Monday, 12 May 2025
Hard News Team

‘สมศักดิ์’ เตรียมหารือ ผู้สมัคร ส.ส. แดนใต้ ‘ปลดล็อกกระท่อม-กีฬาชนวัว’ กระตุ้น ศก. ภาคใต้

(5 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค และรองผอ.ศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ได้เชิญผู้สมัคร ส.ส.พรรคในจังหวัดภาคใต้ อาทิ น.ส.บุญฑริกา ยอดสุรางค์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 เบอร์ 2, นายถาวรรัตน์ คงแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 เบอร์ 1, พล.ต.ต.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 8 เบอร์ 8, น.ส.ปรมาภรณ์ บริบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 10 เบอร์ 10, นายฮานาฟี หมีนเส็น ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 8 เบอร์ 8, น.ส.ชานิสรา ภูวิจิตร ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 9 เบอร์ 10 และ นายกฤษ ศรีฟ้า ผู้สมัคร ส.ส.พังงา เขต 2 เบอร์ 4 เพื่อมาหารือถึงแนวทางการนำเสนอนโยบายของพรรค ที่จะใช้สื่อสารกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะแนวนโยบายของตนที่ได้พัฒนาส่งเสริมพื้นที่ภาคใต้มาโดยตลอด ทั้งการปลดล็อกพืชกระท่อมและกีฬาชนวัว 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า พื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ใหม่ที่พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถปักธงได้ ตนจึงเข้ามาช่วยผู้สมัคร ส.ส. เพราะตลอดการเป็น รมว.ยุติธรรม ตนได้ลงพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่องจนรับทราบปัญหาและแนวทางการพัฒนา รวมถึงมีหลายนโยบายที่ได้ขับเคลื่อนจนสำเร็จไปแล้ว เช่น การปลดล็อกพืชกระท่อม ที่ทำให้ใบไม้กลายเป็นเงินสด เกิดการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก รวมถึงการผลักดันส่งเสริมกีฬาชนวัว ด้วยการร่างกฎหมายส่งเสริมปศุสัตว์ เพื่อยกระดับให้มีมาตรฐาน เพิ่มมูลค่าให้กับสัตว์ ช่วยเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาชมกีฬาชนวัวได้ง่ายขึ้น เป็นอีกซอฟท์พาวเวอร์ช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับประเทศ 

ทั้งนี้ จากการหารือกับผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี หลายคนทราบถึงปัญหาและแนวทางถึงแก่น รวมถึงเข้าใจแนวทางการพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ถ้าเราสามารถนำเสนอนโยบายให้ประชาชนเข้าใจได้ ก็จะมีโอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจ ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้มั่นใจว่าครั้งนี้จะสามารถปักธงได้อย่างแน่นอน เพราะโพลต่างๆ พรรคเพื่อไทยมาแรงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าพี่น้องชาวภาคใต้ยอมรับนโยบาย และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย

‘นฤมล’ ชี้ พปชร. ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับเลข 37 ชู นโยบาย 3700 เบี้ยสูงอายุ 3,000 สวัสดิการ 700

(5 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. กล่าวถึงการปรับนโยบายหรือกลยุทธ์ให้เข้ากับหมายเลข 37 ว่าผู้สมัคร ส.ส.บอกจดจำง่าย เลือกพรรค พปชร.ได้อย่างน้อย 3,700 โดยมาจากนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาท และนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จำง่ายๆ เลือกลุงป้อม 3700 แต่จะใช้เป็นแคมเปญใหม่หรือไม่ ตอนนี้กำลังหารือกับผู้สมัคร เพื่อบอกกับประชาชนให้จดจำได้ เข้าใจง่าย พลังประชารัฐ 3700 ตอนนี้ทุกอย่างจะผูกให้เป็นหมายเลข 37 คือ 3 นโยบายเร่งด่วน 7 นโยบายเร่งรัด 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวเลข 37 จะเป็นปัญหาในการหาเสียงหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. พอใจกับเลข 37 หลายคนบอกเป็นเลขมงคล 3 บวก 7 เป็น 10 เป็นเลขที่ถูกโฉลกกับพรรคและหัวหน้าพรรค ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเลขที่ดี และจะเป็นการสร้างการรับรู้ว่าพรรคพลังประชารัฐ 3,700  อีกทั้งหมอดูต่างๆ ยังกล่าวว่า เลข 37 เป็นเลขมงคลที่ถูกโฉลก จะทำให้ได้รับชัยชนะ

“ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ หลังจากเห็นเลข 37 ว่าจะต้องเลือกพรรคพปชร.พลังประชารัฐ นอกจากต้องช่วยกันจำ เวลาไปคูหากาบัตรเลือกตั้ง ต้องมองหาโลโก้และชื่อพรรค เป็นการจดจำง่ายขึ้น” นางนฤมล กล่าว

เมื่อถามว่า ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต เมื่อเห็นว่าเลขพรรคมีจำนวนเยอะ และตัวผู้สมัครมีหมายเลขของตัวเอง จะมีการนัดแนะอย่างไร นางนฤมล กล่าวว่า ตอนนี้ผู้สมัครได้ขึ้นป้าย ทำคลิป ส่งมาให้ดู เป็นภาพของหัวหน้าพรรค และเลข 37 ส่วนผู้สมัครก็จะขึ้นตัวเลขของเขา เป็นการประชาสัมพันธ์คู่กัน ส่วนตัวเชื่อว่าไม่สร้างความสับสน ประชาชนก็ได้รับการชี้แจงแล้วว่าจะต้องเลือกตั้งบัตรสองใบ คนละเบอร์

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปราศรัยในพื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 7 เม.ย.นี้ จะจัดขึ้นที่ไหน นางนฤมล กล่าวว่า อาจจะเป็นที่สวนเบญจสิริ จากนั้นวัน 8 เม.ย.จะเป็นเวทีใหญ่ จ.สมุทรสาคร พรรคพปชร.ได้เบอร์ 1 ทั้งสามเขต สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ตนจะลงไปช่วยในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไปพูดเรื่องนโยบายให้ชาวภาคใต้ได้รับรู้กับนโยบาย 3,700 

เมื่อถามว่า พรรคพปชร.จะมีคิวเวทีปราศรัยอย่างเต็มรูปแบบหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า จะมีการปราศรัยเวทีสุดท้ายที่กรุงเทพฯ หลังจากที่ประชุมวางไว้ เป็นวันที่ 12 พ.ค.อาจจะเป็นที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง อีกทั้ง 30 กว่าวันที่เหลือ จะมี 10 เวทีใหญ่ตามจังหวัดต่างๆ

‘บิ๊กป้อม’ ควบ 2 ประชุม กำหนดมาตรการอนุรักษ์ช้างป่า พร้อมหนุนอุตฯ สีเขียว ดันเร่งเปลี่ยนรถบัสไฟฟ้าใน กทม.

(5 เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง ครั้งที่ 2/2566 ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ โดยมี ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมประชุมขับเคลื่อนการอนุรักษ์และจัดการช้างป่า ทั้งในพื้นที่อนุรักษ์และในพื้นที่ชุมชน เพื่อกำหนดมาตรการและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า 

โดยที่ประชุมเห็นชอบ กรอบมาตรการแก้ไขปัญหาช้างป่า 6 ด้าน ได้แก่ 
(1) การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า 
(2) แนวป้องกันช้างป่า 
(3) ชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า และเครือข่ายชุมชน 
(4) การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า 
(5) การจัดการพื้นที่รองรับช้างป่าอย่างยั่งยืน 
และ (6) การควบคุมประชากรช้างป่า เพื่อเป็นแนวทางการจัดการช้างป่าและการบริหารจัดการพื้นที่ นำไปสู่การอนุรักษ์และการจัดการประชากรช้างป่าให้มีปริมาณที่สมดุล ลดปัญหาระหว่างคนกับช้างป่า ทำให้เกิดการอนุรักษ์และจัดการช้างป่าอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืนต่อไป

หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตร ไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/66 โดยมี ปล.ทส.ร่วมประชุม 

ที่ประชุมเห็นชอบ การเข้าร่วมดำเนินงานและขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีค่าศักยภาพในการทำให้โลกร้อนสูงถึง 265 เท่าของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาดว่าการดำเนินงานดังกล่าว จะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ ประมาณ 130,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ช่วยให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคเอกชนและอุตสาหกรรมไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

‘ซีอาร์อาร์ซีฯ’ มุ่งพัฒนา ‘รถไฟแมกเลฟ’ ที่มีความเร็ว 600 กม./ชม.  ล่าสุดมีการ ‘ทดสอบระบบลอยตัวฯ’ เป็นครั้งแรกแล้ว

(5 เม.ย.66) เมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 สำนักงานข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล จำกัด ในมณฑลจี๋หลินทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน รายงานการทดสอบระบบลอยตัวด้วยพลังงานไฟฟ้าสภาพนำยวดยิ่งอุณหภูมิสูงครั้งแรกของรถไฟแมกเลฟที่จีนพัฒนาเอง ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงถึง 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ระบบข้างต้นประกอบด้วยระบบย่อยของรถไฟ ราง แหล่งจ่ายไฟฟ้าขับเคลื่อน และการสื่อสารปฏิบัติการ สามารถประยุกต์ใช้กับท่อสุญญากาศระดับต่ำ ความเร็วสูง และความเร็วสูงพิเศษ โดยระบบนี้อาจเป็นตัวเลือกสำคัญของการขนส่งอันรวดเร็วระหว่างเมืองใหญ่และเขตเศรษฐกิจพัฒนาแล้วในอนาคต

ทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต  นวัตกรรมใหม่ตลาดทุนไทย ตอบโจทย์องค์กรปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.66) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท PTT International Trading Pte Ltd ประเทศสิงคโปร์ (PTTT ถือหุ้น 100% โดย ปตท.) ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Credit Linked Derivatives ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทย ที่ธนาคารได้ออกแบบและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของ ปตท. รวมถึงเป็นการส่งเสริมเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งสองบริษัท 

นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างองค์กรในประเทศ โดย PTTT ประเทศสิงคโปร์ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานให้เพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่างๆ ในอนาคต นอกจากนี้ ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ของ ปตท. 

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของ United Nations Development Programme (UNDP) โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางที่ผู้บริโภค และธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยล่าสุดธนาคารลงนามบันทึกข้อตกลงกับ ปตท. และ บริษัท PTTT ประเทศสิงคโปร์ ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Derivatives) ที่เชื่อมโยงกับคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Linked Derivatives) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาและการเป็นผู้นำตลาด ESG Financial Solution ของธนาคาร ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

‘กูรูศาสตร์เขมร’ เผย!! เลข 37 ถูกโฉลก ‘บิ๊กป้อม’ ชี้!! รบแบบไม่เหนื่อย ชนะอุปสรรคทุกสิ่ง

