Tuesday, 13 May 2025
Hard News Team

‘น้องเพลง’ โผล่คอมเมนต์ไอจีสุดท้ายของ ‘พ่อเอ๋ ชนม์สวัสดิ์’ เผย ‘คิดถึงพ่อสุดหัวใจ’ ท่ามกลางชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ

(3 เม.ย.66) ยังคงอยู่ในความโศกเศร้าต่อครอบครัว เพื่อนพ้องรวมถึงคนใกล้ชิดกับการจากไปอย่างกะทันหันของ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ที่เสียชีวิตจากภาวะฮีทสโตรก ระหว่างการแข่งรถ สิริอายุ 55 ปี ทางด้านของลูกสาวคนเดียวอย่าง เพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม ทำหน้าที่และเคียงข้างคุณแม่ ตู่ นันทิดา

‘สงกรานต์ 66’ คึกคัก!! คนไทยเที่ยวไทยพุ่ง!! คาด!! เงินสะพัดกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท

(3 เม.ย.66) สงกรานต์ปี 2566 ความกังวลโควิดหมดไป หลายจังหวัดเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างเต็มรูปแบบในรอบ 3 ปีกันอย่างคึกคัก จากผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพฯ 44.7% มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ (หลักๆ จะเป็นกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน และกลุ่มที่ท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมญาติพี่น้องด้วย) โดยเกือบทั้งหมดมีแผนท่องเที่ยวในประเทศ โดยแหล่งท่องเที่ยวที่คนกรุงเทพฯ มีแผนส่วนใหญ่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวทางทะเล อาทิ พัทยา หัวหิน เกาะช้าง เป็นต้น ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 5 วันระหว่างวันที่ 13-17 เม.ย. 2566 น่าจะมีจำนวน 5.1 ล้านคน-ครั้งเพิ่มขึ้น 28.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

'กูรูใหญ่' ฟันธง!! พปชร. หัวหอกขั้วที่ 3 ตั้งรัฐบาล ได้เวลาการเมืองยุคใหม่ที่เปิดเผยตรงไปตรงมา

(3 เม.ย.66) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเมืองยุคใหม่ที่เปิดเผยตรงไปตรงมา สง่างาม!!!

1.ในวาระวันสมัครรับเลือกตั้ง2566 วันแรก ลุงป้อม ไสช้างออกมากลางสมรภูมิแล้ว ประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 โดย “จะเป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน” จึงสวม 3 บท คือ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ และเป็นแคนดิเดตนายกลำดับ 1 ของ พปชร.

2.ในขณะเดียวกันก็เป็นแกนพรรคขั้วที่สาม ซึ่งขณะนี้มี 5 พรรค เตรียมการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งไปพร้อมกัน และจัดขบวน 6 สาย ประสาน ส.ว. ประกันให้ได้เสียงเกิน 376 ในการเลือกนายกรัฐมนตรี

3.ในการฟอร์มรัฐบาลจะให้มีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกิน 300 เสียง ซึ่งอาจมี 3 พรรคเป็นฝ่ายค้าน 150 เสียง เพื่อความงดงามในระบอบประชาธิปไตย ใช้ยุทธศาสตร์ก้าวข้ามความขัดแย้งเริ่มต้นใหม่ประเทศไทย และสามัคคีประชาชาติไทย ทำสงครามกับความยากจน

‘ธนาธร’ ชี้ ‘กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น’ มีผลดีมหาศาล ช่วยขับเคลื่อน ศก.-เกิดการจ้างงาน-ลดความเหลื่อมล้ำ

(3 เม.ย. 66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย ชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และวสันต์ เหลืองประภัสร์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมวงเสวนาวิชาการ ‘30 ปี ข้อถกเถียงเรื่องการกระจายอำนาจ กับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของไทย’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแถลงข่าว โดย สันติสุข กาญจนประกร บรรณาธิการ The Voters ที่กำลังเปิดการรณรงค์ล่ารายชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งประเทศ

ธนาธร ระบุว่าการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในประเทศไทยนั้นยังเป็นโจทย์ที่ต้องมาพูดคุยกันในรายละเอียดอีกมาก แต่หลักการสำคัญที่สุดที่ไม่อาจขาดได้ คือการทำให้หน่วยการปกครองที่มีอำนาจสูงสุดทั้งในระดับจังหวัดและในระดับท้องถิ่นพื้นฐานอย่างเทศบาล และ อบต. ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งไม่ใช่รูปแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของการปกครองท้องถิ่น ภายใต้กลไกราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคแน่ ๆ

การจัดความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของอำนาจและงบประมาณ ที่เต็มไปด้วย ‘งบฝาก’ ให้ท้องถิ่นทำภารกิจที่ไม่ใช่เรื่องของท้องถิ่น แต่แทบไม่มีงบประมาณให้ท้องถิ่นได้ทำเรื่องของตัวเองจริงๆ กลายเป็นอุปสรรคที่บดบังเจตนารมณ์ของประชาชนที่จะสร้างบ้านสร้างเมืองของตัวเอง ทำให้ประชาธิปไตยไม่มีความหมาย ทำให้การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้ชีวิตดีได้อย่างมีนัยสำคัญ

ธนาธรกล่าวต่อไปว่า ในด้านหนึ่งการรวมศูนย์เช่นนี้คือต้นเหตุหนึ่งของความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงมากในประเทศไทย ที่สะท้อนออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดในต่างจังหวัด งานและรายได้ที่กระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะตามเมืองใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ระบบราชการรวมศูนย์ยังเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งด้วย นั่นเป็นเพราะภายใต้โครงสร้างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การอนุมัติโครงการใด ๆ แม้กระทั่งการสร้างสะพานลอยสักเส้นหนึ่งในตำบลหนึ่ง ล้วนแต่เป็นเรื่องของส่วนกลาง ต้องรอให้ถูกหยิบยกมาพิจารณาแล้วรอการอนุมัติ ทำให้ทุกการแก้ปัญหาเป็นเรื่องล่าช้า

เรื่องของอำนาจท้องถิ่นจึงเป็นเรื่องที่ส่งผลโดยตรงในทุกมิติของชีวิตประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง และได้เกิดข้อพิสูจน์มาแล้วว่าการกระจายอำนาจสามารถระเบิดพลังทางเศรษฐกิจได้จริง อย่างเช่นที่ญี่ปุ่น ที่ในปลายทศวรรษที่ 1980 เมื่อเผชิญกับวิกฤติฟองสบู่แตก ต้องหา new s-curve (อุตสาหกรรมใหม่) ที่จะพาประเทศไปข้างหน้าได้ สิ่งที่ญี่ปุ่นทำคือการกระจายอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ เกิดการยกเลิกกฎหมายกว่า 100 ฉบับที่เดิมเคยให้ส่วนกลางเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในทุกเรื่องของท้องถิ่น เปลี่ยนมาเป็นการให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็ม จนแต่ละเมืองเริ่มมีการผลักดันสถานที่ท่องเที่ยว สินค้าและผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นขึ้นมาเป็นจุดขายใหม่ ออกแบบระบบขนส่งสาธารณะ และบริการสาธารณะต่าง ๆ ของตัวเองขึ้นมา

ธนาธรกล่าวต่อไป ว่า new s-curve คือสิ่งที่ประเทศไทยก็กำลังพยายามแสวงหาอยู่เช่นกัน เพราะอุตสาหกรรมที่เป็นเสาหลักของประเทศไทยมาโดยตลอดอย่างยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ มาถึงจุดอิ่มตัวของมันเองแล้ว แม้จะเพิ่มการลงทุนในรูปแบบเม็ดเงินใหม่ได้ แต่ไม่อาจเพิ่มกำลังการผลิต ไม่สามารถนำไปสู่การจ้างงานใหม่ ๆ ได้อีกต่อไป เรียกได้ว่าอุตสาหกรรมทั้งยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ จบที่ยุคนี้แล้ว

‘เซ็นทรัลฯ’ เผย ทุ่มงบ 400 ล้าน จัด 2 อีเวนต์ใหญ่ช่วงสงกรานต์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว คาด ยอดใช้จ่าย-ลูกค้าเพิ่มขึ้น 30%

