Wednesday, 14 May 2025
Hard News Team

“พล.ต.อ.ประจวบฯ” ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี กำชับกวดขันมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความสะดวกการจราจร ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลปีใหม่

(30 ธ.ค. 67) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมกำชับและติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) , พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. , พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ,พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 , และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ ได้กำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ตลอดจน
ข้อกำชับสั่งการและข้อห่วงใยของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย ยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตลอดจนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบฯ ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

จากนั้น พล.ต.อ.ประจวบฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอเมืองพัทยา กรมเจ้าท่า หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ พัทยา กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา อส.ตร.สภ.เมืองพัทยา และภาคเอกชนในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้ในมาตรการป้องกันปราบปรามและระมัดระวังตนเองจากอาชญากรรม ตลอดจนข้อห่วงใยแนะนำประชาชนและนักท่องเที่ยว สร้างการมีส่วนร่วมของภาครัฐและเอกชน ในการบริหารจัดการยกระดับความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่
อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ย่านถนนคนเดินพัทยา (Pattaya Walking Street) 

สำหรับพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมพร้อมการปฏิบัติในช่วง 10 วันควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 อย่างมีประสิทธิภาพ มีการตั้งจุดตรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม 126 จุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 888 นาย , จุดสกัด 99 จุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 456 นาย , ชุดเคลื่อนที่เร็ว 142 ชุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 598 นาย รวมกำลังพลทั้งสิ้น 1,942 นาย พบการปฏิบัติตามมาตรการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับการจัดงาน PATTAYA COUNTDOWN 2025 ซึ่งจะมีพื้นที่การจัดงาน บนชายหาดพัทยา จากหน้าโรงแรมฮาร์ดร็อก - แยกนิภาลอดจ์ เนื้อที่ 18,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 23,000 คน ได้เตรียมพร้อมกำลังพลหน่วยร่วมปฏิบัติ ประกอบด้วย สภ.เมืองพัทยา , ภ.จว.ชลบุรี , ตำรวจท่องเที่ยว, อำเภอบางละมุง , ฝ่ายเทศกิจ , ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และหน่วยงานอื่น ๆ รวม 611 นาย จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ภ.จว.ชลบุรี (ไดนามิก) ,หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ชลบุรี และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.2 รวม 42 นาย จัดชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ 15 นาย ประจำจุดสูงข่ม 4 นาย และประกอบแผนจุดก้าวสกัดจับ 40 นาย เจ้าหน้าที่ EOD 4 นาย เพื่อตรวจพื้นที่จัดงานก่อนเริ่มงาน และประจำกองอำนวยการร่วม จนกว่างานจะเสร็จสิ้น มีการใช้กล้อง CCTV ในพื้นที่จัดงาน 16 ตัว รถโมบาย 1 คัน กล้องชายหาด 48 ตัว รวมกล้อง CCTV ทั้งหมดในพื้นที่ 5,061 ตัว พร้อมด้วยชุด Anti Drone บินโดรนตรวจปริมาณนักท่องเที่ยว การจราจร ตรวจจับโดรนไม่ได้รับอนุญาต และลักลอบจำหน่ายพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง 10 นาย , เรือตรวจการรักษาความปลอดภัยทางน้ำ 8 ลำ พร้อมกำลัง 31 นาย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการปฏิบัติรองรับเหตุวัตถุต้องสงสัย เหตุระเบิด เหตุอาวุธปืน เพลิงไหม้หรือวางเพลิง บุคคลก่อกวน อากาศยานไร้คนขับ (Drone) ต้องสงสัย ตลอดจนเหตุไฟฟ้าช็อต หม้อแปลงระเบิด และบุคคลวิกลจริต เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมปฏิบัติ

พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ต่างทุ่มเท เสียสละ และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังช่วยเหลือประชาชน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ลดอุบัติเหตุทางถนนและอำนวยการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสุข ยกระดับความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นของขวัญมอบให้กับประชาชนและสังคมในช่วงเทศกาลปีใหม่

พิชัย ยกทีมพาณิชย์ พบปะ สภาอุตฯ ให้คำมั่น สนับสนุนเต็มที่-ทำงานใกล้ชิด ตั้งเป้าเดินหน้า FTA สร้างแต้มต่อภาคอุตสาหกรรมไทยทำรายได้จากการส่งออกยั่งยืน

วันที่ (30 ธ.ค. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย นายวุฒิไกร ลีวีระพันธ์ุ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีทุกกรมในสังกัด ร่วมหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่า ท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญกับภาคเอกชนที่จะเป็นกลไปสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน และให้ภาครัฐทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด การได้หารือเพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงช่วยให้เห็นภาพตรงกัน เห็นเป้าหมายที่จะร่วมกันผลักดันนโยบายเศรษฐกิจให้ตอบโจทย์การเติบโตของประเทศเพื่อคนไทยทุกคนไปพร้อมกัน 

นายพิชัย ระบุว่า ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ตนได้ปรับบทบาทการทำงานในยุคใหม่ มุ่งเน้นการบริหารงานในสัดส่วน 80:20 ซึ่ง 80% จะเน้นการทำงานส่งเสริมและทำงานร่วมกับภาคเอกชนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้ประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป 

เน้นให้ความสำคัญกับการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) โดยเฉพาะความสำเร็จของ FTA กับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือ เอฟตา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกด้วย 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์และ ลิกเตนสไตน์ ที่จะมีการลงนามในเร็ววันนี้  ถือเป็น FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับยุโรป โดยตั้งเป้าจะเร่งเจรจา FTA อื่นๆ ต่อไป เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย รวมถึงการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ช่วยสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งภาคเอกชนขานรับเป็นอย่างดี และเสนอให้เจรจา FTA กับประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง สร้างแต้มต่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยทำรายได้จากการส่งออกเติบโตอย่างยั่งยืน