(5 เม.ย.66) อาจารย์เอ๋ รดา ทิพยเนตร ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ พยากรณ์เขมร หรือที่รู้จักกันในนามกูรูตารางสีเสื้อเเละตัวเลข เปิดเผยว่า การจับฉลากบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง วันนี้น่าสนใจ แต่ขอไม่พูดถึงพรรคอื่น ตนขอพูดถึงคนที่ได้เลขที่ปังเเละถูกโฉลกกับดวงของตนเองแบบที่เรียกว่า เซอร์ไพรส์หนักมาก ก็คือ ดวงของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะท่านเป็นคนเดียวในวันนี้ที่จับได้โฉลกเลขศาสตร์ตรงตามดวงดาวประจำวันเกิดของตัวเอง คือ วันเสาร์ ที่ 11 สิงหาคม พศ. 2488 ปีระกา ซึ่งคนเกิดดาวเสาร์ ดวงดาววันเดือนปีเกิด เป็นเลขโชคดี ของพลเอก ประวิตร คือ เลข 7 และ เลข 7 คือดาวเสาร์ เเละวันจับฉลากคืออังคารเป็นกำลัง 3 เป็นวันดี ของลุงป้อมการจับได้ 3 เเละ 7 บวกกัน เป็น 10 ก็คือกำลังของพระเสาร์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ประสานข้อมูลทางการจีนยืนยันเจ้าของบัญชีเกี่ยวพันยาเสพติด หลัง 4 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีใช้เอกสารปลอมเบิกเงินธนาคารเข้ามอบตัวที่ สน.ทองหล่อ

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มี.ค.66 ที่ผ่านมา สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งกรณีพบกลุ่มบุคคลใช้เอกสารปลอมเข้าติดต่อธนาคาร แอบอ้างเป็นเจ้าของบัญชี พยายามขอทำสมุดบัญชีเล่มใหม่เพื่อถอนเงินยอดกว่า 176 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพบว่ามีการใช้หนังสือเดินทางปลอมและตราประทับตรวจคนเข้าเมืองปลอม ก่อนจับกุมดำเนินคดีชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชี ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต รายละเอียดตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ในความผิดฐาน ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้รอยตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดย 1 ใน 5 รายนั้นคือ ชายชาวกัมพูชาที่อ้างตัวเป็นเจ้าของบัญชีซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องกักแล้ว นอกจากนี้ยังมีหม่อมราชวงศ์และบุตรชายอดีตอธิบดีกรมการปกครองรวมอยู่ด้วย ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เวลา 15.00 น. ผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลืออีกจำนวน 4 ราย พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ โดยยังให้การปฏิเสธและไม่ขอให้การใดๆ ก่อนจะยื่นขอประกันในชั้นสอบสวนตามสิทธิ 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาล เพื่อเข้าค้นสถานที่ 2 จุด ซึ่งเป็นที่พักของบุตรชายอธิบดีกรมการปกครองและ คลินิกย่านพระราม 9 ของหม่อมราชวงศ์ ซึ่งอาจมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลกรณีการให้คำปรึกษากับลูกค้าซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับอุ้มบุญ อยู่ในระหว่างตรวจสอบขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

‘วิรัช’ เชื่อ!! เลขพรรคเบอร์ 37 คนจำได้ เตรียมเดินสายหาเสียงทุกภาค ขอคะแนนเสียงจาก ปชช.

(5 เม.ย.66) นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจกรรมและปราศรัยหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังจากพรรคได้หมายเลขพรรค 37 สำหรับหาเสียงของส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้จะเลขสองหลักแต่เชื่อว่าประชาชนจะจำได้ จากนี้จะเริ่มเดินสายหาเสียงในแต่ละภาค โดยจะมีทั้งหัวหน้าพรรค และหัวหน้าภาค ที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ ลงไปช่วยกันเดินสายปราศรัยหาเสียงเพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน

เทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ ร่วม ภาคเอกชน และประชาชน จัดโครงการ "เทศบาลห่วงใยขับขี่ปลอดภัย" มีผู้เข้าร่วมกว่า 130 คน รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย สวมหมวกนิรภัย 100% 

