Saturday, 18 May 2024
Hard News Team

'อดีตทูตไทยฯ' ย้อนอดีต ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยมาตลอด ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

หลังจากที่เขียนเล่าประสบการณ์ที่ได้เคยปฏิบัติหน้าที่เป็นล่ามถวายงานในหลวง ร.10 ตอนที่เสด็จฯ เยือนลาตินอเมริกาใต้ ไปแล้ว ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับจาก FC จำนวนมาก บอกว่าอยากฟังอีก ผมก็พยายามเรียบเรียงจากความทรงจำเท่าที่พอจะจำได้ ให้เพื่อนๆ ฟังอีกนะครับ

ช่วงที่เสด็จฯ เยือนเปรู มีเหตุการณ์ประทับใจ และเหตุการณ์น่าตื่นเต้น เท่าที่จำได้คือ...

มีหมายกำหนดการนึงพระองค์ต้องเสด็จฯ ไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของเปรู ที่กรุงลิมา ซึ่งตอนนั้นมีจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอารยธรรมอินคาอยู่ ซึ่งพระองค์ทรงสนพระทัยในเรื่องประวัติศาสตร์และอารยธรรมอินคามาก 

จนเสด็จฯ มาถึงหน้าบอร์ดนิทรรศการนึงเป็นรูปภาพแกะสลักที่หน้าผาแห่งหนึ่งเป็นรูปเหมือนพระธิเบตนั่งสมาธิมีหมวกทรงสูงครอบศีรษะ เรียงรายไปตามแนวของหน้าผาหลายรูป 

ตอนนี้พระองค์ท่านทรงหันมาทางผมและมีรับสั่งว่า ดูเหมือนพระทางพุทธศาสนากำลังนั่งสมาธิ ผมก็เลยแปลบอกกับ ภัณฑารักษ์ ที่ทำหน้าที่บรรยายตามที่ทรงมีรับสั่ง ปรากฏว่า ภัณฑารักษ์ พยักหน้าทันทีบอกว่า ใช่ เหมือนพระพุทธรูป (ภาษาสเปนเรียก El Buda) และชมว่าพระองค์ทรงช่างสังเกตมาก นักโบราณคดีก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมรูปแกะสลักเหล่านี้ถึงเหมือนพระพุทธรูป ที่มาปรากฏถึงลาตินอเมริกาใต้ได้ 

กำหนดการต่อมาก็เสด็จฯ ไปเยือน รร.นายร้อยของเปรู พระองค์ทรงฉลองพระองค์ในเครื่องแบบพลเอกทหารบก ตอนนั้นผมได้ยิน จนท.ทหารหญิงที่เฝ้ารอรับเสด็จฯ แอบชมพระองค์ท่านกับผมว่าทรง muy guapo ซึ่งภาษาสเปนแปลว่า ทรงหล่อมากนั่นเอง 

จากนั้นทางรัฐบาลเปรู ก็ได้จัดเครื่องบินพระที่นั่งแบบ Fokker F27 ซึ่งเป็นไอพ่น 2 เครื่องยนตร์ เพื่อให้พระองค์ได้บินขึ้นไปชมความมหัศจรรย์ของ Nazcar Line ซึ่งเป็นลวดลายต่างๆ บนพื้นดินเช่น ลิงม้วนหาง นกอินทรี แมงมุม เป็นต้น แต่ละลวดลายนั้นมันกว้างใหญ่มาก ซึ่งหากยืนบนพื้นดินก็จะมองไม่ออก จะต้องมองมาจากที่สูงเท่านั้น ถึงจะเห็นลวดลายทั้งหมด ซึ่ง Nazcar Line นั้นก็ยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ว่าใครเป็นคนสร้าง จนเกิดเป็นทฤษฎี UFO นั่นเอง

ต่อมาพระองค์ท่านก็ได้เสด็จฯไปเยือนอาณาจักรอินคาที่เมือง Cuzco และ Machu Pichu ซึ่งก็มีเหตุการณ์ประทับใจที่ผมยังจำภาพได้ถึงทุกวันนี้คือ ตอนที่เสด็จฯ ไปยืนที่หน้าป้อมโบราณของอินคา ตรงนั้นเป็นลานสนามหญ้ากว้าง ทางฝ่ายเปรูก็ได้นำนักเรียนอนุบาลตัวเล็กๆ มารอรับเสด็จฯ 

