Wednesday, 25 June 2025
Hard News Team

มติ ป.ป.ช. 3:3 ตีตกคำร้องเอาผิดจริยธรม กรณี ‘มงคลกิตติ์-พีระวิทย์-ณัฐชา’ ร่วมชุมนุมม็อบ ชู 3 นิ้ว

เมื่อวันที่ (24 มี.ค. 68) ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ตีตกข้อกล่าวหา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคไทยศรีวิไลย์ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคไทรักธรรม และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคก้าวไกล กระทำการอันเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธธรรมนูญและฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

กรณีเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 -20 กันยายน 2563 ที่บริเวณท้องสนามหลวง และได้แสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว อันเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่มีวัตถุประสงค์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

รายงานข่าวแจ้งว่า คดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 3 ต่อ 3 เสียง เห็นว่าไม่ผิดจริยธรรม และผิดจริยธรรมเท่ากัน โดยกรรมการ 3 เสียง ที่เห็นว่าไม่ผิดจริยธรรม คือ นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง , นางสุวณา สุวรรณจูฑะ และ นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์

ส่วนกรรมการ อีก 3 เสียง ที่เห็นว่า ผิดจริยธรรม คือ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. , นายวิทยา อาคมพิทักษ์ และนายประภาศ คงเอียด ขณะที่ นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ  ลาการประชุม

ขณะที่ ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ข้อ 19 ระบุว่า การลงมติของที่ประชุมเพื่อมีความเห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่

เมื่อคะแนนเสียงเท่ากันถือว่าข้อกล่าวหาตกไป

กล่าวสำหรับ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ก่อนหน้านี้ ถูก ป.ป.ช.ไต่สวนคดี ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จำนวน 2 กรณี คือ

1. กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม จากการลาประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปชมภาพยนต์เรื่อง “4 KINGS อาชีวะ ยุค 90” เมื่อปี 2564

ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียงส่วนใหญ่เห็นว่า พฤติการณ์ของนายมงคลกิตติ์ เข้าข่ายไม่เหมาะสมผิดจริยธรรมแต่ไม่ร้ายแรง ขณะที่ปัจจุบัน นายมงคลกิตติ์ พ้นจากตำแหน่ง สส.ไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องส่งเรื่องให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามข้อบังคับของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีก

2.กรณีใช้เฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “มงคลกิดดิ์ สุขสินธารานนท์” โพสต์รูปภาพและข้อความโดยเจตนาใส่ร้ายผู้กล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวและเป็นหญิงให้ความบันเทิงแก่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อให้บุคคลทั่วไปเชื่อว่านายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อและเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2009 (COVID-19) ซึ่งเป็นข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ผู้กล่าวหาและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้รับความเสียหาย

ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 7 เสียง เห็นว่า นายมงคลกิตติ์ มีความผิด ป.ป.ช.จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาโดยตรงต่อไป

ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น สส.กทม. พรรคประชาชน

ส่วน นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค เป็นอดีต สส. และหัวหน้าพรรคไทรักธรรม เคยปรากฏข่าวถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี เนื่องจากจูงใจชาวบ้านให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคและตั้งสาขาพรรคในทางที่มิชอบตามกฎหมาย

มุกดาหาร สนพท. เลือก วิลาสินี เจริญสุข สื่อ และนักธุรกิจเก่ง เป็น นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย

สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย โดยนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ณ โรงแรมโกลเด้นซิตี้ จังหวัดระยอง โดยนายไตรภพ วงษ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ร่วมเป็นประธาน ซึ่งเป็นสมัยครบวาระเลือกตั้งนายกสมาคมฯ และคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ปี 2568-2570 มีสมาชิกของสมาคมฯ จากทั่วประเทศร่วมประชุมหนาแน่นเข้าร่วมกิจกรรม ด้านวิชาการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การมอบทุนการศึกษาแก่บุตรธิดาสมาชิก สมาคมฯ สนพท. พร้อมคัดเลือกนายกฯ และกรรมการบริหารชุดใหม่ 

