Monday, 12 May 2025
Hard News Team

'พปชร.' เด้งรับ นโยบาย 5 ด้านจาก ‘P-Move’ ยัน!! พร้อมสานต่อให้เป็นนโยบายพรรค 

(5 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P- MOVE) เดินทางมายื่นหนังสือเสนอนโยบายต่อพรรคการเมือง 5 ด้าน ได้แก่ 1.ที่ดินและที่อยู่อาศัย 2.เสรีภาพ กระบวนการยุติธรรม 3.สิทธิ สถานะ และชาติพันธุ์ 4.รัฐสวัสดิการ และการกระจายอำนาจ และ 5.โครงการพัฒนาของรัฐ และสาธารณูปโภค เพื่อให้ พปชร. นำไปพิจารณากำหนดเป็นนโยบายพรรค

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการยื่นหนังสือ บริเวณด้านหน้าพรรค พปชร. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธินมาคอยดูแลความปลอดภัย เนื่องจากจำนวนผู้ยื่นหนังสือมากถึง 50 คน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีความกังวลว่าจะเกิดความชุลมุน ทําให้ต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ขณะที่ประชาชนกลุ่ม P - Move ได้โบกธงสัญลักษณ์ของกลุ่มเครือข่าย พร้อมชูป้ายข้อความ อาทิ ลบล้างและปฏิรูประบบบริหารจัดการนโยบาย กฎหมาย เกี่ยวกับฐานทรัพยากร, คนไทย ไม่ไร้ สิทธิ สถานะ, ที่ดิน เสรีภาพ ประชาธิปไตย ความเป็นธรรม เป็นต้น และยังมีป้ายข้อความที่ระบุข้อเรียกร้อง และนโยบายที่ต้องการเสนอต่อพรรคการเมือง

ต่อมา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. ได้เดินทางมารับหนังสือจากกลุ่ม P - MOVE ตามเวลานัดหมาย โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า ได้อ่านข้อเสนอนโยบายทั้ง 5 ด้านครบถ้วนแล้ว ทาง พปชร.มีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอของกลุ่ม P- MOVE และจะนำข้อเสนอนโยบายทั้ง 5 ด้านที่เสนอมา เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของ พปชร.ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบขณะนี้ เป็นปัญหาในเรื่องที่ดิน ทำกิน และปัญหาสิทธิ สถานะของชาติพันธุ์

เคลียร์ชัด!! 'หนี้สาธารณะ' มุมมองที่หลายคนอาจเขิน หากนำไปแถแบบไม่เข้าใจ

หลายคนอาจจะยังคงสงสัยกับคำว่า ‘หนี้สาธารณะ’ และอาจเคยได้ยินว่า ‘คนไทย’ มีหนี้ต่อหัวสูงมาก แต่เคยรู้หรือไม่ว่า ในความเป็นจริงแล้วการกู้หนี้สาธารณะ นับเป็นการลงทุนในระยะยาวอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ผลตอบแทนสูง 

สำหรับเรื่องนี้ นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘เศรษฐกิจติดบ้าน’ ทางช่อง Thai PBS เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ดดยบางช่วงบางตอนได้ระบุว่า…

“หนี้สาธารณะ คือ หนี้ของประเทศจริงๆ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ ตามคำนิยาย พ.ร.บ.หนี้ของไทยค่อนข้างกว้าง รวมตั้งแต่ หนี้ของกระทรวงคลัง ซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวที่จะกู้เงินให้ประเทศได้ หนี้รัฐบาลกลาง หนี้รัฐวิสาหกิจ ถึงแม้บางแห่งจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่การก่อหนี้ก็จะนับเป็นหนี้สาธารณะด้วยเช่นกัน รวมถึงหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ด้วย” 

“คำนิยามหนี้สาธารณะของไทยกว้างมาก กว้างกว่าประเทศอื่นๆ เยอะ ไม่ใช่ว่าประเทศไม่มีเงินจึงต้องก่อหนี้ แต่เพราะจริงๆ แล้ว การก่อหนี้สาธารณะส่วนใหญ่ คือการก่อหนี้เพื่อการลงทุน และเพื่อโครงการที่เป็นสังคม สาธารณะประโยชน์”

