Saturday, 21 June 2025
Hard News Team

สัญญาณฟื้นพบยอดตั้งโรงงานครึ่งปีลงทุนพุ่ง 5.6 หมื่นล้านอ

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ยอดตั้งโรงงานใหม่ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 มีทั้งหมด 1,110 โรงงาน คิดเป็นเงินลงทุน 56,354.19 ล้านบาท และมีการจ้างงาน 31,330 คน ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการประกอบกิจการใหม่สูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร แปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ และผลิตภัณฑ์โลหะ ตามลำดับ 

ส่วนของการขยายโรงงานมีจำนวน 152 โรงงาน เงินลงทุน 41,510.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.41 % การจ้างงาน 37,550 คน เพิ่มขึ้น 52.02 % ขณะเดียวกันมีการเลิกประกอบกิจการลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จำนวน 361 โรงงาน ลดลง 8.38% เงินลงทุน จำนวน 21,427.65 ล้านบาท ลดลง 4.57% เลิกจ้างงาน 12,172 คน ลดลง 8.74% สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่โรงงานขนาดเล็กส่วนใหญ่และขนาดกลางบางส่วนได้รับผลกระทบของวิกฤตการณ์โควิด-19

“รมช.กลาโหม” นั่งหัวโต๊ะประชุมสภากลาโหม กำชับฝึกทหารใหม่พ.ค.นี้คัดกรองโรค -กักตัวก่อนฝึก ประสานความร่วมมืออาเซียนป้องลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ช่วยซื้อสินค้าเกษตร หลังราคาตกต่ำ

ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2565 ว่า  พล.อ.ชัยชาญมอบนโยบายให้ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการดำเนินงานของศบค. และศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.)ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังกำชับประสานความร่วมมือด้านความมั่นคง กับอาเซียน และนานาชาติ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการสู้รบตามแนวชายแดน การลักลอบค้ายาเสพติด  อาวุธสงครามและสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท รวมทั้งอาชญากรรมข้ามประเทศ โดยพื้นที่ชายแดนต้องเป็นพื้นที่เข็มแข็งและปลอดภัย 

'หมออุดม' ชี้ตัวเลขหลังสงกรานต์ดีกว่าคาด หนุน!! 'ปลดล็อกเข้าปท.-ฟื้นศก.' ก่อนเสียโอกาส

'นพ.อุดม' ชี้ โควิดไทยถึงช่วง 'ขาลง' หนุน ปลดล็อกเข้าปท. ฟื้นเศรษฐกิจ หลังรั้งท้ายนานาชาติ ย้ำ สวมแมสก์-เว้นระยะห่าง ยังสำคัญ 

(22 เม.ย. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวก่อนการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ถึงการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ ว่า เราต้องดูสถานการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่ายอดผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ปรากฏว่าประชาชนให้ความร่วมมือดีมาก ตอนนี้จึงต่างจากที่คาดการณ์ไว้เยอะ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการตรวจ RT-PCR อยู่ที่ 2.1 หมื่นราย หากรวมกับการตรวจเชื้อแบบ ATK จะอยู่ที่ 4-5 หมื่นราย ซึ่งเราเคยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้หลายเท่า แต่ปรากฏว่าไม่ขึ้น อีกทั้งเรามีคนไข้อยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศเพียง 1.9 แสนราย แสดงว่าอาการของคนไข้ไม่ได้หนัก คนไข้ที่ต้องใช้เตียงผู้ป่วยระดับสีเหลืองและระดับสีแดง รวมกันใช้ไปเพียง 25% ของเตียงทั้งหมด ถือว่าน้อยมาก โดยรวมจึงอยากสรุปว่า คนไข้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ได้มากขึ้น และลดลงด้วย ขณะนี้ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์หลังจากเทศกาลสงกรานต์ จึงคิดว่าแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 

