Friday, 19 April 2024
Hard News Team

'หมอแล็บแพนด้า' เตือนอย่าเอายาทาเล็บมาทาฟัน ชี้ อาจขาวทันใจ แต่มีสารอันตรายเพียบ

(16 มี.ค. 66) ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน หรือ หมอแล็บแพนด้า นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กเตือน อย่าเอายาทาเล็บมาทาฟัน ระบุว่า พี่ ๆ ช่างแต่งหน้าตามงานประกวดบางคน ยังชอบเอายาทาเล็บมาทาฟันอยู่อีก ฟันจะได้ขาววิ้งทันใจ เห็นคลิปแล้วก็สงสารน้อง เพราะยาทาเล็บมีสารอันตรายหลายตัว และมีสารก่อมะเร็งด้วย ห้ามเอาเข้าปากเด็ดขาดนะครับ

อย่าลืมว่าในยาทาเล็บมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ ไนโตรเซลลูโลส ฟอร์มาลดีไฮด์ เรซินโทลูอีน ไดบิวทิล พทาเลต ส่วนผสมในยาทาเล็บที่ควรระวังและอาจเป็นอันตราย ได้แก่

ไดบิวทิล พทาเลต (Dibutyl Phthalate) ตัวนี้เป็นสารที่เขามักเอามาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสี ย่าฆ่าแมลง และพลาสติก ใช้ในยาทาเล็บจะทำให้ทาได้ง่าย เรียบ มีความยืดหยุ่นดี แต่ห้ามเอาเข้าปากเพราะเป็นสารก่อมะเร็งและทำให้ลูกพิการแต่กำเนิด ใครที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรใช้ และอาจทำให้มีผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ในเพศชายได้

ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นสารก่อมะเร็งที่มักจะใช้เป็นส่วนผสมของสีทาเล็บ ทำให้ยาเคลือบเงาเล็บแข็งตัว และเกาะกับเล็บได้ดี ราคาถูก แต่มีพิษต่อร่างกาย มีไอระเหย ถ้าสูดดมเข้าไปจะทำให้แสบจมูก แสบคอ แสบตา ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน ทำลายภูมิคุ้มกัน และเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย

'เศรษฐา' โชว์ฟิตขึ้นรถแห่ทักทาย ปชช.ครั้งแรก วอนเลือก ‘เพื่อไทย’ ยกเข่ง ทั้งคนทั้งพรรค

‘เศรษฐา’ นำ ‘เพื่อไทย’ เดินตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง บรรยากาศสุดคึกคัก เจ้าตัวชูเข่งปลาทูบอกขอเลือก พท.ยกเข่ง ทั้งคนทั้งพรรค ก่อนขึ้นรถแห่ทักทาย ปชช. เป็นครั้งแรก

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 16 มีนาคม 2566 แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายวราวุธ ยันต์เจริญ กรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง กทม.เพื่อพบปะพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในตลาด โดยระหว่างเดินผ่านแผงขายปลาทู พ่อค้าปลาทูได้ยกเข่งปลาทูให้นายเศรษฐาดู ทำให้ นายเศรษฐา กล่าวว่า "เลือกเพื่อไทยยกเข่ง ทั้งคน ทั้งพรรคนะครับ"

รมว.พิพัฒน์ ประชุม หารือ กับผู้ประกอบการจังหวัดกระบี่ เปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกาะลันตา - ลังกาวี