กระทรวงพาณิชย์ยินดีสนับสนุนการจัดงานใหญ่ประจำปี “FTI EXPO 2025” โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ภายใต้แนวคิด “EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE” งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน บ่มเพาะผู้ประกอบการและส่งผลกับเครื่องยนต์สำคัญทางเศรษฐกิจอย่างการส่งออกที่ยังคงเป็นพระเอกช่วยกระตุ้น GDP ของประเทศ

ทั้งนี้คาดการณ์ว่าในปี 2568 การส่งออกจะยังคงเป็นตัวแปรสำคัญในการกระตุ้น GDP ของประเทศ ที่ผ่านมาในปีนี้ 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) การส่งออกเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 5.1% มีมูลค่า 275,763.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 9,695,455 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปี 2567 ยอดส่งออกจะทะลุ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และตั้งเป้าการส่งออกเติบโตในปีหน้าที่ 2-3% แม้จะมีความเสี่ยงรอบด้าน แต่ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน อย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รัฐบาลเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ขอยืนยันถึงความพร้อมในการสนับสนุนภาคธุรกิจและภาคเอกชน และในภารกิจสำคัญ เช่น การสร้างสมดุลราคาสินค้า การดูแลราคาสินค้าเกษตร การควบคุมสินค้านำเข้าให้ได้มาตรฐาน นอมินี การเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยนวัตกรรม การเจรจาลดภาษีผ่าน FTA และการผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการของไทย

ซึ่งทางนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ชื่นชมการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ ขอบคุณการทำงานที่เข้าใจปัญหาและสามารถผลักดันนโยบายได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะยินดีต่อความสำเร็จในการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-เอฟตาซึ่งตลอดการเจรจา สภาอุตฯ ได้ให้ข้อมูลประกอบการเจรจาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อนำไปสู่การเจรจาที่สัมฤทธิผล ก่อให้เกิดแต้มต่อที่เป็นประโยชน์ในทางการค้า การลงทุน และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสภาอุตฯ พร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงเขตการค้าเสรีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไป นอกจากนั้น ประธานสภาอุตฯ ยังชื่นชมโครงการสำคัญของกระทรวงฯ เช่น SMEs Pro-active และ GI รวมถึงความพยายามของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการเปลี่ยนเป็นองค์กรดิจิทัล 100% ด้วย

‘เจนี่’ สุดทน! หลังสื่อบันเทิงตั้งฉายา “ม่ายใจเริง” ซัด! อย่าให้ความบันเทิงเกินเลยเส้นแบ่งจริยธรรม

(30 ธ.ค. 67) สุดที่จะทน!! จนพรั่งพรูออกมาเป็นตัวอักษรหลายย่อหน้า ของ ‘เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ’ ที่ไม่ไหวแล้ว กับฉายาล่าสุดที่ถูกตั้งโดย สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง อย่าง “ม่ายใจเริง” โดยทางคนที่ตั้งฉายานี้ให้ ให้เหตุผลว่า “นางเอกสาวที่เคยโด่งดังเป็นพลุแตก กับบทบาทใจเริงชิงรักหักสวาทในละครเพลิงบุญ เจนี่ แม้แต่งงานเป็นครอบครัวมีลูกที่น่ารัก กับมิกกี้ มา 6 ปี แต่ถึงวันนี้ชีวิตคู่การเป็นสามีภรรยานั้นกลายเป็นเส้นขนานไปแล้วเรียบร้อย นางเอกสาว เจนี่ เลยเข้าสู่สถานะม่ายสาวพราวเสน่ห์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง” แต่ย้อนกลับไปในวันที่ฉายาออกเผยแพร่ ก็ทำให้มีกระแสออกไปทั้งสองด้าน ทั้งเห็นด้วยและก็รู้สึกว่ามันแรงไปไหม?

ล่าสุดเจนี่ได้เคลื่อนไหว ผ่านหน้าไอจี พร้อมในสตอรี่ไอจี เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวอักษรออกมาจากเพจ อีป้าข้างบ้าน เขียนประมาณว่า “ดาราสาวไม่โอเคกับฉายา ล่าสุดสั่งให้ลบ จนชาวเน็ตเม้นท์สนั่น” เจ้าตัวร่ายยาวถึงการตั้งฉายานี้ กระทบถึงความรู้สึกตนเอง ครอบครัว รวมไปถึงถามกลับว่า นี่คือแค่การแซว หรือ บูลลี่ กันแน่!!

“ม่ายใจเริง แต่ลืมนึกถึงใจเขา ใจเรารึเปล่า...

จะสิ้นปีแล้ว เราควรมีสิ่งดีๆ ให้กัน แต่ธรรมเนียมการตั้งฉายา จากสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง รวมกันตั้ง ให้ผู้อื่นทุกข์ใจ นั้นเหมาะสมแล้วหรือคะ

หลายปีที่ผ่านมามีการตั้งฉายา ให้เจน...เจนไม่ว่าอะไร เข้าใจได้ว่าแซวกัน บนขอบเขตงาน แต่ปีนี้ ฉายา ม่ายใจเริง นั้น มีความหมายถึงสถานะทางครอบครัว และสังคมที่สำคัญไม่ได้บอกถึงผลงาน แต่เป็นการ "ไม่ให้เกียรติ" ต่อการเป็นผู้หญิงของเจน

เจนทำงานทุกอย่างด้วยความสุจริต ตามงานที่เจน ได้รับมอบหมาย เพื่อดูแลครอบครัว

แต่การตั้ง ฉายานี้ ไม่ได้ส่งผลที่ดี ต่องาน และครอบครัวเจน แล้วพอเจนถามไป ก็บอกว่า ทำไมรับไม่ได้ทำไม แค่นี้ไม่ยอมรับล่ะ? มันคือ การแซวกัน !!