นพ.อุดม กล่าวว่า ส่วนที่ยังมีความกังวลเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิต ที่ยังมีตัวเลขประมาณ 120 ราย ตนอยากให้ดูตัวเลขกันใหม่ เพราะหากเทียบกับจำนวนผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้าโรงพยาบาล อยู่ที่ 0.29% หากนับผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 0.67% เมื่อเทียบกับทั่วโลกเรายังต่ำกว่าเขา จึงเป็นช่วงขาลง และลงเร็วกว่าที่เราคิด แต่หากจะเอาให้ชัวร์ต้องรอให้ถึงสิ้นเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วง 14 วันหลังเทศกาลสงกรานต์ ที่พ้นระยะฟักตัว และเชื่อว่าตัวเลขไม่น่าจะขึ้นแล้ว 

นพ.อุดม กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์ โควิด-19 อยู่ในช่วงขาลง เราต้องมานึกถึงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจของเราตอนนี้ฟื้นช้ากว่าประเทศอื่น และตนคิดว่าหากเราช้าไปอีก 1-2 เดือน ถือว่าเสียโอกาส แม้ที่ผ่านมาตนจะเน้นเรื่องสุขภาพเป็นหลัก แต่ตอนนี้ช่วงที่ไม่ได้มีผู้ป่วยมาก ประกอบกับคนไทยรู้จักระมัดระวังตัวเอง จึงคิดว่าทุกอย่างต้องผ่อนคลาย เพราะรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว เดิมที่เราตั้งใจว่าจะผ่อนคลายในช่วงเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคม ตนคิดว่าจะทำให้เสียโอกาส ใจตนวันนี้ 1 พฤษภาคมอยากให้ผ่อนคลายมาแล้วและได้มีการคุยกันที่กระทรวงสาธารณสุขมาแล้ว เพียงแต่ไม่กล้าตัดสินว่าจะเลิกตรวจทุกอย่างไปเลย และอยากให้มีการตรวจ ATK สัก 1 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมงเมื่อเดินทางเข้าประเทศ สามารถทำได้เองไม่ยุ่งยาก อีกทั้งผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมีอัตราการติดเชื้อน้อย และแนวโน้มหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการหมดแล้ว แต่ย้ำว่าแม้จะผ่อนคลายประชาชนต้องระวังตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง ยืนยันว่าต้องผ่อน

"ระยอง-สงขลา" เตรียมรับนักท่องเที่ยว หลัง ศบค.เคาะ “พื้นที่สีฟ้า”  

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ที่ประชุมศบค. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านตามเงื่อนไขที่กำหนดได้จนถึง 24.00 น. และ ให้เพิ่มพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง จากเดิม 10 จังหวัด เพิ่มอีก 2 จังหวัด คือ จังหวัดระยอง และจังหวัดสงขลา รวมพื้นที่นำร่องเที่ยวเป็น 12 จังหวัด โดยจะมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ยังปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร สำหรับผู้ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์และผู้ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เริ่มมีผลบังคับใช้ 1 พฤษภาคม 2565 ทั้งนี้ ผู้ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่เข้าราชอาณาจักรผ่านระบบ Thailand pass เพื่อแสดงหลักฐานวัคซีนและประกันภัย วงเงินประกันภัยหรือประกันในรูปแบบอื่นๆ จำนวน 10,000 USD  เมื่อเดินทางมาถึงให้ตรวจ Self-ATK ระหว่างพำนัก หากพบเชื้อฯ ให้เข้าสู่กระบวนการตามประกันภัยหรือตามความรับผิดชอบส่วนบุคคล หรือหากเป็นผู้เสี่ยงสูง ให้กักตัว 5 วัน +สังเกตอาการ 5 วัน และให้ตรวจ ATK Day5 และ 10 หลังสัมผัสผู้ติดเชื้อ 

สำหรับผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามกำหนด สามารถ ยื่นหลักฐานผลตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทางถึงประเทศไทยและลงทะเบียนแสดงหลักฐานดังกล่าวในระบบ Thailand pass, กักตัวตามระบบ AQ โดยตรวจ RT-PCR Day 4-5, แนะนำให้ตรวจ Self-ATKระหว่างพำนัก หากพบเชื้อให้เข้าสู่กระบวนการตามประกันภัยหรือตามความรับผิดชอบของบุคคล และมีประกันภัยไม่ต่ำกว่า 10,000 USD

