Tuesday, 20 May 2025
Hard News Team

ท่าขี้เหล็กหันพึ่งไฟฟ้า สปป.ลาว เผยเตรียมต่อสายไฟไว้แล้ว

(5 ก.พ.68) เพจ Tachileik News Agency สื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานว่า  หลังจากรัฐบาลไทยประกาศเตรียมตัดไฟที่ส่งไปยังเมืองท่าขี้เหล็กและเมียวดี ทางแผนกพลังงานไฟฟ้าของเมืองท่าขี้เหล็กได้เตรียมแผนสำรอง โดยจะใช้ไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ทดแทนในพื้นที่ดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับระบบไฟฟ้าของเมืองท่าขี้เหล็กระบุว่า ทางคณะกรรมการได้วางแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินล่วงหน้าแล้ว โดยได้ดำเนินการสร้างสายส่งไฟฟ้าใหม่เพื่อให้สามารถรับไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ได้ทันทีหากไฟฟ้าจากไทยถูกตัดขาด

รัฐบาลไทยตัดสินใจระงับการจ่ายไฟฟ้าไปยังฝั่งเมียนมา รวมถึงเมืองท่าขี้เหล็กและเมียวดี โดยให้เหตุผลว่ามาตรการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการดำเนินการปราบปรามการฟอกเงินของกลุ่มอาชญากรรมชาวจีนในพื้นที่ชายแดน การตัดไฟดังกล่าวมีผลตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025

นอกจากนี้ ทางการไทยยังมีคำสั่งระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตและการขนส่งเชื้อเพลิงไปยังพื้นที่ชายแดนเมียนมาด้วย ซึ่งเป็นมาตรการที่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่

ผลจากการตัดไฟฟ้าของไทยส่งผลกระทบโดยตรงต่อเมืองท่าขี้เหล็ก เมืองต่าแล และเมืองขอบเขต ซึ่งเดิมพึ่งพาไฟฟ้าจากไทย แม้ว่าเมืองท่าขี้เหล็กจะสามารถใช้ไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ได้ แต่ปัญหาการขนส่งเชื้อเพลิงที่ถูกระงับอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชนในระยะยาว

ในขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าผู้ประกอบการในพื้นที่จะสามารถปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร แต่คาดว่าการพึ่งพาพลังงานจาก สปป.ลาว จะเป็นแนวทางหลักในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

ครม. ไฟเขียวหนุนสร้าง ‘อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ’ ส่งไปติดตั้งยานอวกาศฉางเอ๋อ 7 ก่อนขึ้นสู่วงโคจรดวงจันทร์ปี 69

‘ศุภมาส’ เผย ครม.ไฟเขียวมีมติหนุนกระทรวง อว. สร้าง ‘อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ’ ฝีมือคนไทย เพื่อนำไปติดตั้งกับยานสำรวจอวกาศฉางเอ๋อ 7 ก่อนนำส่งขึ้นสู่วงโคจรของดวงจันทร์ในปี 2569 เผยเป็นก้าวสำคัญ รวมทั้งเป็นการประกาศให้โลกรับรู้ศักยภาพและความพร้อมของไทยในการเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจอวกาศ 

เมื่อวันที่ (4 ก.พ. 68) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวง อว.แห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (China National Space Administration: CNSA) เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนา “อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ” (Moon Aiming Thai-Chinese Hodoscope – MATCH) ที่จะร่วมติดตั้งไปกับยานสำรวจอวกาศฉางเอ๋อ 7 สำหรับสำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ ภายใต้โครงการสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์ (International Lunar Research Station: ILRS) ตามที่กระทรวง อว.โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) (สดร. หรือ NARIT) และมหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอ

รมว.กระทรวง อว.กล่าวต่อว่า  ทั้งนี้  “อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ” (Moon Aiming Thai-Chinese Hodoscope – MATCH) ที่จะร่วมติดตั้งไปกับยานสำรวจอวกาศฉางเอ๋อ 7 สำหรับสำรวจสภาพอวกาศโดยรอบของดวงจันทร์ มีแผนจะนำส่งขึ้นสู่วงโคจรของดวงจันทร์ในปี 2569 และจะลงจอด ณ บริเวณแอ่งขั้วใต้เอตเคน (South Pole-Aitken) ของดวงจันทร์ เพื่อตรวจวัดรังสีคอสมิกจากกาแล็กซีและอิเล็กตรอนจากดาวพฤหัสบดี รวมถึงศึกษาเชิงกลไกของอนุภาคพลังงานสูงระหว่าง โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ ที่สำคัญนับเป็นครั้งแรกที่อุปกรณ์สำรวจอวกาศของไทย จะถูกนำไปใช้งานในภารกิจการสำรวจอวกาศห้วงลึก (Deep Space Exploration) และมีผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยมนุษยชาติในภารกิจการสำรวจอวกาศในอนาคต เป็นก้าวแรกของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรวิจัยของไทย ทั้งจาก สดร.และ มหาวิทยาลัยมหิดล ในโครงการความร่วมมือด้านอวกาศในระดับโลก ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกระทรวง อว. ในการพัฒนาคน และ องค์ความรู้ของประเทศไทย ให้ทัดเทียมนานาประเทศ

สำหรับ อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ หรือ MATCH ดำเนินการโดย สดร.และมหาวิทยาลัยมหิดล มีเป้าหมายเพื่อตรวจวัดอนุภาคมีประจุพลังงานสูง ศึกษาปริมาณของรังสีคอสมิกในอวกาศ ทั้งด้านที่มาจากพื้นผิวของดวงจันทร์ และด้านที่หันออกจากพื้นผิวของดวงจันทร์  ขณะนี้อุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอวกาศ  MATCH อยู่ในขั้นตอนการบูรณาการ ประกอบและทดสอบความเข้ากันได้ทางไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงระบบโครงสร้างเชิงกลในระดับต้นแบบวิศวกรรม(Engineering model) ที่ขึ้นรูปด้วยวัสดุพิเศษแมกนีเซียมอัลลอย (MB-15) ภายในห้องปฏิบัติการขึ้นรูปชิ้นงานเชิงกลขั้นสูงของ NARIT แมกนีเซียมอัลลอยเป็นวัสดุวิศวกรรมด้านอวกาศที่มีน้ำหนักเบากว่าอลูมิเนียมถึง 40% กระบวนการขึ้นรูปชิ้นงานมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน ต้องใช้ความระมัดระวัง แม้สะเก็ดเพียงเล็กน้อยก็อาจลุกติดไฟได้  ปัจจุบัน ยังไม่มีหน่วยงานรัฐใดในประเทศไทยเคยขึ้นรูปด้วยวัสดุชนิดนี้มาก่อน และท้ายที่สุดชิ้นส่วนเหล่านี้ จะถูกนำไปประกอบเป็นอุปกรณ์วิจัยวิทยาศาสตร์ฝีมือคนไทยที่จะส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์กับโครงการฉางเอ๋อ 7 ในปี 2569” น.ส.ศุภมาส กล่าวและว่า

การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจดวงจันทร์ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญยิ่งของประเทศไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอวกาศ ที่จะได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เทคโนโลยีอวกาศระหว่างไทยกับนานาชาติ เป็นความท้าทายทางวิศวกรรม อันนำมาซึ่งโอกาสการพัฒนากำลังคนที่มีทักษะ และสมรรถนะสูงทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ยกระดับขีดความสามารถของวิศวกรไทย ในฐานะผู้ออกแบบ ผลิต ค้นคว้า และวิจัย หนึ่งในอุปกรณ์ที่จะไปสำรวจดวงจันทร์ ข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่ได้จากโครงการนี้ จะเป็นข้อมูลวิทยาศาสตร์ขั้นแนวหน้า ซึ่งยังไม่เคยศึกษาและค้นพบมาก่อน ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นโจทย์ท้าทายและเป็นบททดสอบสำคัญ ที่จะประกาศให้โลกทราบถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจอวกาศ

ลือดีลควบรวมนิสสัน-ฮอนด้า คว้าน้ำเหลว หลังค่ายนิสสันไม่ยอมรับเป็นบริษัทลูก

(5 ก.พ.68) สื่อญี่ปุ่นรายงานตรงกันว่า การเจรจาควบรวมกิจการระหว่าง ฮอนด้า และ นิสสัน กำลังเผชิญอุปสรรคสำคัญ หลังนิสสันแสดงจุดยืนคัดค้านข้อเสนอของฮอนด้าอย่างหนัก