(3 เม.ย.66) แหล่งข่าวจากห้างสรรพสินค้า ระบุว่า ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ทุกห้างค้าปลีกตื่นตัวกับการจัดกิจกรรมช่วงสงกรานต์ และแต่ละค่ายเตรียมใช้งบประมาณอย่างต่ำ 50-100 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นประชาชนให้ออกมาฉลองสงกรานต์ หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมาเจอการระบาดของโควิด-19 ทำให้การจัดงานต้องงด อีกทั้งเดือนเมษายนนี้ คาดว่าอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้ชูเป็นจุดขายดึงคนออกนอกบ้าน และเล่นน้ำตามสถานที่ต่างๆ ก็จะทำให้เกิดการเข้าซื้อสินค้าและสังสรรค์ทานอาหารกันมากขึ้น โดยประเมินว่าจะเกิดขึ้นสะพัดกว่า 1 หมื่นล้านบาทในช่วงสงกรานต์ปีนี้ ที่เน้นเรื่องอาหารดับร้อน เสื้อผ้า เป็นต้น

ด้านนายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล แถลงว่า เซ็นทรัลพัฒนา ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน กระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 2/2566 และเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กำลังกลับมาเที่ยวเมืองไทย จึงใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท จัด 2 อีเวนต์ใหญ่ คือ แคมเปญซัมเมอร์ ด้วยงบ 300 ล้านบาท และ THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 ด้วยงบ 100 ล้านบาท

นครพนมเดือด!! 'ครูแก้ว' ประกาศล้มแลนด์สไลด์ มั่นใจ!! พา 'ภูมิใจไทย' ชนะยกจังหวัดทั้ง 4 เขต

(3 เม.ย.66) วันแรกในการเปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ โดยตั้งแต่เช้าที่ศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนคพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีบรรดาผู้สมัคร ส.ส. พรรคการเมืองต่างๆ เดินทางมารอคิวอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งมีกองเชียร์ของแต่ละพรรคแห่มาให้กำลังใจอย่างคับคั่ง แต่เข้มงวดตามระเบียบกฎหมายเลือกตั้ง ห้ามจัดการรื่นเริงทั้งแตรวงหรือกลองยาว ต่างจากการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา คงมีเพียงการเดินทางมาให้กำลังใจ คล้องมาลัยและมัดผ้าขาวม้าแบบที่เคยปฏิบัติมา เพื่อเป็นสิริมงคลตามวัฒนธรรมทางการเมือง

โดยการเปิดรับสมัคร ส.ส.นครพนมทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองใหญ่ที่สำคัญน่าจับตามอง เพียงแค่ไม่กี่พรรค ที่มีฐานคะแนนนิยม รวมถึงตัวผู้สมัครคนสำคัญ อาทิ เจ้าถิ่นที่ผูกขาดเก้าอี้ ส.ส.มาตั้งแต่สมัยเป็นพรรคความหวังใหม่ ถึงพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเป็นพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ตามด้วยพรรคภูมิใจไทย พรรคนี้ถือเป็นผู้ท้าชิงที่น่ากลัวมาก และพรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคเสรีรวมไทย เป็นต้น

ส่วนพรรคการเมืองที่น่าจับตามอง และเชื่อว่าจะต้องมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น คือ พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย โดยในวันนี้ ทางพรรคเพื่อไทย มีแม่ทัพคนสำคัญ คือ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต ผวจ.นครพนม คนที่ 29 (2537-2540) อดีตเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร และ รมช.ศึกษาธิการ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีมผู้สมัครพรรคเพื่อไทยทั้ง 4 เขตเดินทางมาสมัคร นอกจากนี้ ยังมีนายสมนาม เหล่าเกียรติ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และ นายแพทย์ ประสงค์ บูรณ์พงศ์ รวมถึงมีแกนนำครอบครัวเพื่อไทยทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง มาร่วมให้กำลังใจด้วย

ในเบื้องต้นก่อนจะมีการจับสลากเลือกลำดับว่า ใครจะเป็นผู้หยิบเบอร์ประจำตัวในการหาเสียงครั้งนี้นั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้ขอหารือร่วมกับ ดร.มนพร เจริญศรี แกนนำพรรคเพื่อไทย และ ดร.สมชอบ นิติพจน์ แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อทำข้อตกลงกันว่า ให้มีการจับเลือกเบอร์เพียงพรรคละคน สมมติแกนนำพรรคคนใดคนหนึ่งล้วงได้เบอร์ 1 ส่วนที่เหลืออีก 3 เขต ก็ได้เบอร์ 1 เหมือนกันหมด หลังตกลงเป็นที่เข้าใจแล้ว ก็ไปสอบถามนายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครพนม ซึ่งได้รับคำตอบว่าทาง กกต.ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงต้องกลับมาจับสลากเลือกเบอร์ของตัวเองในแต่ละเขตตามเดิม

