Tuesday, 8 July 2025
Hard News Team

“สมศักดิ์ พันธ์เกษม” มาแล้ว!! สมัครสมาชิกภูมิใจไทยเรียบร้อย  “อนุทิน” พร้อมคณะผู้บริหารต้อนรับสุดชื่นมื่น เชื่อ ส.ส.ไหลเข้าพรรคเยอะช่วยเพิ่มเสถียรภาพ “ลุงตู่” ด้าน “สมศักดิ์” ปัดตอบเคลียร์ใจกลุ่ม “ธรรมนัส” ชี้ เลือกซบภท. เหตุนโยบายตรงกัน

ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ซึ่งนายอนุทินได้สวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคให้กับนายสมศักดิ์ เพื่อต้อนรับเข้าสู่พรรคอย่างเป็นทางการด้วย ทำให้ล่าสุดพรรคภูมิใจไทยมีส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งสิ้นในขณะนี้จำนวน 62 คน

จากนั้นนายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พรรคภูมิใจไทยได้ให้การต้อนรับนายสมศักดิ์ ในฐานะที่ได้แสดงเจตจำนงค์ที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตัวนายสมศักดิ์และตนมีความสัมพันธ์กันมานับเป็นเวลา 20 กว่าปี เนื่องจากนายสมศักดิ์เคยเป็นผู้ช่วยลขานุการรมว.คลังสมัยที่พ่อของตนคือนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งรมช.คลัง  ถือว่าไม่ใช่คนอื่นไกลกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด เมื่อมาในครั้งนี้นายสมศักดิ์ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่ต้องบัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องหาพรรคใหม่สังกัดในระยะเวลาที่กำหนด และวันนี้นายสมศักดิ์ได้มาหาพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับสัญญาว่าจะทำงานเพื่อบ้านเมืองไปด้วยกัน เช่นเดียวกับนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น ที่ได้ยื่นใบสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ที่ จ.ขอนแก่น โดยพรรคได้ตรวจคุณสมบัติต่างๆและสอบถามเจตนารมณ์ความตั้งใจความมุ่งมั่นที่จะทำงาน รับใช้ชาติ บ้านเมืองตามนโยบายพรรคภูมิใจไทยและตามหลักการทางการเมืองที่เราได้ดำเนินการอยู่ ซึ่งนายสมศักดิ์ยินดีที่จะมาร่วมงาน และทำงานด้วยกัน นี่เป็นที่มาของข้อสรุปที่ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เมื่อขั้นตอนตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว นายสมศักดิ์ก็เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย สามารถไปประชุมสภาฯในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้ พรรคเรายินดีต้อนรับนายสมศักดิ์มาอยู่ชายคาเดียวกัน และเดินไปด้วยกัน

เมื่อถามว่า ส.ส.เข้ามาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเยอะ ช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองให้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ช่วยนายกฯเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ต่อให้ไม่เอ่ยปากเราก็ต้องนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ที่เราต้องมีบุคลากรที่ไว้เนื้อเชื่อใจ ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ทุกคนเป็นส.ส. หลายสมัย เป็นที่นิยมของประชาชนในพื้นที่ ทำประโยชน์รับใช้พี่น้องประชาชน บ้านเกิดเมืองนอนมากมาย ทุกท่านล้วนมีผลงาน การที่ท่านเหล่านี้เข้ามาร่วมงานกับพรรค จะยิ่งทำให้นโยบายต่างๆ เกิดผลสำเร็จรวดเร็วมากเท่าที่เราจะผลักดันได้ และการที่มีตัวแทนปวนชนชาวไทยทำหน้าที่ในสภา และรัฐบาล จะยิ่งทำให้การทำงานรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วตามสโลแกนลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เราได้เข้ามาเพิ่มอำนาจให้ประชาชนจริง 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือเชื่อว่านายสมศักดิ์มั่นใจในจุดยืนของพรรค ที่จะใช้เป็นนโยบายสร้างความมั่นใจให้ประชาชน คือพรรคพูดแล้วทำ ไม่ว่าเราพูดอะไร เราจะทำในสิ่งที่พูดทุกประการ เชื่อว่านี่คือสาเหตุที่หากบรรดาผู้แทนมีโอกาสพูดคุยกัน เขาจะพิจารณาพรรคภูมิใจไทย เพื่อเข้ามารับใช้บ้านเมืองได้ ซึ่งอะไรที่ทำแล้วดีก็ทำ 

