Friday, 16 May 2025
Hard News Team

60 Plus Bakery & Cafe ขายดี ออร์เดอร์ล้น ขอบคุณคนไทยที่ร่วมให้โอกาสคนพิการ

นับเป็นอีกหนึ่งกระแสหลังจบงานเอเปค 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อ 60 Plus Bakery & Cafe คาเฟ่จากทักษะกลุ่มผู้พิการได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทยและต่อยอดผลงานมาสู่แบรนด์ดี ๆ แบรนด์นี้ได้อย่างเด่นชัด

(23 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก '60 Plus Bakery & Cafe' คาเฟ่ในความดูแลของมูลนิธิศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก หรือ APCD ผู้เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้พิการไทย และตระหนักว่าสิ่งที่ผู้พิการไทยขาดคือการส่งเสริมพัฒนาทักษะ รวมทั้งโอกาสในการแสดงฝีมือ ซึ่งผลิตช็อกโกแลตที่ระลึกสำหรับงาน APEC 2022 ได้โพสต์ว่า...

ประกาศ...เรื่องช็อกโกแลต APEC ล็อตแรกหมดแล้วครับ ล็อตต่อไปจะแล้วเสร็จราววันที่ 6 ธันวาคม 

ท่านที่สั่งไว้ในอินบ๊อกซ์เพจ 60 Plus Bakery and Cafe จะสามารถได้รับช็อกโกแลต APEC ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว

TGPRO รุกธุรกิจกัญชงต้นน้ำ-ปลายน้ำ จับมือพันธมิตร 'แคนนาเจน' ตั้งเป้ารายได้ 120 ลบ.

TGPRO ส่งบริษัทย่อย เวิลด์ คลาส สมาร์ท ฟาร์ม ผนึกพันธมิตร แคนนาเจน รุกธุรกิจกัญชงต้นน้ำ-ปลายน้ำ เพาะปลูก ผลิต และ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช่อดอกกัญชงมาตรฐาน Medical-Grade ด้วยเทคโนโลยี Smart Farm หนุนเทรนด์ความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และ เครื่องสำอาง ตั้งเป้าหมายรายได้ 120 ล้านบาท รับรู้ภายในปี 66 

นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGPRO ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อสแตนเลส ภายใต้เครื่องหมายการค้า 'TGPRO' เปิดเผยว่า บริษัทมีการลงทุนในบริษัท เวิลด์ คลาส สมาร์ท ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจผลิต และ จำหน่ายเรือนเพาะชำโดยเป็นการต่อยอดธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อสเตนเลส ในการสร้างโรงเรือนเพาะปลูกด้วยวัสดุที่มีคุณภาพ มีความทนทาน ด้วยมาตรฐานระดับโลก เนื่องจากสเตนเลสทนการกัดกร่อนมากกว่าเหล็ก อายุการใช้งานยืนยาวกว่า อีกทั้งไม่เป็นสนิมและไม่มีผลร้ายต่อผลิตผลที่ได้ และยังรวมถึงการปลูกและจำหน่ายสินค้าเกษตรภายใต้แบรนด์ 'FUJI MEIJI' 

ทั้งนี้ บริษัท เวิลด์ คลาส สมาร์ท ฟาร์ม จำกัด จึงมีความพร้อมในการร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท แคนนาเจน จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการเพาะปลูกกัญชง เพื่อดำเนินการ เพาะปลูก ผลิต และ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช่อดอกกัญชงมาตรฐาน Medical-Grade แบบครบวงจร รวมถึงนำผลผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างๆ โดยการสร้างโรงเรือนพร้อมระบบการจัดการแบบสมาร์ทฟาร์ม

“บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท แคนนาเจน จำกัด ด้วยความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัท เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมการเพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงร่วมกันพัฒนากัญชงสายพันธุ์ใหม่ให้มีความทนทานต่อสภาพอากาศ เพิ่มผลการผลิต ลดความสูญเสียในการเพาะปลูก รวมถึงการเพิ่มมาร์จิ้นจากการต่อยอดผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม” นายรชต กล่าว

