Monday, 12 May 2025
Hard News Team

ส่อง!! 5 ประเทศในเอเชีย ที่ต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดินได้ พร้อมชั่งน้ำหนัก ‘ผลดี-ผลเสีย’ หากต่างชาติครองที่ดินในไทย

จากการที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2564 เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศไทยแบบระยะยาว พร้อมกับสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ได้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นผู้พำนักอาศัยในไทยระยะยาว 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.) กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy Global Citizen) 2.) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner) 3.) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work from Thailand Professional) 4.) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (Highly Skilled Professional)    

โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่ามาตรการนี้จะช่วยดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มมั่งคั่งจำนวน 1 ล้านคน ให้ย้ายถิ่นฐานมาพำนักอาศัยในประเทศไทยภายในระยะเวลา 5 ปีงบประมาณ (พ.ศ. 2565-2569) ของการดำเนินมาตรการ และหากเป็นไปตามเป้าหมายจะช่วยเพิ่มปริมาณเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ 1-2.5 แสนล้านบาท (สมมติฐานการใช้จ่ายในประเทศเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อคนต่อปี)   

ต่อมาวันที่ 25 ต.ค. คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. …. ซึ่งร่างกฎกระทรวงนี้ จะมีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา  

‘ไตรรัตน์ จารุทัศน์’ นักวิชาการ อาจารย์ภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้เขียนบทความลง TerraBKK ไว้ว่า ข้อเท็จจริง มีเกือบ 100 ประเทศทั่วโลกที่อนุญาตให้ต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน

1.) สำหรับประเทศอื่นๆ แบ่งเป็น 
- ประเทศที่ไม่มีข้อจำกัดในการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน สำหรับชาวต่างชาติ เช่น สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี คอสตาริกา 

- ประเทศที่มีข้อตกลงการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เช่น โครเอเชีย ตุรกี และเกาหลีใต้ เปิดให้เฉพาะบางสัญชาติที่มีข้อตกลงการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน อียิปต์อนุญาตสิทธิการเช่า 99 ปี 

2.) มีมาตรการเสริมเพื่อป้องกันราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น หรือเพื่อเหตุผลความมั่นคง เช่น สวิส มีการจำกัดจำนวนชาวต่างชาติที่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ในแต่ละปี สหราชอาณาจักร เก็บภาษีกำไรจากการขายที่สูงกว่ามากซึ่งเรียกเก็บจากกำไรที่ได้จากการขายบ้านในสหราชอาณาจักรโดยชาวต่างชาติ ออสเตรเลีย

ปัจจุบันจำกัดเฉพาะประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นโครงการก่อสร้างใหม่เท่านั้น ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายสามารถถูกตัดสินจำคุกหรือปรับจำนวนมาก

>> ศรีลังกา ให้ชาวต่างชาติได้รับอนุญาตให้ถือครองที่ดิน แต่มีภาษีการโอน 100% สำหรับชาวต่างชาติในศรีลังกา 

>>  แคนาดา จังหวัดชายฝั่งตะวันออกอื่นๆ รวมถึงจังหวัดควิเบก ออนแทรีโอ และบริติชโคลัมเบียไม่มีข้อจำกัดในการเป็นเจ้าของในต่างประเทศ

>> ออสเตรเลีย ชาวต่างชาติ ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในออสเตรเลียและบริษัทต่างๆ สามารถซื้อการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ถึง 50% และได้รับอนุญาตให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินใหม่เพื่อสร้างอาคารได้ตราบเท่าที่การก่อสร้างเริ่มขึ้นภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ซื้อ สามารถซื้อทรัพย์สินที่เก่ากว่าได้โดยมีเงื่อนไขว่าอย่างน้อย 50% ของราคาซื้อจะใช้ในการปรับปรุง