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง กำชับหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศแก้ไขปัญหาเด็กแว้น วางมาตรการเข้มช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

วันนี้ (5 เม.ย.66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในปัญหาการแข่งรถในทางของเด็กและเยาวชน (เด็กแว้น) อันเป็นปัญหาที่สร้างอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในชุมชนและสังคม จึงมุ่งหวังให้ ตร. แก้ไขปัญหาดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปข.ตร.) โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. เป็น ผอ.ศปข.ตร. และมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น รอง ผอ.ศปข.ตร. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง โดยใช้นโยบายบังคับใช้กฎหมาย ใน 4 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการก่อนเกิดเหตุ มาตรการขณะเกิดเหตุ มาตรการสอบสวนขยายผล และมาตรการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อน ศปข.ตร.             และกำหนดแนวทางมาตรการการปฏิบัติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 โดยมีหน่วย บช.น., ภ.1 - 9 และ บก.ทล. พร้อมด้วยหัวหน้าสถานีตำรวจ 1,484 สถานีทั่วประเทศ เข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล     รับฟังรายงานการบันทึกข้อมูลในระบบ CRIME และสถิติการดำเนินการ สถิติการร้องเรียนผ่านทางสายด่วน 191 และ 1599 พร้อมวิเคราะห์จัดกลุ่มความเสี่ยงของพื้นที่ สน./สภ. และสรุปผลการป้องกันปราบปราม ติดตามความคืบหน้าตลอดจนผลการวิจัยและผลประเมินโครงการวิจัยศึกษาและพัฒนาระบบการจัดการแก้ไขปัญหาการแข่งรถในทางอย่างยั่งยืน และความคืบหน้าการจ่ายเงินรางวัลเบาะแส เป็นต้น

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ได้กำหนดมาตรการการปฏิบัติและกำชับให้หน่วย บช.น., ภ.1 - 9 และ บก.ทล. นำไปขับเคลื่อนเพื่อป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกำชับให้เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2566 ดังนี้

1.ให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างจับกุมและเพิ่มความเข้มในมาตรการป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทาง ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น การรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือโดยพฤติการณ์ที่น่าจะเป็นการนำไปสู่การแข่งรถในทาง ทั้งในช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น (4–10 เม.ย.66) ช่วง 7 วัน ควบคุมเข้มข้น (11–17 เม.ย.66) และช่วงหลังควบคุมเข้มข้น (18–24 เม.ย.66) ตามแนวทางมาตรการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดอย่างเคร่งครัด

2.เร่งรัดกวดขันตรวจสอบการกระทำความผิดทุกช่องทาง และเพิ่มความเข้มในการระดมกวาดล้างจับกุม ทั้ง ONLINE เช่น คลิปการแข่งรถ, การขับรถที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, ร้านค้าออนไลน์ ฯลฯ และ ON GROUND เพิ่มความเข้มออกกวดขันตรวจตราแหล่งมั่วสุม จุดนัดหมาย สถานศึกษา ร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถ ร้านดัดแปลงสภาพรถ ร้านแต่งซิ่ง โรงงานและร้านขายท่อไอเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน ตลอดจนเส้นทาง ถนนที่มีความเสี่ยงในพื้นที่ ฯลฯ ดำเนินการตามกฎหมายกับตัวการ และสอบสวนขยายผลไปยังผู้สนับสนุน เช่น ผู้ผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลง ยุยงส่งเสริม สนับสนุนการแข่งรถในทาง Admin page และกองเชียร์ กรณีสืบทราบหรือพบเห็นการรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถในทาง ให้ สน./สภ. บูรณาการกำลังทุกฝ่ายให้ยุติกิจกรรมพร้อมติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว

3.กรณีมีการชักชวนรวมกลุ่มมั่วสุมแข่งรถในทาง หรือออกทริปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์        ให้ดำเนินการตามมาตรการที่ ตร. กำหนด ตั้งแต่พื้นที่ต้นทาง พื้นที่กลางทาง จนถึงพื้นที่ปลายทาง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อกวดขันวินัยจราจร ตรวจสอบและป้องปรามให้ครอบคลุม และให้หน่วยพื้นที่ต้นทางประชาสัมพันธ์กับ Admin Page  ให้ระงับการดำเนินการดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนที่พักอยู่ริมทาง และลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุ หากมีการรวมกลุ่มออกทริปท่องเที่ยวเกิดขึ้นแล้ว ให้ สน./สภ. ยุติกิจกรรมหรือติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว หากเกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ ให้บูรณาการข้อมูลและการปฏิบัติระหว่างพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 

คนไทยไม่ทิ้งกัน

รอง ผบ.ตร.ส่งตำรวจทางหลวง-จิตอาสา เร่งช่วยเหลือชาวบ้านปากช่อง บ้านถูกเพลิงไหม้ 4 หลังคาเรือน พร้อมเยี่ยวยาซับน้ำตา

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 เวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่ 7 บ้านลำทองหลาง ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.จิระพันธ์ มณีรัตน์ สารวัตรตำรวจทางหลวงนครราชสีมา จิตอาสา 904 ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ชมรมฮักเขาใหญ่ ร่วมกับ เรืออากาศเอก พนม เต็งกิ่ง กองบิน 1 ทหารอากาศกองบิน 1 อบต.ปากช่อง ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันรื้อถอนบ้านถูกเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ของนายแม้น ภู่นอก ซึ่งเป็นบ้านต้นเพลิง ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง นำเอาเศษอิฐ เศษปูน และสิ่งของถูกไฟไหม้ออกทั้งหมด เพื่อเตรียมสร้างบ้านหลังใหม่ทันที

เตือนใจไทยทั้งผอง ‘บิ๊กตู่’ ยกพระราชนิพนธ์ ร.6 ‘ไร้รักไร้ผล’ เตือนใจ อย่าให้ความขัดแย้ง-ความไม่สงบ ทำชาติเสียหาย

(5 เม.ย.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงวาระ วันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 136 ปี กระทรวงกลาโหมซึ่งอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน ด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงก่อตั้งมา เราในฐานะเป็นลูกเป็นหลาน ก็ต้องช่วยกันรักษาธำรงไว้ ความเข้มแข็งเกียรติยศเกียรติศักดิ์ ของกองทัพเหล่าทัพ และของกระทรวงกลาโหม  

“พวกเราต้องรักบ้านรักเมือง ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อบ่อเกิดของความสงบเรียบร้อย ของบ้านเมือง ตนเคยพูดไปแล้วว่าหากบ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย มีปัญหามากๆ จะทำให้โอกาสหลายๆ อย่างหายไปทันที ในมุมมองของต่างประเทศ” นายกฯ กล่าว  

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฝากบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ‘ไร้รักไร้ผล’ จำได้ไหม จำไม่ได้กันหมดแล้ว ให้ลองไปเปิดฟังดูก็แล้วกัน ‘อันชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล หากชาติย่อยยับและอับจน ประชาชนจะสุขอยู่ได้อย่างไร’ ไปคิดดู ฝากทุกคนด้วย ฝากประชาชนทุกคนช่วยกันคิดด้วย ก็แล้วกัน ทำให้บ้านเมืองเราสงบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เพื่อเราจะก้าวเข้าสู่เวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรีและสง่างาม เพราะวันนี้มุมมองต่างๆ ของหลายประเทศ และขอให้ติดตามพัฒนาการด้าน ความมั่นคงของทุกประเทศด้วยโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน หากบ้านเมืองเราสงบเรียบร้อย เราก็จะสามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่
ได้อย่างเต็มที่ ในทุกมิติทั้งความมั่นคง สิ่งแวดล้อม สังคม สุขภาพ ช่วยกันก็แล้วกัน ขอให้ช่วยกันนำพาบ้านเมือง ไปสู่ความปลอดภัยสันติสุข อย่าให้เกิดวิกฤตการณ์อะไรต่างๆ ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายก็แล้วกัน ในช่วงนี้เราช่วงต่อๆ ไป 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงปิดคดีลักปืนหลวง สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีผู้ต้องหา 24 ราย เจ้าหน้าที่รัฐ 8 ราย