รู้มั้ยคะ ว่ามีกี่ข้อความ ที่ด่าทอเจน กันอย่างสนุกปาก กับการจุดไฟของฉายานี้ มีผลกระทบ ต่อครอบครัว และตัวเจนขนาดไหน

เจน ไม่ได้อยากเป็นม่าย แต่เจนก็พยายาม ที่สุดแล้วในการรักษาสถานะครอบครัว ใจเริง หมายถึง ใจที่มีรักมากมาย ?? ตัดสินเจนจากอะไรคะ

หน่วยงานอื่นตั้งฉายา จากผลงานการทำงาน
สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง ตั้งฉายานี้ จากปัญหาชีวิตครอบครัวเจน เจนต้องรับ ฉายานี้เหรอคะ

การตั้งฉายาให้คนอื่นสนุกปาก จากความทุกข์ของอีกฝ่าย มันต่างจากการบลูลี่มั้ยคะ

ทุกวันนี้ในสังคม มีเรื่องแบบนี้มากมาย จนส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิต เรายังสนุก และเห็นด้วยกับผู้กระทำ ว่าบลูลี่ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และต้องยอมรับให้ได้อยู่เหรอคะ

คำว่า ธรรมเนียม คือ การยึดถือปฏิบัติต่อๆ กันมา แต่ควรเป็นเรื่องที่ดี หรือเปล่าคะ

อยากให้นึกถึง ใจเขา ใจเรา ค่ะ ถ้าเป็นเรา เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวเรา หรือคนที่เรารัก เราจะรู้สึกอย่างไร

" สื่อที่ดี " ต้องสื่อสาร ด้วยความเป็นธรรม
ถูกต้อง และ " มีความรับผิดชอบ "

อย่าให้ความบันเทิง มันเกินเลย
เส้นแบ่ง ของจริยธรรมเลยนะคะ“

ส่วนในสตอรี่ไอจี เจ้าตัวก็ได้แชร์โพสต์นี้ พร้อมยังกล่าวถึงความรู้สึกที่ต้องออกมาเคลื่อนไหว พร้อมอิโมจิร้องไห้

“วันนี้มันไม่ไหวแล้วจริงๆ... ขออนุญาตออกมาปกป้องความรู้สึกของตัวเองบ้างนะคะ 30 ปีในวงการ เจนยอมพี่ๆ นักข่าวมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้เจนว่ามันแรงเกินไปจริงๆ ลองนึกถึงใจเขาใจเรา... บ้างนะคะ”

30 ธันวาคม 2549 ประหารชีวิต ‘ซัดดัม ฮุสเซน’ อดีตประธานาธิบดีอิรัก

ย้อนกลับไปในอดีต ซัดดัม ฮุสเซน มีบทบาทสำคัญในการก่อรัฐประหารในอิรักเมื่อปี พ.ศ. 2511 ซึ่งทำให้พรรคบะอัธของเขาขึ้นสู่อำนาจ และเขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานาธิบดี ก่อนจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2522

ซัดดัมกลายเป็นที่จับตามองของโลกในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย พ.ศ. 2534 เมื่ออิรักบุกยึดครองคูเวต ส่งผลให้เกิดสงครามกับประเทศพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐอเมริกา สงครามกินระยะเวลาประมาณ 5 สัปดาห์ และอิรักก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2538 แต่ผลพวงจากสงครามยังคงยืดเยื้อไปหลายปี

ซัดดัม ฮุสเซน กลายเป็นศัตรูสำคัญของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2533 ถึงแม้ว่าในช่วงแรกสหรัฐฯ เคยช่วยอิรักในการทำสงครามกับอิหร่าน แต่เมื่อซัดดัมบุกยึดคูเวตเพื่อใช้แหล่งน้ำมันกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถดถอยจากสงครามยาวนานกับอิหร่าน การกระทำนี้ถูกประณามจากนานาชาติและนำไปสู่การคว่ำบาตร รวมถึงการเริ่มต้นสงครามอ่าวเปอร์เซียในวันที่ 16 มกราคม 1991 เมื่อสหประชาชาติอนุมัติการใช้กำลังเพื่อลงโทษอิรัก

สงครามสิ้นสุดใน 6 สัปดาห์ เมื่อกองกำลังพันธมิตรสามารถขับไล่อิรักออกจากคูเวต หลังจากนั้น ซัดดัมตอบโต้การก่อจลาจลจากกลุ่มชีอะฮ์และชาวเคิร์ดด้วยการใช้กำลังอย่างรุนแรง

ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง อิรักถูกห้ามผลิตอาวุธเคมี ชีวภาพ และนิวเคลียร์ แต่การที่อิรักไม่ให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบของสหประชาชาติ ทำให้สหรัฐฯ และอังกฤษใช้เหตุผลนี้ในการโจมตีทางอากาศในปี 1998 พร้อมกับประกาศสนับสนุนกลุ่มที่ต้องการโค่นล้มซัดดัม

หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 สหรัฐฯ พยายามเชื่อมโยงซัดดัมกับกลุ่มก่อการร้ายและยืนยันในการปลดอาวุธรัฐบาลซัดดัม ในปี 2002 ซัดดัมยินยอมให้ฝ่ายตรวจสอบจากยูเอ็นเข้าประเทศ แต่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทำให้สหรัฐฯ และอังกฤษไม่พอใจและตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิรัก

วันที่ 17 มีนาคม 2003 จอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่มขู่ให้ซัดดัมลงจากตำแหน่งภายใน 48 ชั่วโมง หากไม่เช่นนั้นจะประกาศสงคราม และเมื่อซัดดัมปฏิเสธ สหรัฐฯ และพันธมิตรจึงเปิดฉากโจมตีอิรักในวันที่ 20 มีนาคม

การโจมตีอย่างหนักทำให้ซัดดัมต้องหลบหนีพร้อมกับสมบัติของชาติ แต่ลูกชายของเขาสองคนถูกฆ่าตายในเมืองโมซุลเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 จนกระทั่งวันที่ 13 ธันวาคม ซัดดัมถูกจับกุม

ซัดดัมถูกนำตัวขึ้นศาลพิเศษในปี 2548 และถูกกล่าวหาว่าสั่งสังหารชาวชีอะห์ 148 คนในเมืองอัล-ดูจัย์ล ในเดือนกรกฎาคม 2549 ศาลตัดสินให้เขามีความผิดในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และสั่งประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

‘น้าแอ๊ด คาราบาว’ ฝากบทเพลง สุดท้าย!! อาลัยต่อการจากไป ‘แบงค์ เลสเตอร์’