ผลการจับสลากเลือกเบอร์ประจำตัวผู้สมัคร เฉพาะ 2 พรรคการเมืองใหญ่ เริ่มจากพรรคเพื่อไทยเขตเลือกตั้งที่ 1 ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ ได้เบอร์ 6 เขตเลือกตั้งที่ 2 ดร.มนพร เจริญศรี เบอร์ 2 เขตเลือกตั้งที่ 3 ดร.ไพจิต ศรีวรขาน เบอร์ 2 และเขตเลือกตั้งที่ 4 นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ ได้เบอร์ 1 ภายหลังการสมัครทางทีมงานพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิริมงคลทั้งศาลหลักเมืองนครพนม องค์พญาศรีสัตตนาคราช และ องค์พระธาตุพนม พร้อมพบปะปราศรัยกับประชาชน แกนนำครอบครัวเพื่อไทย

'พรรคพลังประชารัฐ' พัฒนาปทุมธานีมาสมัคร ส.ส.แบ่งเขตปทุมธานีวันแรกพร้อมกองเชียร์ คึกคัก

เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี (วกศ.ปทุมธานี) ถนนรังสิต-ปทุม อ.เมือง จ.ปทุมธานี ดร.ปรีชา ชื่นชนพิบูล ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตวันแรก พร้อมว่าที่ผู้สมัคร เขต 1-7 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ และพรรคต่าง ๆ เดินทางมายืนใบสมัครกันอย่างคึกคักในวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้ง 7 เขตเลือกตั้ง จังหวัดปทุมธานี ตามที่ กกต. ประกาศรับสมัครตั้งแต่วันที่ 3-7 เม.ย. 

โดยมีกลุ่มกองเชียร์ของแต่ละพรรคเดินทางมาให้กำลังใจกับผู้สมัคร เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรครวมแผ่นดิน เป็นต้น บรรยากาศเริ่มคึกคักตั้งแต่เช้ามีผู้สมัครและผู้สนับสนุนต่างทยอยเดินทางมาก่อนเวลา ยังสถานที่รับสมัครโดยทั้งหมดต่างสวมเสื้อแสดงสัญลักษณ์ของพรรคหรือผู้สมัครที่ตนเองสนับสนุน มีการเตรียม ดอกกุหลาบ พวงมาลัยดอกดาวเรือง ป้ายข้อความให้กำลังใจโดยมุ่งหวังให้ผู้สมัครที่ตนสนับสนุนได้รับหมายเลขประจำตัวที่เป็นเลขมงคลและง่ายต่อการหาเสียง ทุกคนก็อยู่ในกฎระเบียบของกฎหมายเลือกตั้งในภาพรวมสงบเรียบร้อย โดยผู้สมัครแต่ละคนต่างก็มีความมั่นใจที่จะลง ต่อสู้แข่งขันการเมืองในครั้งนี้ อย่างสร้างสรรค์เมื่อสมัครเสร็จสิ้นก็จะขึ้นรถและเริ่มออกหาเสียงสำหรับผู้สมัครบางส่วนทั้ง 7 เขตอย่างไม่เป็นทางการ นายป้องปราการ โสธรเทวาพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า วันนี้กกต.ได้รับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตของจังหวัดปทุมธานี มีด้วยกัน 7 เขตเลือกตั้ง 

ผวาบัตรโหล ‘สองใบ’ แต่คนละเบอร์ ‘พรรคกระแส’ อาจต้องเติม ‘กระสุน’

หลังจบความคึกคักกับการลงสมัคร ส.ส.เขตในช่วงเช้าจากทุกพรรค ก็อยากขอสรุปสถานการณ์หลักๆ ในรอบวัน รวมถึงสิ่งที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ให้ดูเป็นข้อๆ... 