พอเสด็จฯ ถึงที่นั้น ทางเปรูก็ปล่อยให้เด็กๆ ชาวเปรู (ลูกหลานอินคา) ทั้งหญิงและชายวิ่งเข้ามาหาพระองค์ท่าน โดยเด็กๆ วิ่งเข้ามาพร้อมร้องว่า El Principe (แปลว่า เจ้าชาย) เข้าไปรายล้อมพระองค์ท่าน พระองค์ท่านก็ทรงเป็นกันเองแย้มพระสรวลลูบศีรษะเด็กๆ เหล่านั้นด้วยพระเมตตายิ่ง เป็นภาพที่ยังติดตาผมจนถึงทุกวันนี้

จากเปรู ก็ต้องเสด็จฯ ต่อไปที่ เอกวาดอร์ เนื่องจากคณะฝ่ายไทยบางส่วนต้องเดินทางล่วงหน้าไปรอรับเสด็จฯ ที่เอกวาดอร์ก่อน ซึ่งทางการเปรูก็ได้จัดเครื่องบิน Fokker F 27 ลำเดิมที่ใช้บินชม Nazcar Line ให้คณะล่วงหน้าไปรอที่เอกวาดอร์

ตอนนี้มีเรื่องตื่นเต้นคือ เครื่อง Fokker F 27 ลำนั้น เกิดเครื่องไอพ่นดับไป 1 เครื่องก่อนที่จะร่อนลงสนามบินกรุง Quito ทำให้นักบินต้องขอเคลียร์รันเวย์ทำ emergency landing เดชะบุญที่เครื่องร่อนลงอย่างปลอดภัย พอตรวจก็พบว่าไอพ่นเครื่องนึงนั้นมีละอองทรายซึ่งสันนิษฐานว่าอาจฟุ้งเข้าเครื่องตอนที่บินเหนือ Nazcar Line นั่นเอง

การเสด็จฯ เยือนเอกวาดอร์ก็เป็นไปโดยราบรื่น เสด็จฯ ไปเยี่ยมชมจุดที่เรียกว่าเป็น “สะดือโลก” ซึ่งเอกวาดอร์เคลมว่าเป็นจุดศูนย์กลางของโลก 

จากเอกวาดอร์ ต้องเสด็จฯ จากกรุง Quito ไปเยือนหมู่เกาะกาลาปาโกส ซึ่งเป็นหมู่เกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิก มีความน่าสนใจทั้งด้านธรณีวิทยา สัตววิทยา และนิเวศวิทยา มีชื่อภาษาสเปนอย่างเป็นทางการว่า กลุ่มเกาะ Colon (เป็นชื่อของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ในภาษาสเปน) ตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร 

“นายก อรัญญา” นายกเทศมนตรี ลงนาม MOU สานความร่วมมือ “Honda Road Safety for Kids” ปลูกฝังวินัยจราจรแก่เยาวชนในสถานศึกษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภายในห้องประชุมเธียเตอร์ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โดยสานความร่วมมือระหว่าง ทางเทศบาลตำบลแพรกษา กับทาง บริษัทฮอนด้า พรีเมียร์ แพรกษา จำกัด 

ซึ่งในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) นั้น ระหว่าง นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย นายพศิษฐ์ ชินมหาพิพัฒน์ รองกรรมการบริหาร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้  โดยมี นางธนัตถา รามางกูร ผู้จัดการทั่วไป จากบริษัทฮอนด้า พรีเมียร์ แพรกษา จำกัด อาจารย์วศิน จุลกาญน์ ครูผู้ฝึกขับขี่ปลอดภัย ฮอนด้า ออโต้โมบิล (ประเทศไทย) คณะเจ้าหน้าที่บริษัทฮอนด้า ตลอดจน คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในครั้งนี้ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างเทศบาลตำบลแพรกษา กับ บริษัทฮอนด้า พรีเมียร์ แพรกษา จำกัด  

ปรากฏการณ์รวมตัว 5 พระเอกตัวเทพแห่งยุค 80

‘ปกนิตยสาร’ ที่เคยสร้างกระแสฮอตๆ เมื่อครั้งที่ออกวางแผง นิตยสารฉบับนั้นก็คือ นิตยสารแพรว และเมื่อสำรวจดูกันที่ภาพปก หื๋มม! จะไม่ให้ฮอตอย่างไรไหวจ้ะแม่ ลำพังแค่เห็นหน้าเหล่าบรรดานายแบบที่มาขึ้นปก อาจต้องเผลออุทาน ว้าว ว้าว ว้าว เป็นรายการชิงร้อยชิงล้านกันไปเลย 