(29 ธ.ค. 67) จากกรณีการเสียชีวิตของ ‘แบงค์ เลสเตอร์’ หนุ่มขายพวงมาลัยสู้ชีวิต หาเงินเลี้ยงคุณยาย เสียชีวิตหลังถูกจ้างให้กินเหล้าแลกเงิน 30,000 บาท ขณะไปร่วมงานเปิดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โดยผลชันสูตรเบื้องต้นแพทย์ระบุว่า หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด น้าแอ๊ด คาราบาว ได้บรรเลงบทเพลงสุดท้ายถึงแบงค์ เลสเตอร์ เพื่อเป็นการไว้อาลัย พร้อมระบุเนื้อเพลง ไว้ว่า …

ฉันเป็นชายอกสามศอก แต่หมอบอกว่าฉันเกิดมาเป็นเด็กพิเศษ เด็กพิเศษ เด็กพิเศษ ฉันมียายคอยเลี้ยงดูอยู่ เท่าที่รู้คือยายรักฉันเหมือนลูก โอ้ ยายจ๋า ฉันรักยาย ฉันรักยาย แบกตะกร้าขายพวงมาลัย ร้องแรปไปให้คนสนใจ บ้างก็ซื้อ บ้างไม่ซื้อ ไม่เป็นไร ฉันมีความหวังตั้งใจ อยากปลูกบ้านให้ยายอยู่

ในสังคมโซเชียลมีเดีย คนพิเรนทร์จิตใจพิการ มีอยู่เพื่อยอดวิว สร้างยอดวิว เพิ่มยอดวิว ฉันคือคนที่ตกเป็นเหยื่ออันธพาล หัวใจคะนอง ไร้เมตตา วาสนา ปลูกบ้านให้ยาย จึงไม่สำเร็จ วอนสังคมขอความเป็นธรรม ออกกฎหมายกันคนใจดำ ทำระยำตำบอน ต่อผู้พิการ เด็กพิเศษ เด็กพิเศษ แบงค์ เลสเตอร์

‘Jeju Air’ ออกแถลงการณ์!! แสดงความเสียใจ เหตุเครื่องบินไถลรันเวย์ พร้อมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์

(29 ธ.ค. 67)  คิมอีแบ ประธานผู้บริหาร Jeju Air ออกแถลงการณ์ ออกแถลงการณ์ กรณีเครื่องบินไถลรันเวย์ เกิดเพลิงไหม้ และเกิดระเบิดจนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก โดยแถลงการณ์ มีเนื้อหา ดังนี้

สายการบิน Jeju Air ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในสายการบินเจจูแอร์มาโดยตลอด

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567 เวลา 09 น.03 น.เที่ยวบินที่ 7C2216 เส้นทางกรุงเทพฯ-มูอัน ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง และเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตทุกท่าน รวมถึงญาติพี่น้องผู้สูญเสีย ขณะนี้เรากำลังรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร ในฐานะประธานบริษัท ขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และขอสัญญาว่า Jeju Air จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ รวมถึงจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ให้กระจ่างชัด ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อผู้เสียชีวิต และขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียทุกท่าน

‘ปริญญา’ แซะ!! แล้วลบโพสต์ ใจปลาซิว!! แล้วจะไปสอนเด็กได้ไง

(29 ธ.ค. 67) เฟซบุ๊ก ‘Padipon Apinyankul’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ผมเองก็ไม่ได้ด้อยค่าคุณปริญญา นะ

คุณปริญญาจะลบโพสต์ทำไม ในเมื่อทำไปแล้วอยากกระแซะนายกฯอันวาร์ ว่าแต่งตัวเหมือนคนขับรถสาธารณะของไทย
เมื่อจะด้อยค่าคนอื่น แต่ถูกคนโต้ตอบแล้วลบ .. ใจปลาซิวแล้วจะไปสอนเด็กให้เป็นเสือ ?

ยังจำปรากฏการณ์ม็อบ "ธรรมศาสตร์จะไม่ทน" ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ได้ไหม ?
ผมจะทบทวนให้ฟัง .. 

การจัดครั้งนั้น ม็อบสามนิ้วนี้ได้รับ "การอนุญาตของคุณ" ให้ใช้สถานที่ใน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต

เหตุการณ์ก่อนหน้าวันนั้น .. ได้มีม็อบย่อยมาก่อน มีการปราศัยอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งก็จะมีการพูดพาดพิงหมิ่นไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ 
ซึ่งคุณปริญญาย่อมรู้ดี และดูเหมือนจะเชียร์ม็อบสามนิ้ว แต่ไม่กล้าโจ๋งครึ่ม .. 

แล้วในคืนวันที่ 10 ส.ค. ณ ธรรมศาสตร์รังสิต ที่ผู้ชุมนุมอันประกอบด้วย อานนท์ นำภา , รุ้ง ปนัสยา, เพนกวิน พริษฐ์ ฯลฯ ได้ขึ้นเวทีหมิ่นสถาบัน
แล้วได้ให้ "กระเทยปวิณ" "สมศักดิ์ เจียม" ซึ่งล้วนมีคดี ม.112 หมิ่นประมาทและอาฆาตมาดร้ายต่อกษัตริย์ ขึ้นบนจอผ้าโปรเจคเตอร์กลางเวที เพื่อร่วมปราศัย

คำทุกคำ ล้วนพุ่งเป้าทำลายสถาบันกษัตริย์และโจมตีโดยตรงต่อรัชกาลที่ 10
พอจบการปราศัย วันต่อมา คุณปริญญากลับบอกว่า ไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมจะทำแบบนี้ .. 
ไม่ทราบจริงหรือ ? 

อ้าว ! แล้วที่ผ่านมา การชุมนุมต่าง ๆ พวกสามนิ้วก็ทำแบบนี้ตลอด .. คุณแกล้งไม่รู้ ?
สิ่งที่ทำได้แก้เกี้ยว ก็คือการออกมาขออภัย ว่าไม่ทราบ ถ้าทราบจะไม่ให้ใช้สถานที่
โถ เด็กน้อย .. 