วันนี้ (16 มี.ค.66) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกาะลันตา - ลังกาวี ของจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำโดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ,นางศุภิดา อ่อนบรรจง ผู้อำนวยการกลุ่มงานต้านตลาดในประเทศ ,นายสมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคภาคใต้ ,นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกระบี่ ,นายไพรัช สุขงาม  ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานสตูล ,นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.กระบี่ ภาคเอกชนและผู้ประกอบการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า “เมื่อวันที่ 6 มค ที่ผ่านมาได้เดินทางไปยังเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย พร้อมกับ ททท เพื่อหารือกับผู้บริหารพื้นที่พิเศษของลังกาวี ก็มีความคิดตรงกันว่าจะทำอย่างไร ให้เป็น Destination to Island คือ หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว สองเกาะ สองประเทศ จึงเป็นที่มาของการหารือในวันนี้ร่วมกับจังหวัด ว่าหากจะเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเกาะลันตา - ลังกาวี ว่าจะพร้อมขนาดไหน ซึ่งท่านผู้ว่าบอกว่าได้มีการเตรียมความพร้อมในการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมือง ที่ศาลาด่าน เกาะลันตา ซึ่งได้ลงไปดูพื้นที่แล้ว และหารือในรายละเอียดด้านการเดินทาง ว่าจะเดินทางอย่างไร โดยมีข้อจำกัดว่าลังกาวีไม่อนุญาตให้นำเรือสปีดโบ้ทเข้าไป ก็น่าจะมีทางออกว่า ใช้เรือเฟอรี่ ซึ่งก็จะได้ดำเนินการต่อไปทั้งสองส่วนคือเกาะลันตาและลังกาวี เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวนี้ได้”

นอกจากนี้ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ยังได้กล่าวด้วยว่า “การท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ เคยมีรายได้พีคสุดในปี 62 คือ 120,000 ล้านบาท เราจะพัฒนาได้มั๊ยว่าจะเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวได้มากขึ้นอย่างไร เพราะจังหวัดกระบี่ยังมีศักยภาพที่ยังพัฒนาได้อีกมาก โดยขณะนี้ก็ได้วางโครงสร้างไว้ คือ สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ซึ่งภูเก็ตเราจะพูดถึงเมืองในอนาคต Smart City และพังงา ได้กำหนดเป็นการท่องเที่ยว Low Carbon ส่วนจังหวัดกระบี่ ก็จะชูคลองท่อมเมืองสปา เนื่องจากอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำพุร้อน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือ เรามีน้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งเป็น 1 ใน 2 แห่งของโลกเท่านั้น เราจึงต้องการพัฒนาให้อำเภอคลองท่อมเป็นเมืองสปา ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชื่อมต่อไปยังการท่องเที่ยวทางทะเล” 

ด้านนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว เป็นเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ข้อมูลตั้งแต่หลังโควิด ช่วง ต.ค. 65 - ก.พ.66 เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่เกือบ 800,000 คน ซึ่งถือว่าสูงมาก วันนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ได้หารือการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ไปยังเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว  และจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ และหากมีการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาเสร็จก็จะสามารถเชื่อมโยงกันได้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของทั้งจังหวัด ททท และกระทรวง ที่จะต้องช่วยกันผลักดัน ซึ่งจังหวัดกระบี่ก็พร้อมที่จะพัฒนาด้านการท่องเที่ยวร่วมกันเพื่อความยั่งยืนต่อไป "

‘อัศวิน’ สอนมวย ‘ชัชชาติ’ ชี้ทาง เอาสายสื่อสารลงดิน ‘ไม่ต้องใช้เงิน’

‘อัศวิน’ สอนมวย ‘ชัชชาติ’ เอาสายสื่อสายลงใต้ดิน ไม่ต้องใช้เงินทุนซักบาท ใช้แค่กึ๋นเท่านั้น

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์รายการ TOP PEOPLE บันทึกคนสำคัญ ทางสถานีข่าว TOP NEWS โดยตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ได้พูดถึงแนวคิดการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน โดยระบุว่า การนำสายสื่อสารลงใต้ดิน เป็นความตั้งใจอย่างมาก โดยแบ่งโปรเจกต์เป็น 4 ก้อน โดยมีระยะทางความยาวประมาณ 2,400 กิโลเมตร ที่อยู่บนถนนสายหลักและสายรอง โดยไม่รวมถึงในตรอก ซอก ซอย โดยในระยะแรกที่ดำเนินการนั้น สามารถทำไปได้ประมาณ 100 กิโลเมตร 

แต่พอเปลี่ยนมาเป็นผู้บริหารชุดใหม่ โปรเจกต์เอาสายสื่อสารลงใต้ดินก็หยุดไป ด้วยเหตุผลว่า ต้องใช้เงินเยอะ แต่ตนยืนยันได้ว่า ไม่จำเป็นจะต้องใช้ทุนเลย เพราะโปรเจกต์แรกที่ทำไปนั้นก็ไม่ได้ใช้ทุนของ กทม. แต่ใช้วิธีให้เอกชนมาประมูล แล้วลงทุนวางท่อใต้ดิน จากนั้นไปเก็บเงินกับเจ้าของสายสื่อสารที่ต้องการใช้ท่อสำหรับวางสายสื่อสาร

