Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

เชียงใหม่-คณะแพทยศาสตร์ มช. แถลงข่าวสื่อมวลชน โชว์ผลงานเด่นในรอบปี 2567

คณะแพทยศาสตร์ มช. จัดงานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำปี 2567ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 65 ปี คณะแพทยศาสตร์ มช. ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่แสดงถึงบทบาทและความก้าวหน้าของคณะฯ ในการเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย โดยมีการนำเสนอข้อมูลและความสำเร็จในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งแนวทางการพัฒนาในอนาคต ภายใต้ความร่วมมือของ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ศูนย์ศรีพัฒน์ และ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ)นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “คณะแพทยศาสตร์ มช. มีผลงานเด่นที่สร้างความภาคภูมิใจทั้งในด้านวิชาการ การวิจัย และการให้บริการสุขภาพ และเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์ในภาคเหนือ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาวิชาการ วิจัย การผลิตบุคลากรทางการแพทย์ และการบริการสุขภาพ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนและสังคมในทุกมิติ โดยได้กำหนดทิศทางและแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ผ่านนโยบายหลักที่สำคัญ 

ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพด้านการศึกษาโดยเสริมสร้างหลักสูตรแพทยศาสตร์ให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของสังคมสนับสนุนการเรียนรู้แบบบูรณาการและใช้เทคโนโลยี AI ในการศึกษาการแพทย์ สร้างบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและจริยธรรม ส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ ผลักดันงานวิจัยที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เพิ่มโอกาสความร่วมมือด้านวิจัยในระดับนานาชาติผ่านศูนย์วิจัยระดับมาตรฐานโลก พัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองต่อปัญหาสุขภาพของประชาชน ยกระดับคุณภาพการบริการทางการแพทย์ ปรับปรุงโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ 

และศูนย์ศรีพัฒน์ ส่งเสริมศูนย์ความเป็นเลิศ (Centers of Excellence) ให้มีความทันสมัย มีนโยบายการรักษาเฉพาะทางที่มีความซับซ้อนสูง และขยายบริการทางการแพทย์ให้เข้าถึงชุมชนในพื้นที่ห่างไกล ด้วยคุณภาพระดับมาตรฐานสากล  ยกระดับชื่อเสียงของคณะแพทยศาสตร์ มช. สู่ระดับโลก พัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อต่อยอดพันธกิจหลักทั้งการศึกษา การวิจัย และการบริการ ในปี 2567 คณะแพทยศาสตร์ มช. ได้ขับเคลื่อนโครงการเชิงรุกต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การเปิดตัวเทคโนโลยีขั้นสูงทางการแพทย์ใหม่ในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ความสำเร็จของศูนย์วิจัยที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ การเพิ่มจำนวนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านโครงการพัฒนาบุคลากร และในปี 2568 จะมีแผนสร้างเครือข่ายด้านสุขภาพระดับภูมิภาคที่มีศูนย์กลางในเชียงใหม่ ผลักดันการวิจัยที่ต่อยอดเชิงพาณิชย์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในระบบสาธารณสุข เพื่อขยายบทบาทของคณะแพทยศาสตร์ มช. ในฐานะผู้นำด้านสุขภาพของประเทศไทย และเดินหน้าสร้างความเป็นเลิศในทุกด้านเพื่อประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติต่อไป”

จากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้คณะแพทยศาสตร์ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจและผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์กรต่างๆระดับนานาชาติ ได้แก่ รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ Thailand Quality Class+ (TQC+customer 2024)  The Best Quality Leadership Award 2024 จากองค์กร European Society for Quality Research ,รางวัล Certificate of Merit in Faculty Development 2024 , รางวัลนวัตกรรมการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ปี 2023และ2024 , Thailand Social Award 2024 , รางวัลสถานศึกษาปลอดภัย ประจำปี 2567 ระดับดีเด่น , การรับรองมาตรฐาน HAIT level 2 ,การรับรองมาตรฐานสากล ด้านความ มั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO/IEC และ Nursing Quality Assessment Award (NQA Award) 2024 โดยการได้รับรางวัลดังกล่าว เป็นหลักฐานสร้างความมั่นใจ ในการเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจ ของคณะแพทยศาสตร์ มช. 

รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า “จากจำนวนผู้รับบริการของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในปี 2567 โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ปรับปรุงพื้นที่ให้บริการของโรงพยาบาล โดยได้ปรับปรุงอาคารสุจิณฺโณ อาคารผู้ป่วยและอาคารที่เกี่ยวข้องได้แก่ หอผู้ป่วยสามัญ ชั้น 3,4,5,6,7,8,9,11 และหอผู้ป่วยพิเศษ ชั้น 12,13,14 อาคารสุจิณฺโณ , ห้องประชุมชั้น 15 สุจิณฺโณ , พิพิธภัณฑ์หลวงปู่แหวน “สุจิณฺโณ” , โถงชั้น 1 สุจิณฺโณ , ห้อง ICU ออร์โทปิดิกส์ ชั้น 4 , ศูนย์โรคทางเดินอาหาร ชั้น 2 , ห้องพิเศษ Palliative Care ชั้น 3 , ห้องผ่าตัดศัลยกรรมชั้น 2 อาคารผ่าตัด , ห้องผ่าตัดสูตินรีเวช ชั้น 3 , ห้องฉุกเฉิน One Stop Service , ห้องสวนหัวใจและหลอดเลือดและห้องเอ็มอาร์ไอหัวใจ , ปรับปรุงท่อแนวดิ่ง-ส่วนอาคารห้องงานระบบไฟฟ้า ดับเพลิง และห้องเก็บก๊าซทางการแพทย์และท่อลมขนส่ง 105 สถานี ทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มุ่งเน้นการเป็นโรงพยาบาลในดวงใจ เพื่อคุณภาพและการให้บริการที่เป็นเลิศระดับมาตรฐานสากล

ด้านศูนย์ศรีพัฒน์ โดย ผศ.นพ. กสิสิน กลั่นกลิ่น รองผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ ผู้แทน ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ เปิดเผยว่า “การให้บริการที่เพิ่มขึ้น ของปี 2567 ที่ผ่านมา ได้แก่การเพิ่มบริการคลินิกสูตินรีเวช เพิ่มบริการ O-shot PRP เพื่อฟื้นฟูสุขภาพและความมั่นใจของผู้หญิงด้วยเทคโนโลยี PRP (Platelet Rich Plasma) ,Wound Center เพิ่มบริการรักษาบาดแผลเรื้อรังด้วยเทคโนโลยี Vacuum Dressing ที่ช่วยเร่งกระบวนการหายของบาดแผล , Sleep Clinic เริ่มให้บริการ Home Sleep Test ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจการนอนหลับที่สามารถใช้งานได้ที่บ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วย 

สำหรับแผนการเพิ่มบริการใหม่ในปี 2568  ห้องผ่าตัด (Operating Room - OR) นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยลดความเสี่ยงระหว่างการผ่าตัด เช่น ระบบนำทางผ่าตัด (Surgical Navigation) หรือเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง ,Wellness Center เพิ่มบริการที่ตอบโจทย์การดูแลรูปร่างและสุขภาพ ได้แก่ เทคโนโลยีกระชับสัดส่วน การฟื้นฟูภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ,Resuscitation Unit วางแผนขยายพื้นที่ให้บริการสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน และจัดตั้ง ทีมฉุกเฉินเคลื่อนที่เร็ว เพื่อตอบสนองกรณีฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แผนดังกล่าวมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ป่วยด้วยการใช้เทคโนโลยีและการบริการที่ทันสมัย”

รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ เปิดเผยว่า “ผลงานตลอดการดำเนินงานระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 – 2568 ภายใต้การนำทีมบริหาร โดยการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ 4 ข้อ ได้แก่ ความเป็นเลิศด้านสุขภาพ การวิจัยและนวัตกรรม ความเป็นเลิศด้านบริการวิชาการ และความเป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรและผลลัพธ์ สำหรับด้านความเป็นเลิศด้านสุขภาพ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการโดยที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นสำคัญ และยกระดับการให้บริการให้มีมาตรฐานตามมาตรฐานสากล ตั้งศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุมีปริมาณผู้รับบริการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ไม่ทั่วถึง มีระยะเวลาการรอตรวจนาน  มีปัญหาตามจุดบริการต่างๆ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์จึงจัดตั้งศูนย์บริการผู้ป่วย หรือ Customer Service Center ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆแบบครบวงจร ซึ่งภายในศูนย์บริการผู้ป่วยประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่เวชระเบียน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ และพยาบาลวิชาชีพ โดยจะทำหน้าที่ให้ข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ ลงทะเบียนตรวจ ออกใบนัดตรวจ รับข้อร้องเรียนการให้บริการ ประสานงานเรื่องในกรณีคนไข้ที่ไม่สะดวกเดินทางมาโรงพยาบาล เช่น ส่งยาทางไปรษณีย์ เจาะเลือดที่บ้าน (Mobile LAB) และเยี่ยมคนไข้ที่บ้าน (Home visit)  รวมไปถึงคัดกรองอาการของผู้รับบริการเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับการดูแลที่ทั่วถึง สะดวกสบาย รวดเร็วและเข้าถึงการบริการมากยิ่งขึ้น สามารถทำการติดต่อสอบถามได้ทั้งโทรศัพท์ ข้อความเฟสบุ๊ค และแอปพลิเคชันไลน์ ยกระดับการให้บริการให้มีมาตรฐานสากลผ่านการรับรองมาตราฐาน HA ขั้น 3 อาคารเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ,ผ่านการรับรองจาก สรพ. โปรแกรมการดูแลภาวะทางเดินหายใจ การอุดกั้นขณะหลับ (OSA) (ศูนย์วิเคราะห์สุขภาพการนอนหลับ) ,ผ่านการรับรองการพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาลเฉพาะโรค หรือเฉพาะระบบคลินิคเบาหวานครบวงจรสําหรับผู้สูงอายุ (PDSC DM)  ,ผ่านการรับรองมาตรฐานสุขาภิบาลอาหาร SAN Plus “สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน” มาตรฐานสุขาภิบาลอาหารภายใต้วิถีใหม่แบบยกระดับรับรองโดยสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดเชียงใหม่ ,ห้องปฏิบัติการผ่านการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO 15190: 2020 และ ISO 15190: 2003จากสำนักมาตรฐาน ห้องปฏิบัติการ กระทรวงสาธารณสุข ,ผ่านการเยี่ยมสำรวจขององค์กรวิชาชีพเภสัชกรรมโรงพยาบาล ระบบยาและงานเภสัชกรรม จากสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย)

คณแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ในการผลิตบัณฑิตแพทย์ สร้างสรรค์งานวิจัย และดูแลผู้ป่วยด้วยมาตรฐานสากล ตลอด 65 ปี เรามุ่งมั่นในการเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจ เพื่อยกระดับสุขภาวะของมวลมนุษยชาติด้วยความเป็นเลิศทั้งการศึกษา การวิจัย และการบริการ ภายใต้เกณฑ์รางวัลคุณภาพระดับมาตรฐานสากล

จี้ 'ฮุนมาเนต' ยกเลิก MOU44 แนะฟ้องศาลโลกตัดสิน 'เกาะกูด' เหมือนคดีเขาพระวิหาร

(27 ธ.ค.67) สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียภาคภาษาเขมร รายงานว่า นาย อึม สำอาน (Oum Sam An) นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลซึ่งลี้ภัยในสหรัฐเพราะถูกตัดสินจำคุกในข้อหาปลุกปั่นประเด็นเรื่องชายแดน ได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฮุนมาเนตของกัมพูชา ยกเลิกบันทึกความเข้าใจหรือ MOU44 และหันไปหาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อแก้ไขกรณีข้อพิพาทเหนือเกาะกูด

นาย อึม สำอาน อดีตสส.จาก จ.เสียมเรียบ พรรคพรรคสงเคราะห์ชาติ (CNRP) กล่าวว่า ประชาชนชาวกัมพูชาจะยังคงชุมนุมประท้วงภายใต้ชื่อ 'ปกป้องเกาะกูด' (Defend Koh Kut) ที่เมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ 19 มกราคม  และจะประท้วงจนกว่ากัมพูชาจะได้รับพื้นที่บนเกาะกูดคืนอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง โดยเขาชี้ว่าการเจรจาทวิภาคีไม่สามารถทำให้ไทยคืนเกาะกูดได้ และเน้นย้ำว่ากัมพูชาควรใช้แนวทางฟ้องร้องในศาลโลก เช่นเดียวกับกรณีปราสาทพระวิหารในปี 2505 

“บันทึกความเข้าใจเป็นเพียงพื้นฐาน ดังนั้นกัมพูชาจึงมีสิทธิ์ยกเลิกได้ตลอดเวลา และหลังจากยกเลิกเอ็มโอยู กัมพูชาสามารถอ้างสิทธิ์ของเกาะได้ผ่านการฟ้องร้องประเทศไทยในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เราไม่ควรใช้การเจรจาแบบทวิภาคี เพราะจะไม่มีการคืนเกาะ ไทยควบคุมเกาะกูด 100% อยากให้ดูตัวอย่างกรณีของเขาพระวิหาร ซึ่งในกรณีนั้นถ้าหากสมเด็จพระนโรดมสีหนุไม่นำเรื่องเขาพระวิหารไปเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ICJ ในปี 1962 เราก็คงไม่ได้เขาพระวิหารคืน” 

