Friday, 26 April 2024
Hard News Team

‘จุรินทร์’ หนุนเงินกู้ประกอบอาชีพผู้สูงวัยกว่า 165 ล้านบาท พร้อมชูเกียรติ ‘ประยงค์ รณรงค์’ เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ ปี 66

จุรินทร์ นั่งหัวโต๊ะ คกก. ผู้สูงอายุแห่งชาติ หนุนเงินกู้ประกอบอาชีพผู้สูงอายุ 5,500 ราย 165 ล้านบาท  
.
(20 มี.ค.66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 20 มี.ค.66 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมผ่านระบบ Zoom เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ 

โดยที่ประชุม เห็นชอบให้ดำเนินการจัดงานสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติรองรับสังคมสูงวัย ปี 2566 ในวันที่ 4 เมษายน 2566 ที่ โรงแรม ทีเค ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร รวมถึงสนับสนุนการกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพของผู้สูงอายุ จำนวน 5,500 ราย เป็นเงิน 165,000,000 บาท และโครงการที่ขอรับการสนับสนุนในการดำเนินโครงการ-กิจกรรม ด้านผู้สูงอายุ จำนวน 200 โครงการ เป็นเงิน 20,000,000 บาท  มากไปกว่านั้น ที่ประชุมยังได้พิจารณาให้ความเห็นชอบการประกาศสดุดีเกียรติคุณยกย่องผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2566 ให้นายประยงค์ รณรงค์  อายุ 79 ปี ปราชญ์ด้านการเกษตรจาก จังหวัดนครศรีธรรมมราช เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2566

‘กรณ์’ ยัน!! ‘นโยบายเศรษฐกิจเฉดสี’ จับต้องได้จริง มั่นใจ!! ช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจ-สร้างรายได้ให้ ปชช.

(20 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับเชิญจาก บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง (Bualuang Securities) ในเครือธนาคารกรุงเทพ โดยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่ถูกเชิญไปบรรยายให้กับนักลงทุนฟัง เนื่องจากแนวนโยบายที่นำเสนอมาตลอด 2 เดือน นั้นนักลงทุนขานรับว่าจับต้องได้และเป็นไปได้จริง โดย นายกรณ์ กล่าวว่า ชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอมานั้น พรรคได้คิดมาอย่างละเอียดว่าทำได้จริง และทุกนโยบายมุ่งไปสู่เป้าหมาย 3 ข้อ คือ งานดี มีเงิน ของไม่แพง 

สาเหตุที่เราคิดนโยบายออกมาในลักษณะนี้เพราะประเทศไทยเพิ่งผ่านวิกฤตโควิด เศรษฐกิจโลกผันผวน เกิดภาวะสงคราม ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประชาชน หมดโอกาสทำมาหากิน มีภาระหนี้สินมาก เราจึงหาทางออก โดยการหาเงินเข้าประเทศ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดต่อไปต้องเร่งทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา และสร้างให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาสเหมือนในอดีตที่เคยทำได้มาแล้ว 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า นโยบาย 7 เฉดสี หรือ Spectrum Economy ของพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่มีอะไรสวนกระแส ทุกอย่างอยู่ในกระแสหลักของโลกและในประเทศ ยกตัวอย่าง เฉดสีเขียว มุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ จากการปรับโครงสร้างของภาคเศรษฐกิจ 3-4 ภาค ได้แก่ 

1.ภาคพลังงาน ปัจจุบันพลังงานไฟฟ้า 80% ใช้เชื้อเพลงฟอสซิลเป็นตัวเผา ต้องมุ่งไปสู่การใช้พลังงานทดแทน ปัจจุบันเทคโนโลยีไปแล้ว แต่ต้องปรับโครงสร้าง เปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน เพราะปัจจุบันยังมีการผูกขาด 
 

2.ภาคการคมนาคม ระบบขนส่ง 90% ทางถนน ส่งผลให้เกิดปัญหามลพิษ ก็จะมีการปรับโครงสร้างไปใช้ระบบรางหรือรถยนต์อีวี 

3. ภาคอุตสาหกรรม ที่จะมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ Net Zero 

4. ภาคการเกษตร ที่ปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ถึงเวลาต้องฟื้นฟูป่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีนโยบายออกพันธบัตรป่าไม้ คืนพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ 40% ของพื้นที่ป่าทั้งประเทศหรือ 26 ล้านไร่ และดึงเกษตรกลับมาปลูกป่าไม้เศรษฐกิจ แทนพืชไร่ ลดการเผาป่า และช่วยฟื้นฟูป่าทดแทน 