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายก สนพท. และคณะกรรมการประกาศสิ้นสุดการทำหน้าที่ พร้อมเสนอชื่อสมาชิกอาวุโสขึ้นเป็นประธานชั่วคราว เพื่อดำเนินการประชุมในการเลือกตั้งตำแหน่งนายก สนพท. คนใหม่ มีสมาชิกเสนอชื่อ นางวิลาสินี เจริญสุข สมาชิกตลอดชีพชาวจังหวัดมุกดาหาร ขึ้นเป็นนายก สนพท. ในที่ประชุมไม่มีผู้ใดเสนอชื่อผู้อื่นเป็นคู่ชิง มติที่ประชุมมีความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์เลือกให้นางวิลาสินี เจริญสุข ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ พร้อมดำเนินการเลือกคณะกรรมการจนครบตามระเบียบของสมาคมฯ 

นางวิลาสินี เจริญสุข เป็นนักธุรกิจที่ประชาชนชาวมุกดาหารรู้จักกันดี เป็นอุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมุกดาหาร เป็นกรรมการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร และเป็นนายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดมุกดาหาร กระทั่งล่าสุด ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) และเป็นนายกหญิงคนแรกของสมาคมที่ก่อตั้งมากว่า 53 ปี 

นางวิลาสินี เจริญสุข กล่าวยืนยันพร้อมที่จะทำงานบริหารสมาคมฯ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่สืบทอดต่อกันมา โดยยึดหลักเพื่อสมาชิกทุกคน หลังการประชุมนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล อดีต นายกฯ และนายบรรหาร บุญเขต ที่ปรึกษาสมาคมฯ นายอำนาจ จงยศยิ่ง พร้อมคณะร่วมกันแสดงความยินดีกับนางวิลาสินี  เจริญสุข นายกฯ สื่อและ นักธุรกิจหญิงจากจังหวัดมุกดาหาร ได้รับตำแหน่งในครั้งนี้

เดินหน้าแผนพัฒนาเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเอง ตั้งแต่ปี 2009 ลดการนำเข้าสินค้าและอาหาร สู่ความมั่นคงที่ยั่งยืน

(26 มี.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัสเซียได้เริ่มดำเนินแผนพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (Self-sufficient economy) ตั้งแต่ปี 2009 โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการลดการพึ่งพาการนำเข้าอาหารและสินค้าภาคการผลิตที่สำคัญตามรายงานจากสำนักวิจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ สแตรทฟอร์ (Stratfor)

แผนเศรษฐกิจพอเพียงของรัสเซียเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ประเทศได้เผชิญกับผลกระทบจากการคว่ำบาตรระหว่างประเทศและความตึงเครียดทางการค้ากับชาติตะวันตก โดยรัฐบาลรัสเซียมุ่งหวังที่จะสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายในประเทศและลดการพึ่งพาภายนอกเพื่อเสริมสร้างอำนาจและอิทธิพลของตนเองในเวทีโลก

การพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงนี้เน้นที่การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารจากต่างประเทศ โดยรัสเซียได้เพิ่มการลงทุนในภาคเกษตรกรรมและส่งเสริมการผลิตภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัสเซียยังได้พยายามพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคการผลิตเพื่อทดแทนสินค้านำเข้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมหนัก, ยานยนต์ และเทคโนโลยี

สแตรทฟอร์ รายงานว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่เครมลินดำเนินการเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่ไม่พึ่งพิงจากการนำเข้าหรือการคว่ำบาตรจากชาติอื่นๆ และเพื่อให้รัสเซียสามารถดำเนินการได้อย่างมีอิสระในระดับภูมิภาคและโลก

การพัฒนาเศรษฐกิจแบบพอเพียงของรัสเซียได้รับการสนับสนุนจากหลายกลุ่มภายในประเทศ รวมถึงการส่งเสริมและปรับปรุงนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมท้องถิ่น ขณะที่รัฐบาลรัสเซียยังคงพยายามเสริมสร้างการค้าภายในประเทศและเปิดตลาดการค้ากับพันธมิตรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ รายงานของ สแตรทฟอร์ ระบุอีกว่าแนวทางนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจรัสเซียในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเมืองจากการพึ่งพาแหล่งพลังงานเป็นหลัก แต่การพัฒนาเศรษฐกิจที่พึ่งพาตนเองในด้านอื่นๆ ก็เริ่มเห็นผลในบางภาคส่วน

‘เอ็กซอนโมบิล’ ขายกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบนบกในไทย หลังขายโรงกลั่น - คลังน้ำมัน - ปั๊มน้ำมันให้ ‘บางจาก’ ไปแล้วก่อนหน้านี้

