Thursday, 26 June 2025
Hard News Team

'ตำรวจ PCT'​ ทลายออฟฟิศใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา หลังพบหลอกเป็น สภ.เมืองเชียงใหม่ DHL​ และ Fed EX

(24 มี.ค.65) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอส.ตร.) หรือ PCT: Police Cyber Taskforce, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 PCT, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2 ร่วมแถลงผลการจับกุมแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ จับกุมผู้ต้องหา 28 ราย ช่วยเหลือเหยื่อคนไทย 5 ราย อยู่ระหว่างคัดแยกอีก 28 ราย รวม 61 ราย ใจกลางเมืองพระสีหนุ หลังสืบทราบว่า หลอกเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ และ พนักงาน DHL Fed EX ผู้เสียหายจำนวนมาก 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ขยายผลจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทุกราย คดีนี้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ฯ นำทีมสืบสวนจนทราบแหล่งกบดานของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ ซึ่งใช้อาคารในเมืองพระสีหนุ เป็นฐานปฏิบัติการ จึงสั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ฯ เดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อประสานขอความร่วมมือกับตำรวจประเทศกัมพูชา 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่าในวันที่ 20 มี.ค.65 เวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.อ.Sar Theth รอง ผบ.ตร.แห่งกัมพูชา ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.Wan Wera ผู้ช่วย ผบ.ตร.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพระสีหนุ สนธิกำลังกับตำรวจฝ่ายไทย นำกำลังเข้าตรวจค้นออฟฟิศแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 แห่ง ในจังหวัดพระสีหนุ 

จุดที่ 1 โรงงานร้างไม่มีเลขที่ ถ.Santepheap จ.พระสีหนุ  ซึ่งจุดนี้จะมีแผนประทุษกรรมในการหลอกลวงโดยการโทรศัพท์ไปหาเหยื่อแล้ว "อ้างว่ามีพัสดุจากบริษัทขนส่ง DHL หรือ FedEX และถูกด่านของกรมศุลกากรอายัดไว้และมีสิ่งของผิดกฏหมาย จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ติดต่อไปเพื่อทำการตรวจสอบบัญชีหรือตรวจสอบการเงินเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินให้ โดยใช้รูปโปรไฟล์ในแอพพลิเคชั่นเป็น พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุด ผบ.ตร.มาแอบอ้างทำให้ประชาชนตกเป็นเหย

ผลการตรวจค้นพบจับกุมผู้ต้องหา 28 คน โดยเป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับไว้แล้วทั้งหมด คือ 

นายซิน ฮัง เต หรือนายอาเต๋อ อายุ 28 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) หัวหน้าใหญ่, นายจาง เจียน เทียน หรือนายอาหู อายุ 41 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) หัวหน้าใหญ่ และ นายพรศักดิ์ รีพล อายุ 30 ปี สัญชาติไทย พร้อมพวกคนไทยอีก 25 คน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันเป็นอั้งยี่ร่วมกันเป็นซ่องโจร มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันฟอกเงิน” นอกจากนี้ยังตรวจค้นพบพยานหลักฐานสำคัญ คือ 

1.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Iphone จำนวน 30 เครื่อง

2.วิทยุสื่อสาร จำนวน 8 เครื่อง

3.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 4 เครื่อง

4.สคลิปเตรียมบทพูดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ , เจ้าหน้าที่จาก DHL และ FedEx

5.เอกสารหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเอกสารปลอม

6.เอกสารหมายจับศาลอาญา ซึ่งเป็นเอกสารปลอม

7.เอกสารหมายเรียกของสำนักคดีการเงินการธนาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นเอกสารปลอม

จุดที่ 2 อาคาร Diwei Entertainment City ถนน 2 Thnou เมืองพระสีหนุ ซึ่งเปิดเป็นบ่อนคาสิโนบังหน้า ลักลอบทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์บนชั้น 5 ของตึก ซึ่งจุดนี้จะมีแผนประทุษกรรมในการหลอกลวงโดยการ "หลอกลวงให้หลงรักในแอ็พพลิเคชั่น Tinder จากนั้นชักชวนลงทุนเทรดเงินดิจิตัล โดยจะให้โอนเหรียญชนิด Usdt เข้าไปในกระดาษเทรดเหรียญเถื่อน บางรายที่เทรดเป็นอยู่แล้ว ก็จะถูกชักจูงให้เทรดในโหมด Futures Trade ซึ่งมีความเสี่ยงสูง และหากผู้ถูกหลอกสามารถเทรดจนได้กำไรในพอร์ต ก็ไม่สามารถถอนเงินออกได้อยู่ดี และขั้นตอนสุดท้ายคือจะถูกหลอกให้เสียเงินภาษีเพื่อถอนเงินในพอร์ตออกมา แต่เมื่อผู้ถูกหลอกโอนเงินเข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถถอนเงินออกจากพอร์ตได้เลย"