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ฮอนด้าได้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นของนิสสันเพื่อให้กลายเป็นบริษัทย่อย ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทว่าฝ่ายนิสสันปฏิเสธ เนื่องจากไม่ต้องการสูญเสียอำนาจบริหาร ส่งผลให้แนวโน้มการควบรวมอาจต้องยุติลง โดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ผู้บริหารของนิสสันระบุว่า "เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับได้แทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้การควบรวมดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้ยาก"

ก่อนหน้านี้ ในเดือนธันวาคม 2023 ฮอนด้าและนิสสันประกาศแผนจัดตั้ง บริษัทโฮลดิ้งร่วม ภายในเดือนสิงหาคม 2026 พร้อมถอดหุ้นของทั้งสองบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม แผนปรับโครงสร้างของนิสสันที่ล่าช้าสร้างความไม่พอใจให้กับฮอนด้า จึงเป็นเหตุให้บริษัทเปลี่ยนแนวทางจากการร่วมมือ มาเป็นการเข้าซื้อหุ้นนิสสันแทน เพื่อให้สามารถควบคุมการบริหารและเร่งเดินหน้าแผนปรับโครงสร้าง

ขณะนี้ นิสสันยังคงประชุมภายในอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีแนวโน้มสูงว่าจะไม่ยอมรับเงื่อนไขการเป็นบริษัทย่อย ขณะที่ฝั่งฮอนด้าก็ส่งสัญญาณว่า หากนิสสันปฏิเสธ ข้อตกลงนี้อาจต้องยุติลงในที่สุด

กองเรือยุทธการเปิดกิจกรรม จิตอาสาพระราชทาน เราทำความดีด้วยหัวใจ ภายใต้แนวคิด  กองทัพเรือ เสริมสร้าง เพื่อการศึกษา พัฒนาเยาวชน

วันนี้ 5 ก.พ.68 ที่โรงเรียนสัตหีบ เขตกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พร้อมด้วย  คุณ สุธาทิพ  เดี่ยววานิช อุปนายก สมาคมภริยาทหารเรือ ท่านที่ 5 ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ มาเป็นประธานในพิธี เปิดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เราทำความดีด้วยหัวใจ ภายใต้แนวคิด “กองทัพเรือ เสริมสร้าง เพื่อการศึกษา พัฒนาเยาวชน” โดยมี คณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่  หน่วยงานกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ   ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ครู อาจารย์ ตลอดจนนักเรียน เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนา ทำความสะอาด ภายในโรงเรียน 

สำหรับ กิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เราทำความดีด้วยหัวใจ ภายใต้แนวคิด “กองทัพเรือ เสริมสร้าง เพื่อการศึกษา พัฒนาเยาวชน” มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างโรงเรียน ชุมชน และหน่วยงานต่างๆในพื้นที่สัตหีบ ตลอดจนปลูกฝังให้ผู้ร่วมกิจกรรมมีจิตสาธารณะ มีความรัก ความสามัคคี มีความเสียสละ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม 

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323 

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5. แถลงข่าวสำคัญในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ 3 คดี คดีลักทรัพย์ ค้าประเวณีเด็ก และจับกุมผู้ลักลอบเผา

ตร.ภ.5 แถลงการจับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 3 คดี พร้อมจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น / จับกุมผู้ต้องหาคดีค้าประเวณีเด็ก และผลการปฏิบัติการจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการหยุดฝุ่น PM 2.5 

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ชั้น 2 อาคารตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 แถลงข่าว จับกุมคดีสำคัญในพื้นที่ 3 คดี จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น / จับกุมผู้ต้องหาคดีค้าประเวณีเด็ก และผลการปฏิบัติการจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการหยุดฝุ่น PM 2.5 

คดีที่ 1 จับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 ก.พ.68 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวนสภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการจับกุมตัวนายวงค์ตะวัน หรือหนึ่ง อายุ 35 ปี บ้านอยู่ ต.ช้างม่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในข้อหา "วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปและเพื่อให้พ้นการจับกุม"

