Monday, 1 July 2024
Hard News Team

องค์นี้กินไม่ได้!! ช่างแกะสลักชาวสุโขทัย สืบสานงานศิลป์ แกะสลักพระพุทธรูปจากไม้ อาชีพที่นับวันยิ่งหาช่างฝีมือ ที่ทำได้ประณีต และสวยงามได้ยาก

ช่างแกะสลักเป็นช่างประเภทหนึ่ง ในจำพวกช่างสิบหมู่ เป็นผู้มีความสามารถ และฝีมือในการช่างทำลวดลาย หรือรูปภาพต่าง ๆ บนเนื้อไม้ ที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของชาวชุมชนรอบ ๆ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัย ขึ้นชื่อเรื่องโบราณสถานเป็นต้น ๆ ของประเทศ

ชาวบ้านและคนในชุมชนเมื่อครั้งอดีตจนถึงปัจจุบันนี้ อีกอาชีพที่ได้รับความสนใจ และฝึกฝนเป็นอาชีพของชาวชุมชนเก่าแก่แห่งนี้มายาวนาน จากอดีตถึงปัจจุบัน คือช่างแกะสลักพระพุทธรูปจากไม้ บ้างก็ทำเป็นอาชีพเสริม บ้างก็ทำเป็นอาชีพหลัก จำนวนไม่น้อยที่สร้างฐานะตัวเองและครอบครัวจากอาชีพนี้

นายวรรณะ (ช่างณะ) เชื้อบัว ถือเป็นช่างศิลปะการแกะสลักพระพุทธรูปจากไม้คนหนุ่มรายหนึ่งในพื้นที่ ที่มีฝีมือดี ผลงานโดดเด่น มีลูกค้าจากทั่วประเทศ มาสั่งทำ และมารับซื้อในงานแกะสลักงานไม้ของเขาที่ได้รับการยอมรับในฝีมือของชายคนนี้ ‘ช่างณะ’ ใช้พื้นที่บ้านพักของตนเองและคนในครอบครัวดัดแปลงมาเป็นโรงงานย่อม ๆ ขนาดเล็ก ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 140/2 หมู่ 3 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ใช้เป็นที่ทำงานหารายได้ของเขาในการประกอบอาชีพช่างแกะสลักพระพุทธรูปบนตัวไม้ขนาดใหญ่ และทุกขนาดตามที่ผู้จ้างและลูกค้าสั่งทำ อย่างประณีต สวยงาม คมชัด ลึกและชัดเจน ไม่ผิดพิมพ์ถูกต้องตามต้นฉบับ

นายวรรณะ เล่าให้ฟังว่า ได้เรียนรู้ในการหัดฝึกแกะสลักไม้มาตั้งแต่อายุประมาณ 13-14 ปี ตอนแรกก็ไม่ได้ทำจริงจัง แต่ก็มีใจรัก เห็นคนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านทำกันก็สนใจชอบตามปะสาเด็ก ๆ พอเมื่อเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ก็เริ่มมีฝีมือมากขึ้น มีความชำนาญขึ้นตามระยะเวลาที่ลงมือทำ ก็เลยเชื่อมมั่นว่าสามารถทำเป็นอาชีพได้ และน่าจะไปได้ดี มีอนาคต เดิมทีนั้นตนเองมีอาชีพทำนาแต่ชอบใช้เวลาว่างไปหาเก็บเศษไม้จากหัวไร่ปลายนามาฝึกแกะสลัก เริ่มจากแกะสลักเป็นรูปสัตว์ เช่น นก ปลา เสือ และช้าง

จากนั้นก็พัฒนามาเป็นการแกะสลักพระพุทธรูป พระพิฆเนศ และรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ แล้วฝากวางตามร้านขายของที่ระลึก จนลูกค้าเห็นผลงานเขาก็บอกต่อกันไป เริ่มมีคนรู้จักชื่อเสียง และมีความสุขมากที่เค้าเรียกนามเราว่านายช่าง จึงพัฒนาฝีมือโดยดูจากรูปภาพตัวอย่าง แล้วแกะสลักตามให้เหมือนรูปมากที่สุด ฝึกฝนเรื่อยมาจนเกิดความชำนาญและมีชื่อเสียงในเมืองเก่าสุโขทัย มียอดสั่งมากขึ้นตามลำดับ เมื่อยอดสั่งผลิตครบบางทีก็เอาไม้ทั้งขนาดเล็ก ใหญ่มาทำต่อให้เกิดรายได้อีกทาง ส่งขาย หรือมีคนมารับซื้อถึงบ้าน ลูกค้าจำนวนมากเมื่อมารับไม้และภาพสิ่งมงคลที่สั่งแกะ เมื่อเห็นงานชิ้นอื่นที่ตนทำไว้ก็ขอซื้อไปพร้อมกับงานที่ลูกค้าสั่งก็มีมาก