นอกจากนี้ ยังใช้วิธีการหลอกลวงให้ร่วมลงทุน กับการขายสินค้าแอ็พพลิเคชั่น Lazada ให้ผลตอบแทนสูง 

ผลการตรวจค้น พบคนไทย 33 คนขณะกำลังทำงานคุยกับลูกค้า ซึ่งจะต้องทำการคัดแยกต่อไปว่าใครเป็นเหยื่อ ใครเป็นผู้ต้องหา เบื้องต้นสอบถามมี 5 คนที่สมัครใจอยากกลับประเทศไทย ซึ่งได้ส่งตัวไปยังสถานกงสุลไทยในกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ยังตรวจค้นพบพยานหลักฐานสำคัญ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ All in one จำนวน 68 เครื่อง รวมทั้ง 2 จุด พบเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 61 คน คนจีน

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า การเข้าตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้เตือนสติให้กับผู้ต้องหาถึงภัยอันตรายของการมาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสุดท้ายก็จะถูกขายและถูกใช้แรงงานไม่ต่างจากทาส และจะวนเวียนในวัฏจักรดังกล่าวไม่จบไม่สิ้น และเมื่อกลับประเทศไปก็จะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย โดยหลังตรวจค้นจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชา ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศกัมพูชาก่อน และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมายของประเทศกัมพูชาแล้ว จะดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาให้ประเทศไทย ทั้งนี้ได้สั่งการให้พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่างผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.อิทธิพร  โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 ,พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เตรียมรอรับตัวผู้ต้องหา เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป 

ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากกงสุลประจำสถานทูตไทยในพนมเปญ โดยนายวรินทร  ตันวิเชียร ประสานความร่วมมือระหว่างตำรวจกัมพูชา กับตำรวจไทย ในการช่วยเหลือคนไทย ทั้งที่เป็นเหยื่อถูกหลอกมาทำงาน และเป็นผู้ต้องหา โดยการจัดสวัสดิการที่พักและอาหารให้กับทุกคนในฐานะประชาชนคนไทย รอง ผบ.ตร.กล่าว 

ผอ.PCT ย้ำอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความกังวลปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ปัจจุบันระบาดหนักและมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ จึงสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามอย่างจริงจัง และหาแนวทางเสริมภูมิความรู้ให้กับประชาชน 

พ่อเมืองแปดริ้ว เปิดอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหาร

(24 มีนาคม 2565)​ ห้องประชุม โรงแรม ทีวินเทจ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา​ นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผจว.ฉะเชิงเทรา เป็นประธานการฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหาร กอ.รมน.จังหวัด ฉช. ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้ให้ กอ.รมน.จังหวัด ฉ.ช. จัดการ
ฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาเครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหารของ กอ.รมน.จังหวัด ฉ.ช. โดยมีความมุ่งหมาย เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือของ ผู้นำองค์กร ในระดับผู้บริหารของภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน​ สื่อมวลชน ภาคแกนนำมวลชน และภาคประชาชน ภายในจังหวัด ในการที่จะเตรียมความพร้อม และรับมือกับ ภัยคุกคาม และภัยพิบัติ ได้ทุกรูปแบบ ควบคู่ไปกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงที่มือยู่ในทุกมิติ

โดยใช้กลไกการแก้ไขปัญหาแบบการมีส่วนร่วม และบูรณาการของทุกภาคส่วน ในการมีส่วนร่วมดำเนินการบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล และ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง วัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา สร้างองค์ความรู้ และความเข้าใจ ในบทบาท และอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน.เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงทุกภาคส่วน และเพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของสังคม​ เพื่อการขับเคลื่อนการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และให้มวลชนเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ กอ.รมน.