กระเป๋าฉีก! ราคาไข่ปรับเพิ่มขึ้นอีก หลังต้นทุนผู้เลี้ยงพุ่ง

นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ได้ปรับขึ้นราคาฟองละ 10 สตางค์ จากเดิม 3.40 บาทต่อฟอง เพิ่มเป็น 3.50 บาทต่อฟอง โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากต้นทุนอาหารสัตว์ปรับขึ้นกิโลกรัมละ 60 สตางค์ ทำให้ต้นทุนมาอยู่ที่ 3.20 บาทต่อฟอง 

นายสุเทพ สุวรรณรัตน์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้กล่าวว่า สมาคมไม่ได้ประกาศปรับขึ้นราคาไข่ไก่เนื่องจากกรมการค้าภายในขอให้ตรึงราคาไว้ แต่ผู้เลี้ยงรายย่อยที่รวมตัวกันเป็นสหกรณ์และชมรมมีต้นทุนการเลี้ยงสูงกว่ารายย่อยได้ประกาศปรับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขึ้น 10 สตางค์จาก 3.40 บาท เป็น 3.50 บาท สาเหตุที่ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้นเกิดจากอาหารสัตว์ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น รวมถึงค่ายา วิตามิน และเวชภัณฑ์ และไก่ให้ไข่น้อยลงด้วย

ความหน้าด้านของตะวันตก เมื่อ 'ผู้นำอังกฤษ' กดดัน 'อินเดีย' ต้านรัสเซีย แต่เมื่อถูกทวงคำขอโทษสังหารหมู่ 'จลิยานวาลาบาค' กลับเพิกเฉย

'ครูแพท-พัฒนพงศ์ แสงธรรม' อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ (ภาควิชาภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ความหน้าด้านของตะวันตก ท้้งเยอรมนี, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา เป็นสิ่งที่มนุษยชาติจะได้จดจำไปตลอดกาล เป็นการยืนยันความเห็นแก่ตัวและกักขฬะที่ไม่ได้ต่างจากสัตว์ที่ชัดเจนที่สุดในประวัติศาสตร์

อินเดียซึ่งนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียและเป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก งดออกเสียงในการลงคะแนนเสียงของสหประชาชาติที่ประณามรัสเซียสำหรับการบุกรุกยูเครน และไม่ได้ร่วมมือกับชาติตะวันตกในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ซึ่งแม้ว่าอินเดียจะใกล้ชิดกับตะวันตกมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ยังต้องพึ่งพาอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากจากรัสเซีย ท่ามกลางความตึงเครียดกับจีนและปากีสถาน

บอริส จอห์ฺนสัน ไปเยือนอินเดีย เพื่อพูดคุยเรื่องการให้อินเดียงดซื้อพลังงานจากรัสเซีย และคว่ำบาตรรัสเซีย หลังจากที่สหรัฐฯ ได้พยายามมาแล้ว และยังกดดันอินเดียตลอดมา

อินเดียจึงทวงคำขอโทษจากอังกฤษสำหรับเหตุการณ์การสังหารหมู่ที่จลิยานวาลาบาคเมื่อกว่า 100 ปีก่อนอีกครั้ง เพราะตลอดมาอังกฤษเพิกเฉย

'บิ๊กป้อม' ปัดบินพบ 'ทักษิณ' ย้ำไม่เจอมาตั้งแต่ 48 ลั่น!! 'ฟิต-แข็งแรง' พร้อมลุยงาน หลังกลับจากนอก

‘ประวิตร’ ฟิตหลังบินไปนอก ยันอีกรอบ ไม่มีเรื่องอะไรต้องพบ ‘ทักษิณ’ เลือกตั้งซ่อมราชบุรี รอคณะกรรมการบริหารเคาะส่ง-ไม่ส่งเย็นนี้