นี่เป็นนิตยสารแพรว ออกวางแผงเมื่อปี 2533 เรียกว่าสร้างความฮือฮา เพราะจับเอา 5 พระเอกชื่อดังแห่งยุค หรืออาจจะเรียกได้ว่า เป็นตัวเทพของวงการบันเทิงในเวลานั้น อันได้แก่ วิลลิ่ แมคอินทอช วรุฒ วรธรรม ฉัตรชัย เปล่งพานิช ลิขิต เอกมงคล และจอนนี่ แอนโฟเน่

ในเวลานั้นแต่ละคนฮอตจริงอะไรจริง ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของวงการ แยกกระจายกันไปตามค่าย ตามช่องต่างๆ และมีผลงานละครออกมาแข่งกันเป็นว่าเล่น ซึ่งแน่นอนว่า คิวของพวกเขาเหล่านี้ แน่นเอี๊ยดจนนึกไม่ออกว่าจะหาจังหวะเวลาไหนมาเจอกันบนปกแบบนี้ได้

เอ่อม แต่นิตยสารแพรว ทำได้! ชนะเลิศ! ลองคิดดูว่าถ้าเป็นยุคนี้ พระเอกคนไหนเกิดมาไม่ทันเพื่อน ทีมงานคงอาจใช้วิธีรีทัชภาพไปใส่รวมกับคนอื่นๆ แต่สำหรับยุคก่อน ทุกอย่างต้องสมจริง ถ้ามี 5 คนในเฟรมภาพ ก็ต้อง 5 คนจริงๆ จึงต้องปรบมือในความพยายามของทีมงานแพรว เพราะต้องใช้วิทยายุทธกันสุดเหวี่ยง กว่าจะได้เหล่าพระเอกคิวทองเหล่านี้มาได้

ตัวเลขสากลพิสูจน์ชัด ถอดรหัสเศรษฐกิจสยามยุค 'พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์' รัฐบุรุษผู้นำไทยไทยสู่ความโชติช่วงชัชวาล

เฟซบุ๊ก 'LVanicha Liz' โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ 'ป๋าเปรม' ระบุว่า...

ตัวเลขสากลพิสูจน์ชัด #ฝีมือรัฐบุรุษผู้นำไทยไปสู่ความโชติช่วงชัชวาล

วันที่ 26 พ.ค. 2562 เป็นวันถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ thansettakij.com นำเสนอบทความเรื่อง พล.อ.เปรม นายทหาร ผู้พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย “โชติช่วงชัชวาล” มีบทนำว่า: พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นอกจากจะได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในทางทหารโดยเป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่มีผลงานโดดเด่นในการสู้รบ และปกป้องประเทศชาติจากภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศแล้ว ในช่วง 8 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยังเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ให้รอดพ้นจากภาวะล้มละลายจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และนำพาเศรษฐกิจของไทยไปสู่ยุค “โชติช่วงชัชวาล”

https://www.thansettakij.com/politics/401938

BOT Magazine ลงเนื้อหากล่าวถึงเศรษฐกิจโชติช่วงชัชวาล ว่าเป็นเพราะ พล.อ.เปรม เปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับภาคเอกชนเป็นอย่างมาก มีเนื้อหาดังนี้: สมัยนั้น เศรษฐกิจโชติช่วงชัชวาล เพราะป๋าเปิดโอกาสให้คณะนักธุรกิจร่วมเดินทางไปเจรจาการค้าด้วย รอบละกว่า 50 คน (อ้างอิงภาพประกอบ)

https://www.bot.or.th/Thai/BOTMagazine/Pages/256203SpecialScoop.aspx

ในเรื่องนี้ผู้เขียนยืนยันด้วยอีกเสียงหนึ่ง เพราะในช่วงนั้นที่ประชุมบริษัทหารือกันว่ากิจการเอกชนได้รับโอกาสเข้าร่วมไปเจรจาการค้า จะไปกันหรือไม่  