กระทรวง อว. จับมือ รร.นายร้อยตำรวจ ป้องกันอาชญากรรมทั้งการกระทำความผิดและการตกเป็นเหยื่อในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ทักษะเอาตัวรอดเมื่อต้องเผชิญเหตุและสร้างระบบสภาพแวดล้อมในพื้นที่

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมในเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ” ระหว่างกระทรวง อว. กับ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วม

ทั้งนี้ มี ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. และ พล.ต.ท.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นผู้ร่วมลงนาม ที่สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสภาวการณ์ของสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมมีการพัฒนารูปแบบไปตามยุคสมัยและถือเป็นภัยใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวบุคคลและความสงบเรียบร้อยของสังคม ดังนั้นการจัดการกับปัญหาโดยเฉพาะการป้องกันจึงเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนจะต้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการบ่มเพาะกำลังคนสมรรถนะสูงที่จะเป็นกำลังหลักของประเทศในอนาคตในการนำองค์ความรู้และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้สำหรับการป้องกันอาชญากรรมให้ครอบคลุมทั้งมิติของการป้องกันการกระทำความผิดและมิติของการป้องกันการตกเป็นเหยื่อ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม 

ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมและการประยุกต์ใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับการป้องกันอาชญากรรรมในเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศและเพื่อสร้างระบบสภาพแวดล้อมการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมทั้งส่งเสริมทักษะการเอาตัวรอดแก่บุคลากรของมหาวิทยาลัย นักศึกษาหรือประชาชนในพื้นที่โดยรอบ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการค้นคว้าวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมทางสังคมที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยเฉพาะกระบวนการป้องกันอาชญากรรมทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค โดยความร่วมมือดังกล่าวมีระยะเวลา 3 ปี 

ผบ.พล.ร.15 นำกำลังพล ร่วมเดินทางไกลประจำเดือน เสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงให้แก่กำลังพล ณ ค่ายกัลยาณิวัฒนา จ.นราธิวาส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบล กะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดการตรวจสภาพความพร้อมรบ และเดินทางไกลประจำเดือน ของกรมทหารราบที่ 151 และหน่วยขึ้นตรงกองพลทหารราบที่ 15 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานทุกภารกิจของกองทัพบก และความพร้อมของเครื่องมือยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมถึงเพื่อทดสอบขีดความสามารถ และความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจ ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ก่อเกิดความสามัคคีให้แก่กำลังพล ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย และจิตใจให้สมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ได้ในทุกเมื่อ

Mekha V - WHAUP - Sertis ร่วมมือจัดตั้งบริษัท ‘RENEX TECHNOLOGY’ ลุยธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติร่วมในพิธีลงนามสัญญาร่วมทุนจัดตั้ง ‘บริษัท รีเนกซ์ เทคโนโลยี จำกัด’ (RENEX TECHNOLOGY) เพื่อดำเนินการพัฒนาและลงทุนในธุรกิจการให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมและผู้ใช้บริการรายอื่น ๆ (Peer-to-Peer Energy Trading Platform) โดยมีนายชาญ กุลภัทรนิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) 

นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) และนายธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซอร์ทิส เอไอ เอ็นเนอร์จี จำกัด ร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน โดยบริษัทร่วมทุน RENEX TECHNOLOGY มีเป้าหมายเพื่อดำเนินการประกอบธุรกิจพัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้า (Peer-to-Peer) หรือการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยไม่ผ่านคนกลาง โดยใช้ระบบ Two-Sided Bidding Algorithm รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและอำนวยความสะดวกการซื้อขายพลังงานให้กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยกับผู้ใช้พลังงานด้วยเทคโนโลยี Blockchain

