Tuesday, 24 June 2025
Hard News Team

‘นักวิชาการด้านเเผ่นดินไหว’ ชี้ ‘รอยเลื่อนสะกาย’ เป็นแผ่นดินไหวแบบซูเปอร์เชีย เคลื่อนตัวแนวระนาบส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือน - การพังทลายสูง

(31 มี.ค. 68) ดร.ไพบูลย์ นวลนิล นักวิชาการด้านแผ่นดินไหว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Namom Thoongpoh ว่า แผ่นดินไหวแบบซูเปอร์เชีย (supershear earthquake) คือแผ่นดินไหวที่ความเร็วของการพังทลาย (rupture propagation) เร็วกว่าความเร็วของคลื่นเอส มีการกระจายคลื่นแบบกรวย เหมือน คลื่นซูเปอร์โซนิค ทำให้เกิดการซ้อนคลื่นขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนสูงกว่าปกติ

แผ่นดินไหวแบบนี้จะเกิดในรอยเลื่อนแบบเคลื่อนตัวแนวระนาบ (strike slip fault) ซึ่งรอยเลื่อนสะกายเป็นรอยเลื่อนชนิดนี้

จากข้อมูลงานวิจัยที่ผ่านมา มีแผ่นดินไหวในลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายที่หลายที่ เช่น 

2023 Turkey–Syria earthquakes, Mw 7.8, Anatolian Fault
2020 Caribbean Sea earthquake, Mw 7.7, Oriente transform fault 
2018 Sulawesi earthquake, Mw 7.5, Palu-Koro Fault
2008 Sichuan earthquake, Mw 7.9,  Longmenshan Fault
2001 Kunlun earthquake, Mw 7.8 , Kunlun fault
เป็นต้น

ดังนั้นก่อนที่จะสรุปว่าเหตุใด กทม. จึงได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนมาก ต้องติดตามข้อมูลจากนักแผ่นดินไหววิทยากันต่อไป ไม่ใช่ดินอ่อนเพียงอย่างเดียว ดังที่เราเข้าใจ

สบส.จัดสัมมนาพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและสถาบันการศึกษาด้านการบริการเพื่อสุขภาพเสริมมาตรฐานการเรียนการสอน

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จัดสัมมนาพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สถาบันการศึกษาภาครัฐและเอกชน เดินหน้าพัฒนา ควบคุม กำกับมาตรฐาน การจัดการเรียนการสอนด้านการบริการเพื่อสุขภาพ รวมถึงสร้างความรู้ ความเข้าใจในการเป็นแหล่งฝึกปฏิบัติทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่มีคุณภาพ พร้อมส่งบุคลากรด้านการบริการเพื่อสุขภาพสู่การทำงานจริง ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (2566-2570) หมุดหมายที่ 4 ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง

ซึ่งกรม สบส. มีนโยบายในการดำเนินงานเพื่อตอบรับกับแผนชาติ ด้วยการส่งเสริม พัฒนาควบคุม กำกับมาตรฐานสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ บุคลากร และมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรด้านการบริการเพื่อสุขภาพของสถาบันการศึกษา หน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ  ซึ่งปัจจุบันมีสถานประกอบการที่ผ่านการอนุญาต 17,093 แห่ง แบ่งเป็น กิจการสปา 1,153 แห่ง กิจการนวดเพื่อสุขภาพ 14,673 แห่ง กิจการนวดเพื่อเสริมความงาม 233 แห่งและกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง 1,034 แห่ง และมีสถาบันการศึกษาที่ผ่านการรับรองหลักสูตรฯ 

จากกรม สบส. 621 สถาบัน ได้แก่ หลักสูตรนวดสปา 419 แห่ง หลักสูตรผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง 202 แห่ง
และเพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนา ควบคุม กำกับมาตรฐานสถาบันการศึกษาและสถานประกอบการเพื่อสุขภาพให้มีมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 และยกระดับมาตรฐานการศึกษาและการฝึกปฏิบัติการทำงานจริงไปพร้อมกับการเรียนรู้ให้มีคุณภาพสูงขึ้น ตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างยั่งยืน จึงได้จัดสัมมนาพัฒนาศักยภาพสถาบันการศึกษา หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ที่จัดการเรียนการสอนด้านการบริการเพื่อสุขภาพ และสถานประกอบการเพื่อสุขภาพขึ้น

