อง,​โทรศัพท์มือถือ 23 เครื่อง, อาวุธปืน ขนาด .45 ยี่ห้อ CZ จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน .45 จำนวน 25 นัด, บัญชีธนาคาร 50 เล่ม ซึ่งพบเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท

จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ได้รับการว่าจ้างจากนายทุน ให้เงินเดือนเดือนละหมื่นต้นๆ โดยอาศัยที่ดังกล่าว รวมถึงมีอาหารไว้ให้พนักงานที่ร่วมกระบวนการโดย การชักจูงให้โอนมาลงทุน เมื่อได้รับเงินก็จะหลอกหลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพิ่มเรื่อยๆ​ และเมื่อผู้เสียหายเริ่มรู้ก็ทำการบล็อคหนี

ซึ่งในเบื้องต้น จะควบคุมผู้ต้องหา ทั้ง 66 ราย ส่ง พงส.สภ.ศรีมหาโพธิจว.ปราจีนบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น อุบายประกาศ โฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.การพนัน” และ ดำเนินคดีกับ ผู้ที่มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อม ดำเนินการขยายผลในความผิดฐานฟอกเงิน และ การกระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนต่อไป

‘วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ วันสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช 

สมเด็จพระนารายณ์ หรืออีกพระนามหนึ่งว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ในอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา โดยทรงขึ้นครองราชย์เมื่อแรม 2 ค่ำ เดือน 12 พ.ศ. 2199 ในขณะที่มีพระชนมายุ 25 พรรษา ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงมีพระราชกรณียกิจที่ส่งเสริมให้กรุงศรีอยุธยาเจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านการค้าขาย ได้มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากยิ่งกว่าในรัชสมัยอื่นๆ ทรงปรับปรุงกรมพระคลังสินค้า โปรดเกล้าฯ ให้ต่อเรือกำปั่นหลวง เพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ จึงทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้ากับชาวต่างประเทศ

ต่อมาเมื่อเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ผู้เป็นชาวกรีกได้ช่วยปรับปรุงงานของกรมพระคลังสินค้าอีก ทำให้การค้าขายกับต่างประเทศเจริญรุ่งเรืองสูงสุด มีพ่อค้าชาวฝรั่งเศสบันทึกไว้ว่า “ในชมพูทวีปไม่มีเมืองใดที่จะแลกเปลี่ยนสินค้ามากเท่ากับในสยาม สินค้าขายได้ดีมากในสยามและการซื้อขายใช้เงินสด” 

‘ก้าวไกล’ จี้รัฐใช้ ‘กองทุนฟื้นฟูฯ’ แก้โครงสร้างหนี้เกษตรกร พร้อมแนะ ‘นโยบายเกษตรวิถีก้าวไกล’ เป็นทางออกควบคู่

‘คำพอง’ จี้ ภาครัฐใส่ใจแก้ปัญหา ‘หนี้ชาวนา’ เผย กลไก ‘กองทุนฟื้นฟูฯ’ ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ได้มาก แต่ต้องเร่งทำกว่านี้ ด้าน ‘เดชรัต’ สะท้อน เกษตรกรไทยยังขาดกลไกรองรับแบบใกล้ชิด แนะใช้ ‘นโยบายเกษตรวิถีก้าวไกล’ เป็นทางออก

ต่อกรณีที่ กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) เคลื่อนขบวนไปปักหลักชุมนุมบริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยมีข้อเรียกร้องสำคัญ คือขอให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ชะลอการฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของสมาชิก และเร่งดำเนินการโอนหนี้สินเข้าสู่กระบวนการการจัดการหนี้สินของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) พร้อมกับขยายเพดานวงเงินการซื้อหนี้ NPA จาก 2.5 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาทเพื่อออกเป็นมติ ครม. นั้น

นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกรที่กำลังต่อสู้กับภาระหนี้สินทุกๆ คน หนี้สินเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอันเนื่องมาจากการมีรัฐบาลที่ไม่เคยใส่ใจปัญหาของพี่น้องเกษตรกรมาอย่างยาวนาน ปล่อยละเลยให้ต้องเผชิญชะตากรรมและแบกรับผลกระทบจากนโยบายเกษตรแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เรื่อยมา ตนเองเป็นเกษตรกรก่อนจะมาเป็นผู้แทนราษฎรจึงรู้สภาพปัญหาเหล่านี้ดี