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า การร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นไปตามทิศทางกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานใหม่และธุรกิจอื่น ที่นอกเหนือจากพลังงานของ ปตท. โดยได้ส่งบริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) ซึ่งเป็น Flagship ด้านธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และดิจิทัล (AI, Robotics & Digitalization) ของกลุ่ม ปตท. เข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้ง WHAUP และ Sertis ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการนวัตกรรมพลังงาน โดย RENEX ถือเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายพลังงานหมุนเวียน ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Blockchain ให้สามารถซื้อขายพลังงานหมุนเวียนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทดสอบจริงในนิคมอุตสาหกรรมภายใต้โครงการ ERC Sandbox เพื่อความพร้อมในการรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานอนาคต และเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันการใช้พลังงานสะอาดและขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) โดยกลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ และสอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจ ที่ต้องการพลังงานสีเขียวซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) กล่าวว่า WHAUP ในฐานะผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภค พลังงาน ทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเน้นการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค และ พัฒนาพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับการร่วมลงทุนในครั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายของ WHAUP ในการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและลดต้นทุนของพลังงานไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดให้กับกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ จนนำมาสู่การพัฒนาระบบการซื้อขายไฟฟ้าเสรีแบบไม่มีตัวกลางที่เรียกว่า Peer-to-Peer Energy Trading หรือ แพลตฟอร์ม RENEX เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าและผู้รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยใช้เทคโนโลยี AI และ Blockchain มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยกับผู้ใช้พลังงาน  

“การร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน รีเนกซ์ เทคโนโลยี ในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึง ความมุ่งมั่นของ  3 องค์กรชั้นนำที่มีความแข็งแกร่ง และประสิทธิภาพในการบริการจัดการ ของทั้ง บริษัท เมฆา วี จำกัด บริษัท ดับบลิวเอชเอ ฟิวเจอร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซอร์ทิส เอไอ เอ็นเนอร์จี จำกัด เพื่อยกระดับสู่บริษัทร่วมทุนที่มีความทันสมัย ก้าวไกล ในการร่วมมือพัฒนา ทดสอบ และผลักดันระบบแพลตฟอร์ม RENEX ให้สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์นำไปสู่อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการชั้นนำในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นผู้ซื้อขายพลังงานบนแพลตฟอร์ม RENEXแล้ว ถึง 54 รายด้วยกัน”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมประชุมกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-ออสเตรเลียด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ

วันนี้ (16 มี.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้เดินทางมายังกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อร่วมการประชุมกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-ออสเตรเลียด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Mekong-Australia Partnership on Transnational Crime: MAP-TNC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 มี.ค.66 ณ โรงแรมคราวน์พลาซ่า กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยมีผู้แทนจากกลุ่มประเทศในเขตลุ่มแม่น้ำโขง อาทิเช่น ประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเมียนมา รวมทั้งประเทศคู่เจรจา ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศแคนาดา โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการแสวงหาความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติในทุกรูปแบบ

ในการประชุมดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทยให้กับทางการสหรัฐอเมริกาทราบ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการนำเสนอผลการปฏิบัติทั้งในคดีค้ามนุษย์และคดีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าหลายปีที่ผ่านมารวมกัน โดยในปีนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้มีการเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยเชิญผู้ที่เคยเป็นผู้เสียหายเข้ามาร่วมในคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อให้ตัวผู้เสียหายมีส่วนร่วมในการนำประสบการณ์มาใช้พัฒนากระบวนการให้บริการผู้เสียหายให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้แนวคิดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้นำเสนอเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับ NGOs อย่างใกล้ชิด และมีการซักซ้อมการปฏิบัติตามกระบวนการ NRM โดยมีการเริ่มใช้ในจังหวัดสตูลในการคัดแยกผู้เสียหายจากการโยกย้ายถิ่นฐานของบุคคลต่างด้าว ซึ่งประเทศไทยไม่มีการกักตัวผู้เสียหายที่เป็นเด็กในห้องกักอีกต่อไป อีกทั้งได้ขยายการใช้กระบวนการ NRM ให้ครบทุกภูมิภาคของประเทศไทย นอกจากนี้ในยุคปัจจุบัน สถานการณ์ค้ามนุษย์จำเป็นจะต้องมองในระดับภูมิภาค เพื่อให้การขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากประเทศใดไม่ให้ความร่วมมืออย่างจริงจัง จะต้องมีการกดดันในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ อาชญากรรมหลายประเภทสามารถนำไปสู่การค้ามนุษย์ได้ และมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด จึงต้องพัฒนาแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ชัยวุฒิ ปลื้ม! เยาวชนร่วมกันถกปัญหากัญชา ย้ำทุกความเห็นจะเป็นข้อมูลไปทำนโยบาย