ความ “โชติช่วงชัชวาล” นั้น จึงสรุปได้ว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการกระจายโอกาสความร่ำรวยไปทั่วๆ จากหัวใจอันทรงคุณธรรมของ พล.อ.เปรม

ส่วนนายกฯ ประเภทกอบโกยผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง จะสงวนโอกาสไว้ให้เฉพาะกลุ่มของตน มันจึงเป็นที่มาของความ “รวยกระจุก จนกระจาย” ที่พวกเขาพร่ำกล่าวโทษใส่ร้ายนายกฯฝ่ายตรงข้าม

ย้อนกลับมาที่ #ฝีมือรัฐบุรุษผู้นำไทยไปสู่ความโชติช่วงชัชวาล

ผู้เขียนพบว่าตัวเลขสากลพิสูจน์ชัดอย่างยิ่งจากการตรวจดัชนีเศรษฐกิจย้อนหลัง กล่าวคือ GDP ที่ครอบคลุมช่วงเวลาการบริหารของ พล.อ.เปรม ระหว่างปี 1980-1988 (อ้างอิงภาพประกอบ)

'BTS' เตรียมพบ 'ไบเดน' ในฐานะทูตเยาวชน หารือประเด็นไม่ทิ้ง 'คนเอเชีย' ไว้ข้างหลัง

วงไอดอลเกาหลีใต้ชื่อดังก้องโลกอย่าง BTS จะเข้าร่วมการหารือกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว เพื่อหารือประเด็นตอบรับกับความเกลียดชัง ต่อชาวเอเชียในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้ (26 พ.ค.) ว่า วง BTS จะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บนประเด็น “การไม่ทิ้งคนเอเชียเอาไว้ข้างหลัง และการสร้างภาพแทน (คนเอเชีย)” ในสหรัฐฯ และหยิบประเด็นอาชญากรรมความเกลียดชัง และการเลือกปฏิบัติต่อชาวเอเชีย ขึ้นมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก

การเข้าหารือของวงไอดอลเกาหลีใต้ที่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ เป็นอย่างมากนั้น จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้าช่วงวันอังคาร โดยการหารือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ไบเดนเดินทางเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ก่อน ในฐานะที่เกาหลีใต้เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของตนในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

ไบเดนออกมาประกาศอย่างจริงจังว่า ตนจะมอบคำสัญญาในการจัดการตอบรับ กับปัญหาอาชญากรรมความเกลียดชัง ที่เกิดขึ้นต่อชาวเอเชียในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้น
 

'สร้างอนาคตไทย' ประกาศต่อหน้าคนอีสาน 'ดร.สมคิด' เท่านั้น เป็นนายกฯ

'สร้างอนาคตไทย' ทัวร์อีสาน ประกาศชัด ไม่เป็นนั่งร้านของใครเด็ดขาด ชาวบ้านเรียกร้อง 'สมคิด จาตุศรีพิทักษ์' นั่งนายกฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ 'สนธิรัตน์-อุตตม' ประสานเสียงลั่นเมืองอุบล ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลางเวทีเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัครภาคอีสาน เผยเหตุที่เดินออกจากรัฐบาล เพราะไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง 

วันที่ 26-27 พ.ค.2565 พรรคสร้างอนาคตไทยลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสุพล ฟองงาม ประธานภาคอีสาน พบปะประชาชนในพื้นที่ อ.ม่วงสามสิบ และ อ.เดชอุดม พร้อมทั้งเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงเป็นผู้สมัครของพรรค ที่ อ.ม่วงสามสิบ คือ นายจำลอง พรหมสวัสดิ์ และที่อ.เดชอุดม คือ น.ส.ตวงทิพย์ จินตะเวช ซึ่งมีประชาชนให้การต้อนรับและเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า นโยบายหลักของพรรคฯ คือการมุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องคนไทย ซึ่งถือเป็นวิกฤตของคนทั้งประเทศ ทั้งด้านค่าใช้จ่าย รายได้และหนี้สิน โดยเฉพาะคนในภาคเกษตรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดออกจากวงจรความยากจน และยังถูกซ้ำเติมหนักยิ่งขึ้น จากสถานการณ์โควิดและราคาพลังงานในปัจจุบัน 