1. เป็นไปด้วยความคึกคักสำหรับการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในวันแรก 3 เม.ย. ซึ่งเป็น ส.ส.เขตทั่วประเทศ ส่วนวันที่ 4 เม.ย.จะเป็นวันแรกที่รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ และจะคึกคักและลุ้นกันระทึกยิ่งกว่า เพราะเบอร์พรรคจะเหมือนกันทั้งประเทศ ส่วนเบอร์เขตนั้นเขตใครเขตมัน จับสลากได้เบอร์ไหนก็เบอร์นั้น

2) ระบบเลือกตั้งบัตรสองใบตามกฎหมาย กกต.ได้ออกแบบแล้ว บัตรเลือกตั้งส.ส.เขตสีเขียว มีช่องกาเครื่องหมาย มีเบอร์ผู้สมัคร แต่ไม่มีชื่อและสัญลักษณ์ (โลโก้) พรรค ที่เรียกกันตอนนี้ว่าเป็น ‘บัตรโหล’ ส่วนบัตรเลือกปาร์ตี้ลิสต์นั้นสีฟ้า มีช่องกาเครื่องหมาย, โลโก้พรรคและเบอร์พรรค

3) อธิบายเพิ่มเติมว่า เลือกตั้ง 2566 กำหนดให้เลือกตั้งแบบบัตรสองใบแบบแยกบัตรแยกเบอร์ ต่างจากปี 2554และ 2550 ที่กฎหมายกำหนดให้ทั้งคน (ผู้สมัคร ส.ส.เขต) และพรรคใช้เบอร์เดียวกัน...แบบว่าพรรคจับได้เบอร์ไหน ผู้สมัครก็ใช้เบอร์นั้นเหมือนกันทั้งประเทศ...ซึ่งแบบนี้พรรคใหญ่หรือพรรคที่กระแสดีชอบเป็นยิ่งนัก...  เพราะทำแคมเปญง่าย...

สมัครเลือกตั้ง ส.ส.ลำปางวันแรกสุดคึก มีผู้สมัครจากพรรคการเมือง 12 พรรค จำนวน 47 ราย

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 3 เม.ย.2566 ที่หอประชุมจันทร์ผา มรภ.ลำปาง อ.เมืองลำปาง ซึ่ง กกต.ลำปาง กำหนดเป็นที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง ทั้ง 4 เขต บรรยากาศการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ส.ส.ลำปาง ช่วงเช้าเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ จากพรรคการเมืองต่าง ๆ เดินทางมาสมัคร พร้อมด้วยกองเชียร์ที่เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมพวงมาลัยดอกดาวเรืองคล้องคอเป็นจำนวนมาก

โดยมีนายทองเนตร ดูใจ ผอ.กกต.ลำปาง ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก พร้อมด้วยนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าฯลำปาง นายธนารัฐ สายเทพ นอภ.เมืองลำปาง และผอ.ประจำเขตเลือกตั้ง ร่วมสังเกตุการณ์ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ทั้งด้านหน้าและภายในห้องประชุมที่ใช้เป็นสถานที่รับสมัคร มีผู้มาสมัครทั้ง 4 เขต 12 พรรคการเมือง จำนวน 47 ราย ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคเสรีรวมไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อชาติไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคไทยศรีวิไลย์

KKBS.เสริมสร้างประสบการณ์การทำงานตรงให้กับนักศึกษา จับมือเดอะ ดิโพลแมท เน็ตเวิร์ค-สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและไมซ์ จ.ขอนแก่น  ลงนาม พัฒนาความเป็นเลิศทางวิชาการ

(3 เม.ย.66) ที่ ห้องวังเลิศ อาคาร BS.01 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น(มข.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ บริษัท เดอะ ดิโพลแมท เน็ตเวิร์ค จำกัด และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น โดยภายในพิธีได้รับเกียรติจากผู้บริหารจากคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น, รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณดีคณะบริหรธุรกิจและการบัญชี ,ผศ.ดร.ดลฤทัย โกวรรธนะกุล รองคณบดีฝ่ายวิชาการ ,ผศ.ดร.ศักดิ์สุริยา ไตรยราช ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายการเรียนรู้ตลอดชีวิตและเครือข่าย ,นายพันธจักร ว่องปรีชา CEO & Founder บริษัท เดอะ ดิโพลแมท เน็ตเวิร์ค จำกัด , นางศศมณฑ์ มหาศิริกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น,นายภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น, นายพันชนะ  วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และนายจักรพันธ์  รัตนเพชร ประธานกรรมการบริษัท WRS Group ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ 

การลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชากรในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บริษัท เดอะ ดิโพลแมท เน็ตเวิร์ค จำกัด และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น ได้เห็นชอบร่วมกันในการพัฒนาในมิติด้านวิชาการ ซึ่งได้แก่ การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน การพัฒนาทักษะนักศึกษา การวิจัย การพัฒนาองค์กร การจัดฝึกอบรม การสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาแก่บุคลากร ตลอดจนสนับสนุนให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติงานสหกิจศึกษา ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์การทำงานตรงให้กับนักศึกษา ให้มีทักษะความสามารถ และมีมาตรฐานตรงต่อความต้องการของอุตสาหกรรมการประกอบการของธุรกิจ