การแสดงความรับผิดชอบในเรื่องใหญ่ ที่ได้มีส่วนทำให้เกิดขึ้นแล้ว ส่งผลไปแล้ว ก็คือแค่ขออภัย 
นึกว่าจะลาออกจากตำแหน่งรองอธิการบดี

ดังนั้น เมื่อคราวนี้เกิดกรณีการแซะนายอันวาร์ นายกฯมาเลเซีย ว่ามีรสนิยมการแต่งตัวเทียบกับคนขับรถสาธารณะของไทย 
พอข่าวกระจายได้ผล แล้วลบ 
แล้วมาบอกภายหลังว่า ไม่ได้ด้อยค่า
ก็เข้าใจธาตุแท้ของคนชื่อ ปริญญา ได้

ผมแค่มาพิมพ์เล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟัง ไม่ได้มาด้อยค่า .. 
เพราะคุณไม่มีค่าอันใด เพื่อจะให้ด้อย . 
คนชื่อปริญญา ก็ใช่ว่าจะมีปัญญา กันทุกคน

จะเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐฯ หากประธานาธิบดี Trump ขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 200 - 300% จริง ???

(29 ธ.ค. 67) นโยบายของ Donald Trump ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ทำให้ คุณ Joe Willmore ชาวอเมริกันวัย 64 ปี ได้เปิดประเด็นตั้งคำถามนี้ใน Ouora (เว็บไซต์ถาม/ตอบสัญชาติอเมริกัน ซึ่งผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยการตั้งคำถาม ตอบคำถาม ทั้งในแง่ของความเป็นจริงและความคิดเห็น) ว่า “เป็นไปได้หรือไม่ ถ้าหากสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 200-300% จะทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องล่มสลายภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์”

ซึ่งเขาได้ตอบคำถามเองว่า ไม่ดอก แต่...นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น :
- อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ภาษีนำเข้าคือภาษีนำเข้าสินค้าที่ผู้ซื้อ (พลเมืองสหรัฐฯ) เป็นผู้จ่าย
- รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องชดใช้เงินจำนวนมากให้กับเกษตรกร เพราะจีนนำเข้า เนื้อหมู ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ จากสหรัฐฯ ซึ่งพวกเขาจะตอบโต้ทันที นั่และนคือสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อประธานาธิบดี Trump (ในสมัยแรก) เคยขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนบางรายการ รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องอุดหนุนเงิน 20,000-30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับเกษตรกรเพื่อชดเชยยอดขายที่สูญเสียไป
- เราไม่สามารถกำหนดอัตราภาษีนำเข้ากับ "เศรษฐกิจการส่งออกทั้งหมด" ของจีนได้ เพราะพวกเขามีรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์จากการส่งออกไปยังยุโรปและแอฟริกา (ถ้ารวมเอเชียด้วยน่าจะหลายล้านล้านดอลลาร์)
- พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย (เช่นเดียวกับที่ทำในสมัยแรกของประธานาธิบดี Trump) อาทิ ผลิตทีวีแล้วส่งไปยังเวียดนาม ซึ่งจะมีการประทับตราว่า "ผลิตในเวียดนาม" แล้วบรรจุในกล่องของบริษัทเวียดนาม
- จะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ (หรืออย่างน้อยก็โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ค) ส่วนใหญ่แล้วผลิตในจีน เราอาจจะหลงเชื่อได้ง่ายจนพอที่จะคิดว่า นั่นหมายถึงชาวอเมริกันจะสามารถเริ่มต้นอุตสาหกรรมใหม่ในการผลิตโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ใช่ดอก...นั่นไม่ใช่วิธีการทำงานที่ถูกต้อง

ในที่สุด ความคิดของเราก็ไม่สมจริง สมมติว่า ผมไม่ชอบเรื่องที่โพสต์บน Quora ผมจึงตัดสินใจว่า จะตอบโต้ แล้วจะมีการหยุด/เลิกหยุดโพสต์คำถามที่ผมไม่ชอบไหม ไม่ดอก ผมพนันได้เลยว่า จะมีการตอบโต้ผมกลับในทันที แล้วจะมีโพสต์มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า ดังนั้น เราคงเห็นแล้วว่า ความคิดของประธานาธิบดี Trump ที่ว่า "ลองรังแกพวกเขาดู" จึงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

เปลี่ยน!! ‘ความขัดแย้ง’ เป็น ‘มิตรภาพ’ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง มั่นคงในภูมิภาค

(29 ธ.ค. 67) สถานทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ส่งบทความนี้ให้กับ THE STATES TIMES เพื่อแปลและเผยแพร่ และถือเป็นการแสดงเจตจำนงค์ในการสวงหาสันติภาพและมิตรภาพของ ฯพณฯ M. Javad Zarif รองประธานาธิบดีอิหร่าน ซึ่งได้กล่าวถึงวิธีที่ประเทศของเขาจะทำให้ภูมิภาคนี้ปลอดภัยและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไว้ดังนี้

ในฐานะนักศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและอยู่แถวหน้าของการทูตระดับโลกมาหลายทศวรรษ ผมเขียนสิ่งนี้ ไม่ใช่ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลอิหร่าน แต่ในฐานะส่วนตัวเท่านั้น ประสบการณ์ของผมสอนผมว่าการบรรลุเสถียรภาพในเอเชียตะวันตก โดยเฉพาะภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียต้องอาศัยมากกว่าการจัดการวิกฤตเท่านั้น ต้องใช้ความคิดริเริ่มที่กล้าหาญและมีวิสัยทัศน์ ผมจึงเสนอให้จัดตั้งสมาคมเจรจามุสลิมเอเชียตะวันตก (Muslim West Asian Dialogue Association : MWADA) เพื่อเป็นกลไกไปสู่การบรรลุการเปลี่ยนแปลงนี้