ปัจจุบันมีลูกค้าจากทั่วประเทศนำไม้มงคลอย่างเช่นไม้สัก ไม้กันเกรา ไม้ขนุน ไม่มงคล ไม้หาอยากมาจ้างให้แกะสลักเป็นพระพุทธรูปต่าง ๆ เช่น พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย พระปางลีลา พระนาคปรก และรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ โดยราคาขึ้นอยู่กับขนาดและความยากง่ายของงาน ส่วนพระลีลาสุโขทัยที่กำลังแกะสลักชิ้นนี้เป็นไม้สักที่ลูกค้านำมาให้

‘ทิพยประกันภัย’ ใจป้ำ แจกฟรี ประกันแพ้วัคซีนโควิด 1 ล้านคน เริ่มลงทะเบียน พ.ค. นี้ คุ้มครองหลังฉีด 60 วัน

ทิพยประกันภัย ใจป้ำ! เปิดตัวโครงการ “TIP ห่วงไทย สู้ภัยCOVID” แจกประกันแพ้วัคซีนฟรี 1 ล้านคน ให้ความคุ้มครองหากเกิดกรณีภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนต้าน COVID-19

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทิพยประกันภัย เผยว่า ในช่วงที่จะมีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ซึ่งก็ยังมีประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังมีความรู้สึกกังวลในเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนดังกล่าว ซึ่งทิพยประกันภัย มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง จึงได้เปิดโครงการ “TIP ห่วงไทย สู้ภัยCOVID” มอบประกันแพ้วัคซีน ฟรี จำนวน 1,000,000 สิทธิ์ เพื่อเป็นการคลายความกังวล รวมถึงเป็นการเสริมความมั่นใจให้ประชาชน โดยโครงการนี้จะให้ความคุ้มครอง กับประชาชนหากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียง จนเกิดอาการโคม่าจากฉีดวัคซีน

ด้านณฐินี ธนะรัชต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทิพยประกันภัย กล่าวเสริมว่า สำหรับโครงการดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองหากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียง จนเกิดอาการโคม่าจากการฉีดวัคซีน ทุนประกัน 100,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 60 วัน นับจากวันที่เริ่มฉีดวัคซีน โดยประชาชนสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “TIP ห่วงไทย สู้ภัยCOVID” เพื่อรับความคุ้มครองประกันแพ้วัคซีนโควิด-19 กับทิพยประกันภัย ได้ผ่านช่องทาง www.Tipinsure.com ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม พ.ศ.2564 หรือจนกว่าจะครบ 1,000,000  สิทธิ์ โดยจำกัด 1 ท่านต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น

ดร.สมพร กล่าวว่า ทิพยประกันภัยหวังว่า เมื่อประชาชนได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 แล้วจะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรค COVID-19  ลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงลดการแพร่ระบาด ลดจำนวนผู้ป่วยเป็นการแบ่งเบาภาระให้บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงหากเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วก็จะทำให้เศรษฐกิจต่าง ๆ ดีขึ้น การเดินทาง การท่องเที่ยว การจ้างงาน ก็จะกลับเข้าสู่ปกติ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้การฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็จะต้องทำควบคู่ไปกับการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือให้บ่อย และเลี่ยงพื้นที่แออัด เพื่อเราทุกคนจะก้าวข้ามผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ไปด้วยกันอย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ ดร.สมพร ยังยืนยันว่า ทิพยประกันภัย ยังจะเดินหน้าขายประกันภัยโควิดต่อไป แม้จะมีกระแสข่าวว่าบริษัทประกันภัยบางแห่ง จะเลิกขายประกันภัยประเภทนี้ เนื่องจากมีการเรียกร้องสินไหมเข้ามาจำนวนมาก โดยในส่วนของทิพยประกันภัย นับว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยที่ได้ขายประกันภัยโควิด โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 30% รวมจำนวนกรมธรรม์ที่ขายไปแล้วประมาณ 3.7 ล้านกรมธรรม์ คิดเป็นเบี้ยประกันภัยกว่า 2,000 ล้านบาท 

ขณะที่การเรียกร้องสินไหมในปัจจุบันอยู่ประมาณ 100 เคสต่อวัน และเพียงแค่ 4 เดือน พบว่ามีการเรียกร้องสินไหม สูงกว่าปี 2563 อย่างเห็นได้ชัด และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

‘อนุทิน’ เยี่ยมศูนย์แรกรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ‘นิมิบุตร’ ตั้งเป้า 1 สัปดาห์ไม่มีผู้ป่วยตกค้างที่บ้าน พร้อมวางแผนหลังรักษาผู้ป่วยหมดแล้วเปลี่ยนโรงพยาบาลสนามเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มวอร์คอินไม่สามารถลงทะเบียนผ่านระบบ 

เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปตรวจศูนย์แรกรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ โดยศูนย์แรกรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 แห่งนี้ จะเป็นศูนย์ช่วยบริหารจัดการสำหรับผู้ที่ยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ยังตกค้างอยู่ที่บ้านยังไม่สามารถหาเตียงในสถานพยาบาลได้ เป็นศูนย์ที่ผู้ป่วยติดต่อผ่านคอลเซ็นเตอร์ 02-079-1000 เพื่อให้รถไปรับที่บ้าน หรือเดินทางมาเองโดยรถส่วนตัว เพื่อเข้ารับการดูแลเบื้องต้น คัดกรองและแยกระดับอาการเขียว เหลือง แดง ก่อนส่งต่อไปยังสถานพยาบาลตามอาการ ซึ่งจะลดปัญหาผู้ป่วยติดค้างที่บ้านได้ 

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมศูนย์แรกรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่า หน่วยงานภายใต้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ระดมสรรพกำลังในการจัดตั้งศูนย์แรกรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วเพื่อช่วยผ่อนคลายปัญหาคอขวดการส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ในกรุงเทพฯ โดยผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 ติดต่อผ่านคอลเซ็นเตอร์ของเครือข่ายเอไอเอส เบอร์ 02-079-1000 จำนวน 40 คู่สาย จากนั้นจะมีรถจากเครือข่ายต่าง ๆ ที่เข้ามาร่วมทำงานไปรับที่บ้านมายังศูนย์ หรือสามารถเดินทางมายังศูนย์ด้วยตนเองแต่ต้องมาด้วยรถส่วนตัว จากนั้นศูนย์จะตรวจคัดกรองอาการแล้วส่งต่อไปยังสถานพยาบาลต่อไป หรือหากเกิดกรณีโรงพยาบาลเต็มที่ศูนย์ก็มีเตียงรองรับ 200 เตียง 

“ที่ผ่านมาอาจจะมีปัญหาการส่งต่อผู้ป่วยไม่ทัน กระทรวงสาธารณสุข คำนึงถึงภาวะจิตใจของประชาชนโดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่รอรถพยาบาลอยู่บ้าน ท่านคงมีความกังวล ญาติ ๆ สมาชิกในครอบครัวก็คงจะกังวล จึงระดมเครือข่ายทั้งหมดเข้ามาทำงาน ซึ่งโดยได้รับความกรุณาจากท่านพิพัฒน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ท่านปลัด การกีฬาแห่งประเทศไทย กรมพลศึกษาตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข เรามีเป้าหมายว่าภายใน 1 สัปดาห์ จะไม่มีผู้ป่วยติดค้างและไม่ได้รับการรักษา เรามีอุปกรณ์เวชภัณฑ์พร้อม มีระบบการส่งต่อ คัดแยกพร้อมจะแก้ไขปัญหานี้ได้” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว 

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแผนว่าภายหลังสามารถรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้หมดแล้วจะปรับทั้งศูนย์แรกรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามที่เกิดขึ้นทั่วประเทศเป็นสถานที่สำหรับฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่วอร์คอินเข้ามารับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สะดวกในการลงทะเบียนผ่านระบบจองวัคซีน คือเพียงมีบัตรประชาชนก็เข้ารับวัคซีนได้ โดยพื้นที่โรงพยาบาลสนามเดิมจะสะดวกกับการให้บริการเนื่องจากวัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนใหม่ ต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับเป็นพื้นที่เฝ้าสังเกตอาการหลังการฉีดวัคซีน 30 นาที  

“ที่เราจะให้มีพื้นที่สำหรับผู้ที่วอร์คอินเข้ามารับวัคซีนได้ เพราะเรามั่นใจว่าจะมีวัคซีนส่งเข้ามาจำนวนมาก ตั้งแต่ 1 มิถุนยน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป เพียงพอให้ประชาชนที่จองผ่านทางแอปพลิเคชั่น กับอสม. รวมถึงช่องทางอื่น ๆ รับเป็นบุคคลเป็นกลุ่ม ตลอดจนผู้จะวอร์คอิน โดยทุกกลุ่มจะได้รับรับวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว 

“ศุภชัย” เปรียบ “เสี่ยหนู” ยืนโดดเดี่ยวท่ามกลางหมู่บ้านกระสุนตก ฝาก “บิ๊กตู่” มองให้ดีสงครามโควิด ใครเป็นขุนศึกร่วมรบ-รับหอกดาบแทน ถ้าไม่ใช่ “อนุทิน” ชี้ แคมเปญล่ารายชื่อไล่พ้นรมว.สธ. แค่ระบายอารมณ์-หวังผลทางการเมือง