ทันตแพทย์อาคม รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า การสัมมนาครั้งนี้นับเป็นการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ สร้างกระบวนการพัฒนาบุคลากรและการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน ตลอดจนถือเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านการบริการเพื่อสุขภาพ ทำให้ผู้รับบริการในสถานประกอบการได้รับการบริการและการดูแลที่มีคุณภาพมาตรฐานจากบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อให้เศรษฐกิจสุขภาพเติบโตอย่างยั่งยืน

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

สงครามกลางเมืองปะทะภัยธรรมชาติ ประชาชนเผชิญความสิ้นหวัง หายนะที่ยังไร้จุดจบ

(30 มี.ค. 68) เมียนมาเผชิญกับอนาคตที่มืดมนยิ่งขึ้น หลังจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง และส่งผลกระทบไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย ตามรายงานของ เดลิเมล สื่ออังกฤษ

ขอบเขตของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ยังไม่แน่ชัด โดยเฉพาะในเมียนมา ซึ่งกำลังอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมืองและการควบคุมข้อมูลข่าวสารอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,600 ราย ในเมียนมา และอีกอย่างน้อย 10 รายในกรุงเทพฯ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตสุดท้ายอาจแตะระดับหลายพันคน

ก่อนเกิดแผ่นดินไหว สถานการณ์ในเมียนมาก็เลวร้ายอยู่แล้ว ประชาชนมากกว่า 3 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน และอีกหลายแสนคนถูกตัดขาดจากโครงการช่วยเหลือด้านอาหารและสาธารณสุข ผลจากสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมานานกว่า 4 ปี โดยองค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหารัฐบาลทหารว่าใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้า

เมียนมาตกอยู่ในความวุ่นวายตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ อองซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 จุดชนวนให้เกิดการต่อต้านทั่วประเทศ การประท้วงที่เริ่มต้นอย่างสันติถูกปราบปรามอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องจับอาวุธต่อต้าน ส่งผลให้ความขัดแย้งกระจายไปทั่วประเทศ

หลังเกิดแผ่นดินไหว รัฐบาลทหารเมียนมาออกแถลงการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก ขอรับความช่วยเหลือจากนานาชาติ โดยระบุว่าต้องการโลหิตเป็นจำนวนมากในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก

เทเลกราฟ รายงานโดยอ้างแพทย์คนหนึ่งในเมียนมาว่า ระบบสาธารณสุขในประเทศอ่อนแออยู่แล้ว และไม่มีทรัพยากรหรือบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอรับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้ ขณะที่ ทอม แอนดรูว์ ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ให้สัมภาษณ์กับ ไทม์เรดิโอ ว่า

“นี่อาจเป็นหายนะซ้อนหายนะ ประชาชน 20 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตั้งแต่ก่อนแผ่นดินไหวแล้ว มีผู้พลัดถิ่น 3 ล้านคน และมากกว่าครึ่งของประชากรเมียนมาดำดิ่งสู่ความยากจนขั้นรุนแรง”

โจ ฟรีแลนด์ นักวิจัยด้านเมียนมาของ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของเมียนมา ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่ร้ายแรงอยู่แล้ว”

แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อไทย โดยมีรายงานว่ากรุงเทพฯได้รับแรงสั่นสะเทือนและมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่ามาตรการตัดลดงบประมาณช่วยเหลือต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งประกาศระงับโครงการช่วยเหลือต่างประเทศเป็นเวลา 90 วัน อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง โดยเฉพาะในแคมป์ผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาในไทยที่มีผู้พักพิงมากกว่า 100,000 คน

โครงการอาหารโลก (WFP) รายงานว่าการปันส่วนอาหารในเมียนมาจะถูกตัดขาดเกือบทั้งหมดในเดือนเมษายน แม้ว่าประเทศกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารรุนแรง

ปัจจุบัน มีประชากร 15.2 ล้านคน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด ไม่มีอาหารเพียงพอ และราว 2.3 ล้านคน ต้องเผชิญกับภาวะหิวโหยระดับฉุกเฉิน

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) คาดการณ์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 10,000 - 100,000 ราย พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์เมียนมาว่า “ยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่านี้”

รัฐบาลทหารประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 5 ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ มัณฑะเลย์, สะกาย, มะกเว, ฉาน และบะโก ด้านองค์การสหประชาชาติจัดสรรงบประมาณ 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับความช่วยเหลือเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม ภาพถ่ายจากพื้นที่ภัยพิบัติแสดงให้เห็นถนนแตกร้าว สะพานถล่ม และเขื่อนแตก สร้างความกังวลว่าทีมกู้ภัยจะเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้ยาก ในประเทศที่กำลังจมดิ่งสู่ภาวะวิกฤติอยู่แล้ว

หนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar รายงานว่า เมืองและหมู่บ้าน 5 แห่ง พบเห็นอาคารพังถล่ม และมีสะพานพัง 2 แห่ง หนึ่งในนั้นเป็นสะพานหลักที่เชื่อมไปยัง มัณฑะเลย์ โดย โมฮัมเหมด ริยาส ผู้อำนวยการด้านเมียนมาของ คณะกรรมการกู้ภัยระหว่างประเทศ (IRC) ระบุว่า

"อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะทราบถึงขอบเขตความเสียหายที่แท้จริง และอาจมีผลกระทบร้ายแรงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้"

จากสงครามกลางเมืองที่ยังไม่มีจุดจบ สู่ภัยธรรมชาติร้ายแรงที่ซ้ำเติม เมียนมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่งขึ้น ความช่วยเหลือจากนานาชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในประเทศที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

กลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า ประกาศหยุดสู้รบ 2 สัปดาห์ เพื่อเปิดพื้นที่ให้กู้ภัยช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหว

(30 มี.ค. 68) กลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ประกาศหยุดยิงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและองค์กรด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตเนปิดอว์ ภาคซะไกง์ และภาคมัณฑะเลย์

แถลงการณ์จากแนวร่วมกลุ่มติดอาวุธระบุว่า การหยุดยิงชั่วคราวครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคจากสถานการณ์สู้รบ และป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องเผชิญความยากลำบากมากขึ้นจากทั้งภัยพิบัติและความขัดแย้งทางทหาร

“กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) จะหยุดดำเนินการปฏิบัติการทางทหารเชิงรุกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ยกเว้นปฏิบัติการเชิงป้องกัน ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. 2568” รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ที่เป็นรัฐบาลเงาระบุในคำแถลง

ด้านองค์กรบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศและกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างจริงจัง และเปิดทางให้ความช่วยเหลือเข้าถึงทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าการเมืองไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อน

ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมายังไม่มีท่าทีตอบสนองต่อแถลงการณ์หยุดยิงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าองค์กรกาชาดสากล และศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านมนุษยธรรม (AHA Centre) กำลังเร่งประสานงานกับทั้งสองฝ่ายเพื่อส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ภัยพิบัติโดยเร็วที่สุด

ญี่ปุ่นออกคำเตือน ภูเขาไฟเกาะคิวชูส่งสัญญาณปะทุ ประกาศห้ามประชาชนเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยงภูเขาไฟ

(30 มี.ค. 68) เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นได้ออกคำเตือนระดับกลางเกี่ยวกับภูเขาไฟแห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะคิวชู โดยแนะนำให้ประชาชนอย่าเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยง เนื่องจากมีสัญญาณว่าอาจเกิดการปะทุขึ้นในเร็วๆ นี้

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น (JMA) รายงานว่ามีการตรวจพบแรงสั่นสะเทือนที่เพิ่มขึ้นบริเวณภูเขาไฟ พร้อมทั้งพบควันพวยพุ่งจากปล่องภูเขาไฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการเคลื่อนตัวของแมกมาใต้พื้นดิน เจ้าหน้าที่จึงได้ประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณที่อาจได้รับผลกระทบจากเถ้าภูเขาไฟและหินร้อน

นอกจากนี้ หน่วยงานด้านภัยพิบัติของญี่ปุ่นยังเตรียมมาตรการฉุกเฉินเพื่อรับมือหากมีการปะทุเกิดขึ้น รวมถึงการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภูเขาไฟจำนวนมาก และมีระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ชาวเน็ตชื่นชม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างซีคอนฯ อาสาพาลูกค้ากลับบ้าน หลังแผ่นดินไหวทำจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ

(30 มี.ค. 68) จากกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับบ้านด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความวุ่นวายยังมีเรื่องราวดีๆ ที่สร้างรอยยิ้มให้กับสังคม

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chaiyaporn Chinaprayoon ได้แชร์ภาพและข้อความชื่นชมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค ที่อาสานำมอเตอร์ไซค์ส่วนตัวออกมาช่วยรับ-ส่งลูกค้าที่ติดอยู่ภายในห้างฯ และบริเวณใกล้เคียงจนถึงช่วงดึก เพื่อให้ทุกคนได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