‘เศรษฐา ทวีสิน’ ผู้มีกลิ่นอายคล้าย ‘ทักษิณ’ หมากใหม่ ‘ตระกูลชิน’ ที่กำลังเร่งแสงเรียกศรัทธา

สำหรับคอการเมืองแล้ว ทุกคนคุ้นหูนักธุรกิจชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด ดี แต่ช่วงนี้ดูเหมือนว่าซีอีโอแสนสิริที่เพิ่งเปิดตัวว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในพรรคเพื่อไทยจะหิวแสงแสวงทัวร์ลงเป็นพิเศษ ซึ่งไม่น่าแปลกใจหรอก เพราะนี่เป็นเพียงยุทธศาสตร์สร้างความสนใจ เพื่อให้เป็นที่กล่าวขวัญถึงในโลกโซเชียลแบบไม่ต้องควักกระเป๋าโปรโมทตัวเองโดยไม่ต้องจ้างทีมพีอาร์แต่อย่างใด  

คนอย่างเศรษฐา รู้จักการใช้สื่อโซเชียลเป็นอย่างดี ไม่ใช่ไก่กามาจากไหน เพราะนิยมใช้สื่อโซเชียล โดยเฉพาะทวิตเตอร์ สื่อสารกับคนรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา

ล่าสุด โพสต์ข้อความว่า “ถ่ายทอดสดบอลโลก 300 ล้านได้ถ่าย 32 คู่และได้เลือกคู่เด็ดๆ ก่อน 600 ล้านได้ที่เหลือ 32 คู่ ที่นี่ประเทศไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงครับ”0

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นดราม่า รถทัวร์จอดเพียบเต็มพื้นที่ เพราะชาวเน็ตถามว่าทางแสนสิริช่วยออกเงินค่าลิขสิทธิ์บอลโลกกี่บาท ซึ่งเศรษฐาตอบว่า “ไม่ได้ออกครับ” แล้วอ้างว่าบริษัทตนนั้นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เล่นเอาเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่ม ส่วนหนึ่งบอกว่าหากอยากเป็นแคนดิเดตนายกให้เปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนที่จะสร้างกระแสความขัดแย้งให้สังคม เพราะกลุ่มบริษัทที่ช่วยออกเงินก็ไม่ใช่องค์กรสื่อ ธุรกิจอะไรถ้าอยากช่วยเหลือคนไทย ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น 

ก่อนหน้าที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเปกเพียงแค่วันเดียว เศรษฐา ทวีสินก็ตีปลาหน้าไซ ด้วยการโพสต์ข้อความว่า...“6-8 ปีที่ผ่านมา ผู้นำของเราไม่ได้นำประเทศไทยไปมีจุดยืนในเวทีโลกเลย ผู้นำคนต่อไปผมว่าต้องกล้าที่จะเดินออกไปสู่เวทีโลก” 

มองมาจากดาวอังคารยังเห็นว่า ต้องการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีของไทยที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงานใหญ่ระดับโลก เป็นเหมือนการ 'ตีกัน' และ 'ตีกิน' ทางการเมืองของ 'ว่าที่' แคนดิเดตเพื่อไทย แบบมุขห้าบาทสิบบาทก็เอา ขอให้ได้แซะตีกระทบชิ่งบางคน

นี่เป็นหนังตัวอย่างที่ฉายให้เห็น 'ตัวตน' ของว่าที่แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย ประเด็นที่น่าคิดคือทำไมต้องพรรคเพื่อไทย รู้ทั้งรู้ว่าหัวคะแนนทางอีสานเชิดชูสเปิร์มพันธ์แท้ของทักษิณ ชินวัตร อย่างอุ๊งอิ๊งสุดหัวใจ ที่น่าจับตามองคือ คนในตระกูลชินวัตรเปิดไฟเขียวพร้อมโบกธงให้เศรษฐาเข้ามาเป็นแคนดิเดตในพรรคอย่างชัดเจน 

