Saturday, 10 May 2025
Hard News Team

'เอกนัฏ' ขึ้นเวที 4 ปี THE STATES TIMES ชูไอเดียดิสรัปอุตสาหกรรม สู่ Industry 4.0

เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.67) เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรคร่วมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมงานครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมทั้งได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'Industry 4.0 Revolution industry for Smart Manufacturing' ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

นายเอกนัฏ กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีต่อสำนักข่าว THE STATES TIMES ในโอกาสครบรอบ 4 ปี ผมมั่นใจว่า THE STATES TIMES สามารถอยู่บนจุดยืนความเป็นสื่อที่เป็นกลางจะสามารถฝ่า Distruption ต่าง ๆ ไปได้อย่างแน่นอน" ในการนี้นายเอกณัฐ ยังกล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่า ตลอดเวลาการทำงานพีระพันธุ์คือมนุษย์แห่ง Distruption อย่างแท้จริงตั้งแต่โครงการโฮปเวลจนถึงการบินไทย และสองปีล่าสุดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

เอกนัฏ เผยว่า สำหรับตัวเขากว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ ก็ลำบากยากเย็น กว่าจะฝ่าด่านมาได้ก็ลำบาก เมื่อเป็นรัฐมนตรีผมก็มาตรวจสอบสถานะของอุตสาหกรรมไทยที่ยังไม่สู้ดี เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากโควิด หนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในสภาวะฝืดเคืองหากมองในแง่จีดีพี สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมไม่ปรับตัวเปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงของโลก 

เอกนัฏ เปรียบว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยเสมือน Cash Cow ที่ผลิตสินค้าแบบใดก็ผลิตแบบนั้นมาตลอด แต่เมื่อโลกเปลี่ยนจึงต้องถูกบีบให้ปรับตัว "ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ฐานเดิมผลิตรถยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันโลกผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่ปรากฏว่าปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าขายดีกว่ารถสันดาป เห็นได้จากยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปโลกถูกดิสรัปด้วยยานยนต์ไฟฟ้า"

"เมื่อเราย้อนกลับมาดูบ้านเรายังปรับตัวไม่ทัน ภาคอุตสาหกรรมก็ผลิตแต่สินค้าเดิมๆ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามที่ท่านหัวหน้าพรรคคิดนโยบายรื้อลดปลดสร้างในฐานะรมว.พลังงาน ผมก็คิดว่าจะสร้างภาคอุตสาหกรรมควรทำแบบนั้นเช่นกัน" เอกนัฏ กล่าว

เอกนัฏ เผยอีกว่า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งของสหรัฐ กำลังจะเป็นผลดีให้กับประเทศไทยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่จะย้ายฐานเข้ามาไทย นับว่าเป็นโชคดีของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันของชาติอื่นในอาเซียน ประเทศไทยก็ต้องแข่งขันกับชาติเพื่อนบ้านให้ได้เช่นกัน

เรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ให้กระทรวงอุตสาหกรรมที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ไทยควรปรับฐานการผลิตในประเทศจากฐานรถยนต์สันดาปไปสู่ไฟฟ้า "แต่ก่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่สนใจปรับตัวสู่ไฟฟ้า แต่เมื่อถูกดิสรัปอุตสาหกรรมยานยนต์จึงถูกบีบบังคับให้เป็นต้องปรับสู่ไฟฟ้าเช่นกัน"

เอกนัฏเผยว่าก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น มีบรรดาผู้บริหารค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเข้ามาหารือเป็นจำนวนมาก ทุกค่ายต่างเห็นพ้องที่จะเปลี่ยนมาผลิตเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกสิทธิ์พิเศษด้านภาษี เพื่อเอื้อต่อภาคเอกชนปรับตัวและลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทยจากการผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์สันดาปเป็นหลัก มาสู่การผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ไฮบริดหรือไฟฟ้าล้วน

"ต่อไปนี้ไม่เห็นข่าวปิดโรงงานค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะได้รับการลงทุนอีกนับแสนล้านบาท" รมว.อุตสาหกรรมกล่าว ยังเผยอีกว่า นอกจากค่ายรถญี่ปุ่นแล้ว บรรดาค่ายรถจีนที่นิยมเข้ามาตั้งโรงงานในไทยเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย

นอกจากนี้ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นายเอกนัฏเผยว่า กำลังหารือให้ภาคอุตฯดังกล่าวเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ขณะที่ด้านอุตสาหกรรมเกษตร ในฐานะเลขาฯพรรคร่วมไทยสร้างชาติ เขาได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐมนตรีพลังงานในการนำพืชเศรษฐกิจด้านพลังงานมาใช้ให้มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังสนับสนุนในการปฏิรูประบบราชการเพื่อให้เอกชนสามารถขอใบอนุญาตเพื่อการลงทุนได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