“รัฐบาลบอกเสมอว่าลดต้นทุนการผลิตสิ แต่ไม่เคยช่วยอย่างจริงจังอะไรเลย ทุกวันนี้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทุกอย่าง น้ำไม่มีต้องไปหา ค่าปุ๋ยไม่ต้องพูดถึงแพงมากโดยที่รัฐแทบไม่ได้ช่วย สวนทางกับราคาพืชผลการเกษตรที่มีแต่ต่ำลงๆ ภาพแบบนี้เกิดขึ้นวนเวียนจนเป็นวงจรหนี้ของเกษตรกรตามมาด้วยดอกเบี้ยสถาบันการเงิน ยิ่งถมทับมากขึ้นๆ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายกลายเป็นมากกว่าเงินต้น แล้วแบบนี้พวกเขาจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร ยิ่งในสองปีที่ผ่านมา ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รายได้นอกภาคเกษตรลดลงอีก เมื่อก่อนยังมีเงินจากลูกหลานที่ออกไปทำงานในกรุงเทพฯ ส่งกลับมาจุนเจือได้ ตอนนี้ก็ลำบากเหมือนกัน บางคนต้องกลับมาบ้าน แต่งานใหม่ก็ยังไม่มี ผมจึงอยากให้รัฐบาลฟังเสียงเรียกร้องของเกษตรและชาวนาเพื่อตัดสินใจทางนโยบายที่เหมาะสมโดยเร็วด้วย 

“ผมคิดว่าหลังสถานการณ์โควิด ข้อเรียกร้องการพักหนี้ ชะลอหนี้ หรือการเยียวยาเป็นสิ่งที่รับฟังได้ พี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบไม่แตกต่างๆ จากกลุ่มอื่น พวกเขาควรได้รับความเห็นใจจากรัฐบาลในการเจรจาหรือช่วยพยุงสถานทางเศรษฐกิจไม่ให้ทรัพย์สินของเขาถูกยึด ขณะเดียวกัน การปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการซื้อหนี้จากสถาบันการเงินไปให้กองทุนฟื้นฯ ดูแลต่อ เพื่อให้พวกเขาจ่ายหนี้ได้ยาวขึ้น ดอกเบี้ยต่ำลง ทรัพย์สินไม่สูญหาย พอจ่ายได้จนครบก็ได้รับที่ดินกลับคืน นี่เป็นแนวทางที่แก้ปัญหาได้จริง แต่เท่าที่ทราบ ที่ผ่านมากองทุนฟื้นฟูได้รับงบประมาณน้อย ไม่มีเงินไปซื้อหนี้ได้มากนัก จนทำให้คิวยาว พอมากเข้าเป็นล็อตใหญ่ก็อาจสร้างความกังวลให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ เมื่อภาครัฐเห็นปัญหาแบบนี้ก็ควรต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อทำให้การโอนหนี้ไปให้กองทุนฟื้นฟูฯ ทำได้คล่องตัว หลังจากนั้นจะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อทำให้กองทุนเป็นกลไกปกติที่เกษตรกรสามารถพึ่งพาได้เหมือนการรีไฟแนนซ์ในธุรกิจอื่น” คำพอง ระบุ 