3.) ข้อจำกัดอื่นๆ ในการซื้อที่ดินของต่างชาติ ประมาณ 40% ของ 195 ประเทศ มีข้อจำกัด ในการอนุญาตให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เช่น (1) ที่ดินอยู่ห่างจากพรมแดนระหว่างประเทศ เช่น ปานามา ที่ดินอยู่ห่างจากพรมแดนระหว่างประเทศไม่เกิน 6 ไมล์ เม็กซิโก ชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ภายใน 62 ไมล์จากชายแดนระหว่างประเทศหรือ 31 ไมล์จากชายฝั่ง สเปน ที่ดินทางทหารและที่ดินใกล้พรมแดนระหว่างประเทศ (2) ทรัพย์สินริมน้ำบางแห่ง นิวซีแลนด์ ที่ดิน ‘อ่อนไหว’ รวมถึงเขตสงวน เกาะที่ระบุ และที่ดินและทะเลสาบทางประวัติศาสตร์หรือมรดก ปานามา การจำกัดที่ดินบนเกาะ ริมชายหาด

>> 5 ประเทศที่ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ในเอเชีย  

1.) มาเลเซีย มาเลเซียเป็นที่เดียวที่ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของที่ดินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ อสังหาริมทรัพย์ประเภทเดียวที่ชาวต่างชาติไม่สามารถซื้อได้คือ ‘อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมรดก’ หรืออสังหาริมทรัพย์เก่าแก่ในยุคอาณานิคม ชาวต่างชาติสามารถขอที่พักอาศัยในมาเลเซียได้โดยการลงทุนผ่าน My Second Home Program (MM2H) ซึ่งช่วยให้ชาวต่างชาติได้รับวีซ่า 10 ปีโดยฝากเงินประมาณ 70,000 เหรียญสหรัฐ และเก็บไว้ในธนาคาร

2.) เกาหลีใต้ เกาหลีใต้ไม่มีข้อจำกัดมากมายในการถือครองที่ดิน การเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงความเป็นสากลของเกาหลี ชาวต่างชาติเหล่านี้มักต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของตนเอง สาธารณรัฐเกาหลีนั้นพิถีพิถันในการออกวีซ่าระยะยาว ยกเว้นที่ เกาะเชจู เกาะเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี เป็นเขตปกครองพิเศษที่อนุญาตให้ทุกคนเข้าชมได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า ในทำนองเดียวกัน เชจูยังมีใบอนุญาตผู้พำนักสำหรับนักลงทุนทุกคนที่ต้องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มูลค่าประมาณ 430,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ บนเกาะนี้ ใบอนุญาตผู้พำนักดังกล่าวสามารถนำไปสู่การถือสัญชาติเกาหลีได้

3.) ไต้หวัน ไต้หวันเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีข้อจำกัดในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินในต่างประเทศเพียงเล็กน้อย การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไต้หวันไม่ได้ให้สิทธิ์ชาวต่างชาติในการพักอาศัยที่นั่นโดยอัตโนมัติ ต่างจากประเทศมาเลเซียและเกาหลีใต้ โดยมีโปรแกรมการอยู่อาศัยสำหรับนักลงทุนบางรูปแบบสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ชาวต่างชาติจะต้องผ่านช่องทางการย้ายถิ่นฐานปกติเพื่ออาศัยอยู่ในไต้หวันอย่างถาวร ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านหรือที่ดินที่ยังไม่พัฒนาในไต้หวันได้ 

4.) ญี่ปุ่น ชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นได้ โดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับประเภทของอสังหาริมทรัพย์ ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในชื่อตนเองได้ ทั้งนี้ชาวต่างชาตินั้นจะต้องมีงานทำ หรือทำธุรกิจ หรือใช้วีซ่าประเภทใช้ชีวิตในญี่ปุ่นแบบเต็มเวลา 

5.) สิงคโปร์ ในสิงคโปร์ ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของคอนโด บ้าน และที่ดินได้ตามกฎหมาย สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ง่ายที่สุดในเอเชียในการซื้อคอนโด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชาวต่างชาติจะได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของบ้านหรือที่ดินในทางทฤษฎี แต่จริงๆ แล้วการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้อาจเป็นเรื่องยากและมีราคาแพงอย่างเหลือเชื่อในทางปฏิบัติ การจะถือครองที่ดินเป็นคนต่างด้าวนั้นต้องได้รับอนุญาตจากทางราชการเสียก่อน การอนุมัติดังกล่าวต้องมีการซื้อจำนวนมาก (คิดมูลค่าที่ดินมากกว่า 20 ล้านดอลลาร์) และพิสูจน์ว่าการซื้อดังกล่าว ‘เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของสิงคโปร์’

เช็กเลย!! สิทธิประโยชน์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือน พฤศจิกายน 2565