MWADA ขอเชิญชวนประเทศมุสลิมหลักในเอเชียตะวันตกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น บาห์เรน อียิปต์ อิหร่าน อิรัก จอร์แดน คูเวต เลบานอน โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย (รัฐบาลในอนาคตของ) ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยเมน ให้เข้าร่วมการเจรจาอย่างครอบคลุม บรรดาทูตที่เกี่ยวข้องจากสหประชาชาติสามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน ความคิดริเริ่มนี้ควรยึดหลักคุณค่าอันสูงส่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของเรา และหลักการของอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน การไม่แทรกแซง และความมั่นคงร่วมกัน MWADA ซึ่งมีความหมายว่า “มิตรภาพ” ในภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในคำอธิษฐานร่วมกันของเรา ควรมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและความร่วมมือที่เท่าเทียมกัน

ลำดับความสำคัญหลักคือการจัดทำข้อตกลงหยุดยิงที่ยั่งยืนและถาวรในทันทีในฉนวนกาซา เลบานอน ซีเรีย และเยเมน ข้อตกลงไม่รุกรานระหว่างประเทศสมาชิก MWADA ร่วมกับการตรวจสอบระดับภูมิภาคร่วมกัน จะช่วยสร้างเสถียรภาพและปกป้องภูมิภาคจากการแทรกแซงจากภายนอก ตลอดจนจากความขัดแย้งภายใน

การบูรณาการทางเศรษฐกิจยังเป็นศูนย์กลางของวิสัยทัศน์นี้ด้วย การขาดการพึ่งพากันภายในเอเชียตะวันตก เกิดจากเครือข่ายการค้าที่แตกแยก การไม่ใส่ใจเพียงพอต่อการพัฒนาระบบธนาคารและกลไกการชำระเงินภายในภูมิภาค การแข่งขันทางการเมือง และการพึ่งพาตลาดภายนอก กองทุนพัฒนา MWADA ที่เสนอขึ้นสามารถจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่หลังสงครามที่ถูกทำลายล้าง นอกจากนี้ การปฏิรูปการปกครองในซีเรียซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับ ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ จะส่งเสริมความรับผิดชอบและวางรากฐานสำหรับประเทศที่ปลอดภัยและมั่นคง ซึ่งสตรีและชนกลุ่มน้อยสามารถก้าวหน้าและเติบโตได้

ซีเรียหลังยุคอัสซาดเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับเราทุกคน การรุกรานของอิสราเอลที่ไร้ขอบเขตโดยไม่คำนึงถึง อำนาจอธิปไตยของซีเรีย การแทรกแซงจากต่างประเทศที่ทำลายความสมบูรณ์ของดินแดนซีเรีย ฉากแห่งความรุนแรงและความโหดร้ายที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งชวนให้นึกถึงความป่าเถื่อนของกลุ่มรัฐอิสลาม และความรุนแรงทางชาติพันธุ์และนิกาย ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ ต้องได้รับความสนใจจาก MWADA ที่เสนอขึ้นทันที ภัยพิบัติทางมนุษยธรรมในปาเลสไตน์ยังคงมีความสำคัญต่อเสถียรภาพในภูมิภาค MWADA ต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดชะตากรรมของตนเองของชาวปาเลสไตน์และสนับสนุนทางออกที่ยุติธรรมในขณะที่เคารพความปรารถนาของประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับทางออกทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการยอมรับสิทธิของชาวปาเลสไตน์ด้วย

MWADA จะจัดเตรียมพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่การขนส่งไปจนถึงท่อส่งพลังงานและเครือข่ายโทรคมนาคม ซึ่งไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแลกเปลี่ยนพลังงาน ข้อมูล และบริการด้วย เราในเอเชียตะวันตกควรเข้าใจว่า
ความเป็นอิสระนั้นเชื่อมโยงกับส่วนแบ่งของประเทศในห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มระดับโลก

การรับประกันความมั่นคงด้านพลังงานเป็นอีกโอกาสหนึ่งสำหรับการพึ่งพากัน ข้อตกลงด้านพลังงานในภูมิภาคควรมีเป้าหมายเพื่อปกป้องเส้นทางและสำรวจแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ของที่ราบสูงอิหร่านและพื้นที่อื่นๆ ภายในชุมชน MWADA ที่เหมาะสำหรับฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์และลมทำให้การร่วมมือกันเพื่อผลิตพลังงานสะอาดเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจสำหรับภูมิภาคที่กว้างขึ้นและแม้กระทั่งไกลออกไป

MWADA ยังสามารถประกาศความร่วมมือระดับภูมิภาคใหม่เกี่ยวกับเสรีภาพในการเดินเรือ รวมถึงการลาดตระเวนร่วมด้านความปลอดภัยทางทะเล ภูมิภาคนี้เป็นที่ตั้งของจุดคอขวดเชิงยุทธศาสตร์ เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ คลองสุเอซ และช่องแคบบับอัลมันดาบ อิหร่านซึ่งมีที่ตั้งและความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย จึงมีตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการมีส่วนสนับสนุนความปลอดภัยของทางน้ำ เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ คนอื่นๆ สามารถมีบทบาทนำในการรักษาความปลอดภัยของคลองสุเอซและบับอัลมันดาบได้ ความพยายามเพื่อสันติภาพฮอร์มุซหรือ HOPE ซึ่งอิหร่านแนะนำเมื่อเกือบห้าปีที่แล้ว ถือเป็นตัวอย่างที่สำคัญของความคิดริเริ่มระดับภูมิภาคที่มุ่งส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในชุมชนฮอร์มุซ โดยนำรัฐต่างๆ จำนวนมากมารวมกัน ข้อเสนอนั้นสามารถได้รับชีวิตใหม่ภายใต้ MWADA โดยหลักแล้ว

เนื่องมาจากความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างมากระหว่างอิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบียในปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นสองมหาอำนาจที่มีอิทธิพลมากที่สุดในภูมิภาค จะมีบทบาทสำคัญ การส่งเสริมความสามัคคีและภราดรภาพระหว่างชาวมุสลิมชีอะห์และซุนนี จะทำให้เราสามารถต่อต้านลัทธิหัวรุนแรงและความขัดแย้งทางนิกายที่เคยทำให้ภูมิภาคนี้ไร้เสถียรภาพมาโดยตลอด