ด้านนายสุน ชัย รองหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา ระบุว่า เกาะกูดเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชาติ พร้อมแสดงความหวังว่ารัฐบาลกัมพูชาจะนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเจรจาหรือฟ้องร้องในศาลโลกเพื่อทวงคืนพื้นที่  

ในขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา กล่าวระหว่างพิธีมอบปริญญาบัตรแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยฮิวแมน รีซอร์ส เมื่อ 26 ธ.ค. โดยยืนยันจุดยืนของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน หลังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเด็นเกาะกูด โดยย้ำว่ารัฐบาลยังคงมุ่งมั่นทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน  

นักวิเคราะห์ด้านการพัฒนาสังคม ดร.เมียส นี (Meas Ny) ชี้ว่า ปัญหาเขตแดนเป็นเรื่องสำคัญที่นักการเมืองทั้งสองประเทศควรละผลประโยชน์ส่วนตัว และร่วมกันหาทางออกที่เป็นธรรมผ่านช่องทางระหว่างประเทศ โดยมองว่าการฟ้องร้องต่อศาลโลกเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธีสวนสนามปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 3/67 ชื่นชมการเปลี่ยนแปลง มีความองอาจ เข้มแข็ง ของน้องเล็กกองทัพเรือ 

“เกียรติยศ แห่งความภาคภูมิใจ น้องเล็กกองทัพเรือ ก้าวสู่สุภาพบุรุษทหารเรือที่องอาจ เข้มแข็ง”

(27 ธ.ค.67) พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช  ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีสวนสนามปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 3/67 ณ ลานสวนสนาม ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหาเรือ (ศฝท.ยศ.ทร.) โดยมี พล.ร.ท.อดิศักดิ์ แจงเล็ก เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ พร้อมด้วย น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.และคณะ ให้การต้อนรับ ณ บก.ศฝท.ยศ.ทร. ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การจัดพิธีดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนพลกองประจำการหลักสูตรทหารใหม่ฯ ผลัดที่ 3/67 จำนวนทั้งสิ้น 3,932 นาย จัดเป็นกรมสวนสนาม ประกอบด้วย 4 กองพัน (20 กองร้อย) และ 1 กองร้อยวิ่งสวนสนาม ซึ่งได้แสดงออกถึงความเป็นทหารที่มีความเข้มแข็ง องอาจ พร้อมเพรียง และมีระเบียบวินัย ผ่านการสวนสนามให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ตลอดจนญาติได้เห็นผลของการฝึกอบรมตลอดระยะเวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ สามารถปรับสภาพร่างกาย และจิตใจ จากพลเรือน สู่การเป็นทหาร อีกทั้งยังแสดงถึงความสามัคคี และมีความสง่างาม สมเป็นชายชาติทหารอีกด้วย   

นอกจากการสวนสนามแล้ว ศฝท.ยศ.ทร. ยังมีการอบรมทหารใหม่ ให้มีความรู้ในวิชาการทหารเรือเบื้องต้น การอาวุธ รวมทั้งปลูกฝังให้เกิดความรักในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้การฝึกอบรมได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีกำหนดการส่งตัวใน 1 ม.ค.68 เพื่อไปปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพเรือต่อไป   

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการได้กล่าวชื่นชมการแสดงออกของน้องเล็กองทัพเรือว่า “...ปฏิบัติได้อย่างสมศักดิ์ศรี มีความเข้มแข็ง ตั้งใจ ผมมีความภาคภูมิใจ และขอต้อนรับน้องเล็กทุกนายที่จะเดินทางไปรับราชการกับหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ เพื่อปฏิบัติภารกิจปกป้องรักษาอธิปไตย คุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และช่วยเหลือประชาชน ต่อไป...”

จากนั้นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการได้ทักทาย และกล่าวขอบคุณญาติที่ให้ลูกหลานมารับใช้ชาติ ช่วยเหลือประชาชน ขอให้ญาติร่วมภาคภูมิใจในสิ่งที่ได้เห็นการแสดงออกถึงความตั้งใจ ลูกหลานของท่านคือ 'น้องเล็กของเรา' ถือเป็นโอกาสให้น้องมาเรียนรู้ เพื่อเป็นพลเมืองที่ดีในอนาคต

สภาเกาหลีใต้ลงมติ 192 เสียง ถอด 'ฮันด็อกซู' พ้นรักษาการปธน.