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า นาทีนี้ “ชายเดียว” ที่ยืน “โดดเดี่ยว” ในหมู่บ้านกระสุนตก คงหนีไม่พ้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ที่โดนจัดหนัก จัดเต็ม ถูกจับเป็น “แพะ” บูชายัญ จากสถานการณ์โควิด-19 ทันทีที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อดีดขึ้นไปถึงพันจนทะลุสองพันกว่า บาปทุกอย่างก็ตกอยู่ที่ “เสี่ยหนู” ทั้ง ๆ ที่เมื่อมีการระบาดในสถานบันเทิงรอบนี้ กระทรวง หมอ ก็เสนอมาตรการป้องกัน และคาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ว่าหากไม่มีการจัดการใด ๆ หลังสงกรานต์จะเกิดอะไรขึ้นเอาไว้แล้ว

ทว่า เหตุผลทาง “เศรษฐกิจ” นำ “สุขภาพ” ดังนั้น ในเวลาที่คนทั่วไปกำลังพักผ่อนช่วงวันหยุดยาว ทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข ภายใต้การนำของ “หมอหนู” จึงต้องทำงานที่ “หนัก” อยู่แล้ว ให้ “หนักขึ้นไปอีก” เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น วัคซีนก็ยังต้องหา วางแผนการฉีด เตรียมสถานพยาบาลรองรับผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ จนเมื่อเกิดภาวะ “ฝีแตก” ผู้ติดเชื้อสูงสุดเกือบเหยียบ 3 พัน มีผู้ป่วยที่ยังไม่ได้เตียง มีผู้เสียชีวิต คนบางกลุ่มก็ชี้ว่า เป็นความผิดของ “อนุทิน” ระดมทำแคมเปญลงชื่อขับไล่พ้นจาก “เก้าอี้” เพื่อระบายอารมณ์ และหวังผลทางการเมือง

ปัญหาการจัดส่งผู้ป่วย การจัดหาเตียง “มีจริง” ตัว “เสี่ยหนู” ก็ยอมรับ และแก้ไขด้วยการตั้งศูนย์แรกรับ ส่งต่อผู้ป่วย แบบไม่ปริปากถึงเรื่องราวเชิงลึกใด ๆ แม้เห็นกันชัด ๆ อยู่แล้วว่า “ปัญหานี้” เกิดขึ้นเพียงพื้นที่ กทม. ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจเต็มของสธ. ถามว่า 76 จังหวัด ที่มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทำไมไม่มีปัญหาแบบนี้ คำตอบจึงอยู่ในคำถาม ที่ผ่านมาสิ่งที่ “เสี่ยหนู” ทำ คงไม่ได้ดีที่สุด ถูกใจทุกคนที่สุด แต่การทำงานที่ผนึกกับทีม สธ. จนทำให้ไทยประคับประคองสถานการณ์สู้กับโควิด -19 มาได้จนถึงวันนี้  

การจัดหาวัคซีนซิโนแวค ด้วยคอนเน็คชั่นส่วนตัว เต็มใจควักกระเป๋า ถ้าจะทำให้จัดส่งเร็วขึ้น การวางแผนจัดหาวัคซีน ที่ไทยไม่เข้าร่วมโคแวค ซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่าโคแวค ไม่สามารถจัดหาวัคซีนให้ได้ตามที่ตกลงไว้  แต่ไทยมีสยามไบโอไซแอนท์ ที่ผลิตวัคซีนได้ภายในประเทศของเราเอง ยาฟาวิพิราเวียร์ที่มีอยู่ในสต็อก คน ๆ นี้ ไม่มี “เครดิต” เลยหรือ
        
ส่วนการที่ “นายกลุงตู่” ใช้วิธีพิเศษ รวบอำนาจจากหลายกระทรวง และตั้งคณะกรรมการ 4 คณะ เพื่อมาทำเรื่อง โควิด-19 ก็ไม่ใช่เครื่องหมายที่จะมาตีตราว่า “เสี่ยหนู” กับ กระทรวงหมอจัดการไม่ได้ เพราะถ้ามองให้ดี ๆ จะเห็น “ชัดในชัด” ว่าไม่มีอะไร “ใหม่” ทั้งการหาวัคซีน การฉีดวัคซีน ทุกอย่างเป็นไปตามที่ สธ. วางแผนไว้ทั้งสิ้น สิ่งที่ “นายก” ทำคือการบริหารอารมณ์ ความรู้สึกของภาคเอกชน ให้คนมีความคิดเห็นได้มีพื้นที่แสดงออก มีส่วนร่วมในการทำงาน
       