'อลงกรณ์' เผยราคายางยังอยู่ในช่วงขาขื้น เร่งเดินหน้าลดพื้นที่ยางปีละ​ 1​ แสนไร่​ ตามมาตรการบริหารอุปสงค์อุปทานเพื่อสร้างเสถียรภาพราคาระยะยาว

'อลงกรณ์' เผยราคายางยังอยู่ในช่วงขาขื้น เร่งเดินหน้าลดพื้นที่ยางปีละ​ 1​ แสนไร่ตามมาตรการบริหารอุปสงค์อุปทานเพื่อสร้างเสถียรภาพราคาระยะยาว พร้อมคาดส่งออกยางพาราปีนี้ 4.2 ล้านตัน​ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน​ แม้เผชิญผลกระทบจากปัญหาสงครามยูเครน-รัสเซีย​ และการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายาง ได้ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุมรัษฎา อาคาร 2 ชั้น 2 การยางแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ประธานการยางแห่งประเทศไทย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาด นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าและการลงทุน นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีพาณิชย์ นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด นายนฐกร สุวรรณธาดา คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเกษตรในทุกภูมิภาคทั่วโลก ผู้แทนชาวสวนยาง สถาบันชางสวนยาง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล

นายอลงกรณ์เปิดเผยวันนี้ว่า​ ที่ประชุมได้มีการรายงานถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ ตลาดยางพารา ในประเทศคู่ค้าที่สำคัญโดยมุมมองทูตเกษตร จากสหภาพยุโรป กรุงโรม  กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออสเตรเลีย รัสเซีย จีน กรุงโตเกียว กรุงจาการ์ต้า และลอสแองเจลิส (เม็กซิโก-ลาตินอเมริกา) ซึ่งจากรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลก มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเสถียรภาพและราคายาง ได้แก่ การแพร่ระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในประเทศคู่ค้าหลัก  โดยเฉพาะประเทศจีน ตลอดจนการเกิดปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ฯลฯ
การรายงานสถานการณ์ยางพารา เดือนมีนาคม และคาดการณ์ราคายางพารา เดือนเมษายน 2565 โดยฝ่ายเศรษฐกิจยาง การยางแห่งประเทศไทย ได้รายงานคาดการณ์ปริมาณผลผลิตยางพารา ปี 2565 มีปริมาณ 4.907 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.48% คาดการณ์ปริมาณการส่งออกยางพารา ปี 2565 มีปริมาณ 4.218 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.03% ซึ่งในปี 2563 สัดส่วนการส่งออกยางพาราของไทย มีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีน มากที่สุด ในปี 2564 มีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีน 54% รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย 10 % สหรัฐอเมริกา 6 % ญี่ปุ่น 5 % และเกาหลีใต้ 3 %  

ที่ประชุมได้รับทราบ 1) Supply side ด้านการปลูกแทนพื้นที่ยางพาราและเป้าหมายการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกแทน ปี 2565 ของการยางแห่งประเทศไทย มีเป้าหมายดำเนินการ พื้นที่รวม 200,000 ไร่ โดยได้ดำเนินการปลูกแทนไปแล้ว จำนวน 150,641.15 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 75.32 แบ่งออกเป็น 1. การตัดยางเก่าเป้าหมายปีละ1แสนไร่โดยปลูกยางใหม่ทดแทนด้วย ยางพันธุ์ดี สามารถดำเนินการคืบหน้าได้แล้ว​ 83,645.10 ไร่ 2.การตัดยางเก่า1แสนไร่โดยปลูกไม้ยืนต้นเชิงเดี่ยวทดแทนมีความคืบหน้า​ 54,356 ไร่​ เกษตรกรรมยั่งยืน 6,536.35 ไร่ และแบบสวนยางยั่งยืน 6,103.70 ไร่ ข้อมูล ณ วันที่ 21 มี.ค.2565 ทั้งนี้ กยท.คาดการณ์ว่าราคายางพาราช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนยังอยู่ในช่วงขาขึ้น

2) ความคืบหน้าโครงการจัดตั้งพื้นที่บริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ (Rubber Valley) เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาเป้าหมายที่มีศักยภาพรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2565 นายอลงกรณ์ ได้ให้ข้อสังเกตในการกำหนดรูปแบบการบริหารโครงการว่าควรมีการกำหนดตั้งแต่ต้นว่าควรจะเป็นการบริหารจัดการในรูปแบบใด ยกตัวอย่างเช่น การบริหารแบบบริษัทร่วมทุนและควรมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นร่วมไปพร้อมกับการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมยางพาราด้วย เช่น ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ เป็นต้น