👉วันที่ 1 พ.ย. 65
✨ซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค 200/300 บาท/เดือน
✨ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า รถโดยสาร บขส. รถไฟ อย่างละ 500 บาท/เดือน
✨ก๊าซหุงต้ม-บุคคล 100 บาท/3 เดือน
✨ก๊าซหุงต้มหาบเร่แผงลอย 100 บาท/เดือน

👉วันที่ 18 พ.ย. 65
✨ค่าไฟฟ้า 315 บาท/เดือน
✨ค่าน้ำประปา 100 บาท/เดือน

'ครูธัญ' ร้อง พม.รับผิดชอบกรณีมูลนิธิทำร้ายเด็ก ดักคอ!! อย่าอ้างเป็นมูลนิธิที่เปิดมายาวนานและมีประวัติดี

ธัญวัจน์ ก้าวไกล เรียกร้อง พม.รับผิดชอบกรณีมูลนิธิทำร้ายเด็ก ทำร้ายร่างกาย บังคับทำงาน และใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก 

(4 พ.ย. 65) ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงประเด็นข่าวของมูลนิธิเด็กแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่มีการนำเสนอข่าวประเด็นการร้องเรียน มีเด็กในความดูแลของมูลนิธิถูกทำร้ายร่างกาย เช่น ต่อยตี ใช้ไม้ไผ่ฟาด ไม้ม็อบฟาด จนเลือดออก บางรายโดนจับกดน้ำ และให้อาบน้ำคลอง รวมถึงการนำเด็กไปทำงานในรีสอร์ทแห่งหนึ่งโดยให้ค่าแรงวันละ 10 บาท รวมถึงคลิปที่มีการถือไม้เรียว ใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก 

เมื่อมีภาพเหล่านี้ออกไปพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงครามได้ให้ความเห็นต่อสื่อมวลชนว่า เป็นมูลนิธิที่เปิดมายาวนานและมีประวัติดี เพราะได้เข้ามาตรวจสอบ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ และมีการสุ่มการพูดคุยกับเด็ก 

ธัญวัจน์ กล่าวว่า "ตนมีความสงสัยอย่างมากว่าท่านมีการวิธีการ ระเบียบวิธีปฏิบัติ และขั้นตอนตรวจสอบคุณภาพอย่างไร และไม่ว่าขั้นตอนจะเป็นอย่างไรคงต้องถึงเวลาทบทวนและพิจารณาระเบียบวิธีปฏิบัติในการตรวจสอบดังกล่าวทั้งหมด 

"และคำถามต่อไปที่สังคมอยากรู้ว่าระเบียบวิธีการปฏิบัติและขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพนั้นเป็นเช่นเดียวกับมูลนิธิเด็กทั่วประเทศหรือไม่ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จุติ ไกรฤกษ์ ก็ควรออกมาตอบคำถามอย่างชัดเจน ว่ากระบวนการการช่วยเหลือและเยียวยาจะเป็นอย่างไรต่อไป

"สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน คือ ความสัมพันธ์ทางอำนาจ เพราะเมื่อเด็กพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ในทางกลับกันการที่มีกลุ่มคนจิตอาสาเข้าไปทำกิจกรรมเด็กที่อยู่ในมูลนิธิกลับพูดคุยเรื่องราวอีกด้าน ที่เป็นความรุนแรงทั้งทางกายและจิตใจ นั่นหมายถึงว่า มีบางอย่างที่ปิดปากเด็กไม่ให้พูด หรือถ้าพูดไปก็กลัวที่จะถูกลงโทษซ้ำ จึงเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ และเลือกพูดกับคนที่เข้ามาทำงานจิตอาสาสมัครคิดว่าพวกเขาปลอดภัยและน่าจะให้การช่วยเหลือได้

‘จิรายุ’ แซะ ‘พรรคร่วมฯ’ อย่าทะเลาะกันบ่อย อยากเห็น ‘ปรองดอง’ ทำนโยบายที่เคยโม้ไว้

