Sunday, 11 May 2025
Hard News Team

‘อนุทิน’ ไม่ใส่ใจคำพูด ‘ทักษิณ’ เผย!! มีอะไรก็หารือ กับนายกฯ

(14 ธ.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวผ่านรายการข่าวเที่ยง ทางไทยพีบีเอส ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนาพรรคเพื่อไทยความตอนหนึ่งตำหนิพรรคร่วมบางพรรค หนีประชุมพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศ ว่าไม่น่าจะหมายถึงตน หรือ พรรคภูมิใจไทย เนื่องจากในวันดังกล่าว ตนได้เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ และไม่ทราบว่ามีการเลื่อนการประชุมเป็นวันพุธที่ 11 ธันวาคม เนื่องจากปกติ การประชุมคณะรัฐมนตรี จะประชุมทุกวันอังคาร

โดยระหว่างพบแพทย์เพื่อทำการตรวจนั้น นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์เพื่อตามให้เข้าประชุม เนื่องจากมีการพิจารณากฎหมายสำคัญ ซึ่งหลักจากตรวจเสร็จ ก็รีบเข้าประชุม ครม.ทันที อีกทั้งรัฐมนตรีหลายคนของพรรคก็เข้าร่วมประชุมในวันนั้น เว้นแต่ผู้ที่ติดภารกิจราชการ จึงไม่อยากให้เชื่อมโยงมาถึงพรรคภูมิใจไทย

เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณ พูดในลักษณะนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย รับสัญญาณจากนายกรัฐมนตรี คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพราะนางสาวแพทองธาร คือ หัวหน้ารัฐบาล

“ท่านทักษิณ พูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก เพราะผมก็ไปร่วมประชุม” นายอนุทิน กล่าว

ส่วนจะต้องพูดคุยทำความเข้าใจกันหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเป็นประจำอยู่แล้ว นายกฯ แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีอะไรก็ต้องหารือนายกฯ แพทองธารอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหลังจากนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาต่อกันอยู่แล้ว และจากนี้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งการร่วมรัฐบาลต้องทำงานร่วมกันเป็นไฟต์บังคับ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ และประชาชน

ชาวเกาหลีใต้กว่า 2 แสนคน ชุมนุมหน้ารัฐสภาในกรุงโซล เพื่อฟังผลมติ ยื่นถอดถอน!! ประธานาธิบดี ‘ยุน ซ็อก-ยอล’

(14 ธ.ค. 67) ชาวเกาหลีใต้กว่า 2 แสนคน ชุมนุมหน้ารัฐสภาในกรุงโซล เพื่อฟังผลมติยื่นถอดถอน ประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ยอล เป็นครั้งที่ 2 วันนี้ ที่มีทั้งฝ่ายต่อต้าน และ ฝ่ายสนับสนุน ประธานาธิบดี ยุน อย่างคับคั่ง

‘สหประชาชาติ’ แนะ!! ไทย ให้ปลดล็อก ‘Sex Worker’

(14 ธ.ค. 67) ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ ชั้น 4 ห้อง Studio R6 คณะทำงานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง (WGDAWG) แถลงข่าวสถานการณ์ด้านสิทธิฯ ภายหลังการมาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกตามคำเชิญของรัฐบาล

ไฮนา ลู และ อีวานา เคิร์สติช ตัวแทนสมาชิกคณะทำงาน ได้ประเมินความคืบหน้าและข้อท้าทายในการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศและขจัดการเลือกปฏิบัติในการมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ รวมถึงพิจารณาหลายแง่มุมของชีวิตผู้หญิงและเด็กผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เผชิญรูปแบบการเลือกปฏิบัติที่ทับซ้อนแตกต่างกันไป ซึ่งมีการหารือทั้งในกรุงเทพมหานคร แม่สอด เชียงใหม่ และ หาดใหญ่