การทำงานเพื่อให้ภูมิภาคปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์และฟื้นคืนข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน (JCPOA) เป็นองค์ประกอบสำคัญของวิสัยทัศน์นี้ แนวทางนี้ไม่ควรแก้ไขเฉพาะการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพ กรอบ MWADA ควรให้ความสำคัญกับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การจัดการน้ำ การต่อต้านการก่อการร้าย และแคมเปญสื่อที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกัน

บทบาทของอิหร่าน เช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมชาติอื่น ๆ อิหร่านจะมีบทบาทที่ขาดไม่ได้ ในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ประเทศของผมได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการพึ่งพาตนเองอย่างน่าทึ่งในด้านความปลอดภัยและการป้องกันประเทศ สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ ไม่เพียงแต่โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงกดดันจากมหาอำนาจนอกภูมิภาคอีกด้วย การรับรู้ที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าอิหร่านจะสูญเสียอาวุธในภูมิภาคนี้มาจากการสันนิษฐานที่ผิด ว่าอิหร่านมีความสัมพันธ์แบบตัวแทน-อุปถัมภ์กับกองกำลังต่อต้าน การต่อต้านมีรากฐานมาจากการที่อิสราเอลยึดครองดินแดนอาหรับ การทำลายล้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม การแบ่งแยกสีผิว การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการรุกรานเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง มีอยู่ก่อนการปฏิวัติอิหร่านในปี 1979 และจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่สาเหตุหลักยังคงอยู่ การพยายามโยนความผิดให้อิหร่านอาจทำให้แคมเปญประชาสัมพันธ์ถูกตัดขาด แต่จะขัดขวางการแก้ไขปัญหา

เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ อิหร่านต้องเผชิญกับความท้าทายและความผิดพลาดมากมาย ประชาชนอิหร่านซึ่งต้องเสียสละอย่างมากมาย พร้อมที่จะก้าวเดินอย่างกล้าหาญด้วยความอดทนและความมั่นใจ การเปลี่ยนแปลงจากมุมมองที่เน้นภัยคุกคามไปสู่มุมมองที่เน้นโอกาสนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่ประธานาธิบดี Pezeshkian (และผมเอง) วางไว้ระหว่างแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในอิหร่านเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว

MWADA ท้าทายให้เราจินตนาการถึงภูมิภาคใหม่ที่ไม่ใช่เป็นสนามรบ แต่เป็นศูนย์กลางของ มิตรภาพ และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือการแสวงหาโอกาสร่วมกันและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน สิ่งสำคัญคือต้องมีส่วนร่วมในการสนทนาที่มีความหมายและตรงไปตรงมา ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างอนาคตที่กำหนดโดยความร่วมมือ การพัฒนาร่วมกันและยั่งยืน ความยุติธรรมทางสังคมและสวัสดิการ และความหวังใหม่

การเปลี่ยนแปลงเอเชียตะวันตกให้กลายเป็นประภาคารแห่งสันติภาพและความร่วมมือ ไม่ใช่เพียงแค่ความปรารถนาในอุดมคติเท่านั้น แต่ยังเป็นทั้งความจำเป็นเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายที่บรรลุได้ซึ่งต้องการเพียงความมุ่งมั่น การสนทนา และวิสัยทัศน์ร่วมกัน MWADA สามารถเป็นแพลตฟอร์มแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ เราควรคว้าโอกาสนี้ไว้เพื่อสร้างเอเชียตะวันตกที่มั่นคง มั่งคั่ง และสงบสุข ซึ่ง ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ และความร่วมมือจะเข้ามาแทนที่ความขัดแย้งและความแตกแยก พวกเราในรัฐบาลของแต่ละรัฐจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้เพื่อเริ่มมองไปยังอนาคตแทนที่จะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับอดีต และถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงมือทำกันอย่างจริงจังเสียที

‘กลุ่มบริกส์’ ออกแถลงการ!! ทำงานแบบพหุภาคี เพื่อการพัฒนา ย้ำ!! เป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยกันพัฒนา เพื่อให้โลกมั่นคง

(29 ธ.ค. 67) ผลการดำเนินงานของประเทศรัสเซียในฐานะประธานกลุ่มบริกส์

ในปี 2567 ประเทศรัสเซียได้เป็นประธานของกลุ่มบริกส์ โดยมีความตั้งใจในการทำงานร่วมกับสมาชิกกลุ่มไว้ว่า จะเสริมสร้างการทำงานแบบพหุภาคีเพื่อการพัฒนาและทำให้โลกนั้นมีความมั่นคงและยุติธรรม” เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาของผู้เข้าร่วมทั้งหมด นำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ มีความเคารพซึ่งกันและกัน มีความเท่าเทียมและสามารถเลือกวิธีการในการพัฒนาตัวเองได้อย่างมีอิสระ

ในปีนี้เราได้ทำงานในรูปแบบใหม่และได้ขยายขอบเขตการทำงานออกไปมากยิ่งขึ้น รัสเซียในฐานะประธานของกลุ่มบริกส์ ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สมาชิกใหม่เข้าถึงความเป็นครอบครัวของบริกส์ ได้อย่างรวดเร็วและเรียบง่ายที่สุด เพื่อให้สมาชิกใหม่ได้บรรลุในผลประโยชน์ร่วมกันและเคารพกันและกัน ทุกคนได้เสนอแนวคิดและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์และมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตทั้งทางด้าน

การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงการติดต่อด้านมนุษยธรรมระหว่างกัน 
ในระหว่างการทำงานของรัสเซียในฐานะตำแหน่งประธานของกลุ่มบริกส์ได้มีการจัดงานขึ้นมากกว่า 250 งานและหลากหลายระดับ ซึ่งได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนเข้าร่วม เรายังได้จัดงานสาธารณะขึ้นมาอีกมากมาย เช่น เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติของกลุ่มบริกส์ การสัมมนาวิชาการบริกส์ภายใต้คำขวัญว่าผู้เล่นใหม่บนกระดานหมากรุกโลก นอกจากนั้นยังมีโรงเรียนสอนละครบริกส์และการประชุมด้านธุรกิจบริกส์ ครั้งที่ 8 ที่ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์ 