วันที่ 5 เมษายน 2566 สำนักงานเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้จัดพิธีเปิดโครงการ "เทศบาลห่วงใยขับขี่ปลอดภัย" อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่  นายไพศาล ศรีเทพ นายอำเภอคลองท่อม เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ และมีนายพิริยะ ศรีสุขสมวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลคลองท่อมใต้  คณะผู้บริหารเจ้าหน้าที่ และผู้สนับสนุนโครงการ "เทศบาลห่วงใยขับขี่ปลอดภัย" และร่วมมอบหมวกกันน็อคให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ 130 ใบ โดยเทศบาลจัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อ ความห่วงใย ขับขี่ปลอดภัย เพื่อประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้พื้นที่ ขับขี่รถปลอดภัยสวมหมวกนิรภัยในช่องเทศกาลสงกรานต์  เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนในพื้นที่ ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และมีการมอบหมวกนิรภัยให้แก่ประชาชน ที่ใช้มอเตอร์ไซค์ในการสัญจรเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่  ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในครั้งนี้จำนวน 130 คน 

มองกระแส ‘ราคาทองคำ’ ทะยานเฉียด 2,050 $/Oz  หรือสงครามการเงินโลกจะอยู่ใต้กำมือคอมมิวนิสต์

(5 เม.ย.66) World Maker เผยว่า ยังไงต่อดีสำหรับตลาดทองคำโลก !!! หรือว่าระบบการเงินกำลังจะกลับไปสู่มาตรฐานทองคำตามความต้องการของฝ่ายคอมมิวนิสต์กันแน่ ?? หลังจากล่าสุด Gold Futures พุ่งทะยานเฉียด 2,050 $/Oz เข้าไปแล้ว ! หรือพูดง่าย ๆ ว่าใกล้ระดับ All Time High เข้าไปทุกที !

ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลาง “สงครามการเงินโลก” ที่กำลังเดือดขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีจีน-รัสเซียเป็นแกนนำหลักในการถล่มค่าเงินดอลลาร์ ทั้งในทางตลาดเงินและปฏิบัติการทางข่าวสาร ! โดยเราคงได้เห็นข่าวมากมายแล้วว่าตอนนี้จีน-รัสเซียกำลังดันหยวนขึ้นเป็นสกุลเงินสำรองใหม่ของโลก เพื่อทุบอำนาจของเงินดอลลาร์และมีแนวโน้มที่จะใช้ทองคำเป็น 1 ในสินทรัพย์สำคัญที่จะมาหนุนค่าเงินของประเทศต่าง ๆ

แม้แต่ทางด้าน Citigroup เองออกมากล่าวว่าราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นสูงถึง 2,300 $/Oz ในระยะสั้น ! โดยมีปัจจัยหนุนหลายอย่างตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น รวมถึงคาดการณ์ของตลาดที่ว่า FED จะลดดอกเบี้ยหรือใกล้ถึงจุด Peak ของการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

โดยในกรณีที่ FED หยุดขึ้นดอกเบี้ยหรือลดดอกเบี้ย จะสามารถอธิบายตามหลักเศรษฐศาสตร์ว่าเป็นเหตุผลที่มาหนุนทองคำได้ ! เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้จ่ายปันผลหรือดอกเบี้ย ดังนั้นเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้นจึงทำให้ทองคำมีความน่าดึงดูดใจน้อยลง แต่เมื่อดอกเบี้ยเริ่มถึงจุด Peak หรือกำลังจะลดลง ทองคำจึงมีความน่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่อง Recession และความเสี่ยงเชิงระบบต่าง ๆ ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้วทำให้นักลงทุนแห่เข้าหาทองคำที่ถูกมองเป็น 1 ใน Safe Haven ของโลกมากขึ้น

📌 ทั้งหมดนี้ทำให้หลายคนกำลังมองว่าราคาทองคำจะพุ่งทะยานขึ้นอีก โดย Saxo Bank เป็น 1 ในสถาบันการเงินที่ออกมาทำนายว่าราคาทองคำจะพุ่งทะยานไปได้ถึง 3,000 $/Oz ภายในปี 2023 นี้ !!! หรือพูดง่าย ๆ ว่าพุ่งขึ้นอีกประมาณ 1,000 $/Oz จากระดับปัจจุบันเลยทีเดียว โดยเฉพาะในกรณีที่ระบบการเงินของสหรัฐฯ พังลงจากการทุบทำลายของจีน-รัสเซีย