จากกรณีเมื่อวันที่ 20 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ (ป) สภ.ปากเกร็ด ซึ่งทำหน้าที่ตรวจเก็บและดูแลรักษาอาวุธปืนหลวงในคลังของ สภ.ปากเกร็ด ภ.จว.นนทบุรี โดยดำเนินคดีในกรณีที่ตรวจพบว่า ด.ต.เชาวลิต ได้มีการลักเอาอาวุธปืนในคลังดังกล่าวจำนวนมากถึง 160 กระบอก นำไปจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น โดยดำเนินคดีฐาน ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฯ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอแล้วนั้น

คดีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้ออาวุธปืนหลวงดังกล่าวนำมาดำเนินคดีทั้งหมด รวมทั้งติดตามนำอาวุธปืนกลับคืนมาให้ได้ และได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง ตร.ที่ 505 และ 567/2565 โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ควบคุม กำกับ ดูแลการสืบสวนสอบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภัทร ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 และพล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 ดำเนินการขยายผลติดตามอาวุธปืนที่ถูกลักไปกลับคืนมาโดยเร็ว 
 จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ สามารถรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ในการรับจำนำจาก ด.ต.เชาวลิต ได้จำนวนทั้งสิ้น 23 ราย โดยแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 1 ราย ออกหมายจับแล้ว 22 ราย จับกุมได้ 18 ราย อายัดตัว 4 ราย โดยทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหา รับของโจร ประกอบด้วย

1. นายสมชาย บัวกลิ้ง   (จับกุมตามหมาย)
2. นายสมเจต แก้วดวง (จับกุมตามหมาย)
3. นายสุรัช   พุกหนู (จับกุมตามหมาย)
4. นายประเสริฐ พวงศิลป์ (จับกุมตามหมาย)
5. นายกิตกร  ศรีคำภา  (จับกุมตามหมาย)
6. นายธีระวัฒน์ ชูเชิด  (จับกุมตามหมาย)
7. นายชายแดน ธัญญรักษ์  (จับกุมตามหมาย)
8. นายปรีดา  จันทร์แก้ว  (จับกุมตามหมาย)
9. นายมนตรี   น้อยคำมี    (จับกุมตามหมาย)
10. น.ส.วรารัตน์ รัตนวรรณ์    (จับกุมตามหมาย)
11. นายอโนทัย ฝอยทอง  (จับกุมตามหมาย)
12. น.ส.รุ่งรัตน์  ชิณศรีวงษ์ (จับกุมตามหมาย)
13. น.ส.วรรณพร จันทสีร์ (จับกุมตามหมาย)
14. นายธันวา แท่งทองไทย   (จับกุมตามหมาย)
15. นายเศษฐพงค์ ก้อนทอง   (จับกุมตามหมาย)
16. นายชัยคุปต์ แย้มดี   (จับกุมตามหมาย)
17. นายบริสุทธิ์  ทองปรีชา    (จับกุมตามหมาย)
18. นายธวัชชัย เป๋ากระโทก   (จับกุมตามหมาย)
19. นายทศพล  พรมสอน    (อายัดตัว)
20. นายนเรนทร์ สมพงษ์    (อายัดตัว) 
21. นายสำเริง  สอนกลาง   (อายัดตัว) 
22. นายบุรินทร์ วันแอเลาะ   (อายัดตัว)
23. นางจินดา พุกกิริยา   (แจ้งข้อกล่าวหา)

Amber Alert ระบบเตือนภัยเมื่อลูกหายตัวในสังคมมะกัน แรงขับเคลื่อนจากโศกนาฏกรรม 'เด็กหญิงแอมเบอร์'

การใช้ชีวิตในอเมริกาทำให้มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย ได้เรียนรู้ระบบสังคมที่แตกต่างไปจากเมืองไทย 

ทุกสังคมมีทั้งแง่บวกแง่ลบ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องให้เครดิตสังคมอเมริกาคือ ระบบการเตือนภัยพิบัติ 