สาระสำคัญของรายงาน ระบุว่า ไทยอยู่ในจังหวะสำคัญที่จะก้าวเป็นแบบอย่างของความเท่าเทียมทางเพศในภูมิภาค โดยออกแถลงการณ์ชื่นชมที่มีความก้าวหน้าด้านสิทธิผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ทั้งด้านกฎหมายและในเชิงสถาบันต่าง ๆ โดยเฉพาะการศึกษา สาธารณสุข และการจ้างงาน

อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวลต่อช่องว่างที่สำคัญในการบังคับใช้นโยบาย ซึ่งขัดขวางการบรรลุความเสมอภาค โดยเสนอแนะว่ากลไกขับเคลื่อนเรื่องผู้หญิงระดับชาติ ควรได้รับการสนับสนุนทางการเงิน รวมถึงบุคลากร ซึ่งการจัดสรรงบประมาณที่คำนึงถึงมิติทางเพศ ยังเป็นหนึ่งในคำมั่นที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ

อีวานา เคิร์สติช กล่าวว่า ในเครื่องความรุนแรงทางเพศ เราเห็นว่าเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการ ‘ไซเบอร์บูลลี’ หรือการเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้เกิดอันตราย เป็นความท้าทายของรัฐบาลไม่ให้การล่วงละเมิดและตักตวงผลประโยชน์จากผู้หญิง

อยากแนะนำให้รัฐบาลไทย เลิกทำให้การค้าบริการทางเพศเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เราอยากให้เขาเข้ารับบริการทางสุขภาพได้อย่างเป็นธรรม ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรดำเนินการบูรณาการในการดูแลเหยื่อ แต่ในทางปฏิบัติเองเราก็พบว่ายังมีทีมงานไม่เพียงพอในศูนย์ต่าง ๆ ซึ่งน่าจะทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการพื้นฐานเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

เบอร์ 2 'รองเอ็ด' บุกปลุก ตากต้องเปลี่ยน คนฟังปราศรัยแน่น ศึกเลือกตั้ง อบจ.ตาก

(14 ธ.ค. 67) แรงงงแซงโค้งสนามเลือกตั้งที่น่าจับตาวันนี้คือศึกการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เป็นสนามที่บ้านใหญ่ปะทะผู้ท้าชิงที่วันนี้รวมตัวกันฝั่งฝ่ายค้านคือพลังประชารัฐและพรรคประชาชนผนึกกำลังสู้ บ้านใหญ่ฝั่งภูมิใจไทย ฝั่งผู้ท้าชิง ‘รองเอ็ด’ พตท. อนุรักษ์ จิรจิตร ผู้สมัครหมายเลข 2 ปักธงตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ ณ สนามกีฬาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ข้างสำนักงานเทศบาลนครแม่สอด เป็นเวทีที่ 64 และเป็นเวทีสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง ในวันพรุ่งนี้ มีคนร่วมฟังปราศรัยเกือบ 2,000 คน  

‘รองเอ็ด’ ชูนโยบาย ตากต้องเปลี่ยน และบอกกับชาว อำเภอ แม่สอดแผ่นดินเกิด มารดาเป็นคนแม่สอด บิดาเป็นคนอำเภอเมืองตาก ช่วงเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีลงพื้นที่อำเภออุ้มผาง และอำเภอพบพระ เหมือนเรือนนอน กุมหัวใจคน 4 อำเภอไว้อย่างเหนียวแน่น และลงพื้นที่อย่างสมบุกสมบันจนคว้าใจพี่น้องชาติพันธุ์ 9 ชนเผ่า ทุกอำเภอด้วย ปฏิญญา ‘พลิกตากทั้งจังหวัด’