ด้าน เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต พรรคก้าวไกล (Think Forward Center : TFC)  กล่าวว่า ที่ผ่านมา กองทุนฟื้นฟูฯ มีข้อจำกัด คือการได้รับจัดสรรทรัพยากรในการชำระหนี้แทนเกษตรกรน้อย ปี 2560-2563 กองทุนฯ สามารถชำระหนี้แทนเกษตรกรได้เฉลี่ยปีละ 320 ราย คิดเป็นวงเงินโดยเฉลี่ย 105 ล้านบาท/ปี เท่านั้น ซึ่งหากรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้แทนเกษตรกรได้ เกษตรกรก็จะสามารถปรับโครงสร้างหนี้ และเข้าสู่แผนฟื้นฟูของกองทุนฯ ได้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เดชรัต ยังกล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์โควิด สถานการณ์หนี้สินเกษตรกรยิ่งน่าเป็นห่วงขึ้น โดยหนี้สินเกษตรปี 2564 เมื่อเทียบกับ ปี 2562 พบว่า เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22 ขณะที่รายได้เกษตรลดลงถึงร้อยละ 27 เป็นภาวะที่สวนทางกันคือรายได้ลดแต่หนี้เพิ่มขึ้น และหากดูที่ศักยภาพของลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) จะพบว่า มีลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการใช้หนี้ต่ำมากถึงร้อยละ 41 คือราว 2 ล้านคน ปัญหาหนี้สินเกษตรกรจึงเป็นปัญหาที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญและเร่งจัดการ

สำหรับแนวทางออก เดชรัต กล่าวว่า จำเป็นต้องใช้หลายมาตรการ โดย TFC มีข้อเสนอเรื่อง ‘นโยบายเกษตรกรวิถีก้าวไกล’ ที่จะต้องทำ 3 ปลดล็อก, 3 เปิดตลาดท้องถิ่น, 3 ยกระดับมาตรฐาน, 3 ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และ 3 กำกับดูแล 

ก.อุตฯ ส่งผ้าไหมมัดหมี่บุกตลาด ‘Minimal Style’ ยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าไทยระดับพรีเมียม

กระทรวงอุตสาหกรรม หนุนผู้ประกอบการ ยกระดับผ้าไหมไทยในระดับพรีเมียม สร้างอัตลักษณ์ไหมไทยให้เป็นที่รู้จัก พร้อมเปิดคอลเลกชันใหม่ในแบบ “Minimal Style” เน้นความธรรมดาที่แปลกตา และลายไม่ซ้ำ เล็งเปิดตลาดใหม่จากผ้าไหมไทยในต่างประเทศ!

นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและผ้าพื้นเมือง โดยสนับสนุนให้สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรม สิ่งทอ หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอด้วยการออกแบบเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมสู่อีสานแฟชั่น โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 มีการดำเนินโครงการใน ระยะที่ 1 ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการออกแบบ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและผ้าทอพื้นเมือง เพื่อทำให้ผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องแต่งกายผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และสามารถเข้าสู่ตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่ผ่านมา ได้เกิดผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายใหม่กว่า 119 ลาย รวมทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ (Accessories) กว่า 108 ผลิตภัณฑ์ โดยผู้ประกอบการนำไปผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้จริง สร้างโอกาสทางการตลาดในผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแบบใหม่ในกลุ่มตลาดใหม่ พัฒนาผู้ประกอบการผ้าไหมและผู้ที่เกี่ยวข้องธุรกิจผ้าพื้นเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 1,600 คน สร้างรายได้ สร้างงานให้ชุมชน รวมทั้งสร้างโอกาสทางการตลาด และสร้างยอดขายในประเทศกว่า 6,500,000 บาท (เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาใหม่)

‘อนุทิน’ ปัด!! ‘ภูมิใจไทย’ ไล่ตระเวนดูด ส.ส. ลั่น!! แม้เสียงเพิ่ม ก็ยังเจียมเนื้อเจียมตัว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น 2 อดีตสส.พรรคพลังประชารัฐ สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า... 

ตนไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะคนที่เข้าพรรคภูมิใจไทยต้องแสดงความจำนง หากเป็นคนที่ทุ่มเทเสียสละ และไม่มีประวัติด่างพร้อย ก็รับทุกคนอยู่แล้ว และนายเอกราชไม่มีคดีติดตัว เพราะหากมีคดีคงเป็นส.ส.พรรคไหนก็ไม่ได้ตั้งแต่แรก อีกทั้งนายเอกราชมีความสนิทสนมกับสมาชิกพรรคภูมิใจไทย 

'บางจาก' ลงทุนสตาร์ตอัปสหราชอาณาจักร ต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด

บางจาก ลุยลงทุนในสตาร์ตอัป ต่อยอดสู่กรีน ไฮโดรเจนแห่งอนาคต ผ่านบริษัทย่อยในสหราชอาณาจักร เพิ่มสัดส่วนธุรกิจสีเขียว ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

15 ก.พ. 65 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ BCP Innovation Pte. Ltd. (BCPI) บริษัทในเครือ ได้ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อลงทุนใน Transitus Energy ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดแห่งอนาคตในสหราชอาณาจักร โดย BCPI เป็นผู้ลงทุนหลักของบริษัทดังกล่าวด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 40% โดยถือว่าเป็นนโยบายการลงทุนในธุรกิจเปลี่ยนโลก เช่น ธุรกิจไฮโดรเจน และการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยให้โลกไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ได้ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า

‘เพื่อไทย’ อัดรัฐปล่อยกยศ.ล่าช้า ส่งผลร้าย ทำเด็กพลาดเรียนต่อมหาลัย

วันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนนักศึกษาเยาวชนของชาติในยุครัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและเยาวชนของชาติ ว่า “การดำเนินการของกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ขณะนี้มีปัญหาอย่างมาก ล่าสุดโอนเงินให้นักศึกษาไม่ทันตามกำหนดเวลา ส่งผลให้นักศึกษาหลายคนพลาดโอกาสในการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย เป็นการทำลายอนาคตของเด็กไทยที่จะสามารถศึกษาต่อ”

วันนิวัติ ชี้ว่า ปัญหาการโอนเงินให้นักศึกษาไม่ทันตามกำหนดเวลาดังกล่าวนี้ทำให้นักศึกษาหลายคนพลาดโอกาสทางการศึกษา เมื่อได้มีการสอบถามไปยังผู้รับผิดชอบก็อ้างว่าจะเร่งดำเนินการ และในประเด็นนี้ก็เป็นปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ทราบว่าติดขัดในส่วนไหนปัญหาจึงเกิดขึ้นมาอยู่ตลอด ทั้งที่ กยศ. มีรายได้มหาศาล ในแต่ละปีใช้เงินจ้างทนายติดตามหนี้สิน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ไล่ยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกัน นำไปขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้จำนวนมาก 

‘พรรคกล้า’ พบทูตจีนคนใหม่ร่วมถก ศก.สองประเทศ โฟกัส ‘e-Commerce - ท่องเที่ยว - อุตสาหกรรมสีเขียว’

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค, นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.ภูเก็ต เข้าพบ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ‘คนใหม่’ โดยได้มีการหารือประเด็นเศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะเรื่อง e-Commerce รวมถึงประเด็นการท่องเที่ยวที่ไทย ที่เฝ้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีน โดยท่านทูตพร้อมร่วมมือกับพรรคกล้า ในการประสานงานด้านนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่อไป

นายกรณ์ กล่าวว่า ท่านทูตได้แสดงความยินดีกับพรรคกล้าที่มีอายุครบ 2 ปี เมื่อวานนี้ โดยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ช่วงปีที่ผ่านมา ยอดการค้าระหว่างไทยกับจีน มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก มีการพูดคุยกันถึงโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียว และการพัฒนาธุรกิจ e-Commerce ระหว่างกันในอนาคต

‘หนุ่ย พงศ์สุข’ ตั้งคำถามถึงความปลอดภัย หลังคนบ้าก่อเหตุ แต่จนท.บอกไม่ต้องโดนคดีอาญา 

นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ หรือ "หนุ่ย พงศ์สุข" พิธีกรชื่อดังโพสต์ Facebook ส่วนตัว โดยตั้งคำถามถึงการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ว่า

คนเพี้ยนที่ไปตะโกนลั่นห้างหรู ลั่นสนามบินนานาชาติ ลั่นหน้าถนนใจกลางเมือง ปล่อยงูหลายตัวออกมายั้วเยี้ย และเหวี่ยงขวดแก้วกระเด็นโดนคน ทำลายความสงบสุขของผู้คน… 

….ซึ่งหลายคนคงเห็นคลิปแล้ว และเขาทำหลายครั้ง ทำอย่างสุด ๆ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top