3) การดำเนินการเก็บข้อมูลผลผลิตยางพารา​(Productivity) และรายได้เฉลี่ยต่อไร่ของเกษตรกรผู้ปลูกยางในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนตัวชี้วัดด้านผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง ตามแผนวิสาหกิจการยางแห่งประเทศไทย ระยะ 7 ปี (พ.ศ.2564-พ.ศ.2570) ตามยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนายางพาราทั้งระบบ โดยในปีงบประมาณ 2565 การยางแห่งประเทศไทย จะดำเนินการเก็บข้อมูลผลผลิตยางพาราและรายได้เฉลี่ยต่อไร่ของเกษตรกรผู้ปลูกยางในประเทศไทย จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง ในพื้นที่ 45 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ของเกษตรกรให้สูงขึ้น 

มทภ.4 พบปะพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายสื่อมวลชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดอาวุธแห่งการรับรู้ ด้วยความจริงอย่างสร้างสรรค์

(24 มีนาคม 2565)​ ห้องน้ำพราว โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานในกิจกรรม "พบปะพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้" ซึ่งศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าจัดขึ้น เพื่อพบปะกระชับความสัมพันธ์ รวมทั้งหารือแลกเปลี่ยนเสนอแนะแนวทางข้อคิดเห็น และประสานขอความร่วมมือในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้าใจทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของภาครัฐขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไปสู่สันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีพี่น้องสื่อมวลชน ทั้งจังหวัดยะลา ปัตตานี สงขลา และนราธิวาส เข้าร่วม ซึ่งนอกจากพี่น้องสื่อมวลชนแล้ว หน่วยงานภาครัฐทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ภาคประชาสังคม ร่วมกิจกรรมกระชับความสำพันธ์ เสริมสร้างความเข้าใจ ให้เกิดการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วน 

พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า "สถานการณ์โควิดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศการพูดคุยพบปะห่างหายไปบ้าง วันนี้มีโอกาส และถือเป็นเรื่องดี ที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และสื่อมวลชนได้พบปะสานสัมพัธ์กัน สื่อถือเป็นองค์กรที่สำคัญในการเป็นผู้กำหนดแนวทาง  ทิศทางการดำเนินการของรัฐนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริง ประเด็นต่างๆ ความคิดเห็นต่างๆ ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เสียงสะท้อนที่ได้รับหลายประเด็นถือเป็นประโยชน์ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแก้ไข ไม่ได้เฉพาะเจาะจงต่อคนในพื้นที่ให้เกิดการรับรู้เพียงเท่านั้น แต่สื่อสามารถขยายเครือข่ายการรับรู้ไปสู่สังคมภายนอก สู่ผู้คนทั้งประเทศ แม้กระทั้งทั่วโลกที่กำลังที่จ้องมองว่าสถานการณ์ในพื้นที่เป็นอย่างไร ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีกิจกรรมดีๆ มากมาย มีผู้คนอัทธยาศัยดี มีสถานที่ท่องเที่ยว มีความสวยงามด้านวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขท่ามกลางความแตกต่างของเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้เมื่อเรานำเสนอสู่สาธารณะ นั่นถือเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ไปด้วยเช่นกัน ในบริบทและสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่เป็นจุดเด่นของสื่อมวลชนก็คือ การรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง การมองเหตุการณ์ที่หลายมุมมอง หลายมิติ แต่ทุกความแตกต่างนั้นอยากให้สื่อสะท้อน และนำเสนอข้อเท็จจริงให้กับสาธารณะชนได้รับทราบอย่างสร้างสรรค์ และเป็นข้อเท็จจริง เป็นสื่อกลางนำเสนอได้ครอบคลุมทุกมิติต่อไป" 

ก.แรงงาน ยกระดับมาตรการป้องกันอุบัติเหตุงานก่อสร้าง โครงการ 'ภาคีร่วมใจ ก่อสร้างปลอดภัย'​