ไฮไลต์ก่อนปิดปราศรัยที่เป็นม็อตโต้สำคัญ คือ ‘เลิกทนอยู่แบบเดิม ตากต้องเปลี่ยน’ ถือเป็นจุดพีคสุดที่จะทำให้รองเอ็ดถือแต้มต่อในโค้งสุดท้าย และเป็นยุทธวิธีเดียว เพื่อปลุกกระแส...เดินฝ่า...ห่ากระสุน ในศึกเลือกตั้ง นายก อบจ.ตาก ครั้งนี้ ท่ามกลางเสียงสนับสนุน กึกก้อง เรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์การเมืองท้องถิ่นหน้าใหม่ เพราะไม่เคยเห็นเลือกตั้งท้องถิ่นปราศรัยเยอะขนาดนี้ รวม64 เวที มีรายงานว่า คนที่มาฟังปราศรัย ที่ผ่านมาน่าจะอยู่ประมาณ 50000 คน

‘GULF’ จ่อให้บริการ!! ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’ ‘สยาม เอไอ’ ประเดิมรายแรก ครึ่งหลังปี 68

(14 ธ.ค. 67) นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2567 บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ จำกัด (GSA DC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 40% ผ่านบริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (Gulf Edge) ได้ลงนามในสัญญาการให้บริการศูนย์ข้อมูล (Data Center) กับบริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (Siam AI) ซึ่งเป็นบริษัทไทยรายแรกที่เป็นพันธมิตรกับ NVIDIA Corporation หวังหนุนขับเคลื่อน AI Cloud Solutions ในเมืองไทย

สำหรับ การให้บริการศูนย์ข้อมูลกับ Siam AI มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และคาดว่าจะเริ่มให้บริการดังกล่าวได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ภายหลังจาก ‘ธุรกิจศูนย์ข้อมูล GSA DC’ (Data Center) ของกลุ่มบริษัทปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีแผนจะเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือนเม.ย. 2568 ซึ่งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัทมีขนาด 50 เมกะวัตต์ โดยการลงทุนแบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสหนึ่ง มีขนาด 25 เมกะวัตต์ และทยอยเปิดให้บริการเฟส 2 ต่อไป 

ขณะเดียวกัน ระหว่างนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าอีกหลายราย ที่จะให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์โดยมีลูกค้าหลัก ๆ จะเป็นหน่วยงานของภาครัฐและกลุ่ม Hyperscalers Enterprise เช่น สถาบันการเงินและอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

ขณะที่ ภาคองค์กรธุรกิจที่กำลังขับเคลื่อนเข้าสู่ดิจิทัลทรานฟอร์เมชันโดยการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ และการใช้งานด้าน Artificial Intelligence (AI) เป็นปัจจัยสนับสนุนให้องค์กรในประเทศ และไฮเปอร์สเกลเลอร์ (Hyperscalers) ที่เข้ามาสู่ตลาดในประเทศไทย มีความต้องการจัดเก็บและจัดการข้อมูลมากขึ้น

ทางด้าน ‘ธุรกิจคลาวด์’ (Cloud) ที่บริษัท ได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนที่จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ธุรกิจ health care ธุรกิจพลังงาน และสาธารณูปโภค รวมถึงสถาบันทางการเงิน

นอกจากนี้ บริษัทยังมองการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไปสู่บริการอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งได้แก่ AI และ cybersecurity อีกด้วย โดยผู้ใช้งาน Google Cloud สามารถเลือกที่จะจัดเก็บข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูล GSA DC ของบริษัทได้

นางสาวยุพาพิน กล่าวต่อว่า การเปิดบริการศูนย์ข้อมูล DSA DC (data Center) เป็นหนึ่งในแผนงานที่ช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตอย่าง 'ก้าวกระโดด' หลังจากการควบรวมระหว่าง GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เสร็จสิ้น โดยตามไทม์ไลน์การควบรวบบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH จะสามารถจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2568 

ขณะที่ คาดว่าในไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้รวมยังโตต่อเนื่อง จากโครงการต่าง ๆ ที่เปิดตามแผนโดยโครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 (662.5 เมกะวัตต์) เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา จะเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของหน่วยผลิตนี้ในไตรมาส 4 นี้

นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 532 เมกะวัตต์ ในเดือนธ.ค.นี้

ประกอบกับในไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซัน (High season) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าพลังงานลมภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul Corporation ในไทยและโครงการ BKR2 ในเยอรมนี คาดมีผลประกอบการดีขึ้นอีกทั้ง ผลการดำเนินงานของ

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC คาดเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ใช้งานและ ARPU ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ปี 2567 ยังคงคาดการณ์การเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ 25-30% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะทยอยเปิด COD ในปีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนจำนวนเมกะวัตต์ให้เติบโตอีก 2,700 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ทั้งกำลังผลิตรวมเติบโตเป็น 15,000 เมกะวัตต์

ผบ.ตร. แสดงความเสียใจเหตุระเบิดงานกาชาดฯ อ.อุ้มผาง จ.ตาก มอบหมาย ผู้ช่วย ผบ.ตร.คุมคดี หลังจับกุม 2 ผู้ก่อเหตุได้ เบื้องต้นคนร้ายรับเป็นคนสะพายกระเป๋าใส่ระเบิด สาเหตุโกรธเคืองกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่

(14 ธ.ค.67) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีเหตุระเบิดภายในงานกาชาด อะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้า อ.อุ้มผาง จ.ตาก ประจำปี 2567 นั้น ได้รับรายงานจาก สภ.อุ้มผาง จ.ตาก ว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 23.35น. เกิดเหตุทะเลาะวิวาทปาระเบิดใส่ผู้มาร่วมงานกาชาด อะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุ้มผาง ได้ทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำผู้บาดเจ็บส่งตัวไปยังโรงพยาบาลอุ้มผาง ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 48 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยมีคนร่วมงานประมาณ 8,000 – 9,000 คน 

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้ง 2 คน ได้แก่ คนไทย 1 คน คือ นายเอ (นามสมมติ) และกองกำลังกะเหรี่ยง KNU 1 คน คือ นายจอริทู มีประวัติเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา จากการสอบสวนเบื้องต้น นายจอริทู รับว่าเป็นผู้สะพายกระเป๋าใส่ระเบิด สาเหตุเกิดจากมีเหตุโกรธเคืองกับกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีมาตั้งแต่งานลอยกะทง ครั้งนี้จึงมาก่อเหตุเอาคืนคู่กรณี

นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชากรตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการเรื่องนี้เต็มที่ โดยหลังทราบเรื่อง ผบ.ตร.ได้สั่งการตำรวจฝ่ายสืบสวนพื้นที่ และ ภ.6 เร่งจับกุมผู้ก่อเหตุให้ได้ โดยให้บูรณาการกับหน่วยงานทหารเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเบื้องต้นสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 2 ราย และได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน กำกับดูแลพื้นที่ ภ. 5 และ ภ.6 ลงไปกำกับติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดแล้ว เพื่อขยายผลดำเนินการทุกมิติ

สำหรับตำรวจพื้นที่ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ก่อนการจัดงานได้มีการประชุมหรือวางแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างไรหรือไม่ หากพบว่าเป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นทุกปีและไม่มีการกำหนดแผนหรือมาตรการใดๆ รองรับ ให้พิจารณาข้อบกพร่องทางวินัยและการปกครองทันที รวมทั้งสั่งเพิ่มความเข้มทุกพื้นที่ที่มีการจัดงาน ทั้งด้านการหาข่าวและการปฏิบัติ และการระมัดระวังกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นคู่อริ ต้องไม่ให้เกิดเหตุใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

ขอนแก่น-ยิ่งใหญ่! เทศกาลหนังเมืองแคน ครั้งที่ 8 ส่งท้ายปีด้วยความ 'แซ่บ' ปลุกกระแส Soft Power อีสานสู่เวทีโล