(26 มี.ค.68) เอ็กซอนโมบิล ลงนามขายกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบนบกในประเทศไทย ทั้งหุ้นในแหล่งสินภูฮ่อมและการดำเนินการในแหล่งน้ำพอง ให้ฮอไรซอน ออยล์และมาตาฮิโอ เอนเนอร์ยี่ หลังขายกิจการโรงกลั่นน้ำมัน คลังน้ำมัน และเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันให้ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไปทั้งหมดในปี 2566 โดยฮอไรซอน ออยล์และมาตาฮิโอ เอนเนอร์ยี่เตรียมเข้าดำเนินการแหล่งน้ำพองในนามของกลุ่มบริษัทร่วม

บริษัท มาตาฮิโอ เอนเนอร์ยี่ (Matahio Energy) ประกาศว่าได้ร่วมมือกับบริษัท ฮอไรซอน ออยล์ ลิมิเต็ด (Horizon Oil Limited) ลงนามในข้อตกลงกับบริษัท เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น (Exxon Mobil Corporation) เพื่อเข้าซื้อผลประโยชน์ 100% ในบริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพรเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ (ExxonMobil Exploration and Production Khorat Inc. หรือ EMEPKI) โดยสินทรัพย์ดังกล่าวรวมถึงหุ้นในแหล่งก๊าซธรรมชาติสินภูฮ่อม (Sinphuhorm) (ไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการโดยตรง) และแหล่งน้ำพอง (Nam Phong) (เป็นผู้ดำเนินการโดยตรง) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติบนบกในประเทศไทย ทั้งสองแหล่งมีการจัดการที่ดีและมีรากฐานที่แข็งแกร่ง

ฮอไรซอน ออยล์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย (ASX) และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซิดนีย์ ส่งหนังสือแจ้งต่อ ASX ว่าฮอไรซอน ออยล์ จะเข้าซื้อหุ้น 75% ใน EMEPKI โดยมาตาฮิโอ เอนเนอร์ยี่ (ดำเนินกิจการในมาเลเซีย สิงคโปปร์ นิวซีแลนด์ และฟิลิปปินส์) จะเข้าซื้อหุ้นส่วนที่เหลือ 25% และตกลงที่จะจัดการพนักงานของ EMEPKI และการดำเนินการแหล่งน้ำพองในนามของกลุ่มบริษัทร่วม โดยฮอไรซอน ออยล์ ระบุว่า การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจ เนื่องจากต้องการเงินทุนขั้นต่ำในการเข้าถึงสินทรัพย์ผลิตก๊าซที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนที่ดึงดูดใจและการคืนทุนอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งโอกาสในการเติบโต

ด้านมาตาฮิโอ เอนเนอร์ยี่ ระบุว่าการเข้าซื้อสินทรัพย์จากเอ็กซอนโมบิลครั้งนี้เป็นการปูทางให้บริษัทเข้าสู่ภูมิศาสตร์ที่สาม นอกเหนือจากนิวซีแลนด์และฟิลิปปินส์ และเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการเติบโตและการกระจายความเสี่ยงของบริษัท อีกทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทในการดำเนินกิจการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทีมงานของมาตาฮิโอและฮอไรซอนมุ่งมั่นที่จะทำให้การถ่ายโอนการดำเนินการแหล่งน้ำพองเป็นไปอย่างราบรื่น

ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพรเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ และ กระทรวงพลังงาน ได้ร่วมลงนามในสัญญาขยายสัมปทานการดำเนินธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติ ในเขตอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น สัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 2/2522/17 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข E5 (นอกพื้นที่โคราช) หรือ แหล่งก๊าซธรรมชาติน้ำพอง โดยต่อระยะเวลาสัมปทานให้บริษัท เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพรเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ ออกไปอีก 10 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2564 – 2574 ซึ่งก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ในปริมาณ 8  ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน จะจัดจำหน่ายให้แก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งต่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนและธุรกิจในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

‘เรื่องจริงผ่านจอ’ แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพจ ‘IO’ หลังมีภาพโลโก้รายการโผล่ช่วง สส. ปชน. อภิปราย