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากช่วงหัวค่ำวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมาได้มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวญี่ปุ่น อายุ 63 ปี กำลังเดินท่องเที่ยวชมเมืองในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นมีคนร้ายขับรถจยย.มาประกบแล้วกระชากกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น จนล้มได้รับบาดเจ็บก่อนชิงเอากระเป๋าที่มีเงินสดจำนวน 1,500 บาท เอกสารสำคัญหลายอย่างและโทรศัพท์มือถือก่อนหลบหนีไป หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสามารถตามจับนายวงค์ตะวัน ได้ที่บ้าน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตกงาน ไม่มีเงินจึงก่อเหตุขึ้น โดยในอดีตคนร้ายเคยมีประวัติ ลักทรัพย์ และยาเสพติดติดคุกเข้าออกหลายครั้ง

คดีที่ 2 จับกุมผู้ต้องหาคดีค้าประเวณีเด็กพล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5  พร้อมชุดสืบสวนภาค5 ได้แถลงทลายเครือข่ายลักลอบขายประเวณีเด็ก โดยทางชุดสืบสวนภาค5 ได้รับแจ้งในโลกออนไลน์ว่ามีการโพสต์ว่ามีเด็กรับงานnv  ซึ่งหมายความว่ารับงานดูแลและจบที่การมีเพศสัมพันธ์ รับงานในเชียงใหม่คนละ 3,500 บาท ทางเจ้าหน้าจึงปลอมตัวเข้าไปติดต่อ ล่อชื้อ จำนวน 3 คนที่โรงแรมม่านรูดในพื้นที่อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ต่อมาได้มีเด็กสาว อายุ 14 สองคน และอายุ 16 หนึ่งคน เข้าที่โรงแรมม่านรูดพร้อมขอรับเงินค่างาน ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมทั้งหมดไว้ ก่อนนำตัวมาให้สหวิชาขีพสอบสวน 

โดยกลุ่มเด็กทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าทำงานแบบนี้มานานมีลูกค้าทั้งข้าราชการ นักท่องเที่ยวมากมายที่เคยมาร่วมหลับนอน สาเหตุที่ทำเพื่อหาเงินไว้กินเที่ยวตอนกลางคืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลการจับกุมไปถึงกลุ่มคนชื้อบริการเพื่อขยายผลการกระทำผิดต่อผู้มาใช้บริการกับเด็กต่อไป

คดีที่ 3 ผลการปฏิบัติการจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการหยุดฝุ่น PM 2.5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่าจากนโยบายของรัฐบาลในการดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบเผาหาของป่า ที่เป็นจุดเริ่มของปัญหา โดยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้มีการดำเนินนโยบาย ตรวจสอบยานพาหนะที่ปล่อยควันดำ การตรวจสอบโรงงานและสถานที่ก่อสร้าง การควบคุมการเผา 

ในพื้นที่ภาค 5 ได้มีการเร่งดำเนินการทุกข้อสั่งการโดยผลการดำเนินการได้มีการตรวจสอบยานพาหนะมลพิษควันดำ ตรวจสอบยานพาหนะจำนวน 2,684 ครั้งโดยแบ่งเป็นรถขนส่ง 279 ครั้ง รถโดยสาร 244 ครั้ง รถยนต์ 985 ครั้งและรถจักยานยนต์อีก 1,156 ครั้ง 

ด้านการลักลอบเผามีการจับกุมจำนวน 47 ครั้งในห้วง 4 วันที่ผ่านมานี้ และให้ตำรวจทุกพื้นที่ออกให้คำแนะนำประชาชนอยู่สม่ำเสมอ ด้านโรงงานต่างๆได้มีการออกตรวจสอบไม่ให้มีการปล่อยมลพิษอยู่เป็นประจำ ซึ่งทุกมาตราการจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปัญหามลพิษในปีนี้ให้ได้

ซึ่งพื้นที่เชียงรายประกาศห้ามเผา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 จนถึงวันที่ 31 พ.ค.68 เชียงราย 1 มี.ค.-31 พ.ค.68,เชียงใหม่ 1 ม.ค.จนถึง 15 พ.ค.68, น่าน 15 มี.ค.จนถึง 30 เม.ย.68, พะเยา 20 ก.พ.จนถึง 20 เม.ย.68, แพร่ 15 ก.พ.จนถึง 30 เม.ย.68, แม่ฮ่องสอน 1 ก.พ. จนถึง 30 เม.ย.68, ลำปาง 1 ม.ค. จนถึง 15 พ.ค.68 และลำพูน 1 มี.ค.จนถึง 30 เม.ย.68 จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ในพื้นที่งดเผาตามห้วงการประกาศห้ามเผาข้างต้น 