(24 มีนาคม 2565) นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดงานโครงการ “ภาคีร่วมใจ ก่อสร้างปลอดภัย”ภายใต้ Motto “Safe Const. Safe Life” โดยมี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายสุทธิ สุโกศล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน, นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และ​นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ภาคีเครือข่ายภาคการก่อสร้าง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน 

​นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และในช่วงเวลาที่ผ่านมาแรงงานก่อสร้างประสบอันตรายและบาดเจ็บจากการทำงานสูงและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำ จึงได้กำหนดเป็นนโยบายให้กระทรวงแรงงานดำเนินการด้านการป้องกัน และปลูกฝังจิตสำนึกภาคีเครือข่ายก่อสร้างให้ดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดสภาพปัญหาความไม่ปลอดภัยจากการทำงานด้วยการเสริมสร้างความตระหนักรู้เชิงป้องกันอุบัติเหตุในการทำงานก่อสร้างและร่วมใจลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงานในกิจการก่อสร้าง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายซ้ำอีก โดยโครงการที่จัดขึ้นในครั้งนี้ขอให้ภาคีเครือข่ายภาคการก่อสร้างทั้งหลายร่วมมือ ร่วมใจโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ ร่วมพลังร่วมใจป้องกันไม่ให้เกิดสภาพปัญหาความไม่ปลอดภัยจากการทำงานก่อสร้างขึ้นและร่วมกันดูแลให้ลูกจ้างมีสุขภาพอนามัยที่ดี สามารถขับเคลื่อนสังคมภาคการก่อสร้างให้เกิดความปลอดภัยอย่างยั่งยืนเพื่อมุ่งสร้างประโยชน์สุขให้ประชาชนพี่น้องชาวแรงงานต่อไป

SME D Bank ผนึก กนอ. หนุน SMEs ในนิคมฯ ‘เติมทุน - พัฒนา’ ธุรกิจสีเขียว ก้าวสู่ BCG Model 

นายโมกุล โปษยะพิสิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย ส่งเสริมผู้ประกอบการสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ตามยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย ด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) 

โดย SME D Bank ร่วมกับ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ในฐานะประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการส่งเสริมมาตรการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือก และพลังงานทดแทน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

‘เกาหลีเหนือ’ ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป หลังเว้นไปนาน 5 ปี ทำ ‘ญี่ปุ่น - เกาหลีใต้’ เครียด

เกาหลีใต้และญี่ปุ่นตรวจพบการยิงโพรเจ็กไทล์จากเกาหลีเหนือเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีมุน แจอิน ระบุเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่ว่างเว้นจากการทดสอบมานานเกือบ 5 ปี ญี่ปุ่นเผยขีปนาวุธลูกนี้ตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะทางตะวันตกของเกาะฮอกไกโด

รายงานเอเอฟพีและรอยเตอร์กล่าวว่า การยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ของเกาหลีเหนือเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม 2565 เป็นการทดสอบอาวุธที่ทรงอานุภาพชนิดนี้ครั้งแรกของเปียงยางนับตั้งแต่ปี 2560 และถือเป็นการสิ้นสุดการระงับทดสอบไอซีบีเอ็มและอาวุธนิวเคลียร์ที่เกาหลีเหนือกำหนดเองโดยฝ่ายเดียว

ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ กล่าวในแถลงการณ์ว่า การทดสอบครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเป็น "การละเมิดการระงับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่ประธานคิม จองอึน เคยให้คำมั่นไว้กับประชาคมระหว่างประเทศ" และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อคาบสมุทรเกาหลี, ต่อภูมิภาคนี้ และต่อประชาคมระหว่างประเทศ ทั้งยังถือเป็น "การละเมิดอย่างชัดเจน" ต่อข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

กองกำลังป้องกันชายฝั่งของญี่ปุ่นเชื่อว่า ขีปนาวุธลูกนี้น่าจะเป็นไอซีบีเอ็ม "ชนิดใหม่" ของเกาหลีเหนือที่ทำระยะทาง 1,100 กิโลเมตรจากจุดปล่อย ก่อนจะมาตกในทะเลทางตะวันตกของจังหวัดอาโอโมริในภาคเหนือของญี่ปุ่น

'เฮคตอร์ เบเยริน' นักฟุตบอลชาวสเปน แสดงความเห็น 'สังคมให้ความสนใจสงครามไม่เท่าเทียม'