(4 พ.ย. 65) ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ฝ่ายค้านได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาล ฉะนั้น จึงขอฝากเตือนไปยังรัฐมนตรีหลายคนอย่าคิดว่าช่วงนี้เป็นช่วงนอนหลับ เพราะฝ่ายค้านทำงานตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อรวบรวมข้อมูล ซึ่งแน่นอนว่าจะนำไปสู่การเปิดเผยในสภาและเวทีนอกสภา ทั้งนี้ การตรวจสอบไม่ใช่แค่การอภิปราย ไม่ใช่แค่การใช้วาจาในสภาเท่านั้น มีการจับจริงเกิดขึ้นมาแล้วในหลายเรื่อง โดยมี 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ยื่นเรื่องกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไป 5 สำนวน ตนไปร้องไม่ได้มีกระดาษแค่ 4 แผ่น แต่ตนไปร้องเป็นหนังสือ เอกสาร พยานหลักฐานสำคัญ 4,000 กว่าหน้า จึงขอฝากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ท่านผู้นำประเทศอย่าได้นิ่งนอนใจ นอกจากนี้จะมีสำนวนสำคัญอีก 2-3 สำนวนส่งเข้าคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ที่ตนเป็นประธานอยู่

“ขอเตือนไปยังรัฐบาลอย่าลักหลับในช่วง 4 เดือนสุดท้าย ไม่ว่าท่านจะวางแผนยุบสภาหรือไม่ หรือแม้กระทั่งที่ท่านบอกว่าจะครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งผมไม่สบายใจอย่างยิ่งที่เมื่อวานนี้ (3 พฤศจิกายน) มีสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลพูดต่อกรรมาธิการว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยุบสภาภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยไม่รออยู่ครบวาระ ซึ่งผมก็บอกว่า ผมไม่รู้ ผมไม่เชื่อ เพราะผมเคยเจอพล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่เคยไปจับเข่าคุยกับเขา ซึ่งสมาชิกฝ่ายรัฐบาลคนนั้น ก็ยังยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์อยู่ไม่ครบวาระ เนื่องจากมีเงื่อนไข 180 วัน เพราะหากยุบสภาก่อน ก็จะต้องไปใช้อีกกฎหมายหนึ่ง แต่ถ้ายุบวันที่ 23 มีนาคม ก็จะครบตามที่กฎหมายบังคับคือ 180 วัน ไม่ว่า ท่านจะยุบเร็วหรือยุบช้า เรื่องของท่าน แต่เรื่องของฝ่ายค้านคือการติดตามตรวจสอบในทุกวินาทีจนกว่าท่านจะยุบสภาหรือท่านจะอยู่ครบวาระก็ตาม” นายจิรายุ กล่าว

ผบ.ตร. สั่งการ PCT ชุดที่ 5 จับกุมแก๊งต่างชาติ ‘ขายเพชรเก๊-ปลอมใบเซอร์’ เสียหาย 16 ลบ.

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางขุนนนท์ ว่าประมานวันที่ 15 มิ.ย. 65 ถึง 20 ต.ค. 65 ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงโดยเอาเพชรปลอมมาจำนำครั้งละ 1-2 เม็ด ตามร้านสาขาต่าง ๆ รวม 21 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท          

จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวต่างชาติ และแหล่งผลิตทำเพชรปลอมนำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีการทำใบรับรอง หรือที่เรียกว่า ‘ใบเซอร์’ ตบตาทางร้านได้อย่างแนบเนียน จนทางร้านผู้เสียหายหลงเชื่อ รับจำนำเพชรในราคาที่สูง แต่ได้ ‘เพชรปลอม’ สูญเงินจำนวนมาก จากแผนประทุษกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างยิ่ง     

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จึงเร่งรัดสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

คืบหน้าเมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) เวลาประมาณ 15.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ประกอบด้วย พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ, พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี, พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เสวกวัง, ร.ต.อ.ปรมา ปราณี, ร.ต.ท.พุฒิพงศ์ กองแก้ว, จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู และส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ผู้ต้องหาจำนวน 2 รายเป็นชาวต่างชาติ 1 และชาวไทย 1 ราย ได้แก่

1.) Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย ผู้ต้องหา
ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.549/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

2.) นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/436 ซ.ศาลธนบุรี 29/2 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหา

ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.548/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอมพร้อมตรวจยึด 
1.) ตั๋วรับจำนำจำนวน 10 ฉบับ 
2.) วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ 
3.) ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ 
4.) โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง 
5.) สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม 
6.) นามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ
7.) นาฬิกาข้อมือโลหะสีเงิน จำนวน 1 เรือน
8.) โทรศัพท์มือถือ Sumsung Galaxy F62 สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง
9.) เอกสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรจำนวน 7 ฉบับ