ตำรวจภูธรรภาค 5 มีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน และยังคงเน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ทั้งนี้หากพบเห็นอาชญากรรม หรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ line@police5 (ผบช.ก.5 ) และ Application Police i lert U ได้ตลอด 24 ชม. ในการดำเนินการปราบปรามจับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนโดยรวม

สตม.รวบเวียดนาม ลอบขายกัญชา ยึดของกลางกว่า 300 กิโล

กก.2 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 7 คน ดังนี้
1. MR.ANH VU (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี

2. MR.MANH DUNG (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี

3. MR.TIEN DUY (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี       

4. MR.LAM NHAT (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี

5. MRS.THI LINH (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี      

6. MR.MINH HIEU (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี

7. MR.THANH HUNG (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี

พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ได้ จำนวน 300.25 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 10,000 บาท รวมมูลค่า 3,002,500 บาท, เครื่องชั่งดิจิทัล จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องนับธนบัตร จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องซีลบรรจุภัณฑ์ จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องซีลสุญญากาศ จำนวน 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักในซอยลาดพร้าว 107 แยก 26 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 03.15 น. กก.2 บก.สส.สตม.ได้รับการประสานจาก กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่าได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก MS.NGUYEN อายุ 27 สัญชาติเวียดนาม โดยการพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์มือถือของตนแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 ว่าไม่ประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยการเดินทางในครั้งนี้ ตนได้เดินทางมาจากประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้สอบถาม MS.NGUYEN แจ้งว่าได้รับการชักชวนจากเพื่อนหญิงชาวเวียดนามใน Facebook ชื่อ sam ทราบภายหลังว่าชื่อ MS.LUONG ได้ชักชวนให้ไปเที่ยวที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ภายหลังจึงทราบว่าเป็นการหลอกลวงให้ไปทำงานเกี่ยวกับพนันออนไลน์ มีหน้าที่แปลภาษาเวียดนามเป็นภาษาอังกฤษ ในการเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน เป็นคนสัญชาติเวียดนาม จำนวน 5 คน ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และคนสัญชาติจีน จำนวน 2 คน ได้แก่ MR.PENG (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี และ MR.JUNJIAN (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี โดยคนจีนทั้ง 2 คนนั้น เป็นคนจัดการเรื่องการจองตั๋วเครื่องบินจากเวียดนามไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ต่อมา MS.NGUYEN แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าขณะที่ตนพร้อมเพื่อนชาวเวียดนามทั้งหมด อยู่ที่กรุงมะนิลา MR.JUNJIAN ได้ยึดหนังสือเดินทางของพวกตนไว้ จะให้พวกตนถือหนังสือเดินทางต่อเมื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่เท่านั้น ต่อมาตนและเพื่อนชาวเวียดนาม ทราบจากการพูดคุยว่าคนจีนทั้งสองคน จะนำพวกตนไปส่งขึ้นรถตู้ที่เตรียมไว้ไปส่งที่ อ.แม่สอด จว.ตาก เพื่อข้ามฝั่งไปยังประเทศเมียนมา เมื่อทราบดังนั้นจึงตัดสินใจพิมพ์ข้อความขอความช่วยเหลือจากหน้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง

เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าตรวจสอบพบว่า MR.MANH DUNG ได้รับการตรวจอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว และยังไม่ทราบถึงความปลอดภัยดีหรือไม่เนื่องจาก MR.MANH DUNG ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานที่ ประเทศฟิลิปปินส์ เช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบพบว่าเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 03.10 น. รถแท็กซี่สีเขียว ได้ไปส่ง MR.MANH DUNG ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยลาดพร้าว 107 แยก 26 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านสองชั้น เนื้อที่ประมาณ 100 ตรว. มีรั้วรอบขอบชิด กก.2 บก.สส.สตม. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาลอาญา ผลการตรวจค้นพบ MR.ANH VU แสดงตนเป็นผู้ครอบครองบ้าน และภายในบ้านยังพบ MR.MANH DUNG ที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ MR.TIEN DUY, MR.LAM NHAT, MRS.THI LINH, MR.MINH HIEU, MR.THANH HUNG และพบช่อดอกกัญชา ไม่สามารถระบุสายพันธุ์ จำนวน 300.25 กิโลกรัม พร้อมของกลางอีก 4 รายการ จึงได้ประสานไปยัง เจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตรวจสอบช่อกัญชาดังกล่าว โดย MR.ANH VU ได้นำใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้ามาแสดง เจ้าหน้าที่ฯ ได้ตรวจสอบใบอนุญาตดังกล่าวพบว่าเป็นใบอนุญาตให้จำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า โดยผู้รับใบอนุญาต ได้แก่บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ซึ่งใบอนุญาตฯ ดังกล่าวมีเลขที่ตั้งไม่ตรงกับบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมทั้ง 7 คน ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2404 กำเนิด ‘ถนนเจริญกรุง’ ถนนหลักสายแรกของประเทศไทย