เมื่อวันที่ (25 มี.ค. 68) เพจรายการ เรื่องจริงผ่านจอ โพสต์ข้อความว่า จากกรณีที่มีตัวแทน #พรรคประชาชน นำเพจที่ใช้รูป Logo รายการ #เรื่องจริงผ่านจอ ขึ้นชี้แจงในสภาและมีการกล่าวอ้างว่า เป็น 1 ในเพจ IO ที่เป็นต้นน้ำ และแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จ

ขอชี้แจงว่า เป็นการแอบอ้าง นำ Logo รายการไปใช้โดยทางรายการไม่มีส่วนเกี่ยงข้อง ใดๆ การกระทำดังกล่าว

อุตสาหกรรมดิจิทัลจีนพุ่งทะยานในปี 2024 รายได้แตะ 35 ล้านล้านหยวน (ราว 162 ล้านล้านบาท)

(26 มี.ค. 68) อุตสาหกรรมดิจิทัลของจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2024 โดยรายได้และกำไรของอุตสาหกรรมนี้มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่า รายได้จากการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมดิจิทัลในปี 2024 ได้แตะระดับ 35 ล้านล้านหยวน (ราว 162 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ในขณะเดียวกัน กำไรรวม ของอุตสาหกรรมดิจิทัลจีนในปีนี้ก็เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.5 โดยมีมูลค่าถึง 2.7 ล้านล้านหยวน (ราว 12 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้ มูลค่าเพิ่มของผู้ผลิตรายใหญ่ในกลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์สื่อสาร, และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ขยายตัวถึง ร้อยละ 11.8 ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.4 จุด จากปีที่ผ่านมา

ส่วนในภาคซอฟต์แวร์ของจีน ก็ได้รับการขับเคลื่อนจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), แพลตฟอร์มคลาวด์, และธุรกิจรูปแบบใหม่อื่น ๆ ทำให้รายได้รวมในภาคนี้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 โดยมีมูลค่าทั้งสิ้น 13.7 ล้านล้านหยวน (ราว 73 ล้านล้านบาท)

จีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อนำไปสู่การยกระดับและปรับปรุงอุตสาหกรรมดั้งเดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลประจำปี 2025 ระบุว่า จีนจะเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาคการผลิต พร้อมทั้งส่งเสริมการเติบโตของผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงเพิ่มการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังเดินหน้าผลักดันโครงการ 'เอไอพลัส' (AI Plus) ซึ่งเน้นความร่วมมือในการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับจุดแข็งด้านการผลิตและตลาดภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก

‘มาดามแป้ง’ นั่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล 1 ปี ผลสำรวจชี้!! ดีขึ้นมาก - โดดเด่นเรื่องความโปร่งใส

(26 มี.ค. 68) ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจล่าสุดความพึงพอใจของแฟนบอลไทยจำนวน 1,672 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10-17 มีนาคม 2568 โดยแบ่งเป็นเพศชาย 59.4% เพศหญิง 33.7% และไม่ต้องการระบุเพศสภาพ 6.9% พบว่า 92% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในระดับ "มากที่สุด" (4.41 คะแนนจาก 5 คะแนน) ต่อการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะด้านความโปร่งใสและการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ซึ่งสะท้อนจากสถิติที่ชี้ว่า 97.2% เห็นว่าการทำงานของสมาคมฯ "ดีขึ้น" หรือ "ดีขึ้นมาก" เมื่อเทียบกับยุคก่อนหน้า

โดยผลงานที่โดดเด่นที่เข้าตาแฟนบอลไทย 7ลำดับแรก คือ การสร้างธรรมาภิบาลและความโปร่งใส (ทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้) ซึ่งได้รับคะแนนสูงสุด (8.02 คะแนน จาก 10 คะแนน) ในฐานะผลงานเด่นของสมาคมฯ ในรอบปี รองลงมาการที่ฟุตซอลทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์ ไปฟุตซอลโลก 7 สมัยติดต่อกัน (7.79 คะแนน)แชมป์คิงส์คัพ ต่างจังหวัดครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ ที่จังหวัดสงขลา (7.74 คะแนน)นโยบายผลักดันฟุตบอลหญิงไทยกลับสู่เวทีโลก(7.71 คะแนน) การจัดประชุมฟีฟ่าคองเกรส ครั้งที่ 74 (7.70 คะแนน) การเพิ่มเงินสนับสนุนทุกลีก การจ่ายเงินสนับสนุนให้กับสโมสร เคลียร์เงินค้างจ่ายสโมสรและเงินตกค้าง (7.69คะแนน)และการ MOU กับต่างประเทศเพื่อพัฒนาฟุตบอลไทย (7.67คะแนน)