รมว.อุตสาหกรรมยังเผยถึงประเด็นการสนับสนุนภาคเอกชนในการขอใบอนุญาตตั้งกิจการว่า อนาคตจะมีการนำ AI มาช่วยในการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน โดยอาจจะต้องมีการปรับปรุงพรบ.โรงงานที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน นอกจากนั้นในด้านผลกระทบจากการผลิตในอุตสาหกรรมนั้น เอกนัฏ เผยว่า ในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรม นอกจากรับผิดชอบเรื่องการลงทุนแล้ว ยังต้องรับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เขามีเป้าหมายการฟื้นอุตสาหกรรมไทยให้ได้ 1% ของจีดีพีนั้น จะต้องไม่กระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะกากอุตสาหกรรมก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน

"จับหมดครับ สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานลงดัมพ์ตลาดไทย เรามีทีมจับกุม จับทุกที จับทุกเวลา เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไทย" เอกนัฏ กล่าว นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Traffy Fondue ในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาสังคมเพื่อจัดการกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน

เอกนัฏ กล่าวต่อว่า แม้จะมีการลงทุนมากมายจากต่างชาติ แต่สุดท้ายคนไทยต้องได้รับประโยชน์ คนไทยต้องได้รับการจ้างงาน คนไทยต้องได้พัฒนาทักษะด้านอุตสาหกรรมจากการลงทุนดังกล่าว ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจที่เดินหน้าสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ 

“เราตั้งใจว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาเติบโต เพิ่มจีดีพีอย่างน้อย 1% โดยไม่พึ่งงบประมาณของภาครัฐ เราทำทันที ทำทุกวินาที ทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อเติมเต็มศักยภาพของเศรษฐกิจไทย"

เอกนัฏยังเผยว่า หากหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติทำเรื่องพลังงาน ในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเขาจะทำเรื่องกากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตอนนี้ ได้ร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จเรียบร้อย ร่างกฎหมายนี้จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่จัดการผู้ประกอบการจัดการกับขยะอุตสาหกรรมอย่างไม่เหมาะสม นอกจากนี้เรายังสนับสนุนการรีไซเคิลเช่นกัน เรามีแผนจะร่างกฎหมายด้านการผลิตจากชิ้นส่วนรีไซเคิล เพราะในฐานะที่ประเทศไทยจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เราควรมีมาตรการรีไซเคิลในด้านนี้ด้วยเช่นกัน 

"หากท่านพีระพันธุ์ดิสรัปพลังงานแล้ว ผมเอกนัฏขอดิสรัปภาคอุตสาหกรรมครับ" 

ภายในงานยังมีการกล่าวปาฐกถาพิเศษโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษภายใต้หัวข้อ Powering the future, Revolutionizing the energy landscape และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในหัวข้อ “Digital Economy: การพัฒนาอีกชั้นในยุคดิจิทัล” พร้อมทั้งยังมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทยมาร่วมในงานครบรอบ 4 ปีของการก่อตั้ง THE STATES TIMES อีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับสำนักข่าว THE STATES TIMES ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 โดยจัดเป็นสำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้าน

'โดนัลด์ ทรัมป์' ผงาด Time's Person of the Year กลับมารอบนี้เปลี่ยนบทบาทสหรัฐฯ บนเวทีโลก

(13 ธ.ค.67) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับเลือกเป็น 'บุคคลแห่งปี' (Person of the Year) ประจำปี 2024 ของนิตยสารไทม์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองที่เขาได้รับเกียรตินี้ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับตำแหน่งดังกล่าวในปี 2016 หลังชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรก

ในแถลงการณ์ของนิตยสารไทม์ ระบุถึงเหตุผลในการเลือกนายทรัมป์ว่า "สำหรับการกลับมาครั้งประวัติศาสตร์ การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในหนึ่งชั่วอายุคน และการเปลี่ยนบทบาทของสหรัฐฯ ในเวทีโลก ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นบุคคลแห่งปี 2024"  

แซม เจคอบส์ บรรณาธิการบริหารของนิตยสารไทม์ กล่าวว่า นายทรัมป์คือผู้ที่มีอิทธิพลต่อข่าวสารทั่วโลกมากที่สุดในปี 2024 ไม่ว่าจะในแง่บวกหรือแง่ลบก็ตาม ซึ่งทำให้เขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากได้รับการประกาศตำแหน่ง นายทรัมป์ได้เดินทางไปลั่นระฆังเปิดตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เขาเติบโตมาจากจุดเริ่มต้นก่อนก้าวสู่เวทีการเมืองสหรัฐฯ โดยนายทรัมป์แสดงความรู้สึกว่า "ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับตำแหน่งนี้เป็นครั้งที่สอง และผมคิดว่าครั้งนี้ยิ่งมีความหมายมากกว่าครั้งก่อนเสียอีก"