วันนี้ เมื่อ 164 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ‘ถนนเจริญกรุง’ ถนนหลักสายแรกของประเทศไทย

ถนนเจริญกรุง ถูกดำริให้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2404 โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยเหตุที่มีชาวต่างชาติ ได้เข้ามาทำธุรกิจห้างร้าน รวมถึงที่ทำการกงสุลต่าง ๆ ก็ถูกก่อสร้างขึ้นในย่านนี้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้ขอให้สร้างถนนสายสำหรับขี่ม้า หรือนั่งรถม้า พระองค์จึงทรงดำริให้มีการสร้างถนนที่มีมาตรฐานขึ้น แล้วเสร็จเมื่อราวปี พ.ศ. 2407

แรกเริ่มเดิมที ผู้คนเรียกถนนสายนี้ว่า ‘ถนนใหม่’ ส่วนฝรั่งเรียกว่า ‘นิวโรด’ (New Road) และชาวจีนเรียกว่า ซินพะโล้ว แปลว่า ถนนตัดใหม่ เช่นกัน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถนนว่า ‘ถนนเจริญกรุง’ ซึ่งมีความหมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง

ถนนเจริญกรุงในยุคก่อน ได้ชื่อว่าเป็นถนนที่ใหญ่และยาวที่สุด โดยแบ่งเป็น 2 ตอน คือ ถนนเจริญกรุงตอนใน ตั้งแต่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ถึงสะพานดำรงสถิต (สะพานเหล็ก) และถนนเจริญกรุงตอนใต้ ตั้งแต่สะพานเหล็กออกไปนอกกำแพงพระนคร ต่อเนื่องไปถึงตลาดน้อย บางรัก จรดดาวคะนอง (ในปัจจุบัน)

เมื่อมีถนนหลักใหม่และงดงาม จึงนำมาซึ่งวิถีชีวิตของผู้คนสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างอาคาร ห้างร้าน บ้านเรือน ไปตลอดแนวถนน ต่อมามีการติดไฟฟ้านำทางส่องสว่าง และด้วยความสวยงามของท้องถนน ผู้คนจึงรู้จักที่จะออกมาใช้ชีวิตในยามค่ำคืนกันมากขึ้น จนเป็นที่มาของถนนที่ได้ชื่อว่า เป็นถนนที่ไม่มีวันหลับใหล ตราบจนทุกวันนี้ ‘เจริญกรุง’ ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน แม้สองข้างทางจะเก่าแก่ไปตามกาลเวลา แต่จิตวิญญาณของถนนที่ได้ชื่อว่า เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ก็ยังคงปรากฏอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

USAID หนุนทุนวิจัยอาวุธชีวภาพ มอบเงิน 307,000 ดอลลาร์ ให้โครงการในยูเครน

(4 ก.พ. 68) หลังจากมีกระแสข่าวที่ว่าอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและคณะทำงานกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล  DOGEมีแผนสั่งยุบองค์กรที่ให้การช่วยเหลือระดับโลกของรัฐบาลสหรัฐภายใต้ชื่อ USAID นั้น เว็บไซต์ข่าวสปุตนิก รายงานว่า พลโท อิการ์ คิริลอฟ หัวหน้ากองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพของกองทัพรัสเซีย ผู้ล่วงลับจากเหตุระเบิดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เคยออกมาแฉถึงเบื้องหลังของ USAID ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องให้การสนับสนุนวิจัยอาวุธชีวภาพในยูเครน