(14 ธ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชน จัดพิธีเปิดงาน 'เทศกาลหนังเมืองแคน ครั้งที่ 8' (KAEN FILM FESTIVAL 8th) โดยมี นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายประจวบ รักแพทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และ รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรม และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมพิธี ในการนี้มีผู้กำกับชื่อดัง นักแสดงจากไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา คณาจารย์ นักศึกษา และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ที่ ขอนแก่นฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลขอนแก่น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ กล่าวว่า เทศกาลหนังเมืองแคนครั้งนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. 2568-2571 ที่มุ่งสร้างความเป็นนานาชาติและคุณูปการต่อสังคม “เราไม่เพียงต้องการสร้างพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ แต่ยังเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในภูมิภาค การจัดงานครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ไม่มีขีดจำกัด เราได้เห็นการผสานศิลปะ วัฒนธรรม และนวัตกรรมเข้าด้วยกันผ่านผลงานของผู้เข้าประกวดทั้ง 84 ทีม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอีสานมีศักยภาพไม่แพ้ภูมิภาคอื่น เทศกาลหนังเมืองแคนจึงไม่ใช่แค่เวทีประกวด แต่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ ผ่านการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และการพัฒนาบุคลากรด้านการผลิตสื่อ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันวงการภาพยนตร์ไทยสู่เวทีโลกต่อไป”

นายประจวบ รักแพทย์ กล่าวว่า จังหวัดขอนแก่นกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภาคอีสาน “เทศกาลหนังเมืองแคนไม่ใช่แค่งานฉายหนัง แต่เป็นการปักหมุดขอนแก่นบนแผนที่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ระดับประเทศ สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ และดึงดูดการลงทุนด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์สู่ภูมิภาค ทั้งยังสอดรับกับทิศทางการพัฒนาจังหวัดที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์”

ด้านนางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี กล่าวว่า รัฐบาลกำลังผลักดันนโยบาย Soft Power ผ่าน 5F ซึ่งเทศกาลหนังเมืองแคนตอบโจทย์ทั้งด้าน Film และ Festival “นี่คือตัวอย่างที่ดีของการผสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นกับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการนำเสนอเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านภาพยนตร์ ซึ่งจะช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมอีสานสู่สายตาชาวโลก”

สำหรับเทศกาลหนังเมืองแคน ครั้งที่ 8 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 ธันวาคม 2567 มีกิจกรรมสำคัญประกอบด้วย การประกวดหนังสั้นหัวใจแก่น ภายใต้ธีม 'แซ่บ' ซึ่งมีทีมส่งผลงานเข้าประกวดถึง 84 ทีม และคัดเลือกเหลือ 20 ทีมสุดท้าย กิจกรรม 'เบิ่งฮูปเงาเล่าเรื่องหนัง' จัดฉายภาพยนตร์คุณภาพจากประเทศในอาเซียน ณ ลานวัฒนธรรม หอศิลป์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น การเสวนาด้านภาพยนตร์ 'เก่งนักก็ทำเอง เจ๋งนักก็ดูเอง' และ 'อนาคต…ทางออกของคนทำหนัง' โดยผู้กำกับและผู้เชี่ยวชาญในวงการ ณ โฟกัสอารีน่า ขอนแก่น และห้องประชุมพุทธศิลป์ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม Thailand Creative & Culture Agency (TCCA) และเครือข่ายอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ขอนแก่นก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของภูมิภาค และสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านภาพยนตร์อย่างยั่งยืน

ผู้สนใจสามารถชมภาพกิจกรรมของเทศกาลหนังเมืองแคนได้ทางเพจเฟซบุ๊ก 'เทศกาลหนังเมืองแคน' https://www.facebook.com/share/p/14W9q922vD/