ที่ผ่านมา นิตยสารไทม์ได้มอบตำแหน่งบุคคลแห่งปีให้กับบุคคลทรงอิทธิพลจากหลากหลายวงการ เช่น อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา, ประธานาธิบดีโจ ไบเดน, ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน, สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส และมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา ส่วนผู้ได้รับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้วคือเทย์เลอร์ สวิฟต์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังชาวอเมริกัน

'พีระพันธุ์' ลั่นบนเวที 4 ปี THE STATES TIMES ขอดิสรัปนโยบายพลังงาน เพื่ออนาคตของคนไทย

เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าร่วมงานครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'Powering the future, Revolutionizing the energy landscape' ณ SCBX Next Tech ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

การกล่าวปาฐกถาพิเศษในครั้งนี้ของนายพีระพันธุ์ เป็นการเน้นย้ำถึงนโยบาย “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง พลังงานไทย” โดยระบุว่า ที่ผ่านมาคำว่า 'ปฏิรูป' เป็นคำที่ถูกพูดถึงในการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ตอนนี้หลายเรื่องเลยคำว่า 'ปฏิรูป' ไปมากแล้ว เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ต้องปฏิรูป แต่ต้องรื้อทิ้ง โดยเฉพาะระบบราชการ เพราะถ้ารื้อได้ การใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของประชาชนก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

นายพีระพันธุ์ ได้ยกตัวอย่างปัญหาที่สะท้อนเรื่องนี้ได้ดี อย่างปัญหาราคาน้ำมัน ที่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันสามารถปรับขึ้นลงได้ตามใจชอบของผู้ประกอบการ ซึ่งนั่นเป็นเพราะไม่มีกลไกของคณะกรรมการฯที่จะมาควบคุมการขึ้นลงของราคาน้ำมัน อีกทั้งยังไม่มีใครทราบต้นทุนที่แท้จริงของราคาน้ำมัน ซึ่งนั่นทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าน้ำมันในราคาแพง

ที่สำคัญที่สุด คือ ไม่น่าเชื่อว่า ประเทศไทยจะไม่มีน้ำมันสำรองที่เป็นของรัฐเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยที่มีอยู่เป็นเพียงคลังน้ำมันสำรองของภาคเอกชนที่จะใช้ได้เพียง 25 วันหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ต่างจากประเทศสากลที่รัฐจะมีคลังน้ำมันสำรองของตัวเองไว้ใช้อย่างน้อย 90 วัน

ดังนั้นขณะนี้จึงเป็นเวลาแห่งการรื้อถอนระบบน้ำมันและพลังงานไทย โดยตัวเองเตรียมออกกฎหมาย 3 ฉบับ ประกอบด้วย กฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จะมีคณะกรรมการมากำกับดูแลราคาน้ำมันและชี้แจงตรวจสอบได้ว่าทำไมราคาน้ำมันจึงขึ้นหรือลง ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ค้าน้ำมันกำหนดราคาได้เองตามต้นทุนที่แท้จริง ที่สำคัญที่สุด คือ ประชาชนจะได้ทราบราคาต้นทุนที่แท้จริงของน้ำมันอย่างที่ไม่เคยทราบมาก่อน กฎหมายฉบับที่สอง คือ กฎหมายการจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR (Strategic Petroleum Reserve) ที่จะมาช่วยสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติและประชาชน เพื่อให้รัฐมีคลังน้ำมันสำรองที่เป็นของตัวเอง และกฎหมายฉบับสุดท้าย คือ การสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้โซลาร์เซลล์อย่างเสรีและเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ผ่านการออกกฎหมายอนุญาตส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์) ที่จะเปลี่ยนจากการขออนุญาตใช้เป็นแจ้งให้ทราบในการใช้โซลาร์เซลล์แทน

สำหรับร่างกฎหมาย 3 ฉบับนี้คาดว่าจะเริ่มเข้าสภาได้ในช่วงต้นปีหน้า พร้อมกันนี้นายพีระพันธุ์ ย้ำด้วยว่า ตอนนี้โลกอยู่ในยุค Disruption ที่จำเป็นทุกคนต้องปรับตัว เพื่อให้อยู่รอดและไม่ให้เกิดปัญหา

"ที่บอกว่า Disruption ตัวเองจะเป็นคน Disruption ระบบพลังงานไทย แต่จะไม่ยอมให้ใครมา Disruption ประชาชน และต้องคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง นี่คือนโยบายรื้อ-ลด-ปลด-สร้าง"

ท้ายสุดนายพีระพันธุ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีและอวยพรกับสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมร่วมถ่ายรูปกับผู้บริหารของ THE STATES TIMES ด้วย

ภายในงานยังมีการกล่าวปาฐกถาพิเศษโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในหัวข้อ 'Industry 4.0 revolution industry for smart manufacturing' และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในหัวข้อ 'Digital Economy: การพัฒนาอีกชั้นในยุคดิจิทัล' พร้อมทั้งยังมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทยมาร่วมในงานด้วย

สำหรับสำนักข่าว THE STATES TIMES ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 โดยจัดเป็นสำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้าน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top