(22 เม.ย. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศช่วงสงกรานต์และพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ ว่า ไม่มีอะไร แจ่มใสขึ้น แข็งแรง ก็ทำงานต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อพิจารณาส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รอประชุมก่อน ประชุมกันเย็นนี้

เมื่อถามย้ำว่า ยังไม่รู้ว่าจะส่งหรือไม่ส่งผู้สมัครใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่รู้

ทร. แจง ผลตรวจแพทย์ ระบุ เกิดจากภาวะไตวายทำให้พลทหารฯ เสียขีวิต ชี้ ทัพเรือ ปฏิบัติต่อทหารกองประจำการด้วยความเสมอภาค และคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีบิดาของ พลทหาร ธำรงชัย ทรงเดช  ทหารกองประจำการ ผลัดที่ 3/62 ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม  พร้อมทั้งขอให้กองทัพเรือออกมาชี้แจง กรณีบุตรชายของตนเสียชีวิต ขณะถูกจำขังที่เรือนจำฐานทัพเรือสัตหีบ ว่า กองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ พล.ร.อ. สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างเร่งด่วน 

พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวอีกว่า พลทหาร ธำรงชัย  ได้เข้าประจำการในกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน   หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2562  โดยก่อนเกิดเหตุ พลทหาร ธำรงชัย ถูกจำขังที่เรือนจำฐานทัพเรือสัตหีบ ความผิดฐานหนีราชการเมื่อ วันที่ 22 มี.ค. 2565 และจะสิ้นสุดในวันที่ 17 สิง.ค. 2565  โดย พลทหาร ธำรงชัย ได้ถูกส่งตัวไปทำงานพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ นอกเรือนจำ ร่วมกับนักโทษรายอื่น ๆ จนกระทั่งบ่ายวันที่ 26 มี.ค. 2565  มีอาการเป็นไข้ ทางเรือนจำ จึงให้หยุดทำงานและแยกตัวเพื่อนอนพัก โดยอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่พยาบาลเรือนจำ จนกระทั่งหายเป็นปกติจึงได้กลับไปทำงานพัฒนาพื้นที่นอกเรือนจำ ตามปกติ          

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2565  เวลา 08.50 น. จ่าเวรแดนของเรือนจำ ได้รับแจ้งว่า พลทหาร ธำรงชัย มีอาการป่วย หายใจไม่สะดวก แต่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองและเดินเองได้ จึงได้รีบรายงานให้นายทหารเวรประจำวันของเรือนจำและกองพันทหารราบที่ 3 ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดของพลทหาร ธำรงชัย  ทราบ พร้อมทั้ง นำตัวส่งไปตรวจร่างกาย เพื่อทำการรักษา ที่ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ แต่จากการ วินิจฉัยของแพทย์ อาการของพลทหาร ธำรงชัย  ไม่น่าไว้วางใจจึงถูกส่งตัวไป ตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ  ซึ่งมีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยมากกว่า  ทางโรงพยาบาล ได้นำตัว เข้าห้อง ICU ทันที ซึ่งจากผลการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด พบว่า พลทหาร ธำรงชัย มีภาวะไตวายเฉียบพลัน  จึงได้นำตัวรักษาที่ห้อง ICU  เพื่อทำการฟอกไต ให้ยาลดความดันและใช้เครื่องช่วยหายใจ 

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2565 พลทหาร ธำรงชัย  มีอาการดีขึ้น สามารถหายใจเองได้ จึงได้ย้ายออกจากห้อง ICU ไปพักฟื้นที่อาคารผู้ป่วย 2  แต่ยังคงทำการฟอกไตต่อไปเป็นประจำทุกวัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2565   พลทหาร ธำรงชัย มีอาการทรุดลง จึงได้ย้ายกลับไปรักษาตัวที่ห้อง ICU เพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตด้วยภาวะช็อกจากการติดเชื้อ เมื่อเวลา 12.26 น. ของวันเดียวกัน