แค่อยากฝากถึง “บิ๊กตู่” ว่าในการศึกโควิด-19 ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ใครคือขุนศึกร่วมรบ ก็เห็นมีแต่ “รองนายกหนูเพียงหนึ่งเดียว” ที่เป็น “หนังหน้าไฟ” ออกมา “ไฟท์” กับทุกเหตุการณ์ ฟาดกับฝ่ายตรงข้าม รับหอกรับดาบให้ลุงอย่างไม่เกรงสิ่งใด คำตอบชัดคือ “เสี่ยหนู” เวลานี้รัฐบาลควรเป็นหนึ่งเดียว อย่าให้ผู้ไม่หวังดีที่คอยเป่าขนหาแผล คิดว่าเจอรอยแยก แล้วปั่นให้ปริแตก “คนที่มีใจจริง” ไม่ใช่คนที่ออกฉาก แล้วมีแต่คำพูดที่สวยหรู แต่คือคนไม่ฆ่าน้องที่ทำงานใต้บังคับบัญชา ไม่ฟ้องนายที่เป็นผู้นำทีม ไม่ขายเพื่อนที่ต้องทำงานร่วมกัน

#คนภูมิใจไทย
#พรรคภูมิใจไทย

“วิรัช” ป้อง “นายกฯ” แก้ โควิด-19 ดีเลิศ ชี้ หากเป็นคนอื่นคงบริหารห่วย วอน พักการเมือง หันจับมือ ฝ่าวิกฤตก่อน

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงการจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล ว่า การจัดการในต่างจังหวัดดีกว่ากรุงเทพมหานคร เพราะดูแลเข้มงวด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการ หากพบว่ามีการติดเชื้อในหมู่บ้านใดจะสั่งปิดหมู่บ้านนั้นทันที ต่างจากกรุงเทพฯที่ต้องระดมหลายหน่วยงานเข้ามาแก้ไขปัญหาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยตกค้าง ดังนั้นในภาวะนี้ไม่อยากให้การเมืองไปเพิ่มความวุ่นวายกับรัฐบาล ที่ต้องตั้งหลักแก้ไขปัญหา ส่วนที่หลายฝ่ายอยากให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีลาออก มองว่าไม่ใช่ประเด็น เพราะเป้าหมายของพรรคพปชร.คือทำอย่างไรให้การบริหารสถานการณ์โควิดผ่านไปได้ด้วยดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าเวลานี้สังคมวิจารณ์ว่ารัฐบาลบริหารงานห่วย นายวิรัช กล่าวว่า ยอมรับว่ามีผู้ติดเชื้อมาก และที่หนักคือในพื้นที่กรุงเทพฯแต่ประเมินแล้วว่า สถานการณ์น่าจะเอาอยู่ สิ่งที่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี บริหารถือว่าดีเกินสำหรับการบริหารในสถานการณ์ช่วงวิกฤต เพราะแก้ไขทุกสถานการณ์ได้ฉับไว และไม่ห่วยเพราะถ้าเป็นคนอื่นมาบริหารคงจะห่วยกว่านี้ ส่วนที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน เรียกร้องให้นายกฯลาออก ในสายตาฝ่ายค้านบริหารอย่างไรก็ไม่ดี ต้องว่าตลอด แต่สำหรับพรรคร่วมรัฐบาล คิดว่านายกฯบริหารดีอยู่แล้วและต้องให้กำลังใจอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล บางคน แสดงความเห็นโจมตีนายกฯนายวิรัช กล่าวว่า เห็นเพียงแค่ 2-3 ราย และมี ส.ส.พรรคพปชร.ตอบโต้กลับไป ถือเป็นความเห็นส่วนตัวของ ส.ส.แต่ละคน อย่าเก็บเป็นประเด็นที่ผ่านมาก็มีมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งนี้ตนประสานงานภายในพรรคร่วมรัฐบาลตลอด หากมีเหตุการณ์ที่กระทบกระทั่งบ้างก็ต้องห้ามปราม เป็นเรื่องปกติของพรรคร่วมรัฐบาลแต่พยายามขอความร่วมมือให้ทุกคนอยู่นิ่งเพื่อให้การบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย 

เดิน วิ่ง ปั่น ห่างกันสักพักช่วงโควิด-19

ช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้ ควรงดออกกำลังกายในสวนสาธารณะออกไปก่อน นั่นเพราะจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเบลเยี่ยมและดัทช์ เกี่ยวกับเรื่องการแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 ในขณะออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการ เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน กิจกรรมเหล่านี้ ล้วนสามารถแพร่เชื้อได้ไกลขึ้นกว่าที่ยืนอยู่เฉย ๆ โดยการกระจายตัวของไวรัสโควิด สามารถกระจายตัวได้ไกลมากยิ่งขึ้นกว่าการไอและจามอีกด้วย

กระทรวงแรงงาน เผยมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากประเทศไทยไปกาตาร์ ช่วงโควิด-19