ก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์ ได้เรียก USAID ว่าเป็น องค์กรอาชญากร และกล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องจบแล้ว พร้อมกล่าวหาว่าภาษีของสหรัฐฯ ถูกโอนผ่านองค์กรนี้เพื่อใช้ในการวิจัยอาวุธชีวภาพ ซึ่งสะท้อนถึงคำกล่าวอ้างของพลโท อิกอร์ คิริลอฟ อดีตหัวหน้ากองกำลังป้องกันเคมี ชีวภาพ และนิวเคลียร์ของรัสเซีย โดยเอกสารที่ได้รับจากการปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียระบุว่า

Metabiota บริษัทผู้รับเหมาในสังกัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้รับสัญญาสำหรับการ 'วิจัยและพัฒนาในวิทยาศาสตร์ทางกายภาพ วิศวกรรมศาสตร์ และชีววิทยา' และ 'ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือ' โดยในเดือนกันยายน 2014 Metabiota ได้รับเงิน 307,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ "โครงการวิจัยในยูเครน" และในปีงบประมาณ 2014 Metabiota ได้รับการประมูลจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และหน่วยงานย่อยอย่าง Defense Threat Reduction Agency (DTRA)

การสืบสวนของกระทรวงกลาโหมรัสเซียในปี 2022 เปิดเผยว่า DTRA เป็นหน่วยงานหลักของสหรัฐฯ ในการสร้างห้องแล็บชีวภาพในยูเครน โดย Metabiota ยังอยู่ในรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

นอกจากนั้นนายพลคิริลอฟ เคยระบุในรายงานอีกว่า ตั้งงแต่ปี 2019 USAID และผู้รับเหมาหลักคือ Labyrinth Ukraine ได้มีส่วนร่วมในโครงการชีววิทยาของกองทัพสหรัฐฯ โดย Labyrinth Ukraine เป็นสาขาหนึ่งของ Labyrinth Global Health ซึ่งผู้ก่อตั้งของ Labyrinth Global Health เคยทำงานกับ Metabiota ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลักของกองทัพสหรัฐฯ ในด้านอาวุธชีวภาพ

Labyrinth Ukraine มีส่วนร่วมในโครงการ UP-9 และ UP-10 ของสหรัฐฯ ซึ่งศึกษาการระบาดของไข้สุกรแอฟริกันในยูเครนและยุโรปตะวันออก

ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022, มีการกล่าวหาว่าเชื้อโรคของโรคระบาด เช่น โรคกาฬโรค, โรคแอนแทรกซ์, โรคทูลาเรเมีย, โรคอหิวาต์ และโรคติดต่อร้ายแรงอื่นๆ ถูกทำลายเพื่อปกปิดการละเมิดอนุสัญญาอาวุธชีวภาพและพิษ (BTWC) โดยสหรัฐฯ และยูเครน

จดหมายจากหัวหน้ากองระบาดวิทยาของยูเครนถึง Labyrinth Ukraine ได้ยืนยันถึงความร่วมมือกับ USAID ในการฉีดวัคซีนให้กับทหารและการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับสหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังมีโครงการวิจัยอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้แผนลดภัยคุกคามชีวภาพของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อาทิ การวิจันเชื้อไวรัสโคโรนาและฝีดาษลิง  นอกจากนี้ยังพบหลักฐานว่าในปี 2009 โครงการ PREDICT ของ USAID  เคยนำเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่มาวิจัย แต่หน่วยวิจัยดังกล่าวถูกปิดลงกะทันหันในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด ซึ่งกลายเป็นจุดสังเกตที่นายพลรัฐบาลตั้งข้อสงสัย

‘โด่ง อรรถชัย’ เข้าใจเสื้อแดงศรีสะเกษ ร่ำไห้ถูกคนเพื่อไทย ด้อยค่า รับเจอกับตัวแล้วอึ้งเลย โดยเฉพาะเอานกหวีด - สลิ่ม มามีตำแหน่ง

(4 ก.พ. 68) นายอรรถชัย อนันตเมฆ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นกรณี แกนนำคนเสื้อแดงศรีสะเกษแถลงข่าวถูกคนในเพื่อไทยด้อยค่า ไม่ให้เกียรติ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ขอพูดตรงๆ ในฐานะคนเสื้อแดง
ผมเองก็พบเจอ.. เรื่องแบบที่แกนนำศรีสะเกษพูด..ว่า ไม่ให้เกียรติคนเสื้อแดง..??
กลับจากต่างประเทศ เข้าพรรควันแรกได้ยินคนในพรรคสอนว่า “อย่าแดงมาก”
ไม่เชื่อหู นึกว่าเข้าพรรคผิด..??
ผมไม่สนใจ.. เดินหน้าแดงต่อไป..