สำหรับความคาดหวังในอนาคต แฟนบอลส่วนใหญ่ (39.2%) ต้องการเห็นทีมชาติไทยก้าวไกลในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก ขณะที่ 29.7% เน้นย้ำความสำคัญของการรักษาความโปร่งใสในการบริหารงาน นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะสำคัญ เช่นการพัฒนาทีมชาติชุดใหญ่ (35.7%) การพัฒนาเยาวชน (26.4%) ยกระดับมาตรฐานการแข่งขันในประเทศ (15.0%)

นอกจากนี้แล้วมูลค่าทางเศรษฐกิจของการจัดการแข่งขันไทยลีก (T1 T2 T3) ปี 2567 นั้นก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 7,365.405 ล้านบาท (ไทยลีก 1: 4,654.758 ล้านบาท ไทยลีก 2: 1,507.405 ล้านบาท และไทยลีก 3: 1,203.242 ล้านบาท) ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและบทบาทของฟุตบอลไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ประกอบกับข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ชี้ให้เห็นว่า กีฬาฟุตบอลสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศสูงถึง 59,513.28 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าทางตรง 44,347.16 ล้านบาท และมูลค่าทางอ้อม 15,166.12 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดการจ้างงานรวม 110,846 คน โดยเป็นการจ้างงานเต็มเวลาทางตรง 83,499 คน และทางอ้อม 27,347 คน สะท้อนให้เห็นว่า ฟุตบอลมีบทบาทสำคัญในการสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า การทำงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในยุคปัจจุบัน ได้รับความชื่นชมในด้านธรรมาภิบาลและความโปร่งใส ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการ

สร้างความเชื่อมั่นให้กับแฟนบอล ทั้งนี้แฟนบอลไทยยังให้การสนับสนุนการทำงานของสมาคมฟุตบอลฯ ในยุคปัจจุบันอย่างชัดเจน แต่ยังคงจับตาการดำเนินงานตามเป้าหมายระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาทีมชาติและระบบเยาวชน เพื่อยกระดับฟุตบอลไทยสู่มาตรฐานสากลนอกจากนี้แล้วฟุตบอลไทยไม่เพียงเป็นกีฬายอดนิยม แต่ยังเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ญี่ปุ่นยุคใหม่ เตรียมพึ่งพาแรงงานจากต่างแดนมากขึ้น คาด 10% ของประชากรจะเป็นชาวต่างชาติใน 20 ปี

(26 มี.ค. 68) รายงานล่าสุดจากสื่อญี่ปุ่นระบุว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนผ่านสู่สังคมที่มีชาวต่างชาติคิดเป็น 10% ของประชากรทั้งหมด ท่ามกลางวิกฤติประชากรลดลงและแรงงานขาดแคลน

ญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหาการลดลงของจำนวนประชากรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราการเกิดต่ำและประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงต้องปรับนโยบายเพื่อเปิดรับแรงงานต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงาน เช่น การดูแลผู้สูงอายุ ก่อสร้าง และเทคโนโลยี

ข้อมูลจากนักวิชาการด้านประชากรศาสตร์ชี้ว่า หากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อไป ภายในปี 2045 ชาวต่างชาติอาจมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่น และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมของประเทศ

แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มี วัฒนธรรมแบบเอกลักษณ์และค่อนข้างปิดต่อแรงงานต่างชาติในอดีต แต่สถานการณ์ปัจจุบันบีบบังคับให้ต้องเปิดรับแรงงานจากต่างประเทศมากขึ้น รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น ขยายโครงการวีซ่าทำงาน และผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับแรงงานทักษะสูง เพื่อดึงดูดคนจากทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม แม้การเพิ่มขึ้นของชาวต่างชาติจะช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนแรงงาน แต่ก็อาจนำไปสู่ความท้าทายด้านการปรับตัวทางสังคมและวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นระบบสวัสดิการ การศึกษา และการอยู่ร่วมกันของคนหลายเชื้อชาติ