เมื่อมีเค้าลางว่าเหตุภัยพิบัติ เช่น ทอร์นาโด จะมีการตัดเข้าสู่สัญญาณเตือนภัยทันทีในทุกสื่อ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุทุกระบบ ทั้งสถานีวิทยุทั่วไป วิทยุผ่านดาวเทียม หรือวิทยุทางอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงโทรทัศน์ทุกระบบ ทั้งเคเบิลทีวีและสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ 

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาสัญญาณเตือนภัยพิบัติที่ว่ามา ก็มีสัญญาณเตือนภัยอย่างหนึ่งที่อยากให้ประเทศไทยนำไปใช้บ้าง เพราะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ในเรื่องการช่วยเหลือเด็กให้รอดจากการถูกลักพาตัว นั่นคือสัญญาณเตือนภัยที่เรียกว่า 'Amber Alert'

เมื่อเกิดการลักพาตัวเด็กขึ้น ทางตำรวจและหน่วยงานหลายหน่วย จะประสานงานกันแล้วแจ้งเตือนด้วยการแทคข้อความและส่งสัญญาณเสียง ไปยังโทรศัพท์มือถือทุกเครื่อง ในบริเวณที่คาดว่าคนร้ายกำลังมุ่งหน้าไป โดยจะแจ้งให้ทราบถึงรูปพรรณสันฐานใบหน้าของเด็กที่หายไป และลักษณะรถยนต์ที่ใช้ในการลักพาตัวเด็ก 

AMBER Alert หรือ a Child Abduction Emergency เป็นสัญญาณเตือนภัย เมื่อมีเด็กถูกลักพาตัวไป มีการนำระบบนี้มาใช้ทั่วประเทศในปี ค.ศ 1996 หรือเมื่อ 27 ปีที่แล้ว โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคดีของเด็กหญิงตัวน้อยวัยเก้าขวบชี่อ 'แอมเบอร์ ฮาเกอร์แมน' ที่ถูกลักพาตัวไปฆ่าในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัส

ย้อนหลังไป 27  ปี เมื่อวันที่ 13 มกราคม ปี ค.ศ.1996   เด็กหญิงแอมเบอร์ขี่จักรยานเล่นกับน้องชายอย่างสนุกสนานในลานจอดรถร้างละแวกบ้านตายายของเธอเอง แต่พอตกเย็น ริกกี้ น้องชายวัย 7 ขวบของแอมเบอร์ขี่จักรยานกลับมาเพียงลำพัง

ข่าวนี้โด่งดังไปทั่วประเทศ อเมริกันทั้งประเทศสวดมนต์และเอาใจช่วยครอบครัวของแอมเบอร์กันอย่างชนิดที่เรียกว่า 'จดจ่อ' กันเลยทีเดียว เพราะถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญมากในเวลานั้น  

ไม่กี่วันต่อมา พบร่างไร้วิญญาณของหนูน้อยแอมเบอร์ในลำธารข้างทาง ไม่ห่างจากบ้านตายายของเธอเองเท่าใดนัก 

มีการส่งศพของแอมเบอร์ไปพิสูจน์หลักฐานพบว่า เมื่อตอนคนร้ายจับตัวหนูน้อยไป เธอยังมีชีวิตอยู่และถูกล่วงละเมิดทางเพศ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายจะต้องอาศัยอยู่ในละแวกนั้นด้วยเช่นกัน เพราะคนร้ายไม่ได้ทำอันตรายแอมเบอร์ในทันที แต่ลงมือสังหารหลังจากผ่านไปสองวัน 

ที่น่าเศร้าที่สุดคือจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังจับกุมคนร้ายที่ฆ่าเด็กน้อยผู้น่าสงสารไม่ได้ คดีนี้จึงค้างคามาจนปัจจุบัน กลายเป็นหนึ่งในคดีที่เรียกว่า Cold Case