เมื่อถามว่า การที่มีกลุ่มส.ส.อดีตพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาพรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นการลดแรงเสียดทานเพื่อช่วยนายกฯ ลดจำนวนของกลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าอะไรที่ทำแล้วดีเราก็ทำ การที่เรามีส.ส.มาอยู่ในพรรคเพิ่มขึ้น เท่ากับเพิ่มเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล เวลาที่เหลือจากนั้นรัฐบาลจะได้บริหารบ้านเมืองอย่างมีเสถียรภาพ กำหนดงบประมาณได้ และวาระสำคัญการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ถ้าอะไรที่สนับสนุนนายกฯให้ทำสำเร็จ เราก็พร้อมจะทำ

ตร.แจ้ง 2 ข้อหา ‘เค ร้อยล้าน’ คลั่งอีก วอน สังคมเห็นใจ เหตุเป็นผู้ป่วยโรคจิตฯ

บช.น.เผย สน.ปทุมวัน ปรับ 2 ข้อหา “เค ร้อยล้าน” คลั่งอีกแล้ว ปาขวดในห้างย่านปทุมวัน พบก่อเหตุที่สนามบินด้วย ชี้ เป็นความผิดลหุโทษ วอน ครอบครัวดูแลใกล้ชิด ปล่อยปละละเลยมีความผิด วอนสังคมอย่าดูหมิ่น อยากให้เห็นใจ

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวถึงกรณี “เค ร้อยล้าน” ชายคลั่งอาละวาดปาขวดแก้วในห้างย่านปทุมวัน เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ว่า จากการตรวจสอบเป็นคนเดียวกับที่เคยก่อเหตุทำร้ายตนเองและปล่อยงู ที่แยกราชประสงค์ เมื่อเดือน เม.ย. 62 และกลางถนนราชดำริ หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พื้นที่ สน.ลุมพินี ส่วนกรณีล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เปรียบเทียบปรับข้อหา “ก่อความเดือดร้อนรำคาญฯ, ทำให้เกิดเสียง หรือกระทำความอื้ออึงฯ” ยังพบก่อเหตุ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พื้นที่ บช.ภ.1

ตำรวจจึงนำตัวส่งรักษา รพ.สมเด็จเจ้าพระยา แพทย์ลงความเห็นว่า เป็นโรคจิตอารมณ์แปรปรวน มีการรักษาตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.- 7 พ.ค. 62 รวมถึงรอผลตรวจหาสารเสพติด แอลกอฮอล์ และสภาพจิตจาก รพ.ตำรวจ เมื่อเป็นผู้ป่วยภายใน รพ.จึงเห็นว่า ควรรักษาเหมือนผู้ป่วยภายนอกมารับยาประจำ ในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ไปรับยาจนถึงวันก่อเหตุ 1 ก.พ. ความผิดที่เกิดขึ้นเป็นลหุโทษ อาทิ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ, พ.ร.บ.จราจรทางบก โทษเปรียบเทียบปรับ จบในชั้นพนักงานสอบสวนไม่ต้องฟ้องศาล ส่วนความผิดซ้ำๆ สามารถส่งให้ศาลปรับได้หรือไม่ เนื่องจากคดีเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนปรับและจบในชั้นสอบสวน

ครม.ไฟเขียวร่างแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ขับเคลื่อน 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 498 ล้านบาท 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการ ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565-2570 ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการไปดำเนินการต่อไป โดยวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อลดความต้องการบริโภคยาสูบที่สูงของประชากรและคุ้มครองสุขภาพประชาชนจากอันตรายของควันบุหรี่ ให้ดำเนินการภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 498.039 ล้านบาท ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถการควบคุมยาสูบของประเทศ วงเงิน 138.800 ล้านบาท ให้ผลักดันนโยบาย ปรับปรุงกฎหมาย ระบบการบังคับใช้กฎหมาย ตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ WHO FCTC เฝ้าระวัง วิจัย จัดการความรู้ กำกับ ติดตามประเมินผลการควบคุมยาสูบในทุกระดับ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่ และเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบ วงเงิน 99.186 ล้านบาท เช่น การให้ความรู้ โทษ พิษภัย ของยาสูบ กับเด็ก เยาวชนและนักสูบหน้าใหม่ เฝ้าระวังแาะบังคับใช้กฎหมาย การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบ การโฆษณา และรู้เท่าทันกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบ ยุทธศาสตร์ที่ 3 บำบัดผู้เสพให้เลิกใช้ยาสูบ วงเงิน 51.832 ล้านบาท เช่น สร้างเสริมพลังชุมชนและเครือข่ายที่เข้มแข็ง เพื่อบำบัดผู้เสพยาสูบ พัฒนาระบบบริการเลิกยาสูบ และสายด่วนเลิกบุหรี่