ทั้งนี้หากให้ประเมินสถานการณ์ก็น่าจะเป็นความรักลูกสาวคนเล็กที่ตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้ ไม่อยากให้เสี่ยงเกินตัว ดังเห็นได้จากการให้เล่นบท ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ เท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ ขนาดบทบาทนี้ ระดับหัวหน้าพรรคอย่างหมอชนน่านยังโค้งคำนับจนหลังแทบหักมาแล้ว 

การที่หวยมาออกที่เศรษฐา ทวีสิน เพราะภาพลักษณ์ของเศรษฐาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศ ขณะที่อุ๊งอิ๊งยังเด็กเกินไป การดันเศรษฐาไม่ใช่เรื่องใหม่ คอการเมืองต่างรู้ว่านายใหญ่ดันให้เป็นหนึ่งในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่ปี 2563 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน การดันเถ้าแก่แสนสิริเป็นแคนดิเดตเพราะมีความ ‘เหมือน’ ทักษิณหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารประเทศแบบเดียวกับบริหารบริษัท

'หมอนิธิ' โพสต์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์งดรับของขวัญ-งานเลี้ยง แต่ขอเปลี่ยนของขวัญเป็นการแบ่งปันให้ผู้ป่วยยากไร้แทน

(23 พ.ย. 65) ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เข้าช่วงเทศกาล ขอประกาศ นโยบาย เรื่องของขวัญของ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ให้ทุก ๆ ท่านทราบนะครับ เราขอเพียงรอยยิ้ม 😊😊😊😊😊😊 และการแบ่งปันให้ผู้ป่วยด้อยโอกาส และนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ นะครับ สำหรับของขวัญและงานเลี้ยง ตามนี้ครับ

“ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีนโยบายงดรับของขวัญของกำนัลและร่วมสังสรรค์รับเลี้ยงกับบุคคลหรือนิติบุคคลที่เป็นหรือมีโอกาสเป็นคู่สัญญากับราชวิทยาลัยทุกประเภททุกกรณี”

ร่วมบริจาคสมทบทุนมูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์

'ซาอุฯ' ประกาศ 23 พ.ย. เป็นวันหยุดแห่งชาติ หลังทีมพลิกชนะ 'อาร์เจนติน่า' ศึกฟุตบอลโลก

กษัตริย์แห่ง ซาอุดิอาระเบีย ประกาศให้วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน เป็นวันหยุดพิเศษของประเทศ เรียบร้อยแล้ว หลังจากทีมชาติของพวกเขาเพิ่งทำผลงานสุดช็อคโลก เอาชนะ อาร์เจนติน่า ไปด้วยสกอร์ 2-1 ในนัดประเดิมศึกฟุตบอลโลก 2022

ซาอุดิอาระเบีย ภายใต้การคุมทีมของ แอร์กเว่ เรอนาร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มช็อคโลกลูกหนัง พร้อมกับสร้างสถิติใหม่ โดยเป็นครั้งแรก ที่เก็บชัยชนะจากเกมนัดประเดิมสนามของตัวเองในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้สำเร็จ แถมยังกลายเป็นทีมแรกจากทวีปเอเชียที่คว้าชัยชนะพร้อมเก็บสามแต้มในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้อีกด้วย

สื่อเสรี TPBS กุเล่าเรื่องปลากุเลาเค็มตากใบ ไร้การปกป้องแหล่งข่าว-กล่าวคำขอโทษร่ำไป

การกุเล่าเรื่องปลากุเลาเค็มตากใบ โดยการไปสัมภาษณ์พ่อค้าแม่ค้าปลากุเลาเค็มตากใบแล้วไม่มีใครได้ขายให้เชฟที่ประกอบอาหารสำหรับเอเปคนั้น เป็นการทำข่าวเพื่อยืนยันอคติของนักข่าว TPBS เอง อย่างที่เรียกว่า Self-confirmation bias คือ นักข่าวมีอคติกับการจัดประชุมเอเปคและอาจจะรัฐบาลด้วย 