รศ.ดร.เพ็ญศรี  เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ความร่วมมือทางวิชาการที่จะเกิดขึ้นในการลงนามบันทึกความเข้าใจ ระหว่าง มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี กับ บริษัท เดอะ ดิโพลแมท เน็ตเวิร์คจำกัด และ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น ดังนี้ คณะบริหารธุรกิจ และการบัญชี หาวิทยาลัยขอนแก่น จัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก โดยกำหนดวิสัยทัศน์ ในการเป็น "สถาบันการศึกษาชั้นนำและเป็นเลิศด้านบริหารธุรกิจและการบัญชี ที่ได้มาตรฐานสากล" ภายใต้พันธกิจที่กำหนดไว้คือ1. สร้างและพัฒนานักบริหารธุรกิจ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และผู้ประกอบการให้มีความรู้ความสามารถในการแข่งขันทั้งในยุดปัจจุบันและอนาคต 2. สร้างสรรค์ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และ 3. บริการวิชาการแก่สังคมอย่างมีคุณภาพ

รศ.ดร.เพ็ญศรี  กล่าวอีกว่าคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจMOU กับทั้งสองหน่วยงาน โดยวัตถุประสงค์ความร่วมมือ คือ ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรตามกระบวนทัศน์ใหม่ พัฒนาการเรียนการสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและตลาดแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะหลักสูตร ด้านธุรกิจบริการการท่องเที่ยวและไมซ์ และเปิดโอกาสให้อาจารย์และนักศึกษาได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเรียนการสอนและการวิจัยร่วมกัน และ 
สนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้ร่วมกัน

ด้าน รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ตามที่ท่านคณบดี คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ได้กล่าวรายงานแล้วนั้น ตนมีความชื่นชมและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความร่วมมือด้านวิซาการกับหน่วยงานทั้งสอง คือ บริษัท เดอะ ดิโพลแมท เน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศและต่างประเทศ โดยมีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดทำ Special Project และทำ International events ก"sจัดการอบรมสัมมนาความรู้ในด้าน Soft Skills, Protocol,Etiquettes อีกทั้ง ยังได้รับการบอมรับในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพิธีการระดับประเทศ รวมถึงเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน/เครือข่ายกับคณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ และ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นสมาคมที่ผลักดันการท่องเที่ยวและการจัดประชุมนิทรรศการของจังหวัดขอนแก่น ให้เป็นที่รู้จัก และก้าวสู่เวทีสากล

รศ.นพ.ชาญชัย กล่าวต่อไปว่าในนามมหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอขอบคุณ นายพันธจักร ว่องปรีชา CEO & Founder บริษัท เดอะ ดิโพลแมท เน็ตเวิร์ค จำกัด คุณศศมณฑ์ มหาศิริกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น, นายภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญนี้ ขอขอบคุณคณะผู้บริหาร ตลอดจนคณาจารย์และแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ได้สละเวลามาร่วมเป็นเกียรติในพิธีครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งสอง ทางด้านวิชาการพัฒนาหลักสูตรตามกระบวนทัศน์ใหม่ และการอบรมทางวิชาการเพื่อสร้างคนรุ่นใหม่และผู้ประกอบการใหม่ ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ตลอดจนการให้นักศึกษาเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ฝึกงาน สหกิจในเครือข่าย ฯ

ส่วน นายพันธจักร  ว่องปรีชา CEO & Founder บริษัท เดอะ ดิโพลแมท เน็ตเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เป็นรูปประธรรมและทำไปแล้วเมื่อปี 2522 ในการประชุมเอเปค ได้ส่งนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ไปฝึกงานที่บริษัทฯของตนเอง นักศึกษาทั้งสองคนได้ลงไปฝึกงานในสนามจริง หลังจากนั้นนักศึกษาสองคนก็ได้มีประสบการณ์ ตนจึงได้มีการต่อยอด ให้เขาได้ทำงานได้อีก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆที่ ตนคิดว่าถ้าเราให้โอกาส แม้ว่าจะไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯก็ตาม แต่จุดเริ่มต้นนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top