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แจ้งคนหางานที่จะเดินทางไปทำงานรัฐกาตาร์ ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกาตาร์กำหนด โดยต้องมีวีซ่าทำงานประเภท Work-Yearly Resident และใบอนุญาตเข้าเมือง พร้อมทั้งตรวจสุขภาพ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ณ โรงพยาบาลที่รับรองจากฝ่ายกาตาร์ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากทำให้แรงงานไทยได้รับการดูแลที่ดีตามสิทธิที่พึงมี ได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยสำหรับรัฐกาตาร์ กระทรวงแรงงานได้พิจารณาให้ยกเลิกการชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในรัฐกาตาร์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 หลังจากประเมินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐกาตาร์ว่ามีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาด้านกฎระเบียบ และกฎหมายที่ดีขึ้น เอื้อประโยชน์แก่แรงงานไทย ตลอดจนตลาดแรงงานในรัฐกาตาร์ยังต้องการแรงงานไทยที่มีทักษะฝีมือ สำหรับโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก 

นายสุชาติฯ กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานกระทรวงแรงงานให้แจ้งมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากประเทศไทยไปยังรัฐกาตาร์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังนี้

1.) คนหางานที่เดินทางไปทำงานในรัฐกาตาร์จะต้องได้รับการตรวจลงตราเพื่อการทำงานประเภท Work-Yearly Resident พร้อมใบอนุญาตเข้าเมือง (Exceptional Entry Permit) โดยนายจ้างจะต้องเป็นผู้ดำเนินการให้โดยระบบออนไลน์

2.) คนหางานก่อนเดินทางไปทำงานในรัฐกาตาร์ จะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากโครงการตรวจสุขภาพสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ (Expatriate Health Check-up Program) ของสภาสาธารณสุขกลุ่มประเทศอ่าว (Gulf Health Council States) ซึ่งมีจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ (1.) โรงพยาบาลเวชธานี (2.) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (3.) โรงพยาบาลกรุงเทพ (4.) โรงพยาบาลปิยะเวท และ (5.) โรงพยาบาลรามาธิบดี 

3.) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ารัฐกาตาร์สามารถตรวจหาเชื้อ COVID-19 ภายใน 48 ชม. ก่อนเดินทางจากโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากฝ่ายกาตาร์ ได้แก่ (1.) โรงพยาบาลเวชธานี (2.) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ (3.) โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 6,500-8,000 บาท กรณีคนหางานตรวจหาเชื้อ COVID-19 จากโรงพยาบาลที่ได้รับรองจากรัฐกาตาร์ เมื่อเดินทางไปถึงรัฐกาตาร์ไม่ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้ออีก แต่หากตรวจหาเชื้อ COVID-19 นอกเหนือจากโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งที่กล่าวมา เมื่อเดินทางไปถึงรัฐกาตาร์ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ที่ท่าอากาศยานกรุงโดฮาอีกครั้งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

4.) หากผู้ที่เดินทางเข้าไปรัฐกาตาร์ที่ยังไม่มีบัตรถิ่นพำนัก (QID) จะต้องกักตัวที่โรงแรมเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน โดยนายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักตัว ทั้งนี้ หากแรงงานที่เข้ารับการกักตัวไม่สามารถพักห้องเดี่ยวได้จะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

5.) เมื่อพ้นระยะเวลาการกักตัว นายจ้างจะต้องนำลูกจ้างไปตรวจโรคเพื่อจัดทำบัตรถิ่นพำนัก (QID) และจัดทำบัตรสุขภาพต่อไป

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ขอให้ประชาชน คนหางานที่จะเดินทางไปทำงานในรัฐกาตาร์  ตรวจสอบข้อมูลตำแหน่งงาน ลักษณะงาน ตลอดจนประเทศที่จะไปจากเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน ก่อนตัดสินใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศและเลือกเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมี 5 วิธี ได้แก่

1.) บริษัทจัดหางานจัดส่ง

2.) กรมการจัดหางานจัดส่ง(รัฐจัดส่ง)

3.) นายจ้างพาลูกจ้างไปทำงานต่างประเทศ

4.) นายจ้างส่งลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศ

5.) คนหางานเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิ และสวัสดิการตามมาตรฐานที่พึงมี และป้องกันการตกเป็นเหยื่อของผู้ฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ 

“ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาระบบการไปทำงานในต่างประเทศ โทรศัพท์ 02-245-6708-9 ในวันและเวลาราชการ หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694”  นายไพโรจน์ฯ กล่าว

“ธรรมนัส” ลั่น ปม “บิ๊กตู่” แบ่งงานคุมใต้ไม่มีปัญหา ยัน ไม่ได้ตีหัวเมืองใคร ปัดตอบ รมต.นินทานายกฯ เชื่อ พรรคร่วมไม่ตีจาก ไม่หวั่นศาล รธน.วินิจฉัย สถานะส.ส.-รมต.ปมติดคุก ตปท. 5 พ.ค.นี้ 

เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ที่ 85/2564 เรื่องมอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัดที่มอบหมายให้ ร.อ.ธรรรมนัส ดูแลภาคใต้ ว่า ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาทำงานในฐานะรมช.เกษตรฯ และตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม รวมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. แต่งตั้งและมอบหมายให้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ถือว่าได้ลงพื้นที่ทุกจังหวัดและทำพื้นที่มาตลอด

ดังนั้นการแบ่งงานให้รัฐมนตรีรับผิดชอบในแต่ละจังหวัด ไม่ใช่ประเด็นและไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายให้ดูแลจังหวัดไหน ก็ไปเกือบทุกจังหวัดอยู่แล้ว ไปเยี่ยมประชาชนเดือดร้อนทุกที่ และการแบ่งงานเป็นอำนาจของนายกฯไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรี เมื่อตัดสินใจมอบหมายว่าให้ใครทำแล้ว หน้าที่ของรัฐมนตรีคือต้องทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ยังไม่ได้คุยกับทางพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องนี้ ส่วนนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ก็คุยกันอยู่แล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการมอบหมายให้ไปดูภาคใต้ ถูกมองว่าไปตีหัวเมืองพรรคร่วมรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ใช่ 

เมื่อถามว่าเรื่องนี้อาจทำให้มีปัญหากับพรรคประชาธิปัตย์ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คิดมากกันเอง อย่าไปคิดมาก เพราะเราทำงาน เป้าหมายสูงสุดคือพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่มีเรื่องอื่น เมื่อถามย้ำว่าจะกลายเป็นความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเป็นส.ส.พรรคพปชร. แต่มีพรรคพวกเยอะ ทุกพรรคเราเป็นเพื่อนกัน เป็นพวกกัน มีอะไรก็หันหน้าพูดคุยกัน 

เมื่อถามว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นในลักษณะยังไม่ค่อยพอใจ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะเป็นความเห็นส่วนตัวของนายจุรินทร์ 

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่นายกฯระบุในครม.เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ว่ามีคนนินทา ร.อ.ธรรมนัส กล่าวพร้อมกับหัวเราะว่า เรื่องนี้ไม่ทราบและตนก็ไม่ค่อยอยู่ในครม.เพราะส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ 

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายกฯลาออกเพราะบริหารจัดการแก้โควิด-19 ล้มเหลว รวมถึงไม่แก้รัฐธรรมนูญตามที่สัญญา ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องโควิด-19 เวลานี้ ถ้าพูดภาษาทหารก็เป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 เป็นการต่อสู้ของมนุษย์ที่เป็นสิ่งที่ชีวิตกับสิ่งที่มองไม่เห็น และกระทบมนุษย์ทั่วโลก ดังนั้นคนไทยต้องช่วยกันทุกฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤต ทั้งรัฐและเอกชนเดินหน้าไปด้วยกัน คนไทยเรารักกันเมื่อมีวิกฤตต้องช่วยกัน อย่าเอาการเมืองมาเล่นมากเกินไป ส่วนข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน โดยการแก้ปัญหารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาที่ต้องขับเคลื่อน 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลอาจใช้สถานการณ์โควิด ตีตัวออกห่างจากพรรคพปชร.และนายกฯ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต่างก็คิดว่าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เวลานี้ประชาชนเดือดร้อนไม่ควรมาคุยเรื่องการเมือง แต่ให้ช่วยเหลือประชาชนเพราะคำตอบสุดท้ายประชาชนก็จะดูและพิจารณาว่าพรรคร่วมพรรคใดที่ประชาชนจะไว้วางใจและคิดว่าการออกมาแสดงความคิดเห็นใด ประชาชนเขามองอยู่ 

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่ในวันที่ 5 พ.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านวินิจฉัยวินิจฉัยสถานะส.ส. และสถานะรัฐมนตรี จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาจำคุก ของศาลต่างประเทศ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่กังวล เราทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายและเป็นอยู่ทุกวันให้ดีที่สุด 
 

'ราเมศ' หนุน พาณิชย์ จัดการเดลิเวอรี่ ขึ้นค่าบริการ เอาเปรียบ ปชช 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณี มาตรการรับมือโควิดพาณิชย์ สั่งคุมเข้มค่าบริการดีลิเวอรี่ป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภคว่า สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวเต็มที่ เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนมายังพรรคหลายรายอยากให้ภาครัฐเข็มงวด เพราะหากมีการเอาเปรียบโดยการขึ้นค่าบริการในการส่งของกินของใช้แบบเดลิเวอร์รี่ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนในสถานการณ์เช่นนี้ การสั่งอาหารมารับประทานที่บ้าน รวมถึงของกินของใช้สั่งผ่านระบบออนไลน์ ใช้วิธีการส่งแบบเดลิเวอร์รี่ ก็จะเป็นอีกหนึ่งความร่วมแรงร่วมใจป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นกัน