จับกุมตัว Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร

จับกุมตัวนายธนะสิทธิ์ได้ที่ บ้านเลขที่ 94 ถ.ตากสิน บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพ

พฤติการณ์กล่าวคือ ภายหลังผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมโดยละเอียดของกลุ่มคนร้ายจะใช้การลบแก้ไขข้อความบางส่วน โดยทำลายบริเวณของคำว่า ‘LABGROWN’ คือเพชรที่ทำสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฎิบัติการ โดยลบให้เหลือแค่คำว่า ‘BGROW’ ซึ่งยังมองเห็นด้วยกล่องที่ส่องกำลังขยาย และจะมีการยิงเลเซอร์ที่ขอบเพชร ให้ตรงกับหมายเลขประจำใบรับรอง หรือ ‘ใบเซอร์’ ซึ่งทั้งตัวเพชรและใบเซอร์ต่างถูกปลอมขึ้นทั้งสิ้น 

เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบโดยละเอียด ตามขนาดของเพชรที่นำมาจำนำมีความแตกต่างของขนาดไปจากข้อมูลบนใบรับรอง, บริเวณขอบเพชรพบว่ามีการทำลายบริเวณของคำว่า ‘LABGROWN’ ให้เหลือเพียง ‘BGROW’, ตำหนิภายในของเพชรที่นำมาจำนำพบว่าไม่ตรงกับข้อมูลบนใบรับรอง, ลักษณะของใบรับรองปลอมแปลงที่แตกต่างไปจากใบรับรองตัวจริงจากสถาบัน GIA ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ลงพื้นที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จนสามารถพิสูจน์ทราบผู้ร่วมขบวนการทั้ง 2 คน ได้คือ Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย และ นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี สัญชาติไทย ผู้ต้องหาทั้ง 2 จะเดินทางมาก่อเหตุหลอกจำนำเพชรที่ร้านรับจำนำพร้อมกันทุกครั้ง และจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่า Mr.Sajan จะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทย - อินเดีย เป็นจำนวน 4 ครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค. 65 ที่ผ่านมา 

เพื่อลักลอบนำเพชรปลอมเหล่านี้มาจากต่างประเทศ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งวันที่ 3 พ.ย. 65 สามารถจับกุม นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล ได้ที่บ้านเลขที่ 94 ถ.ตากสิน บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพ และจับกุม Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึด ตั๋วรับจำนำของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงรับจำนำ ย่งฮวดหลี จำนวน 10 ฉบับ วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม และนามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ

จากนั้นได้เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้เข้าตรวจค้นห้องพัก เลขที่ 772/283 คอนโด ยู ดีไลท์ เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ฟรอนท์ พระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ผลการตร เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้นำตัวทั้งสองมาขยายผลการจับกุมที่ บก.สส.บช.น. ซึ่งจากการขยายผลตอนนี้ได้ข้อมูลว่าก่อเหตุลักษณะนี้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง ซึ่งตำรวจ PCT ชุดที่ 5 อยู่ระหว่างการติดตามประสานงานกับเหยื่อร้านรับจำนำรายอื่นๆ และจากการขยายผลทราบว่า Mr.Sajan หลอกลวงลักษณะนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยได้ทรัพย์สินจากการหลอกลวงไปเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

พลิกบทบาทใหม่ 'พีเค' พัสกร (The Face Men Thailand) สู่นักชวนคุยใน 'TIME TO TALK' by THE STATES TIMES

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับหนุ่มเท่เสน่ห์เหลือร้ายกับ 'พัสกร วรรณศิริกุล' หรือ 'พีเค' จากเวทีการประกวด The Face Men Thailand ปี 2017 

แต่หลังจากนั้น บทบาทของพีเค ก็ไม่ได้หยุดแค่เวทีประกวด เขามุ่งมั่นและเสาะแสวงหาเส้นทางใหม่ๆ ให้กับชีวิตแบบไม่หยุดนิ่ง จนมีโอกาสได้โลดแล่นในฐานะศิลปินเต็มตัว ได้เป็นทั้งนักแสดง และนายแบบงานที่ถนัด อีกทั้งยังขยายโอกาสให้ชีวิตด้วยเปิดกิจการของตัวเอง ในรูปแบบของรับงานที่ปรึกษา และเปิดแกลเลอรี่ 2 แห่ง