นอกจากนี้พรรคฯ ได้ให้คำมั่นกับคนอีสานว่า จะสนับสนุนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อันดับ 1 เพราะมีความสามารถทางเศรษฐกิจที่ทุกคนยอมรับว่าเหมาะที่จะเป็นผู้นำประเทศมากที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน พรรคพร้อมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขอประชาชนเลือก ส.ส. ของพรรค เพื่อให้โอกาสพรรคเข้าไปแก้ปัญหาประเทศ

“พวกเราเดินออกมาจากรัฐบาลชุดนี้เมื่อ 3 ปีก่อน หลังร่วมงานด้วยได้ไม่นาน เพราะพบว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง วันนี้เราเห็นแล้วประเทศเดินไม่ได้ จึงตั้งพรรคขึ้นมาเอง และจะไม่หันหลังกลับไปอีก  ผมขอยืนยันกับพี่น้องว่า พรรคเราไม่ได้เป็นนอมินีใคร ไม่ได้เป็นนั่งร้านให้ใคร ถ้าจะเป็นก็เป็นให้กับพี่น้องประชาชนเท่านั้น” นายอุตตม กล่าวบนเวที

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หลายปีมาแล้วที่ประเทศไทยไม่มีความสุข เหตุจากการเมืองที่แบ่งขั้วแบ่งฝักฝ่าย ต่างฝ่ายต่างยึดประโยชน์พวกพัองตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง คนอีสานเสียโอกาสการพัฒนา และไม่มีใครดูแลความเดือดร้อน มองไม่เห็นอนาคต

พรรคสร้างอนาคตไทยพร้อมที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมองแล้วสถานการณ์ของแต่ละขั้วการเมืองวันนี้ โอกาสที่พวกเขาจะทำงานเพื่อแก้ปัญหากับพี่น้องประชาชนจริงๆ แทบไม่มี 

“สร้างอนาคตไทย มุ่งทำเพื่อประชาชนเท่านั้น เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีความสุขขึ้น เช่นเดียวกับคนอีสานและคนไทยทั้งประเทศที่ต้องร่วมกันเปลี่ยนสิ่งเดิมๆ การเมืองเดิมๆ เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานเปิดโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ประจําปี 2565

(27 พ.ค.65) คุณปัญญดาว ธูปะเตมีย์ นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ประจําปี 2565 ณ กองกําลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 สนามบินบ่อทอง อําเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยมี พลอากาศโท วรกฤต มุขศรี ประธานชุมนุมนายเรืออากาศ รุ่นที่ 31, พลอากาศโท ชัยนาท ผลกิจ เจ้ากรมกิจการพลเรือน, นาวาอากาศเอก ภราดร คุ้มทรัพย์ ประธานมูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ, พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้, นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นายเศรษฐ์  อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี, นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ, นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหารายได้และผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย, พลอากาศตรี นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา, รศ.สุภัทรา โกไศยกานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และนาวาอากาศเอก จักรกฤษณ์  กลิ่นสาหร่าย ผู้บังคับการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 นายเสริมศักดิ์วงศ์ชัยประธานชมรมพัฒนาสัมสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพอากาศ (พสบ.ทอ) และ (พสบ.ทอ.11-16) นาย เชาวริน ชาญสายชล นายปกรณ์สิน ทิพยจันทร์นางสาวพรรณวิภา ศุภธนพัฒน์ รองประธาน พสบ.ทบ28 นายธวัชชัย กิตติรัตนวิวัฒน์นายกสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคมเข้าร่วมพิธี

สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ ได้ดำเนินโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ ชุมนุมนายเรืออากาศรุ่นที่ 31 และภาคีเครือข่าย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 60 ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 6 ของโครงการ โดยมีเจตนารมย์ในการสร้างภูมิคุ้มกันของแผ่นดิน ถือเป็นภารกิจที่สำคัญของภาคีเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ...