(27 ธ.ค. 67) นายฮันด็อกซู นายกรัฐมนตรีและในฐานะรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกลงมติถอดถอนจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียง 192 เสียง หลังจากที่เขารับหน้าที่แทน นายยุนซอกยอล ซึ่งถูกถอดถอนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึก  

พรรคฝ่ายค้านที่ควบคุมเสียงข้างมากในสภา เป็นผู้ยื่นญัตติถอดถอนนายฮันเมื่อวันพฤหัสบดี โดยกล่าวหาว่าเขา “กระทำการเพื่อก่อการกบฏ” ข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้นหลังนายฮันปฏิเสธการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ 3 คนทันที ซึ่งฝ่ายค้านมองว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต  

ก่อนการลงมติ ประธานรัฐสภา นายอูวอนชิก ชี้แจงว่า การถอดถอนนายฮันครั้งนี้ต้องการเสียงข้างมาก 151 เสียง ซึ่งเป็นการปรับความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ หลังมีความสับสนในประเด็นนี้ โดยปกติการถอดถอนประธานาธิบดีต้องการเสียง 200 เสียง  

หลังจากนายฮันถูกถอดถอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชอยซังม็อก จะเข้ารับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีตามกฎหมาย สถานการณ์นี้สะท้อนถึงวิกฤตการเมืองในเกาหลีใต้ที่มีแนวโน้มทวีความตึงเครียดขึ้น

‘หนูนา’ มอบของขวัญปีใหม่เป็นหมายศาล จัดหนักเกรียนคีย์บอร์ด ทั้งแพ่งและอาญา

‘หนูนา - กัญจนา ศิลปอาชา’ โพสต์มอบของขวัญปีใหม่ให้เกรียนคีย์บอร์ด เป็นหมายศาล จัดหนักฟ้องทั้งแพ่งและอาญา ซัด ต้องได้รับผลแห่งการกระทำอย่างเต็มที่

(27 ธ.ค. 67) นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หรือ หนูนา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา และอดีต รมช. ศึกษาธิการ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้…คนที่หมิ่นประมาทดิฉัน…ทยอยเริ่มได้ของขวัญปีใหม่เป็นหมายศาลแล้วนะคะ…

ช่วงที่ดิฉันไม่คิดจะดำเนินคดี..พวกคุณมันมือกันมาก..ด่าว่าหยาบคาย (มาก) และถึงบุพการีดิฉันด้วย…

เมื่อดิฉันประกาศดำเนินคดี … พวกคุณรีบลบโพสต์กันหมด..

แต่ดิฉันโชคดี มีกัลยาณมิตรทีมแคปทันไทยแลนด์..เก็บหลักฐานไว้ให้ …

พวกคุณกล้าทำ แต่ไม่กล้ารับ ..

แต่ดิฉันจะทำให้พวกคุณต้องรับผลของการกระทำอย่างเต็มที่…

เคยบอกแล้วว่า..ดิฉันไม่ได้โกรธ เกลียดพวกคุณ…ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยกับคนอย่างพวกคุณ ..

แค่พิจารณาว่า…คนอย่างพวกคุณควรได้รับบทเรียนในการกระทำที่วิญญูชน (คนที่รู้ผิดชอบชั่วดี) เขาไม่ทำกัน ..

ไม่ควรมีใครถูกกระทำอย่างที่ดิฉันถูกกระทำ…

และถ้าจะสู้กับดิฉัน…ก็เตรียมเงินไว้ให้พร้อมนะคะ… ดิฉันฟ้องทั้งอาญาและแพ่ง…

‘พลังงาน’ ยัน กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองปัจจุบันอยู่ที่ 25.5% เท่านั้น ชี้ แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล จะนำมารวมเต็มกำลังการผลิตไม่ได้

กระทรวงพลังงาน เผยขอยืนยันว่า ปัจจุบัน กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศหรือ Reserve Margin อยู่ที่ 25.5% เท่านั้น ไม่ใช่ 50% ตามที่มีการเผยแพร่ เนื่องจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ ไม่สามารถนำมานับรวม 100% ได้ เพราะไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอดเวลา และแม้ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมากำลังผลิตไฟฟ้าอาจอยู่ในระดับสูงเนื่องจากสถานการณ์โควิด แต่ปัจจุบันก็บริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว

(27 ธ.ค. 67) นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยที่สูงถึง 50% นั้น ขอเรียนชี้แจงว่า กำลังการผลิตไฟฟ้าของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 25.5% เท่านั้น ซึ่งการคำนวณกำลังการผลิตไฟฟ้าจะต้องคำนวณจากการผลิตไฟฟ้าที่สามารถผลิตได้จริง ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล กลุ่มนี้ไม่สามารถพึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากปัจจัยช่วงเวลา ฤดูกาล จึงไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่แท้จริงได้ 