การที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พาณิชย์ ได้สั่งการให้แต่ละจังหวัดเข้าไปดำเนินการ เข้าไปตรวจสอบอัตราค่าบริการในส่วนของธุรกิจเดลิเวอรี่มากขึ้น เพราะในช่วงโควิดประชาชนหันมาใช้บริการการส่งแบบเดลิเวอรี่เพิ่มมากขึ้น เพื่อไม่ให้มีการเอาเปรียบเรื่องของราคาค่าบริการกับภาคประชาชน ถือได้ว่าเป็นนโยบายที่ดี ที่จะทำให้ประชาชนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ จะช่วยประชาชนทั่วไปได้เป็นอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญขณะนี้ เราคนไทยทุกคนจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกัน สามัคคีกัน ในทุก ๆ ด้าน พึ่งพาอาศัย เห็นอกเห็นใจกัน ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน เชื่อว่าเราจะก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกันอย่างแน่นอน

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ห่วงใยผู้ประกอบการ ยกระดับให้บริการขออนุมัติ-อนุญาต ออนไลน์ 100% พร้อมประสานทีมแพทย์กรมราชทัณฑ์ เปิดจุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด -19 ให้พนักงาน กนอ. ลดความแออัดตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลฯ

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ที่มีการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีความรุนแรงมากขึ้น คณะทำงานบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ของ กนอ.ได้ให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการ มาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคทั้งต่อบุคลากร กนอ.และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดย กนอ.ได้ยกระดับความพร้อมในส่วนของการให้บริการออนไลน์กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เน้นให้บริการที่สอดคล้องกับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายและแนวทางของรัฐบาล

ทั้งนี้ ในส่วนของการขออนุมัติ-อนุญาตการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ได้ใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการงานอนุมัติ-อนุญาต (e-Permission & Privilege หรือ e-PP) ด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ซึ่งครอบคลุมการขออนุญาตใช้ที่ดิน การขออนุญาตการก่อสร้าง การขอรับสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษีอากร เช่น การขออนุญาตถือครองที่ดินและกรรมสิทธิ์ที่ดิน การขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าว เป็นต้น

โดยเมื่อ กนอ.พิจารณาอนุมัติคำขอดังกล่าวแล้วระบบจะสร้างใบแจ้งหนี้โดยมีบาร์โค้ดเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถชำระค่าบริการอนุญาต/ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แบบผ่านโมบายล์ แบงกิ้งของธนาคารต่าง ๆ หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิสได้ เมื่อชำระค่าบริการดังกล่าวแล้ว ผู้ประกอบการสามารถพิมพ์หนังสืออนุญาตแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้เอง โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานใหญ่ หรือสำนักงานนิคมอุตสาหกรรม โดยในหนังสืออนุญาตจะมีลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์และคิวอาร์โค้ด เพื่อให้หน่วยงานอื่นสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ โดยระบบยังสามารถจัดทำและนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt) ได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังได้ประสานความร่วมมือไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ให้จัดทีมแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ ณ จุดตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ กนอ.สำนักงานใหญ่ ในวันที่ 29 เม.ย.2564 เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับพนักงาน กนอ. โดยการเปิดจุดคัดกรองนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และเป็นการแบ่งเบาภาระและลดความแออัดให้แก่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นการให้บริการตรวจหาเชื้อโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ได้

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาล กนอ.ได้ให้พนักงานบางส่วนปฏิบัติงานที่บ้าน ทั้งในส่วนของ กนอ.สำนักงานใหญ่ และสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้าและผู้รับบริการ ขณะเดียวกันหากมีพนักงานของ กนอ.ที่มีโอกาสมีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิด ได้ขอให้ผู้บังคับบัญชาตามสายงานเป็นผู้พิจารณาให้พนักงานดังกล่าวเข้ารับการตรวจคัดกรองที่สถานพยาบาลรัฐบาล หรือเอกชน พร้อมกับทำการกักตัวที่บ้านพัก พร้อมสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน นับจากวันที่เข้ารับการตรวจหาเชื้อและได้ใบรับรองก่อนกลับมาทำงานปกติ

“ผมมีความห่วงใยในสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานทุกคน โดยขอให้ป้องกันตนเองตามมาตรการ ที่ กนอ.กำหนดอย่างเคร่งครัดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ประกอบการเองขอให้มั่นใจว่า กนอ.จะยังคงให้บริการได้ตามปกติผ่านทางระบบออนไลน์ ซึ่ง กนอ.มีการเตรียมความพร้อมให้บริการเต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว” นายวีริศ กล่าว

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการที่มีข้อสอบถามหรือต้องการคำแนะนำการใช้งานของระบบเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยทีม IEAT e-PP Support ผ่านช่องทาง email : [email protected] /Line ID : @IEAT-ePP-Support หรือที่เบอร์โทรศัพท์ 06-3435-2015 , 0-2253-0561 ต่อ 4448


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top