1. การสร้างคน คือ แกนนำคนพิการ แกนนำนิสิตนักศึกษาเพื่อช่วยเหลือคนพิการ กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ 
2. การสร้างสวัสดิการสังคม สำหรับคนพิการ ทำให้คนพิการมีความมั่นคงด้านความเป็นอยู่ เข้าถึงระบบสวัสดิการของรัฐได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียมและเป็นธรรม 
3. การสร้างชุมชน ทำให้ทุกคนในชุมชนตระหนักและเข้าใจในเรื่องความพิการและคนพิการ

โดยมุ่งเน้นการพัฒนาให้เกิดรูปแบบเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาศักยภาพคนพิการจากกลุ่มแกนนำ นิสิตนักศึกษาในสถานศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นกลไกร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่สามารถปฏิบัติได้จริง รวมถึงการขยายฐานให้ครอบคลุมและมากยิ่งขึ้น การพัฒนารูปแบบระบบสวัสดิการสังคมในชุมชนที่เป็น “ต้นแบบ” ในพื้นที่นำร่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ที่สามารถเชื่อมโยงส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรของคนพิการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ได้รับการพัฒนาให้เป็นองค์กรที่มีศักยภาพ

สำหรับผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมานั้น สามารถพัฒนารูปแบบการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรมและเหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่ จนปัจจุบันเกิดการสานพลังจากภาคีเครือข่ายด้านต่างๆ เข้ามาร่วมพัฒนาโครงการเพื่อสร้างแรงผลักดันทำให้เกิดนโยบายในเชิงปฏิบัติจริงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่ความยั่งยืนได้ 

กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือสำหรับผู้พิการ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมมูลค่า 1,000,000 บาท อาทิ รถโชเล่ย์ จำนวน 10 คัน, รถวีลแชร์ จำนวน 100 คัน, ถุงอุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวน 300 ถุง, เตียงผู้ป่วย, Alternating Bubble Mattress, ข้าวสาร จำนวน 300 ถุง, Walker โครงอลูมิเนียม, ตู้ยาแสตนเลส, เครื่องมือช่าง มูลนิธิ อนันตา โดยประธาน คุณจันทรา ธนาวุฒิวศิ บริษัท อัลติเมท โลจิสติคส์ จำกัด โดย วิชัย ธนาวุฒิวซิน บริจาค เตียงผู้ป่วย รถเข็น และ ที่นอนลม และอื่นๆ รวมถึงการเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับผู้พิการที่เข้าร่วมกิจกรรม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วอน!! ผู้ใช้รถใช้ถนนโปรดขับขี่อย่างระมัดระวังหน้าสถานศึกษา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนโปรดเอื้อเฟื้อแก่นักเรียน นักศึกษา ที่ใช้ทางข้ามหน้าโรงเรียนและสถานศึกษา และใช้ความระมัดระวังในทางข้ามเสมอ 

(27 พ.ค. 65) พล.ต.ต.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า  พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.22 ผู้ขับขี่ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้าม ส่วนบทลงโทษที่ไม่หยุดให้คนข้าม บริเวณทางข้าม หรือบริเวณที่มีสัญญาณไฟจราจรแสดงสัญลักษณ์ให้คนข้ามถนนได้ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ถ้าการไม่หยุดรถให้คนข้ามทำให้เกิดเหตุการณ์ เฉี่ยวชน จนทำให้ผู้เดินเท้าเกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่จะมีความผิด  และได้รับโทษตามกฎหมายอื่นอีก นอกเหนือจากความผิด พ.ร.บ.จราจร ดังกล่าว

รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา เป็นเวลาเปิดเรียนของนักเรียนทุกช่วงชั้น  รวมถึงวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ จะทยอยเปิดการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ ส่งผลให้การจราจรหนาแน่น  โดยเฉพาะบริเวณหน้าโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ที่แม้จะมีทางข้ามที่ชัดเจนและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร  รวมถึงอาสาจราจร ที่มีทั้งครู อาจารย์ และนักเรียนที่ช่วยกันอำนวยความสะดวกการจราจรและดูแลความปลอดภัย  เช่น มีการถือธงโบกแสดงสัญลักษณ์ว่ามีคนกำลังใช้ทางข้าม  เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในบริเวณทางข้าม ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนเมื่อไม่นานมานี้

รู้จัก มูลนิธิพลเอก เปรม ฯ กรมดุริยางค์ทหารบก แหล่งปั้น ‘นักดนตรีทหาร’ มรดกจาก ‘รัฐบุรุษศิลปิน’

จะเป็นการดีแค่ไหน? หากได้เรียนดนตรี แล้วยังมีโอกาสได้ประดับยศบนบ่า!! 