เมื่อไปสัมภาษณ์ก็เป็นการยืนยันความเชื่อตัวเองว่าการที่โฆษณาว่าใช้ปลากุเลาเค็มตากใบประกอบอาหารรับรองการประชุมเอเปคนั้นไม่จริง แล้วทำข่าวออกไปทันที โดยไม่ทันได้ตรวจสอบว่าได้ซื้อปลากุเลาเค็มตากใบไปทำอาหารจริงหรือไม่ ทำให้เกิดการค้นหาจนพบว่าร้านป้าอ้วนที่ตากใบได้ขายปลากุเลาเค็มให้ เชฟชุมพล แจ้งไพร ไปประกอบอาหารจริง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าทำให้ออร์เดอร์สั่งปลากุเลาเค็มไปแออัดล้นหลามที่ร้านป้าอ้วนอยู่ร้านเดียวไม่ได้กระจายไปร้านอื่นๆ 

ต่อมาทางช่อง TPBS ได้ออกแถลงการณ์ https://www.thaipbs.or.th/news/content/321541 ว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความเข้าใจผิด แต่เป็นการสะท้อนความรู้สึกและความเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ ขาดความรอบด้าน มิได้ตรวจสอบตามหลักการพื้นฐานของสื่อมวลชน ขออภัยในความบกพร่อง จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 

ผมได้อ่านแถลงการณ์แล้วมีความเห็นว่า TPBS ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบเพียงพอต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่นำเสนอข่าวผิดพลาด กลับพาดพิงว่าแหล่งข่าวให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและต้องการสะท้อนความคิดเห็นของแหล่งข่าวที่ขาดความแม่นยำ ไม่ตรงกันกับความเป็นจริง แม้ว่า TPBS จะกล่าวว่าตนไม่ได้ตรวจสอบเบื้องต้นตามหลักการพื้นฐานของสื่อมวลชน แต่ไม่ควรจะแถว่าให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิดของประชาชนทุกกลุ่มรวมถึงแหล่งข่าวคือพ่อค้าแม่ค้าปลากุเลาเค็มในพื้นที่ตากใบที่เข้าใจผิดและมีข้อมูลที่ผิด เพราะตนเองไม่ได้ขาย แต่ร้านอื่นได้ขาย 

การทำเช่นนี้ของ TPBS ไม่ได้ปกป้องแหล่งข่าว ซ้ำยังเป็นการทำให้แหล่งข่าวเป็นแพะรับบาปโดยบิดเบือนหลักการทำข่าวว่าต้องการเสนอความคิดเห็นของแหล่งข่าวที่เข้าใจผิดในสาระสำคัญและไม่ตรงกับความจริง หรืออีกนัยหนึ่งการกระทำเช่นนี้ของ TPBS เท่ากับโยนความผิดให้กับแหล่งข่าวด้วย อันเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนที่ดีและมีจรรยาบรรณควรทำ

กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราดประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันกองทัพเรือสร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพล

( 22 พ.ย.65 ) ที่ห้องประชุมกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราด หรือ กปช.จต.ชั้น 2 พลเรือตรี เทิดเกียรติ จิตต์แก้ง รองผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราด พร้อมด้วยนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นำข้าราชการตุลาการ ศาล อัยการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน คณะกรรมการเหล่ากาชาด ผู้แทนสมาคม องค์กรภาคเอกชนในจันทบุรีและตราดร่วมพิธีทำบุญเนื่องในวันกองทัพเรือ ประจำปี 2565 สร้างขวัญกำลังใจแก่กำลังพลและครอบครัว อุทิศกุศลผลบุญแก่อดีตทหารหาญที่ล่วงลับไปก่อนโดยมี พระปลัดเดือน คุณวโร เจ้าอาวาสวัดมะขามเป็นประธานนำพระภิกษุสงฆ์ร่วมเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล 