‘ผู้ผลิตสุราพื้นบ้าน’ ดีใจ หลังรัฐปลดล็อก ‘ผลิตสุรา’ เตรียมแผนโปรโมตสุราท้องถิ่น - สร้างรายได้ให้ชุมชน

ผู้ผลิตสุราพื้นบ้านวิสาหกิจชุมชนใน จ.ขอนแก่น เตรียมตัวทำการตลาดเพิ่มยอดขาย มองเป็นเรื่องดีหลังปลดล็อกการผลิต วอนรัฐลดภาษี

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 นายบวน การสร้าง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มตะกัวป่าสาโทไท อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น กล่าวถึงกรณีการประกาศกฎกระทรวงการ ‘ผลิตสุรา’ พ.ศ. 2565 ว่า

มองเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากปัญหาก่อนหน้าจะประกาศกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ.2565 นั้น การขออนุญาตค่อนข้างซ้ำซ้อน เมื่อหมดอายุใบขออนุญาตก็ต้องเริ่มดำเนินการใหม่ ทำให้เสียเวลาการทำเอกสาร และในส่วนการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องจักร จำนวนแรงม้า และการให้มีคนงานมากขึ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากชุมชนจะได้เพิ่มการผลิตเพื่อให้ทันความต้องการของลูกค้า

ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มตะกั่วป่าสาโทไท กล่าวต่ออีกว่า ในการเสียภาษีสรรพสามิตที่ทางวิสาหกิจชุมต้องเสียซ้ำซ้อน โดยปัจจุบันต้องเสียภาษีขาย ทั้งขายส่ง และขายปลีก รวมไปถึงเสียภาษีทั้งรายปีและรายเดือน ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง จึงอยากให้รัฐบาลช่วยดูแลและสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนขนาดเล็ก เพื่อการพัฒนาการแข่งขันทางธุรกิจด้วย

สำนักงานตำรวจ งัด 6 มาตรการ คุมเข้ม 'เด็กแว้น' ช่วงลอยกระทง สั่งจับตาเพจชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุม แข่งรถป่วนประชาชน

(4 พ.ย. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในปัญหาการแข่งรถในทางของเด็กและเยาวชน (เด็กแว้น) อันเป็นปัญหาที่สร้างอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในชุมชนและสังคม จึงมุ่งหวังให้ ตร. แก้ไขปัญหาดังกล่าว

วันนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) และกำหนดแนวทางมาตรการการปฏิบัติในช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2565 โดยมีหน่วย บช.น., ภ.1 – 9 และ บก.ทล. พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุม รับฟังรายงานการบันทึกข้อมูลในระบบ CRIME และสถิติการดำเนินการ สถิติการร้องเรียนผ่านทางสายด่วน 191 และ 1599 พร้อมวิเคราะห์จัดกลุ่มความเสี่ยงของพื้นที่ สน./สภ. ความคืบหน้าและผลโครงการวิจัยศึกษาและพัฒนาระบบการจัดการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทางอย่างยั่งยืน เป็นต้น

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ได้กำหนดมาตรการการปฏิบัติและกำชับให้หน่วย บช.น., ภ.1 – 9 และ บก.ทล. นำไปขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำชับให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติช่วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2565 ดังนี้...

1. เร่งรัดกวดขันตรวจสอบการกระทำความผิดทุกช่องทาง ทั้ง ONLINE เช่น คลิปการแข่งรถ, การขับรถ ที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ และ ON GROUND เพิ่มความเข้มออกกวดขันตรวจตรา แหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถ ร้านดัดแปลงสภาพรถ ร้านแต่งซิ่ง โรงงานและร้านขายท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ดำเนินการตามกฎหมายกับตัวการ และสอบสวนขยายผลไปยังผู้สนับสนุน เช่น ผู้ผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง ยุยงส่งเสริม สนับสนุนการแข่งรถในทาง Admin page และกองเชียร์ กรณีสืบทราบหรือพบเห็นการรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถในทาง ให้ สน./สภ. บูรณาการกำลังทุกฝ่ายให้ยุติกิจกรรมพร้อมติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว

2. การตรวจสอบแอดมินเพจชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุมแข่งรถในทาง, ออกทริปท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมในช่วงวันหยุดราชการหรือเทศกาล ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในเส้นทาง ให้ดำเนินการตามมาตรการที่ ตร. กำหนด ตั้งแต่พื้นที่ต้นทาง พื้นที่กลางทาง จนถึงพื้นที่ปลายทาง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อกวดขันวินัยจราจร ให้หน่วยพื้นที่ต้นทางประชาสัมพันธ์กับแอดมินเพจให้ระงับการดำเนินการดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่พักอยู่ริมทาง และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ

3. ให้ความสำคัญการรับแจ้งเหตุและร้องเรียนในทุกช่องทาง ให้ กก.สส.บก.น./ภ.จว. ร่วมกับงานสืบสวนของ สน./สภ. ตรวจสอบและติดต่อสอบถามข้อมูลจากประชาชน เน้นการสืบสวนหลังเกิดเหตุให้ได้ตัวผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีทุกราย เพื่อป้องปรามไม่ให้กลับมากระทำความผิดอีก และให้ความสำคัญกับการแสวงหาข้อมูล และเบาะแสจากเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่และช่องทางอื่น ๆ ทุกช่องทาง และสืบสวนสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยละเอียดทุกกรณี

'ดร.สมคิด' กราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองอุบลก่อนพบประชาชน 5 พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 พ.ย.) ช่วงเช้าดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมผู้บริหารพรรคฯ ได้เดินทางไปกราบนมัสการพระเจ้าใหญ่อินแปลง วัดมหาวนารามวรวิหาร หรือวัดป่าใหญ่หลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ (วัดป่าใหญ่) ซึ่งเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกับร่วมพิธีเสริมสิริมงคลโดยหลวงพ่อเจ้าคุณพระวชิรกิจโกศล เจ้าอาวาสทำพิธี

หลังจากนั้นคณะผู้บริหารพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เดินทางไปยังวัดหนองป่าพง เพื่อกราบสักการะพระอัฐิธาตุ พระโพธิญาณเถรหรือหลวงปู่ชา พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อันเป็นที่เคารพรักและศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งในและต่างประเทศ

ส.ส.เพื่อไทย ขยี้ปม ‘นักท่องเที่ยว’ รอคิวแน่นสุวรรณภูมิ ซัด!! รัฐบาลหวังการท่องเที่ยวฟื้น แต่กลับไม่เตรียมพร้อม

(4 พ.ย. 65) จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากวันที่ 30 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ปรากฏภาพข่าวจากสื่อต่างประเทศและโซเชียลมีเดีย มีการแชร์ภาพนักท่องเที่ยวจำนวนมากรอเข้ารับการตรวจหนังสือเดินทางที่ด่านขาเข้าของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น

จากการตรวจสอบพบว่า ขณะนี้มีการให้บริการจากสายการบิน จำนวน 76 เที่ยวบิน เฉลี่ยมีผู้ใช้บริหารชั่วโมงละ 3,000-4,000 คน คิดเป็น 40,000 - 50,000 คน/วัน ส่วนตัวมีความเห็นดังนี้

1.) ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการท่องเที่ยวไทย ที่จำนวนนักท่องเที่ยวและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้น
2.) รัฐบาลที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ไม่มีการเตรียมแผนรองรับตั้งแต่แรก ทั้งที่รัฐบาลเองคาดหวังจะฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น การดำเนินการเป็นไปด้วยความล่าช้าในแต่ละขั้นตอน คนแน่นล้นแออัด จนนักท่องเที่ยวต้องโวยวายจนออกสื่อ จนสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อการท่องเที่ยวไทย

สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทย ถือว่าเป็นห้องรับแขกห้องแรกของประเทศที่ไว้คอยต้อนรับและสร้างความประทับใจแรกในการมาเยือน เคยติดอันดับที่ 5 ในปี พ.ศ. 2558 ในฐานะสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ในหมวดสนามบินที่ให้บริการผู้โดยสาร 40-50 ล้านคนต่อปี จากการจัดอันดับและมอบรางวัลของ สกายแทร็กซ์ (Skytrax) หากไม่รีบแก้ไข อันดับสนามบินที่ดีของสุวรรณภูมิอาจจะร่วงกว่านี้ไปอีกแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top