ได้มีการประชุมในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศบริกส์ที่ได้รับเกียรติจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยเข้าร่วมงานเมื่อวันที่ 10 – 11 มิถุยายน 2567 ณ เมืองนิจนีนอฟโกรอด ประเทศรัสเซีย นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า 80 กว่าประเทศ (รวมประเทศไทย) ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาของกลุ่มบริกส์ ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าร่วมการประชุมพรรคการเมืองระหว่างประเทศครั้งแรกในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยมีพรรคการเมืองต่าง ๆ จากกลุ่มบริกส์และประเทศพันธมิตรกว่า 40 พรรคการเมืองในเดือนมิถุนายน ณ เมืองวลาดิวอสต็อก ประเทศรัสเซีย

ในภาพรวมรัสเซียเข้าร่วมประชุมร่วมกับหน่วยงานอัยการ หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของบริกส์ การประชุมสร้างสรรค์เรื่องเมืองฝาแฝดและระบบเทศบาลของบริกส์ การประชุมกับหน่วยงานที่ทำงานบริการฉุกเฉิน  การประชุมด้านรัฐสภาบริกส์ครั้งที่ 10 (เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก การประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านการตรวจสอบสูงสุด การประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าหน่วยงานศุลกากร หัวหน้าหน่วยงานด้านภาษี หัวหน้าหน่วยงานมาตรฐานแห่งชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย

ประเทศรัสเซียได้เป็นประธานของการประชุมสุดยอดสื่อมวลชนบริกส์ การประชุมกลุ่มสตรีของบริกส์ ครั้งที่ 1 การประชุมด้านการทำงานดิจิทัลของบริกส์ การประชุมสุดยอดด้านแฟชั่นในบริกส์พลัส และการประชุมของสภาธุรกิจของบริกส์ประจำปี 

รัสเซียในฐานะประธานของกลุ่มยังได้เน้นการปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น ได้มีการจัดการประชุมในระดับเทศบาล การอภิปรายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชน และวิธีการต่างๆ ของคณะกรรมการของเมืองต่าง ๆ จัดการกับปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนของตน 

กิจกรรมที่มีความสำคัญมากที่สุดของบริกส์ในปีนี้ คือ การประชุมสุดยอดบริกส์ ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซียระหว่างวันที่ 22 – 24 ตุลาคม 2567 และการประชุมครั้งนี้ได้ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ของการพัฒนากลุ่มบริกส์ ซึ่งในการประชุมได้มีคณะผู้แทนจาก 35 ประเทศในโลกเข้าร่วม รวมถึง 6 องค์การระหว่างประเทศ การที่มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างมีอิสระและมีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง คณะผู้แทนของแต่ละประเทศได้มีความปรารถนาร่วมกันในการเสริมสร้างการทำงานร่วมกันในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงประเด็นด้านระบบการเงินระดับโลก การต่อสู้กับภัยคุกคามใหม่ ๆ เช่น การก่อการร้าย การทุจริตคอร์รัปชัน การค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น

ปฏิญญาคาซานของบริกส์ได้สรุปผลการอภิปรายเอาไว้แล้วและได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมทั้งหมดในการสร้างระเบียบโลกใหม่ที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น มีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้นและเป็นระบบที่มีหลายขั้วอำนาจและยึดการทำงานตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรของสหประชาชาติ ต่อต้านการคว่ำบาตรที่ไม่ชอบธรรม

ในการประชุมสุดยอดบริกส์ครั้งนั้นได้มีการกำหนดแนวทางร่วมกันในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรโดยการเพิ่มการทำงานร่วมกันในลักษณะรัฐคู่ค้า (Partner States) ของกลุ่มบริกส์

เจตนารมณ์ของกลุ่มบริกส์ได้แสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการเจรจากับประเทศต่าง ๆ ของโลกในรูปแบบของการเข้าถึง/บริกส์พลัส (Outreach/BRICS Plus Format) และเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปของบริกส์ในฐานะของผู้เล่นชั้นนำบนเวทีโลก

กลุ่มบริกส์ยังได้สร้างผลงานความสำเร็จอื่นๆ อีก ได้แก่ การริเริ่มสร้างการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ธัญพืช การจัดตั้งระบบด้านเทคโนโลยีและการลงทุนใหม่ๆ การจัดตั้งกลุ่มเพื่อการพัฒนาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ทั้งหมดมีแนวโน้มที่ดีในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การดำเนินงานในโครงการใหม่ ๆ ด้านพลังงาน การขนส่งโลจิสติกส์ เทคโนโลยีขั้นสูง การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในด้านวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และกีฬา การติดต่อกันระหว่างสังคมและกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่และอีกหลายๆ ด้านที่กำลังส่งเสริมและพัฒนา

ในการประชุมสุดยอดที่เมืองคาซานนั้น เราสามารถยืนยันได้ว่าการประชุมของกลุ่มบริกส์ไม่ใช่การประชุมในรูปแบบปิด แต่ได้เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่มีแนวคิดค่านิยมเดียวกันกับกลุ่มบริกส์ โดยสมาชิกนั้นพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ต้องได้รับการออกคำสั่งจากภายนอกที่จะกำหนดในแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่แคบมากจนเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มบริกส์จะล้มเหลวจากที่ได้เห็นแนวโน้มความต้องการของโลกที่เพิ่มขึ้นในการสร้างความร่วมมือกันในระดับนี้ 

กลุ่มบริกส์มีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งหมดของสมาชิกบริกส์ เรามีประชากรรวมกันประมาณ 3,640 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 45 ของประชากรโลก

ปัจจุบันบริกส์มีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญและเป็นภารกิจหลักนั่นคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลกเพื่อป้องกันการเกิดขึ้นอีกของสงครามโลก เราเชื่อว่าเป็นไปได้ในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ 

ผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นรากฐานของความมั่นคงสำหรับความร่วมมือที่ดีในอนาคต ต่อไปรัสเซียจะส่งมอบตำแหน่งประธานของบริกส์ให้กับประเทศบราซิลและเราขออวยพรให้ประเทศพันธมิตรบราซิลของเราประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานในฐานะประธานกลุ่มบริกส์ในปีหน้านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top