ผบ.ฉก.นราธิวาส เป็นผู้แทน ผอ.รมน.ภาค 4 ส่งต่อความห่วงใย 'มอบข้าวสารเพื่อน้อง' ให้แก่น้องๆเด็กกำพร้าในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นผู้แทน พลโท ศานติ  ศกุนตนาค  แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มอบข้าวสารหอมมะลิ จำนวน 250 กิโลกรัม แพคบรรจุ ถุงละ 5 กิโลกรัม จำนวน 50 ถุง และ น้ำดื่ม จำนวน 120 ขวด ให้แก่ นางแยน็ะ สะแลแม ผู้ประสานงานกลุ่มสตรีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุม อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นตัวแทนรับมอบข้าวสาร และน้ำดื่มเพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ น้องๆ เด็กกำพร้า ในพื้นที่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส  

ผบ.ตร. พร้อมคณะผู้แทนไทยต้อนรับผู้แทนสหรัฐอเมริกา เยี่ยมชม ศพดส.ตร.

วันนี้ (22 พ.ย.65) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมคณะผู้แทนไทยจากหลายหน่วยงานทั้งจากภาครัฐ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  และภาคประชาสังคม เช่น LPN IJM Stella maris และ Hug Project ได้ร่วมกันให้การต้อนรับผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา นำโดย น.ส.เคทลีน ไฮเดนรีช เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ พร้อมคณะ ได้ให้เกียรติมาเยี่ยมชม ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ณ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเยี่ยมชมและสังเกตการณ์การทำงานของ ศพดส.ตร. หลังจากที่ผลการปฏิบัติด้านการดำเนินคดีมีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด จนทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ Tier 2 จากการประเมิน TIP Report ในปีที่ผ่านมา

หลังจากที่คณะผู้แทนไทย นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกับ กต. พม. และภาคประชาสังคม ได้เดินทางไปพบผู้แทนสหรัฐอเมริกา และได้มีการนำเสนอผลการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการนำเสนอผลการปฏิบัติในด้านการดำเนินคดี โดยเฉพาะผลการจับกุมคดีค้ามนุษย์ และการจับกุมคดีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและเยาวชนทางอินเตอร์เน็ตของชุดปฏิบัติการ TICAC ซึ่งมีการปฏิบัติเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ในโอกาสนี้ ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา นำโดย น.ส.เคทลีน ไฮเดนรีช และคณะซึ่งได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย จึงได้เดินทางมาเยี่ยมชม ศพดส.ตร.

‘ท๊อป Bitkub’ เล็งขยายธุรกิจไป ‘ฮ่องกง’ หลังโดน ก.ล.ต. สั่งปรับหลายครั้ง

'ท๊อป จิรายุส' ผู้ก่อตั้งกระดานเทรด Bitkub เผยผ่าน The South China Morning Post ว่าเตรียมย้ายบ้านธุรกิจซื้อขายเหรียญคริปโต จากประเทศไทย ไปจดทะเบียนในฮ่องกง

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งกระดานเทรด Bitkub ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและกระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตชื่อดังของไทยเปิดเผยในระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่การประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC2022 ว่า กระดานเทรด Bitkub ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจแลกเปลี่ยน cryptocurrency มากที่สุดของประเทศไทย กำลังเล็งการขยายธุรกิจ ไปยังเขตพื้นที่ปกครองพิเศษฮ่องกง โดยเป็นจุดหมายปลายทางในการจดทะเบียนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคาดว่าเป็นไปได้ว่าเร็วที่สุดภายในปี 2567

"เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์มีส่วนสำคัญในการพิจารณาเลือกฮ่องกงมากกว่านิวยอร์ก เช่นเดียวกับศูนย์กลางทางการเงินในเอเชียที่มีหลักนิติธรรมและสภาพคล่องสูงในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผมคิดว่าจุดแข็งของเราอยู่ที่ภูมิภาคอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะเชื่อมต่อกับตลาดใกล้บ้าน”