ในการเลือกตั้ง ปี’66 จน จบภาระกิจ
จนถึงเลือกตั้งซ่อม พิษณุโลก..
จนเลือก นายก อบจ.ครั้งนี้ ..??
จะไปช่วยหาเสียง เดินทางไปเอง แท้ๆ ยังไม่มี ที่ยืนแม้แต่ “ถ่ายรูป ” …..??

“ไม่เกี่ยวกับ คุณทักษิณนะครับ”
คุณทักษิณ ไปไหนยังถามหาพี่น้องเราเสมอ..ไม่เคยลืม..ยังจำพี่น้องเราได้แม้ แต่แกนนำ เล็กๆ
แต่คือ “คนในพรรค” วันนี้
คนของพรรคชุดนี้ทำอะไร ไม่เคยคิดถึงใจคนเสื้อแดง เป็นมุ้งเป็นเหล่า เอาแต่พวกอุดมการณ์คืออะไร ไม่ชัดเจน
เสื้อแดงไม่ต้องการอะไร แค่ให้เกียรติกันบ้าง เท่านั้นยังไม่มี
.
ที่บอกไม่มีอุดมการณ์ไม่ใช่ใส่ความ แต่ได้ยินกับหู ช่วงส้มกำลังตึง คนในพรรคบอก
“ไม่เอาแดง” อย่าแดงมาก...??
ตรงข้ามมักได้ยินคำนิยมส้ม จากคนในพรรค อยู่เนืองๆ
ทั้งที่ คือ คนของพรรคเพื่อไทย

รวมทั้งการเอาฝ่ายตรงข้ามมา มีบทบาทในพรรค นอกพรรค…ทั้งที่คนเหล่านั้น คือ นกหวีด สลิ่ม
ไม่ต้องมาให้ตำแหน่ง อะไรกับคนเสื้อแดง แต่เอาฝ่ายตรงข้าม มามีตำแหน่ง นี่

ผมยังอึ้ง…
คนในพรรคเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น

จีนลุยยื่น WTO ฟ้องสหรัฐ อ้างไม่เป็นธรรม หลังขึ้นภาษี 10%

(4 ก.พ. 68) กระทรวงพาณิชย์ของจีนรายงานว่าจีนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนกับกลไกแก้ไขข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) กรณีสหรัฐฯ ตัดสินใจกำหนดการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมร้อยละ 10 กับสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ตามกฏหมายของจีน

โฆษกกระทรวงฯ แถลงข่าวว่ากรณีสหรัฐฯ กำหนดการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมจากสินค้าจีนได้ละเมิดกฎเกณฑ์ขององค์การฯ อย่างร้ายแรง โดยการกระทำเช่นนี้ถือเป็นแบบอย่างของลัทธิกระทำเพียงฝ่ายเดียวและลัทธิกีดกันทางการค้า

การกระทำของสหรัฐฯ บั่นทอนระบบการค้าพหุภาคีที่มีกฎเกณฑ์ บ่อนทำลายรากฐานความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างยิ่ง

สหรัฐฯ มุ่งเน้นลัทธิกระทำเพียงฝ่ายเดียวหรือเอกภาคีมากกว่าพหุภาคีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อให้เกิดเสียงตำหนิติเตียนจากสมาชิกองค์การฯ ส่วนใหญ่ ซึ่งจีนคัดค้านการกระทำของสหรัฐฯ และกระตุ้นเตือนฝ่านสหรัฐฯ แก้ไขข้อผิดพลาดโดยทันที

จีนในฐานะผู้สนับสนุนและผู้มีส่วนส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคีพร้อมทำงานร่วมกับสมาชิกองค์การฯ รายอื่นๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายจากลัทธิกระทำเพียงฝ่ายเดียวและลัทธิกีดกันทางการค้าที่ส่งผลกระทบต่อระบบการค้าพหุภาคี และคุ้มครองการพัฒนาอันมีระเบียบและเสถียรภาพของการค้าระหว่างประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top