ยุทธศาสตร์ที่ 4 การควบคุม ตรวจสอบ เฝ้าระวังและเปิดเผยรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ วงเงิน 12.5ล้านบาท เช่น ปรับปรุงกฎหมาย แนวทางการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก สร้างกระบวนการบริหารจัดการข้อมูลส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อวัดสารที่อยู่ในยาสูบและสารที่ปล่อยออกมา ยุทธศาสตร์ที่ 5 ทำสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่ วงเงิน 165.721 ล้านบาท เช่น การออกประกาศกฎกระทรวง กฎ ระเบียบ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้สถานที่สาธารณะและสถานที่ทำงานทุกแห่งปลอดควันบุหรี่

การปรับเปลี่ยน ทัศนคติ พฤติกรรมและค่านิยมของการเสพยาสูบ เพื่อให้การไม่สูบบุหรี่ในบ้าน สถานที่ทำงานและสถานที่สาธารณะเป็นบรรทัดฐานของสังคมไทย และยุทธศาสตร์ที่ 6 มาตรการภาษี การป้องกันและปราบปรามเพื่อควบคุมยาสูบ วงเงิน 30 ล้านบาท เช่น ปรับปรุงโครงสร้างภาษียาสูบ และระบบการบริหารการจัดเก็บภาษียาสูบ การป้องกัน ปราบปรามยาสูบที่ผิดกฎหมาย การดำเนินการสำหรับผู้กระทำความผิด และมาตรการลดผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบอันเนื่องมาจากมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ

ครม.ไฟเขียว! ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงข้อริเริ่มการใช้พลังงานสะอาด ไทย-บริษัทเอกชนสหรัฐ สร้างเม็ดลงทุนกว่า 2.38 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า ครม.เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent: LOI) สำหรับข้อริเริ่มความต้องการใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy Demand Initiative: CEDI) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและภาคเอกชนของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีพิธีลงนามในการประชุม The 2nd United States -Thailand Energy Policy Dialogue (2nd UTEPD) โดยกระทรวงพลังงานไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 หนังสือแสดงเจตจำนงฉบับนี้ เป็นการแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา ในการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจที่สนใจและมีศักยภาพในการจัดหาและใช้พลังงานสะอาด

โดยฝ่ายสหรัฐจะชักชวนนักลงทุนมาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการจัดหาพลังงานสะอาดสำหรับการดำเนินธุรกิจของสหรัฐภายใต้เงื่อนไขและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนาทางเลือกอื่นๆ ที่มีความเหมาะสม ผ่านแนวทางการจัดหาพลังงานสะอาดที่ฝ่ายไทยจะดำเนินการในอนาคต ซึ่งประกอบด้วย 1)การผลักดันให้เกิดตลาดพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพและสามารถแข่งขันด้านราคาได้ 2)การกำหนดนโยบายด้านพลังงานสะอาดให้มีความเหมาะสม 3)การส่งเสริมระบบการรับรองสถานะด้านสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในการซื้อขายพลังงานสะอาด 4)การสนับสนุนการพัฒนานโยบายและโครงสร้างพื้นฐานของด้านไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดได้

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีภาคเอกชนของสหรัฐประสงค์ที่จะร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงค์ทั้งหมด 19 บริษัท โดยจะนำเงินมาลงทุนคิดเป็นมูลค่าอาจสูงถึง 2,384 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งมีรายชื่อบริษัทดังนี้ 1)HP Inc. 2)Apple 3)Akamai 4)Meta Platforms, Inc. 5)Johnson & Johnson 6)Nike 7)Dow Inc. 8)Iron Mountain 9)Inter IKEA Group 10)Lululemon 11)Spiber Inc. 12)Ralph Lauren  Corporation 13)Unilever 14)TAL Apparel 15)Amer Sports 16)RIFE International 17)Amazon 18)WeWork และ 19)TCI Co., LTD

ครม. รับทราบแนวทางส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ให้เดินหน้ามาตราการสนับสนุนการใช้รถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิต EV ย้ำความเป็น Detroit of Asia 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ รับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 และครั้งที่ 1/2565   เพี่อส่งเสริมให้เกิดการผลิต การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการผลิตและการใช้ยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ของยานยนต์ทุกประเภทอีกด้วย  

เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาและขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนฯ ทั้งในส่วนของมาตรการทางภาษี และไม่ใช่ภาษีโดยเป็นมาตรการระยะสั้น ระหว่างปี 65 – 68   โดยในช่วง 2 ปีแรก (ปี 65 – 66) มาตรการสนับสนุนฯ จะให้ความสำคัญกับการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างกว้างขวางโดยเร็ว  ครอบคลุมทั้งการนำเข้ารถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) และกรณีรถยนต์/รถยนต์กระบะ/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ (CKD)  ผ่านการยกเว้นหรือลดอากรนำเข้า ลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้  เพื่อเพิ่มอุปสงค์ยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม สร้างแรงจูงใจและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของผู้ประกอบการในไทย 

ส่วนช่วง 2 ปีถัดไป (ปี 67 - 68) มาตรการสนับสนุนฯ จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก โดยยกเลิกการยกเว้น/ลดอากรนำเข้า รถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) แต่ยังคงมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้ เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนดต่อไป  เพื่อทำให้ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคันที่นำเข้าสูงกว่ารถยนต์/ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ  ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเร่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ  รองรับแนวโน้มความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ลดการนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งจะเป็นการสนับสนุนการผลิตรถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 

ครม. เห็นชอบลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร 3 เดือน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฏกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆที่คล้ายกัน ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผ่านราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ลดลงโดยตรง และสะท้อนไปยังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะทำให้โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ปรับลดประมาณ 3บาท/ลิตร

โดยรายละเอียด มีดังนี้ น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถัน เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440 บาทน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440

น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสม ไม่เกินร้อยละ 4 อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440 บาท น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสม เกินร้อยละ 4 แต่ไม่เกินร้อยละ 7 อัตราภาษีเดิม 5.990 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.200 บาท น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมเกินร้อยละ 7 แต่ไม่เกินร้อยละ 9 อัตราภาษีเดิม 5.930 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.170 บาท ทั้งนี้ อัตราภาษีใหม่ จะมีผลตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 จากนั้นตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 จะกลับสู่อัตราภาษีเดิม

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลง่วนเซียว ประจำปี 2565 ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ พร้อมด้วย คณะกรรมการ ผู้ช่วยกรรมการ ร่วมในพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลง่วนเซียว และเริ่มประกอบพิธีสงฆ์ สวดชัยมงคลคาถา (พะเก่ง) ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ 

เทศกาลง่วนเซียว เป็นเทศกาลแรกของปีตามปฏิทินจันทรคติของจีน โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย จัดให้มีพิธีสวดชัยมงคลคาถา มีพิธีบูชาเทพเจ้าด้วยขนมหวาน และ ขนมที่ทำด้วยน้ำตาลทราย หรือน้ำตาลผสมถั่วลิสง ขึ้นรูปเป็นสิงโตขนาดต่าง ๆ บ้างก็เป็นรูปเจดีย์ ให้ผู้มีจิตศรัทธานำกลับไปบูชา ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ มีการแลกเปลี่ยน โดยมารับ ขนมรูปสิงโต จากมูลนิธิฯ

'อดีตสส.ปชป.' ยื่นหนังสือร้องนายกฯ ตรวจสอบประมูลรังนกฯ จ.ชุมพร ส่อทุจริต 

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานข้าราชการพลเรือง (กพ) .ได้มี นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร 6 สมัย สังกัดพรรคประชาธิปัตย์  มายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี  เรื่องขอให้มีการตรวจสอบกรณีการประมูลและการดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่นในพื้นที่จังหวัดชุมพร ตามที่มีการตาพรบ. อากรรังนกอีแอ่นพ.ศ 2540 เพื่อให้ส่วนท้องถิ่นได้มามีส่วนดูแลและจัดการเก็บรังนกอีแอ่นและให้เงินอากรรังนกอีแอ่นตกเป็นรายได้ให้กับราชการส่วนท้องถิ่นที่มีรังนกอยู่ในเขตราชการส่วนท้องถิ่นนั้น  แต่ได้ปรากฏข้อเท็จจริง เป็นที่ทราบของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชุมพรโดยทั่วไปว่า กรณีดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่น ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อถือได้ว่าเป็นการดำเนินการโดยทุจริตและสร้างความเสียหายให้กับรัฐและผลประโยชน์อันจะตกต่อประชาชนชาวจังหวัดชุมพร อย่างร้ายแรง ในพื้นที่เกาะลังต.ปากคลอง อ.ปะทิว
จ.ชุมพร 