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า หากญี่ปุ่นสามารถปรับตัวได้ดี ประเทศอาจกลายเป็นสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต

โปรดเกล้าฯ ‘วิชัย ทองแตง’ นักธุรกิจมากประสบการณ์ นั่งนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง ‘วิชัย ทองแตง’ ให้ดำรงตำแหน่ง นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ (25 มี.ค. 68) ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก โดยข้อความระบุว่า

ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีคำสั่ง ที่ ๓๙/๒๕๕๕๙ เรื่อง การจัดระเบียบ
และแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้มีคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สกอ. ๑๔๕๒/๒๕๕๙ เรื่อง ให้ผู้ดำรงตำแหน่งพันจากตำแหน่งหน้าที่และแต่งตั้งบุคคลให้ปฏิบัติหน้าที่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ และ ที่ สกอ. ๑๓๑/๒๕๖๐

เรื่อง แต่งตั้งบุคคลในคณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก(เพิ่มเติม) ลงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๐ โดยให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภารสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันที่มีคำสั่งนี้ใช้บังคับพ้นจากตำแหน่งหน้าที่และแต่งตั้งคณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ (๑) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ประชุมคณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกครั้งที่ ๑๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ ได้มีมติเห็นชอบให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายวิชัย ทองแตง ดำรงตำแหน่ง นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก แต่โดยที่ได้มีกรณีร้องเรียนเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยดังกล่าว ซึ่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้พิจารณาข้อร้องเรียนแล้วเห็นว่า การดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมจึงขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งตั้งต่อไป

บัดนี้ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งบุคคลดังกล่าว ให้ดำรงตำแหน่ง
นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๘

ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘

ผลสำรวจชี้ ชาวโปแลนด์กว่าครึ่งไม่ต้องการเข้าร่วมการฝึกทหารอดีตหน่วยรบพิเศษ GROM ผิดหวัง เตือนควรตื่นตัวมากกว่านี้

(26 มี.ค. 68) ผลสำรวจโดย Opinia24 สำหรับสถานีวิทยุ RMF FM เผยให้เห็นว่า ประชาชนโปแลนด์มีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับโครงการฝึกทหารของรัฐบาล โดยมีเพียง 35% เท่านั้นที่พร้อมเข้าร่วมการฝึกโดยสมัครใจ ขณะที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร (54%) ไม่ต้องการเข้าร่วม

สำหรับรายละเอียดของผลสำรวจพบว่า 14% ของผู้ตอบแบบสอบถาม “พร้อมอย่างแน่นอน” 21% “ค่อนข้างพร้อม” 21% “ค่อนข้างไม่พร้อม” 33% “ไม่พร้อมอย่างแน่นอน” และอีก 12% ระบุว่า "ไม่ทราบ/ยากที่จะตอบ" 

โดยโครงการฝึกอบรมทางทหารดังกล่าวเป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ (Donald Tusk) ประกาศเมื่อต้นเดือนมีนาคม กำหนดให้ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ทุกคนต้องเข้ารับการฝึก ขณะที่ผู้หญิงสามารถเข้าร่วมได้โดยสมัครใจ

ด้าน พาเวล มาเตนชุก (Paweł Mateńczuk) อดีตทหารจากหน่วยรบพิเศษ GROM และปัจจุบันเป็นผู้แทนกระทรวงกลาโหมด้านเงื่อนไขการรับราชการทหาร ได้แสดงความผิดหวังต่อผลสำรวจดังกล่าว โดยเขาระบุว่า

“ผมมั่นใจในกองทัพโปแลนด์ในฐานะสถาบันที่พัฒนาตัวเองเพื่อปฏิบัติภารกิจปกป้องประเทศของเรา (แต่ผมรู้สึกเศร้าเมื่อเห็นสถิติเหล่านี้ เพราะผมคิดว่าเมื่อมีโอกาสในการฝึกทหาร และเรามีพรมแดนติดกับประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม สังคมของเราควรมีความกระตือรือร้นมากกว่านี้”

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นถึงกระแสต่อต้านจากประชาชนจำนวนมาก ซึ่งอาจมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาระหน้าที่ ความเสี่ยง และมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับนโยบายด้านกลาโหมของรัฐบาล

ขณะที่รัฐบาลยังไม่ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกระแสต่อต้านจากประชาชน การสำรวจนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อแนวทางการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคงในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top