แน่นอนว่า เรื่องเหล่านี้จะมิมีวันเป็นไปได้ หากปราศจากการสนับสนุนของ ‘มูลนิธิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กรมดุริยางค์ทหารบก เพื่อพัฒนาการดนตรี’ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่คู่กรมดุริยางค์มายาวนาน และคอยสรรสร้างนักเรียน รวมถึงนักดนตรีทหาร มานับไม่ถ้วน 

มูลนิธิแห่งนี้เกิดขึ้นภายใต้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ หรือ ‘ป๋าเปรม’ ที่คนไทยเรียกกันติดปาก ซึ่งเดิมท่านถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ให้ความรักต่อเสียงดนตรีมาอย่างยาวนาน และนั่นก็เป็นแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้เกิดการก่อตั้ง ‘มูลนิธิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กรมดุริยางค์ทหารบก เพื่อพัฒนาการดนตรี’ ขึ้นมา

สำหรับมูลนิธิฯ ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและปรับปรุงกิจการดนตรีของกองทัพบก ให้มีความทันสมัย ทั้งทางด้านบุคลากรนักดนตรี และอุปกรณ์เครื่องดนตรี รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ ด้านเสียงเพลง อีกทั้งยังมีการผลักดันให้เกิดมาตรฐานของห้องแสดงดนตรีที่มีระบบเสียงสมบูรณ์แบบ เพื่อใช้ในการแสดงดนตรี หรือฝึกซ้อมการแสดงต่างๆ ตลอดจนห้องบันทึกเสียงที่มีคุณภาพระดับสากล สามารถผลิตผลงานทางดนตรีที่มีคุณภาพได้ 

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความรักในเสียงดนตรีของ ‘ป่าเปรม’ ทำให้ท่านมีส่วนในการประพันธ์บทเพลงไว้มากถึง 200 บทเพลง ซึ่งทางมูลนิธิก็เปิดกว้างสำหรับผู้ที่ต้องการใช้บทเพลง สามารถทำหนังสือขออนุญาตได้อีกด้วย

นอกจากบทบาทของการผลักดันโลกแห่งดนตรีผ่านกองทัพแล้ว ทางมูลนิธิฯ ยังมีความประสงค์เป็นตัวแทนภาคสังคมในการสนับสนุนเพื่อให้ทุนการศึกษากับนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ จนถึงการจัดทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อยอดให้เยาวชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง

'สุริยะ' ดัน DIPROM Community ชุบชีวิต ศก.ฐานราก ชี้!! ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 7 พันล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอบนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการ Kick Off พัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม สั่งการอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมุ่งเป้าการพัฒนาชุมชนเปลี่ยนผ่านจากยุคที่ 3 หมู่บ้าน CIV ก้าวไปสู่ยุคที่ 4 “ชุมชนดีพร้อม หรือ DIPROM Community อย่างเต็มรูปแบบทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย คาดกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 7,000 ล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 เป็นวิกฤติการณ์ระดับโลกที่ก่อให้เกิดผลกระทบในทุกมิติ โดยเฉพาะมิติด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะในระดับชุมชน ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

นายสุริยะ จึงได้สั่งการให้ดีพร้อม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ดำเนินโครงการเพื่อเร่งฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นอุตสาหกรรมที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก ภาคเกษตรอุตสาหกรรม, ภาคการผลิตสินค้า และภาคบริการของชุมชน ให้สามารถฟื้นตัวกลับมาสู่ปกติโดยเร็ว ผ่านนโยบายในการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนที่เน้นการปรับรูปแบบการดำเนินงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของการใช้ชีวิตวิถีใหม่ เพื่อมุ่งเป้าการพัฒนาชุมชนก้าวไปสู่ยุคที่ 4 

โดยพัฒนาจาก “หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ หมู่บ้านซีไอวี (CIV)” ในยุคที่ 3 สู่กลไกใหม่ในยุคที่ 4 “ชุมชนดีพร้อม หรือ DIPROM Community” ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งและสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีการพัฒนาที่ครบถ้วนใน 7 มิติที่ดีพร้อม ทั้ง แผนชุมชน, คนชุมชน, แบรนด์ชุมชน, ผลิตภัณฑ์ชุมชน, เครื่องจักรชุมชน, ตลาดชุมชน และเงินหมุนเวียนในชุมชน 

ถือเป็นการ “เปลี่ยนวิถีใหม่ ปรุง 7 วิธี ปั้นชุมชนดีพร้อม” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้ดีพร้อมอย่างเต็มรูปแบบทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย คาดกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 7,000 ล้านบาท 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top