ข่าวแสนเศร้าของเด็กหญิงแอมเบอร์ สั่นสะเทือนหัวใจทั่วอเมริกา ทุกคนต่างคิดว่าแอมเบอร์อาจจะไม่เสียชีวิต ถ้าผู้ที่อยู่รอบข้างสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีภายในเวลา 8 นาทีแรก หลังจากที่แม่หนูน้อยขี่จักรยานออกจากบ้าน หรือจนกระทั่ง 8 นาทีแรกหลังจากตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่ามีเด็กถูกอุ้มขึ้นรถไปในลักษณะลักพาตัว

ตำรวจ ปส.(NSB) รุกหนัก ทลาย 6 เครือข่าย ยึดยาบ้ากว่า 19 ล้านเม็ด ไอซ์ 9 กก. เฮโรอีน 12 กก.  คีตามีน 2 กก. และ ยาเสพติด Happy water 86 ซอง

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส., พล.ต.ต.สมกิต พุ่มวารี ผบก.ขส.บช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดให้หมดสิ้น ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) ได้กวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติด 6 เครือข่าย ผู้ต้องหา 15 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 19 ล้านเม็ด ไอซ์ 9 กก. เฮโรอีน 12 กก. คีตามีน 2 กก.และ ยาเสพติด Happy water 86 ซอง 

เครือข่ายแรก เมื่อวันที่ 30 มี.ค.66 ตำรวจ กก.3 บก.ปส.1 และ บก.ขส. พร้อมด้วยหน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ร่วมกันจับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ นายณัฐดนัย สงวนนามสกุล, นายศุภกฤต สงวนนามสกุล และนายสำคัญ สงวนนามสกุล จากการสืบสวนและเฝ้าติดตามเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ พบความเคลื่อนไหวของนายณัฐดนัย พร้อมพวก จะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่กรุงเทพมหานคร กระทั่งกลางดึกของวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา พบรถกระบะหมายเลขทะเบียน ฎศ-73xx กรุงเทพมหานคร มีลักษณะบรรทุกของจำนวนมากและหนักผิดปกติ จึงติดตามไปจนพบรถคันดังกล่าว ขับไปจอดที่ห้องเช่า ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และช่วงสายของวันที่ 30 มี.ค. มีรถยนต์ตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน บห-15xx อุดรธานี ขับมายังห้องเช่าดังกล่าวและผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ช่วยกันเคลื่อนย้ายกระสอบต้องสงสัย ไปยังรถยนต์ตู้ทึบ ตำรวจ ปส.1 และ บก.ขส. จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุในกระสอบ 20 กระสอบ รวม 9 ล้านเม็ด พร้อมตรวจยึดรถ 2 คัน และของกลางอื่น รวม 6 รายการ โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย เหตุเกิดที่ ห้องเช่า ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

เครือข่ายที่ 2 เมื่อวันที่ 28 มี.ค.66 ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ขส. บช.ปส. พร้อมด้วยตำรวจทางหลวง ร่วมกันจับกุมนายสุรชัย สงวนนามสกุล และนายประจวบ สงวนนามสกุล หลังได้รับแจ้งว่า นายสุรชัย และนายประจวบ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ ส่งมอบให้กับลูกค้าทางพื้นที่ภาคกลางและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นประจำ ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ขส. จึงสืบสวนติดตามกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาขนยาเสพติดมาจากภาคเหนือ โดยใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน 3ฒผ 95xx กรุงเทพมหานคร และ รถยนต์หมายเลขทะเบียน 1ฒฆ 96xx กรุงเทพมหานคร    จึงติดตามจับกุม และสามารถจับกุมได้ภายในบริเวณปั้มน้ำมัน ปตท. สาขาหันตรา ต่อเนื่องริมถนนเลียบแม่น้ำลพบุรี (บางปะหัน-มหาราช) อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พบยาบ้า 2 ล้านเม็ด ซุกซ่อนในรถยนต์หมายเลขทะเบียน        3ฒผ 95xx กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึดรถ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิด ผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย

เครือข่ายที่ 3 วันที่ 3 เม.ย.66 ตำรวจ บก.สกส. จับกุมนายสุภชัย สงวนนามสกุล หลังได้รับแจ้งว่า นายสุภชัย พร้อมพวกจะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ทางภาคเหนือ มาส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้รถกระบะ 2 คัน หมายเลขทะเบียน ยท 83xx เชียงใหม่ และหมายเลขทะเบียน บย 11xx แพร่ โดยใช้เส้นทางจากพื้นที่จังหวัดเชียงราย ผ่าน จ.แพร่  ตำรวจ บก.สกส. จึงวางแผนจับกุม และสามารถสกัดจับกุมได้ที่ริมถนนในหมู่บ้านทุ่งแล้ง  ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ พบยาบ้า 20 กระสอบ รวม 4 ล้านเม็ด ซุกซ่อนในรถกระบะหมายเลขทะเบียน บย 11xx แพร่ และตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย

เครือข่ายที่ 4  เมื่อวันที่ 2 เม.ย.66 ตำรวจ บก.สกส ได้ร่วมจับกุม นายนรินทร์ สงวนนามสกุล และ นายพัลลภ สงวนนามสกุล โดยตำรวจชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้งสอง จนทราบว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือไปส่งให้ลูกค้าในภาคกลาง จึงได้ติดตามจับกุม กระทั่งช่วงเย็นของวันที่ 2 เม.ย.66 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาโคกสำโรง ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ตรวจสอบพบยาบ้า 50 มัด ซุกซ่อนในรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยก 79xx เชียงใหม่ รวม 1 แสนเม็ด พร้อมยึดรถที่ก่อเหตุ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย

‘รัสเซีย’ เผย ยินดีส่งเด็กยูเครนกลับประเทศ  หากครอบครัวพวกเขาร้องขอ แนะ ให้ผู้ปกครองเขียนอีเมลส่งมา

(5 เม.ย.66) กล่าวว่า มาเรีย โลววา-เบโลวา กรรมาธิการสิทธิเด็กประจำสำนักงานประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศพร้อมส่งเด็กยูเครนกลับประเทศ หากครอบครัวของพวกเขาร้องขอ

โลววา-เบโลวา เป็นผู้ดูแลเด็กยูเครนที่ถูกส่งตัวจากประเทศมาอยู่ใต้การปกครองของประเทศรัสเซีย และเธอเป็นหนึ่งในผู้ถูกหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในข้อหาลักพาตัวเด็กยูเครนไปยังประเทศรัสเซียอย่างผิดกฏหมาย

ยูเครนกล่าวหารัสเซีย ว่า ขโมยเด็กกว่า 16,000 คนออกจากประเทศ นับตั้งแต่เริ่มบุกรุกเมื่อปีที่แล้ว แต่ฝั่งรัสเซียกล่าวว่าเป็นการช่วยชีวิตเด็ก ๆ จากเขตสู้รบ และมีขั้นตอนรองรับเพื่อรอเวลาให้พวกเขาได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง

ในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร มาเรีย โลววา-เบโลวากล่าวว่า เธอไม่เคยได้รับการติดต่อจากตัวแทนของทางการยูเครนเกี่ยวกับเด็กที่ถูกเคลื่อนย้ายออกนอกประเทศตั้งแต่เริ่มการสู้รบ และเธอยินดีให้ผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นสามารถเขียนอีเมลถึงเธอเพื่อตามหาลูกหลานของพวกเขาได้

"เขียนถึงฉัน...เพื่อตามหาลูกของคุณ" โลววา-เบโลวากล่าว แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อเด็กยูเครนทั้งหมดที่ถูกนำตัวมายังรัสเซีย

ตามรายงานล่าสุดที่เผยแพร่โดยสำนักงานของเธอ ระบุว่า เด็ก 16 คนจาก 9 ครอบครัวได้กลับไปอยู่ร่วมกับญาติชาวยูเครนตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมแล้ว

รายงานยังระบุอีกว่าเด็กกำพร้าชาวยูเครน 380 คนถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในรัสเซีย รวมถึงผู้เยาว์ 22 คนที่ถูกทิ้งในเมืองมารีอูโปล เมืองท่าที่ถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากอง ก่อนที่กองกำลังรัสเซียจะเข้ายึดเมื่อปีที่แล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top