“ลูกค้าไม่ท้อ รปภ. ไม่ทิ้ง” เฟซบุ๊กของ Chaiyaporn Chinaprayoon โพสต์ข้อความดังกล่าว สะท้อนถึงน้ำใจของเจ้าหน้าที่ที่อาสาขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งลูกค้าโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน นอกจากนี้ยังมีลูกค้าหลายคนที่ได้รับความช่วยเหลือเข้ามาเขียนข้อความขอบคุณทีมงานรักษาความปลอดภัยของห้างฯ ที่ทุ่มเทช่วยเหลือประชาชนในช่วงเวลาคับขัน

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวโซเชียลอย่างมาก โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและชื่นชมเจ้าหน้าที่ รปภ. ที่แสดงออกถึงความมีน้ำใจและจิตอาสา หลายคนมองว่านี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความมีน้ำใจของคนไทยที่ช่วยเหลือกันแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหว แต่ยังแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่ดีงามของคนไทย ที่ไม่ทอดทิ้งกันแม้ในยามวิกฤติ

‘เอกนัฏ’ สั่งตรวจสอบมาตรฐานเหล็กเส้นในตึก สตง. ถล่มหลังแผ่นดินไหว หวั่นใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐาน เตรียมขยายผลไปยังโรงงานผลิตที่เกี่ยวข้อง

(30 มี.ค. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่มเนื่องจากแผ่นดินไหวที่ผ่านมา 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ทีมงานพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปเก็บหลักฐานที่จุดเกิดเหตุบริเวณตึก สตง. ที่ถล่ม ซึ่งหากพบว่าผู้ก่อสร้างใช้เหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน จะดำเนินการตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมถึงขยายผลไปยังโรงงานผลิตเหล็กที่เกี่ยวข้องด้วย

นายพงศ์พลกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบแบบแปลนโครงสร้างตึก สตง. ที่กำลังก่อสร้างมีความสูงถึง 30 ชั้น คาดว่าต้องใช้เหล็กเส้นข้ออ้อย (เหล็กเส้นกลมมีบั้ง) ขนาด DB16, DB20, DB25 ในการเสริมแรงโครงสร้างคอนกรีต โดยเฉพาะในส่วนของเสา คานพื้น และฐานราก เพื่อรองรับน้ำหนักและแรงอัด แรงดึง และแรงเฉือน ซึ่งหากมีการใช้เหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐานไม่เป็นไปตามหลักทางวิศวกรรม จะทำให้โครงสร้างเปราะและแตกหักง่าย ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อโครงสร้างอาคารในกรณีที่มีแรงกระแทกหรือแผ่นดินไหว

การผลิตและจำหน่ายเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานถือเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงและไม่สามารถปล่อยผ่านได้ เพราะอาจส่งผลเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ รัฐมนตรีเอกนัฏได้ดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องนี้มาโดยตลอด

โดยก่อนหน้านี้ได้ดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กที่เป็นบริษัทร่วมจดทะเบียนและบริษัทต่างชาติไปแล้วถึง 7 ราย ล่าสุดได้สั่งปิดโรงงานผลิตเหล็กทุนข้ามชาติยักษ์ใหญ่ที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และพบเหล็กเส้นข้ออ้อย SD 40 และ SD 50 ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน มอก. 24-2559 จากการทดสอบของสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและอันตรายต่อประชาชน และเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยในทุกขั้นตอนของการก่อสร้างทั่วประเทศ

ผบ.ตร.สั่งย้ำทุกหน่วยคงเข้มเร่งช่วยเหลือประชาชนเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ระดมตำรวจดูแลมิติจราจร งานอาชญากรรมป้องกันมิจฉาชีพซ้ำเติมประชาชนทุกรูปแบบ พร้อมส่งชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมค้นหาผู้รอดชีวิต เปิดหน่วยนิติเวช ตรวจDNA เปรียบเทียบ 

(30 มี.ค. 568) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการดูแลพี่น้องประชาชนหลังเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการทุกหน่วยยังคงความเข้มในการดำเนินการบูรณาการร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกการจราจร ตลอดจนการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน หลังเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่ผ่านมา โดยให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) และศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อบริหารจัดการร่วมกับหน่วยต่างๆ  ดังนี้

1) การช่วยค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุตึกถล่ม และการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล : ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ส่งกำลังพลชุดปฏิบัติการเข้าร่วมช่วยเหลือ ทั้งในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , ตำรวจภูธร รวมทั้งมีสุนัขตำรวจ และโดรนตรวจจับความร้อน ร่วมหน่วยเกี่ยวข้องสำรวจช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในภายในตึก ซึ่งขณะนี้ยังร่วมทำงานเข้มข้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังสั่งการให้สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ทำการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล พร้อมขอฝากประชาสัมพันธ์ญาติผู้ได้รับผลกระทบสูญหายจากเหตุอาคารถล่มเนื่องจากแผ่นดินไหว ให้มาตรวจเก็บ DNA เพื่อตรวจเปรียบเทียบได้ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ  