สมาคมสื่อต้านโกง 'มอบรางวัล' ANTI-CORRUPTION AWARDS 2024 

สมาคมสื่อต้านโกง รวมพลหยุดทุจริตคอร์รัปชัน-สร้างธรรมาภิบาล มอบรางวัลรางวัล 'ANTI-CORRUPTION AWARDS 2024' ส่งเสริมการต้านคอร์รัปชั่น และส่งเสริมธรรมาภิบาลปี 2567 เผยสื่อฯ คว้ารางวัลต้านโกง 'ข่าว 3 มิติ' ปมแฉ มทร.ธัญบุรี ทุจริต  10 โครงการ 'ลุยชนข่าว' เปิดข่าวอื้อฉาวอดีตพระคมซุกทอง 'เนชั่นทีวี 22' เปิดโปงพิมพ์ตำราเรียนเอื้อเอกชน ส่วน 'ช่อง 7' ชำแหละส่วยสีกากี

เมื่อวันที่ (13 ธ.ค.67) ที่อาคารอเนกประสงค์ ชั้น 2 สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ สมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ได้จัดงานมอบรางวัล 'ANTI-CORRUPTION AWARDS 2024' ส่งเสริมการต้านคอร์รัปชั่น และส่งเสริมธรรมาภิบาลประจำปี 2567 โดยมีนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดงานและมอบรางวัล พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ 'คนรุ่นใหม่ ใจสุจริต'

ดร.เอก์ เหลืองสอาด นายกสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 6 และก้าวสู่ปีที่ 13 ในการก่อตั้งสมาคมฯ เพื่อยกย่อง เชิดชู เป็นขวัญกำลังใจให้กับองค์กร หน่วยงาน บุคคล และสื่อมวลชน ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต นำหลักธรรมาภิบาลไปใช้เพื่อประโยชน์แก่ตัวเองและประเทศชาติ

ด้วยความร่วมมือกับองค์กรระดับประเทศ อาทิ มูลนิธิต่อต้านการทุจริต องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ ทำให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติต่อต้านการทุจริตเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ในการผลักดันจัดตั้งสภาธรรมาภิบาลนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางปลุกจิตสำนึกเยาวชนคนรุ่นใหม่ สร้างพลเมืองสุจริต โดยสมาคมฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษา 39 แห่ง และจะยกระดับก่อให้เกิดสภาธรรมาภิบาลนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้

สำหรับสื่อสารมวลชนที่ได้รับรางวัลในปี 2567 ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการส่งเสริมการต้านคอร์รัปชั่น ได้แก่ 1.สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 HD  รายการ 'ข่าว 3 มิติ' ข่าวผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง 10 โครงการ, 2.สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 รายการ 'ลุยชนข่าว' ดำเนินรายการโดยนายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี 'ข่าวอดีตพระคมยักยอกทรัพย์วัด ซุกทองนับร้อยล้านบาท' และ 3.สถานีโทรทัศน์ช่อง 7HD รายการ 'คอลัมน์หมายเลข 7' เปิดกลโกงวงการสีกากี เรียกเก็บส่วยสถานบันเทิง 4.สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี (Nation TV 22) รายการ 'สืบสวนความจริง' เปิดโปงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เปิดช่องฮั้วประมูล ในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และ 5.เพจเฟซบุ๊ก 'อีซ้อขยี้ข่าว' ฉะเรียกรับผลประโยชน์ของนักการเมือง สาวไปถึงตัว 'เทวดา สคบ.' 

สำหรับรางวัลองค์กรส่งเสริมธรรมาภิบาล ประจำปี 2567 ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 2.บริษัท ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และ 3.บริษัท ชวิศา โซน จำกัด 

ส่วนรางวัลส่งเสริมธรรมาภิบาลประเภทบุคคล ได้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มีผลงานโดดเด่นในการขับเคลื่อนองค์กรคุณธรรมต้นแบบ ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ลดกำไรองค์กร เพื่อสังคมอย่างสมเหตุสมผล และดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส เป็นธรรม สำหรับอีกหนึ่งรางวัลส่งเสริมธรรมาภิบาล ได้แก่ รศ.ดร.อิสระ เสรีวัฒนาวุฒิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มีผลงานที่เป็นรูปธรรมในด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลเป็นที่ประจักษ์ โดยเป็นผู้ริเริ่มโครงการบ้านเมืองสุจริต และได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องนับจากปี 2563 จวบจนปัจจุบันนี้