ซึ่งได้มีการเปิดประมูลรวม 16 ครั้ง กับไม่ปรากฏผู้เข้าประมูลประชาชนทั่วไป จึงมีความเคลือบแคลงสงสัยในประเด็นการรักษาทรัพยากรรังนกบนเกาะดังกล่าวเพราะหากไม่มีการประมูล คณะกรรมการซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการต้องมีการตรวจสอบเพื่อป้องกันการสูญหายของรายได้แผ่นดินและท้องถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง ได้มีการเสนอตัวแทนเพื่อเข้าเป็นพนักงานป้องกันการบุกรุกและเฝ้าเกาะ แต่คณะกรรมการดังกล่าวมีการกล่าว อ้างว่าได้มีการแต่งตั้งอาสาสมัครรักษาดินแดน ผู้มีประสบการณ์ความเหมาะสม แล้วจึงเป็นการปิดโอกาสกระบวนการมีส่วนร่วมตามกฎหมายในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้รับผลประโยชน์เกี่ยวกับรายได้ต่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างรุนแรง 

จึงเป็นเหตุที่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรเชื่อได้ว่าการดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่นในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมายมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นการดำเนินงานโดยทุจริตและประโยชน์ต่อกลุ่มนายทุนบางกลุ่ม มูลเหตุดังกล่าว มีความใกล้เคียงกับกรณีการทุจริตในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จึงขอให้มีการสั่งการไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาตรวจสอบ การจัดการประมูลรังนกอีแอ่นในทุกสัญญาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน

สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร รับการรักษาอาพาธอยู่ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ อาการโดยรวมยังเป็นที่พอใจของคณะแพทย์

ข่าวปลอม!!

ตามที่มีคนส่งข่าวทางไลน์​ เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร​ มรณภาพเมื่อวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 11.00 น. นั้น...ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง!!

โดยล่าสุด​ เพจเฟซบุ๊ก​ 'วัดบวรนิเวศวิหาร'​ ได้เผยว่า เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต ยังรับการรักษาอาพาธอยู่ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยภาพรวม อาการในขณะนี้ ยังเป็นที่พอใจของคณะแพทย์ ผู้ถวายการรักษา จึงแจ้งมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน


ที่มา : https://www.facebook.com/417085551680937/posts/4967612236628223/?d=n

สหรัฐฯ ย้ายที่ทำการสถานทูตพ้นกรุงเคียฟ อ้างรัสเซียโจมตีทำลายล้างยูเครนได้ทุกเมื่อ

สหรัฐฯ กำลังย้ายปฏิบัติการของสถานทูตประจำยูเครน จากกรุงเคียฟไปยังลวิฟ เมืองทางตะวันตก จากการเปิดเผยของแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศในวันจันทร์ (14 ก.พ.) โดยอ้างถึง "การเร่งเสริมกำลังพลของกองทัพรัสเซีย"

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตือนว่ามอสโกกำลังเดินหน้าสะสมกำลังพลมากกว่า 100,000 นาย ใกล้ชายแดนติดกับยูเครนและในเบลารุส และอาจลงมือโจมตีทำลายล้างได้ทุกเมื่อ ในนั้นรวมถึงกรุงเคียฟ แม้ว่าทางรัสเซียยืนกรานปฏิเสธคำกล่าวหาของทางตะวันตก และบอกว่าพวกเขาไม่มีแผนรุกรานใดๆ

"การรุกรานใดๆ เข้าสู่ยูเครนจะนำมาซึ่งความรุนแรงครั้งเลวร้าย การทำลายล้างครั้งใหญ่ และความสูญเสียที่ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวอเมริกา ชาวยูเครนหรืออื่นๆ" เนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ

บลิงเคน กล่าวในถ้อยแถลงว่า การตัดสินใจย้ายปฏิบัติการของสถานทูตไปยังเมืองลวิฟ ห่างจากชายแดนทางตะวันตกของยูเครนติดกับโปแลนด์ ราวๆ 80 กิโลเมตร เป็นการดำเนินการภายใต้ความกังวลด้านความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของสถานทูตได้รับคำสั่งให้เดินทางออกจากยูเครน และพลเมืองสหรัฐฯ ได้รับคำแนะนำให้เดินทางออกจากประเทศแห่งนี้ด้วยระบบขนส่งพาณิชย์

บลิงเคน เน้นย้ำว่าการย้ายปฏิบัติการของสถานทูตในครั้งนี้ ไม่ได้ดำเนินการในแนวทางที่บ่อนทำลายแรงสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่ออำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และคณะผู้แทนทูตของสหรัฐฯ จะยังคงติดต่อกับรัฐบาลยูเครน "สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้ากดดันมอสโกเพื่อหนทางออกทางการทูต" เขากล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top