นอกจากนี้ ท๊อป ยังได้สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการล้มละลายของ FTX อีกด้วยว่า ความผิดพลาดของ FTX ซึ่งเป็นหนึ่งในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งได้ยื่นฟ้องล้มละลายในสหรัฐอเมริกา สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมันในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ท๊อป จิรายุส ยังคงไม่หวั่นไหวเกี่ยวกับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล

“บริษัทส่วนกลางไม่กี่แห่งจัดการเงินของลูกค้าผิดพลาดหรือมีธรรมาภิบาลที่แย่มากไม่ได้หมายความว่าสกุลเงินดิจิทัลนั้นไม่ดี จริงไหม ซึ่งจริง ๆ แล้ว Cryptocurrency เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่ามาก และลูกค้าจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาเสมอ” ท๊อป จิรายุส กล่าว

อย่างไรก็ดี การที่ผู้ประกอบการ เรียกร้องให้ฮ่องกงเร่งปฏิรูปกฎระเบียบสำหรับแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล หากตั้งใจที่จะแสวงหาบริษัทด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และบริษัทอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะไม่ได้ยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจงก็ตาม

“ฮ่องกงเป็นผู้นำด้านการเงินเสมอมา แต่เพื่อให้โมเมนตัมดำเนินต่อไปและยังคงเป็นผู้นำ พวกคุณควรมีกฎระเบียบที่เสรีและเปิดกว้างมากขึ้น และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น” ท๊อป จิรายุส กล่าวถึงกฎระเบียบที่ฮ่องกงควรมีเพื่อรองรับอุตสาหกรรมคริปโต

ขณะที่ Bitkub ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในประเทศไทย โดยมีศูนย์กลางธุรกิจในกรุงเทพฯ ซึ่งมีสัดส่วนปริมาณธุรกรรมเงินเสมือนจริงมากถึง 90% ในประเทศ โดยมีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 23,000 ล้านบาทไทย (642 ล้านเหรียญสหรัฐ) ต่อวัน

อย่างไรก็ตาม Bitkub เกือบจะกลายเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นรายแรกของไทย แม้ว่าบริษัทมีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ประกาศในเดือนสิงหาคมว่าได้ล้มเลิกแผนการที่จะซื้อหุ้น 51% ในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งของบริษัท ท่ามกลางปัญหาด้านกฎระเบียบกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

นอกจากนี้ ท๊อป ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า จากภาวะเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจที่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างชัดเจน ทำให้การขยายธุรกิจสู่สาธารณะนั้นไม่ใช่เรื่องที่ Bitkub ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในตอนนี้ โดยเรียกปีที่จะมาถึงนี้ว่าเป็น 'ฤดูหนาว' สำหรับทุกภาคส่วน แต่บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การรวมผลผลิตให้มากขึ้น ในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง

“ปี 2567 เป็นปีที่เราหวังว่าจะสามารถเปิดเผยแผนงานระยะต่อไปสู่สาธารณชนได้ เมื่อสถานการณ์ต่างๆ กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งขณะนี้ เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสำรวจ” ท๊อป จิรายุส กล่าว

เมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในด้านการลงทุน ท๊อป จิรายุส ให้ความเห็นว่า ฮ่องกงมีสภาพคล่องสูงกว่า หมายความว่าการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดทำได้ง่ายกว่า โดยปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง มีบริษัทจดทะเบียนจากประเทศไทยเกือบ 40 แห่ง

นอกจากนี้ ท๊อป จิรายุส ยังได้ ฉายภาพเศรษฐกิจในอนาคตว่า 2 ชาติมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือจีนและสหรัฐฯ แบ่งประเด็นระดับโลกตั้งแต่การค้าไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งรุนแรงขึ้นจากสงครามรัสเซียกับยูเครน ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของบริษัทต่างๆ ที่เข้าจดทะเบียนด้วย โดยเฉพาะบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะชอบฮ่องกง ในขณะที่บริษัทตะวันตกมีแนวโน้มที่จะมุ่งหน้าไปยังนิวยอร์ก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top