'พิชัย' ถกทูตเกาหลีใต้ เดินหน้าเจรจาจัดทำ FTA ไทย - เกาหลีใต้ ตั้งเป้าปิดดีลในปี 2568 ชวนเปิดตลาดสินค้าเกษตรไทย ดึงดูดนักลงทุนเพิ่มขึ้น

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการพบหารือกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย (นายปาร์ค ยงมิน) ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ไทย – เกาหลีใต้ ให้ได้ข้อสรุปภายในปี 2568 และรื้อฟื้นการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าที่ห่างหายไปกว่า 20 ปี และกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

นายพิชัย กล่าวว่า ไทยและเกาหลีใต้อยู่ระหว่างเจรจาจัดทำ FTA โดยใช้ชื่อว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ หรือ EPA ไทย – เกาหลีใต้ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการเปิดตลาดการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุนเพิ่มเติมจากความตกลงที่ไทยกับเกาหลีใต้เป็นภาคีร่วมกันอยู่แล้ว ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - เกาหลีใต้ (AKFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมทั้งขยายความร่วมมือในเรื่องใหม่ ๆ เช่น การค้าดิจิทัล และห่วงโซ่การผลิต เป็นต้น โดยตนได้ขอให้เกาหลีใต้พิจารณาเปิดตลาดสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงของไทย อาทิ สินค้ากลุ่มผลไม้เมืองร้อน เช่น มะม่วง มังคุด และสับปะรด กุ้งสดและแปรรูป เนื้อไก่สดและแปรรูป และยังได้แสดงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเจรจาความตกลง EPA ไทย–เกาหลีใต้ รอบที่ 3 ระหว่างวันที่ 17 – 19 ธันวาคม 2567 นี้ โดยไทยและเกาหลีใต้เห็นพ้องให้มีการรื้อฟื้นกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ JTC ระดับรัฐมนตรีที่ห่างหายไปกว่า 20 ปี เพื่อใช้เป็นเวทีหารือแนวทางการส่งเสริมการค้าและการลงทุน ตลอดจนแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้า การลงทุน และอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน โดยตนได้แสดงความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JTC ในช่วงต้นปี 2568

นายพิชัย เพิ่มเติมว่า ในด้านการลงทุน ถึงแม้ว่าเกาหลีใต้จะลงทุนในไทยเป็นอันดับ 6 ของอาเซียน แต่ล่าสุด บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้อยู่ระหว่างเตรียมเข้ามาลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอร์รี่ในประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเครื่องสำอางของเกาหลีใต้เตรียมเข้ามาตั้งโรงงานในไทยอีกด้วย และยังได้ถือโอกาสเชิญชวนนักธุรกิจเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในไทยในอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่น ๆ อาทิ อุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ แผงวงจรพิมพ์ (PCB) การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทัล AI ดาต้าเซนเตอร์ เทคโนโลยีหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และคอนเทนต์ ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่เกาหลีใต้มีศักยภาพสูง โดยเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้กล่าวสนับสนุนเนื่องจากปัจจุบันเกาหลีใต้ต้องการกระจายการลงทุนในหลายประเทศมากขึ้น

เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า สถานการณ์ประชาธิปไตยในเกาหลียังมีความมั่นคง สามารถยืนหยัดรักษาต่อไปได้ ขณะที่ รมว. พาณิชย์ก็แสดงความเชื่อมั่นเช่นเดียวกันว่า สถานการณ์ประชาธิปไตยในไทยก็จะมีความมั่นคงเช่นเดียวกับเกาหลี 

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในปี 2566 เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 12 ของไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 14,744 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ 6,073 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และไทยนำเข้าจากเกาหลีใต้ 8,671ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. –ต.ค.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 12,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออก 5,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้า 7,920 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top