เสียงอีกด้านที่หลุดผ่านกระแสสังคมโลกในปัจจุบันจาก 'เฮคตอร์ เบเยริน' นักฟุตบอลอาชีพชาวสเปน ซึ่งปัจจุบันลงเล่นในตำแหน่งกองหลังให้กับสโมสรเรอัลเบติส ด้วยการยืมตัวมาจาก 'อาร์เซนอล' 

มันน่าแปลกที่เราสนใจสงครามในยูเครนมากกว่าที่อื่นๆ 

สงครามในปาเลสไตน์เงียบไปเลย ในเยเมนและอิรักก็ด้วย 

มันแสดงให้เห็นถึงการเห็นอกเห็นใจอย่างไม่เท่าเทียม ถึงจำนวนผู้เสียชีวิต ที่เกิดจากความขัดแย้ง ซึ่งมีอยู่มากมายกระจายไปทั่วโลก

รัฐบาลเปิดมาตรการลดค่าครองชีพ 3 เดือน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน แถลงมาตรการลดค่าครองชีพ ช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ขัดแย้งยูเครน – รัสเซีย วันนี้ ว่า มาตรการที่รัฐบาลออกมาครั้งนี้ จะช่วยดูแลผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น 3 เดือนจากนี้ ครอบคลุมประชาชนหลายกลุ่มที่จะได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงนี้ไปได้

สำหรับมาตรการลดค่าครองชีพ อัพเดทล่าสุดวันที่ 24 มี.ค.2565 โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มีวงเงินและแหล่งเงินที่ใช้ในการดำเนินมาตรการทั้งหมด 80,247 ล้านบาท แยกเป็นดังนี้ เงินกู้จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 39,520 ล้านบาท สัดส่วน 49% เงินสมทบกองทุนประกันสังคม 35,224 ล้านบาท สัดส่วน 44% งบกลาง สำนักงบประมาณ 3,740 ล้านบาท 5% และเงินจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 1,763 ล้านบาท สัดส่วน 2%

ส่วนมาตรการต่าง ๆ ประกอบด้วย 1.ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 300 หน่วย จำนวน 20 ล้านหลังคาเรือน ได้รับส่วนลดค่า FT ลง 22 สตางค์ เป็นเวลา 4 เดือน (พ.ค.-ส.ค.2565) 2.นายจ้างและผู้ประกันตนในมาตรา 33 ได้รับการลดเงินนำส่งจาก 5% เหลือ 1% งวดค่าจ้าง พ.ค. – ก.ค. ครอบคลุมนายจ้าง 4.9 ล้านคน และผู้ประกันตน 11.2 ล้านคน 3.ผู้ประกันตนในมาตรา 39 จำนวน 1.9 ล้านคน ลดเงินนำส่งจาก 9% เหลือ 1.9% งวดค่าจ้าง เดือนพ.ค. – ก.ค. 2565หรือจ่ายเงินสมทบลดลงจาก 432 บาทต่อเดือน เหลือ 91 บาทต่อเดือน 

เปิดจีดีพีภาคเกษตรไตรมาสแรกปีนี้ โต 4.4% 

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 1 ปี 2565 (เดือนมกราคม - มีนาคม 2565) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีทิศทางเป็นบวกต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2564 (เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2564) ที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 

โดยการเติบโตได้ดีในไตรมาสนี้เป็นผลจากสาขาพืชซึ่งเป็นสาขาการผลิตหลักขยายตัว เนื่องจากฝนที่ตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ถึงต้นปี 2565 และสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้การผลิตพืชสำคัญ ทั้งข้าว อ้อยโรงงาน สับปะรด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สาขาบริการทางการเกษตรขยายตัวได้ตามพื้นที่เพาะปลูกและพื้นที่เก็บเกี่ยวพืชที่เพิ่มขึ้น 

ขณะที่สาขาประมงและสาขาป่าไม้ ขยายตัวได้จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดที่มีอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม สาขาปศุสัตว์หดตัวลงจากสถานการณ์โรคระบาดในสัตว์ที่ส่งผลให้เกษตรกรปรับลดปริมาณการเลี้ยง

ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2565 คาดว่า จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.0 - 3.0 เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยทุกสาขาการผลิต มีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของลานีญา ประกอบกับภาครัฐมีความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาดที่ดี มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top