ทั้งนี้ กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา อาจจะสูงซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด จึงทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่การสร้างโรงไฟฟ้าต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าอาจจะไม่มีความสอดคล้องในช่วงระยะเวลาดังกล่าว แต่ในปัจจุบันหลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ความต้องการใช้ไฟฟ้ากลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองจึงไม่ได้สูงถึง 50% ตามที่มีการเผยแพร่

ด้าน  Peak Demand หรือความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของระบบทั้ง 3 การไฟฟ้า ในปีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 22.24 น. อยู่ที่ 36,792 เมกะวัตต์ ในระยะหลังการเกิด Peak จะเป็นช่วงกลางคืนซึ่งต่างจากในอดีต แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของประชาชนเปลี่ยนไป ทั้งนี้ การใช้ไฟฟ้าในช่วงดังกล่าว กำลังการผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาประมาณ 46,191 เมกะวัตต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่แท้จริงนั้นเพียง 25.5% เท่านั้น

“กระทรวงพลังงาน ขอยืนยันว่า กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของไทยปัจจุบันอยู่ที่ 25.5% เท่านั้น ไม่ใช่ 50% ตามที่มีการเผยแพร่ กำลังการผลิตไฟฟ้านั้น ถ้าเป็นโรงไฟฟ้าที่มีเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน จะสามารถนำมาคำนวณกำลังการผลิตได้ 100% แต่หากเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล กลุ่มนี้ไม่สามารถพึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น พลังงานแสงอาทิตย์ในวันที่มีแสงแดดปกติจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้แค่ 4-6 ชั่วโมงต่อวันโดยประมาณ ส่วนพลังงานลม พลังงานชีวมวล ก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาล จึงไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่แท้จริงได้ 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ซึ่งได้มีการศึกษาและพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจในอนาคต นอกจากนั้น ยังต้องคำนึงถึงนโยบายการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าจึงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ดังนั้น แผนกำลังการผลิตไฟฟ้าจะต้องพิจารณาให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งในปัจจุบันและในอนาคต รวมทั้งต้องพิจารณาถึงไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น การคำนวณกำลังการผลิตไฟฟ้าจึงต้องคำนวณตามชนิดเชื้อเพลิงและศักยภาพของโรงไฟฟ้าแต่ละโรงที่แท้จริงจึงจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และที่สำคัญที่สุด 

แผนการผลิตไฟฟ้านั้น กระทรวงพลังงานได้วางแผนเลือกใช้เชื้อเพลิงที่มีต้นทุนที่ต่ำที่สุดเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่เหมาะสมไปพร้อมกับการใช้พลังงานสะอาดที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกในปัจจุบัน นอกจากนั้น ก็ได้เตรียมพร้อมรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการใช้ไฟฟ้าจาก Data Center ที่ต้องการไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในปริมาณที่สูง ซึ่งจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในประเทศอีกด้วย” นายวีรพัฒน์ กล่าว

'อันวาร์' พบ 'ทักษิณ' แล้ว ขึ้นเรือยอร์ชคุยกลางทะเล ชมเปราะเป็น 'บิ๊กคอนเนคชั่นแห่งอาเซียน'

( 27 ธ.ค.67) นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม โพสต์ภาพพร้อมข้อความในการพบปะกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ในฐานะที่แต่งตั้งให้รับหน้าที่ที่ปรึกษาประธานอาเซียนซึ่งมาเลเซียจะรับบทบาทประธานอาเซียนในปีหน้า

ข้อความจากเฟซบุ๊กของนายกอันวาร์ระบุว่า "ยินดีที่ได้พบกับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และเพื่อนที่รัก ดร.ทักษิณ ชินวัตร เราทั้งสองสนทนาอย่างกว้างขวางในหลายประเด็น รวมถึงในฐานะที่ท่านเป็นที่ปรึกษานอกรอบของประธานอาเซียนของมาเลเซีย บทสนทนาของเรามุ่งเน้นไปที่เรื่องสำคัญในระดับภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมา

เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของทักษิณในภูมิภาค และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของท่าน จะเปิดโอกาสอันมีค่าให้กับมาเลเซียและอาเซียนในการเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ด้วยความมั่นใจและประสิทธิผลที่มากขึ้น