โฆษกรัฐบาลแจง “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่ตรวจราชการสงขลา-พัทลุง เพื่อติดตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 แก้ไขอุทกภัย อ.หาดใหญ่ พร้อมมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพัทลุง และผู้บริหารท้องถิ่น เมื่อวันที่ 22 เม.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนั

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสงขลา และจังหวัดพัทลุง ในวันจันทร์   ที่ 25 เมษายน 2565 เพื่อติดตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 แก้ไขอุทกภัย อ.หาดใหญ่  พร้อมมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดพัทลุง และผู้บริหารท้องถิ่น โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ โดยภารกิจ ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 การแก้ไขอุทกภัย อำเภอหาดใหญ่  ในการจัดทำโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ปรับปรุงคลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) ให้มีศักยภาพเพียงพอในการป้องกันน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ และเป็นพื้นที่เก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ณ คลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) อำเภอหาดใหญ่

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัส เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2531 “...การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว...” ปัจจุบันโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 92.10% โดยประตูระบายน้ำหน้าควน 2 ซึ่งอยู่บริเวณปากคลองระบายน้ำ ร.1 ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ สามารถบริหารจัดการน้ำโดยการเปิดปิดบานเพื่อควบคุมปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่คลองระบายน้ำ ร.1 และคลองระบายน้ำ ร.1 ซึ่งได้ทำการปรับปรุงโดยการขุดขยายความกว้างของคลองระบายน้ำจากเดิมท้องคลองกว้าง 24 เมตร ขยายเป็น 70 เมตร พร้อมทั้งก่อสร้างกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 90 ทำให้คลองระบายน้ำ ร.1 ในปัจจุบันจะสามารถช่วยในการระบายน้ำในช่วงฤดูฝนได้สูงสุดประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

'กอบศักดิ์' ชี้!! วิกฤติอาหารแพงลามทั้งโลก ผลพวงสงคราม แย้ม!! ไทยยังดี ไม่เคยทิ้งภาคเกษตร พอช่วยก้าวผ่านไปได้

ไม่นานมานี้ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ฉายภาพวิกฤตอาหารโลก - Coming Global Food Crisis ไว้ว่า...

หลายคนคงได้ยินคนบ่นว่า ช่วงนี้ข้าวของแพง 

แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดแค่ในไทย ยุค "ข้าวยาก หมากแพง" กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

ข้อมูลล่าสุดจาก FAO หรือองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ชี้ว่า ในหลายพื้นที่ของโลกกำลังเข้าสู่ช่วงการเกิดวิกฤตการณ์อาหาร

ดัชนีราคาอาหารล่าสุดในเดือนมีนาคม เร่งเพิ่มขึ้นถึง 12.6% จากเดือนก่อนหน้า !!!

หากเทียบกับปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 17.9% ทำให้ระดับราคาอาหารโลกสูงสุดในรอบ 22 ปี ตั้งแต่ได้สร้างดัชนีนี้ขึ้นมา

ในภาพ เราจะเห็นถึงความรุนแรงของปัญหานี้ โดยเมื่อเทียบกับเดือนมกราคมหรือต้นปีที่ผ่านมา แยกรายหมวดแล้ว พบว่า...

- ราคาเนื้อสัตว์ +7.0%
- ราคาผลิตภัณฑ์จากนม +9.5%
- ราคาธัญพืช +21.0%
- ราคาน้ำมันพืช +39.1%
- ราคาน้ำตาล +4.6%

ไม่น่าแปลกใจว่า คนทั้งโลกจึงบ่นอุบกันไปทั่ว

กำเงินไป 100 แต่ได้ของมาแค่ 80

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสงครามที่ยุโรป 

รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลี 28% ของโลก ยิ่งไปกว่านั้น รัสเซียและเบลารูสเป็นผู้ส่งออกปุ๋ยโปแตส 40% ของโลก

เมื่อมีการ Sanctions รัสเซียและเบลารูส บวกกับการที่ยูเครนไม่สามารถเพาะปลูกได้ ข้าวสาลีและปุ๋ยจึงขาดแคลนหนัก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top