นอกจากนี้ Saxo Bank ยังทำลายอีกว่าเงินเยนจะไปถึง 200 ต่อ 1 ดอลลาร์เนื่องจากระบบการเงินของญี่ปุ่นจะมีปัญหา รวมถึงการเกิดวิกฤตทางการเมืองในยุโรป และเมื่อระบบการเงินของประเทศใหญ่ ๆ เผชิญวิกฤต ราคาทองคำก็มักจะพุ่งทะยานเสมอ

และท่ามกลางความพยายามที่จะทุบค่าเงินดอลลาร์นี้ Saxo Bank กล่าวอีกว่า OPEC+, จีน และอินเดีย มีแนวโน้มจะถอนตัวออกจาก IMF และร่วมมือกันสร้างกองทุนใหม่ที่จะไม่ใช้สกุลเงินดอลลาร์เป็นหลัก

ขณะเดียวกัน การเริ่มกลับมาเปิดประเทศใหม่ของจีนจะดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกให้สูงขึ้นเนื่องจาก Demand เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะเมื่อ FED ไปถึงจุด Peak ของการขึ้นดอกเบี้ยและการทำ QT จะยิ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นตลาดดีขึ้นและ Demand ทางเศรษฐกิจพุ่งสูงขึ้น ซึ่งถูกมองเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ

⚠️ นั่นทำให้ Saxo Bank มองว่าราคาทองคำมีลุ้นจะไปที่ 3,000 $/Oz ซึ่งหากจะสรุปเป็นข้อ ๆ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ จะได้ปัจจัยที่หนุนทองคำดังนี้

1. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความต้องการทุบค่าเงินดอลลาร์ของจีน-รัสเซีย

2. การพิมพ์เงินของธนาคารกลางจำนวนมากในก่อนหน้านี้ รวมถึงสงครามการดันเงินเฟ้อให้เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศตะวันตก ซึ่งนำโดยรัสเซีย จีน และกลุ่ม OPEC+ ที่ล่าสุดออกมาลดการผลิตน้ำมันเพื่อดันราคาขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ถูกมองว่าใกล้ถึงจุด Peak

3. Demand ทางเศรษฐกิจและความต้องการทองคำจริงในช่วงเวลาที่สถานการณ์โลกมีความเสี่ยง

4. ความเชื่อมั่นดั้งเดิมในทองคำ ซึ่งตลอด 5,000 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ตัวเองว่ารักษามูลค่าเทียบกับทุกสกุลเงินบนโลกได้ดี

📌 นอกจากนี้ ล่าสุดทาง Jamie Dimon ซึ่งเป็น CEO ของ JPMorgan ยังออกมากล่าวอีกว่า “วิกฤตธนาคารยังไม่จบ” แม้ว่าจะไม่เหมือนกับในปี 2008 แต่ก็มีแนวโน้มที่จะมีการระเบิดเป็นโดมิโน่ในบางส่วนของเศรษฐกิจ ซึ่งผลกระทบอาจคงอยู่ต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า

เขาแนะว่าในอนาคตธนาคารต่าง ๆ ควรได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกับ Big Bank ซึ่งจำเป็นต้องยกเลิกกฏระเบียบที่ผ่อนคลายลงในยุคของทรัมป์ ซึ่งเป็น 1 ในต้นเหตุให้ธนาคารต่าง ๆ ใช้เงินอย่างประมาทและเกิด Bank Run ขึ้น

แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ติว่ากฏระเบียบของสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารต่าง ๆ นิยมสะสมพันธบัตรในช่วงดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดการขาดทุนค้างพอร์ตจำนวนมากถึง -21.5 ล้านล้านบาทหรือ -6.2 แสนล้านดอลลาร์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top