(16 มี.ค.66) เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ร่วมกับ สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานกิจกรรมเสวนา เรื่อง ห่วงใยนบาย 'กัญชาเสรี' และการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย ณ ห้องประชุม Smart Classroom คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ อําเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และสามารถใช้สารสกัดกัญชาได้อย่างเหมาะสมรวมไปถึงมุมมองในการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อให้เด็กและเยาวชน นักศึกษา นักเรียน และประชาชน ได้รู้ถึงโทษประโยชน์ กัญชาและการรู้จักวิธีการปกป้องเด็กและเยาวชนจากกัญชาเสรี โดยภายในงานเสวนาได้มีบุคคลที่มีความรู้ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ร่วมพูดคุยกันในครั้งนี้ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลาง นักวิชาการ ,รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ,ปริญญา ปลื้มจิต เจ้าหน้าที่ช่วยงานด้านพัฒนาสังคม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ประสิทธิ์ กั้ววิบูลย์ ตัวแทนนักศึกษา เยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์

โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลางให้ความเห็นว่า“ กัญชาเป็นพืชที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับขนาดและวิธีการใช้งาน ในมุมของอาจารย์ที่อยู่ใกล้ชิดกับนักศึกษา อาจารย์มองว่า ในกลุ่มของเด็กและเยาวชนเองยังไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะใช้ นอกเหนือจากทางการแพทย์ เราควรสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษและประโยชน์ของกัญชาให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชน หรืออาจะมีการเพิ่มรายวิชาเลือกในหลักสูตรให้กับนักศึกษาได้เรียน”

รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ชี้ว่า “ในมุมมองของนักบริหารระดับท้องถิ่น ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน มองว่าการที่ให้ทุกบ้านสามารถปลูกกัญชาได้ ทำให้กัญชาอยู่ใกล้มือเด็กและเยาวชนมากเกินไป บางทีเห็นผู้ปกครองนำมาประกอบอาหาร ก็คิดว่าเป็นสมุนไพร ซึ่งอาจไม่รู้ถึงคุณโทษของกัญชาจริงๆ รัฐควรมีมาตรการควบคุม หรือป้องกันในจุดที่ยังบกพร่อง เช่น ออกพรบ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนจากกัญชา ออกระเบียบในการจำหน่ายซื้อขายของกัญชา”

‘บิ๊กป้อม’ นำทีมเศรษฐกิจ พปชร.เยือนหอการค้าไทย-จีน รับฟัง-แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สู่การพัฒนา ศก.อย่างยั่งยืน

(16 มี.ค. 66) ที่หอประชุมใหญ่ ชั้น 9 หอการค้าไทย-จีน ถนนสาทรใต้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลขาธิการพรรค, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เหรัญญิกพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานยุทธศาสตร์การเมือง, นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายอภิชัย เตชะอุบล และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน ร่วมพบปะหอการค้าไทย-จีน เพื่อร่วมหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีน ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนการท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ระหว่างสองประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีนให้การต้อนรับและกล่าวขอบคุณคณะของ พล.อ.ประวิตร ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนหอการค้าไทย-จีน ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยและจีน และอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ให้แก่นักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และสานต่อภารกิจส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในทุกมิติ หอการค้าไทย-จีน มีหน้าที่สร้างเวทีใหม่ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของนักธุรกิจชาวจีนทั่วโลกหลังยุคโควิด ร่วมกันค้นหาโอกาสใหม่ภายใต้วิกฤต และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือแบบพหุภาคีและหลากหลายรูปแบบของความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อเปิดยุคใหม่ในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในโลกในยุคใหม่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top