2) การดูแลอำนวยการจราจร : ได้สั่งระดมตำรวจจราจรทุกพื้นที่ออกให้การจราจรดูแลพี่น้องประชาชน มีกองบังคับการตำรวจจราจรเป็นหน่วยงานในการบริหารจัดการจราจร  มีการจัดกำลังเป็นชุดปฏิบัติรถนำรถพยาบาล ขนย้ายผู้ป่วย ขนย้ายเครื่องมือ กำลังพล เพื่อให้สามารถช่วยเหลือเหตุได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ขณะนี้ภาพรวมการจราจรเริ่มสู่สถานการณ์ปกติ เหลือเพียงจุดด่วนดินแดงที่ยังปิดให้บริการ ซึ่งได้ประสานงานกับเอกชน เพื่อให้สามารถเปิดการจราจรให้เร็วที่สุดและต้องปลอดภัยที่สุดด้วย 

3) การดูแลความปลอดภัย : ได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจนครบาลที่มีการเปิดสวนสาธารณะ หรือสถานที่อื่นๆ ให้เป็นที่พักชั่วคราวของประชาชน ต้องจัดสายตรวจดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งการเพิ่มความเข้มป้องกันมิจฉาชีพที่จะฉวยโอกาสซ้ำเติมพี่น้องประชาชน โดยจะต้องเพิ่มวงรอบตรวจตรามากขึ้น รวมทั้งการปฏิบัติการทางสื่อโซเชียล ออนไลน์ โดยมอบหมายให้ตำรวจไซเบอร์เฝ้าระวังการส่ง SMS หรือกลลวงต่างๆ ที่จะไปหลอกหลวงประชาชน หากพบให้รีบดำเนินการจับกุม มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง 

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกับกำลังพลทุกภาคส่วน “ทุกวินาทีมีค่า” ตำรวจจะต้องทำงานอย่างหนักและต่อเนื่องในห้วงนี้ ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งสนับสนุน ช่วยเหลือค้นหาผู้ประสบภัย รักษาชีวิต จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย รวมทั้งการปกป้องรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน การดูแลอำนวยความสะดวกการจราจรอย่างเต็มกำลัง รวมทั้งได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ลงไปตรวจสอบดูแลอาคาร ที่พัก ความปลอดภัยของข้าราชการตำรวจ ดูแลสวัสดิการความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชา และช่วยเหลือทุกด้าน

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการความเหลือสามารถติดต่อที่หมายเลข 191 หรือ 1599 หรือติดต่อสอบถามการจราจรที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจรกลาง 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผบช.ภ.2 เยี่ยมให้กำลังใจ ทีมตำรวจ ภ.2 ร่วมภารกิจค้นหาผู้ติดใต้ซากอาคาร กำชับทำเต็มที่ ทุกวินาทีมีค่า

(30 มี.ค. 68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจ ภ.2 จำนวน 200 นาย ที่มาร่วมภารกิจค้นหาผู้ประสบภัยอาคารถล่มจากแผ่นดินไหว ย่านจตุจักร กทม. โดยเดินทางมาถึงตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจจาก ภ.2 ได้รับภารกิจสนับสนุนด้านการจราจร ดังนั้นนอกจากนำอาหาร น้ำดื่มมาฝาก ให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ยังได้กำชับให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ช่วยเหลือสนับสนุนเจ้าหน้าที่หน่วยอื่น ๆ และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้เจ้าหน้าที่ที่ร่วมภารกิจ ขณะเดียวกันต้องยิ้มแย้มแจ่มใส สื่อสารกับประชาชนอย่างเป็นมิตร โดยให้เข้าใจว่าภารกิจครั้งนี้ “ทุกวินาทีมีค่า” เป็นภารกิจที่แข่งขันกับเวลา และมีความตึงเครียด ทั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง และจะอยู่เคียงข้างประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบช.ภ.2  ได้เดินทางไปยัง ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว (ศพข.) บช.ส. กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพล ที่มาปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้ โดยได้ให้กำลังใจและแนะนำแนวทางการปฏิบัติงาน มอบเครื่องดื่มและผลไม้เพื่อสนับสนุนกำลังพล เพิ่มขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top