เราได้หารือกันถึงวิธีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างมาเลเซียและไทยที่มีอยู่แล้วให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยการปรับให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างความสมานฉันท์ในภูมิภาค ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์เดียวกับที่ผมแบ่งปันกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถทำได้มากกว่าที่เคย โดยไม่เพียงแต่เพื่อประโยชน์ของชาติของเรา แต่เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคโดยรวม เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้นกลายเป็นความจริง" ข้อความที่นายกอันวาร์ระบุ 

‘เสกสรร - แสงมณี’ โพสต์ข้อความถึง ‘เบิร์ด วันว่าง ๆ’ บอกอยากทำคอนเทนต์ด้วย หลังเห็นแต่ละคลิปแล้วรับไม่ได้

( 27 ธ.ค.67) จากกรณี ‘แบงค์ เลสเตอร์’ หรือชื่อจริง นายธนาคาร คันธี อินฟลูเอนเซอร์สู้ชีวิต ที่เสียชีวิตกะทันหัน ขณะไปร่วมงานเปิดร้านการเกษตรแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยสาเหตุคาดว่าเกิดจากการดื่มสุราในปริมาณมากอย่างรวดเร็ว เพื่อแลกกับเงิน 3 หมื่นบาท 

ล่าสุด เสกสรร อ.ขวัญเมือง นักมวยไทยชื่อดัง ได้ออกมาอัดคลิป พร้อมฝากถึง เบิร์ด วันว่างๆ หนึ่งในคนที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่า ตนอยากจะทำคอนเทนต์ด้วย

เสกสรร กล่าวในคลิปว่า “เบิร์ด วันว่างๆ แต่ละคลิป แต่ละคอนเทนต์ของคุณนี่ ไม่ธรรมดาจริงๆนะครับ ถ้าวันไหนคุณว่าง คุณช่วยมาทำคอนเทนต์กับผมสักวันนะครับ เดี๋ยวผมจัดให้ครับ เชิญนะครับ ฝากด้วยนะครับ เบิร์ด วันว่างๆ โอเคครับรู้เรื่อง”

นอกจากนี้ น้องบอล แสงมณี หรือ พงศกร สิทธิเดช อีกหนึ่งยอดมวยไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ยิ่งเห็นยิ่งสงสาร เบิร์ดแหละตัวดีแบบนี้เขาไม่เรียกคอนเทนต์หรอกแบบนี้เขาเรียกตั้งใจ เอาดิเอากับคนที่เขาสู้หน่อยอย่าเก่งเฉพาะกับคนที่เขาอ่อนแอกว่า

ไทยในฐานะชาติพันธมิตรกลุ่ม BRICS ปีหน้า 68 'บราซิล' เป็นเจ้าภาพจัดประชุม

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อ 26 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ประเทศไทยได้รับหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการจากรัสเซียตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ซึ่งรัสเซียในฐานะเป็นประธานกลุ่ม BRICS ประจำปี 2567 ให้เข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS และในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบว่า ไทยจะมีหนังสือตอบรับการเชิญดังกล่าว โดยในวันเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เพื่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนกลุ่ม BRICS

กลุ่ม BRICS ได้กำหนดบทบาทของประเทศพันธมิตรไว้ในเอกสาร Modalities of BRICS Partner Country Category โดยในฐานะที่ไทยเป็นชาติหุ้นส่วน มีประเด็นหลักสำคัญที่ต้องมีส่วนร่วม เช่น ประเทศหุ้นส่วนจะต้องเข้าร่วมการหารือระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS กับประเทศหุ้นส่วนในระดับต่าง ๆ ได้แก่ (1) การประชุมระดับผู้นำ (2) การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ และ (3) การประชุมรัฐมนตรีรายสาขาที่ได้รับเชิญอย่างแข็งขัน นอกจากนี้ ประเทศหุ้นส่วนยังสามารถให้การสนับสนุนเอกสารผลลัพธ์จากการประชุมผู้นำและรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม BRICS ได้ด้วย

การที่ไทยได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนกลุ่ม BRICS ถือเป็นก้าวสำคัญในการที่ไทยจะสามารถเข้าเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของกลุ่ม BRICS ในอนาคต โดยไทยมีเป้าหมายในการยกระดับความร่วมมือกับกลุ่ม BRICS เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างบทบาทของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนาและเสริมสร้างระบบพหุภาคีที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนา

กระทรวงการต่างประเทศมีแผนที่จะหารือเพิ่มเติมกับหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ของไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS ต่อไป โดยในวันที่ 1 มกราคม 2568 บราซิลจะรับตำแหน่งประธานกลุ่ม BRICS ต่อจากรัสเซีย โดยจะใช้หัวข้อหลักในการประชุมคือ “การเสริมสร้างความร่วมมือของประเทศโลกใต้เพื่อธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนขึ้น” (Strengthening Cooperation in the Global South for More Inclusive and Sustainable Governance) ซึ่งไทยเตรียมจะเข้าร่วมการหารือดังกล่าว

ตำรวจ โชว์ 'นายกฯอิ๊งค์' ความพร้อม ผบ.ตร.พร้อมดูแลประชาชนครบวงจร วางกำลัง สายตรวจ ตร- ท่องเที่ยว ทางหลวง ไซเบอร์เสริมเว็บไซต์ 'Cyber check' เช็กเบอร์มือถือ- บัญขีธนาคารป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

นางสาว แพทองธาร  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เดินทางมา รับฟังแผนการในการดูแลประชาชน ในช่วงเทศกาลตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไปของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 

โดยมึ ทั้งการอำนวยความสะดวก ในการเดินทาง การักษาความปลอดภัยในงานรื่นเริงต่างๆ ทั่วประเทศ 

โดยมี พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก นิรันดร เหลื่อมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจ และ หน่วยงานตำรวจที่สำคัญในช่วงเทศกาล อาทิ ตำรวจท่องเที่ยว ทางหลวง ตำรวจไซเบอร์ และหน่วยงานอื่นๆ  
         
ทั้งนี้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานว่าได้สั่งการให้ ทุกหน่วยงาน ปฎิบัติภารกิจอย่างาต่อเนื่องในช่วงเทศกาล โดยมีโครงการต่างๆ อาทิ โครงการ Cyber Check ของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี( บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ จัดทำแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ “www.เช็กก่http://xn--q3c3b.com/” 

ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถตรวจเช็คเลขบัญชีธนาคารก่อนทำการโอนเงิน เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกโกง และยังมีฟังก์ชันในการแจ้งเกี่ยวกับบัญชีม้า หรือบัญชีที่เคยโกง 

นอกจากนี้ยังมี แอปพลิเคชัน “Cyber Check” ที่สามารถทำการติดตั้งลงบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะมีการแจ้งเตือนหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา และ SMS ที่แนบลิงก์ที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาแบบอัตโนมัติ รวมทั้งมีฟังก์ชันในการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ และบัญชีธนาคารที่ต้องสงสัยได้อีกด้วย
           
โครงการบูรณาการระบบบริหารรับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยว ผ่าน 1555  ที่รองรับการแจ้งเหตุถึง 8 ภาษา คือ อังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซีย ภาษาฮินดี เยอรมัน และ ฝรั่งเศส และการพัฒนาแอปพลิเคชันช่วยเหลือนักท่องเที่ยว “Thailand Tourist Police” ที่มีจุดเด่นคือ ระบบปุ่ม SOS และ GPS สามารถแชร์โลเคชันเพื่อแจ้งพิกัดรับการช่วยเหลือจากตำรวจท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที  และศูนย์ประสานงานการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวแบบศูนย์รวม         

สำหรับตำรวจทางหลวงมีโครงการส่วนลดพิเศษสำหรับที่พัก ในการเข้าใช้บริการบ้านพักตากอากาศ ริมทะเล อยู่ที่ The Cop Seminar & Resort อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หรือ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ มีไว้ให้บริการข้าราชการตำรวจ ครอบครัวตำรวจ และพี่น้องประชาชน
             
นอกจากนั้น ยังมีโครงการห้องพักทั่วไทย จากใจตำรวจทางหลวง 205 แห่งทั่วประเทศ โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการสอบสวนกลาง ได้จัดให้หน่วยบริการทางหลวง 205 แห่ง มีที่พักสำหรับประชาชนเข้าพักฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อให้ประชาชนผู้เดินทางในระยะทางไกล ได้พักผ่อนจากการขับรถทางไกลก่อนที่จะเดินทางต่อ ลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหลับใน หรือง่วงแล้วขับ ตามโครงการห้องพักสำหรับประชาชนของกองบังคับการตำรวจทางหลวง            

จากนั้นนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นประธานในการเปิดงาน “ของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2568 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มอบให้แก่ประชาชน”   

นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่าให้ประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ไซเบอร์เช็ก (Cyber check) เนื่องจากปัจจุบันมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก เว็บไซต์ไซเบอร์เช็ก จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะสามารถตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์มือถือและหมายเลขบัญชีธนาคารที่มีความเสี่ยงต่ออาชญากรรมได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top