นายกรณ์ กล่าวว่า เฉดสีน้ำเงิน หรือการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี ผู้ที่ต้องปรับตัวมากที่สุดคือระบบราชการที่ต้องไปสู่ Gov Tech ทุกอย่างทำบนมือถือได้ เฉดสีเทา ข้อมูลธนาคารโลกระบุชัดว่า ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่มาจากธุรกิจใต้โต๊ะ เมื่อเทียบกับจีดีพี มากที่สุดในโลก แต่เราเก็บภาษีไม่ได้เลย เพราะธุรกิจสีเทาจะมีคนได้รับประโยชน์เพียงไม่กี่คน และส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลที่จะเชื่อมโยงไปถึงการคอร์รัปชันและการซื้อสิทธิขายเสียงได้ ถึงเวลาที่เราจะนำมาไว้บนโต๊ะและหารายได้เข้าประเทศ แต่ไม่ใช่เสรี ธุรกิจสีเทาต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

นอกจากนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า ยังเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยว คือเศรษฐกิจสีเหลือง ที่จำเป็นต้องเพิ่ม ใน 3 ส่วนคือ เพิ่มเงิน เพิ่มวัน และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 2 เท่า จากเดิมก่อนโควิดเรามีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน และหลังโควิดเราน่าจะได้นักท่องเที่ยว 25 คน การจะเพิ่มจำนวนให้เป็น 80 ล้านนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยเทียบเคียงกับประเทศฝรั่งเศสที่มีจำนวนประชากรและพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย และรายล้อมด้วยประเทศที่มีศักยภาพสูงรายล้อมทำให้ฝรั่งเศสมีจำนวนนักท่องเที่ยว 80 ล้านคนต่อปี และที่ต้องพัฒนาควบคู่ คือเศรษฐกิจสายมู ที่สามารถกระจายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ในบางจังหวัด เราจึงมีนโยบายสนับสนุนงบประมาณจังหวัดละ 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวสายมู และที่เชื่อมโยงกันมาคือ เศรษกิจสีรุ้ง คือกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และประเทศไทยก็เป็นประเทศเป้าหมาย 1 ใน 6 ของโลก ที่กลุ่ม LGBTQ+ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และหากมีการเปิดโอกาสให้มีการสมรสเท่าเทียม ก็จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะเพิ่มรายได้เข้าประเทศได้อีกมากจากคนกลุ่มนี้ที่จะแห่กันเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

บิ๊กอู๊ด ลงพื้นที่ลุยค้นยาเสพติดและอาวุธปืนครั้งใหญ่กว่า 600 จุด ในพื้นที่ภูธรภาค 9 วันเดียวจับผู้ต้องหากว่า 200 คน สั่งขยายผลทลายเครือข่ายตัดเส้นทางการเงิน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 มี.ค. ที่ ห้องประชุมชัยจินดา สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.พิชัย กิระวาณิช รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.เธียรวิโรจน์  เชี่ยวชาญ รอง ผบก.อก.ภ.7 พ.ต.อ.ภัคพงศ์  สายอุบล รอง ผบก.วจ.สยศ.ตร. พ.ต.อ.จารุพันธ์  เสริมพงศ์ รอง ผบก.อฎ. พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ ร่วมกันแถลงผลการติดตาม และเร่งรัดการปฏิบัติขับเคลื่อนการดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเครือข่ายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (บช.ภ.9) โดยได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 319 เครือข่าย รวม 609 จุด ใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง เมื่อเช้าตรู่ของวันนี้

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า การปฏิบัติการวันนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. สั่งการให้กวาดล้างคดียาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างหลังพบการแพร่ระบาดจำนวนมาก เช้าวันนี้ตนจึงได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดใน 7 จังหวัด ประกอบด้วยสงขลา ตรัง สตูล พัทลุง ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส รวม 609 จุด จากการตรวจค้นสามารถจับกุมได้ 227 คดี รวมผู้ต้องหา 235 คน ยึดของกลางเป็นยาเสพติด ประกอบด้วย ยาบ้า 320,829 เม็ดไอซ์ 4.75 กรัม เฮโรอีน 4.81 กรัม อาวุธปืน 29 กระบอก นอกจากนี้ยังตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ จำนวน 72 รายการ มูลค่าทรัพย์สิน รวม 17,446,723 บาท โดยเบื้องต้นได้สั่งการตำรวจภูธรภาค 9 ขยายผลการจับกุมเพื่อสาวให้ไปถึงตัวการรายใหญ่ต่อไป

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาถึงวันที่ 15 มี.ค. ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 9 ได้มีการจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ได้ 4 เครือข่าย ประกอบด้วย 1. เครือข่าย น.ส.สุภาพร หรือ สุ ฟักหมิด และนายพิชิต หรือ บิ๊ก บัวผุด (ในพื้นที่ จว.พัทลุง) 2. เครือข่าย นายนฎดล หรือ บ่าว เข็มนาค ( พื้นที่ จว.สงขลา ) 3. เครือข่าย นายวีรยุทธ หรือเล็ก ทส. (พื้นที่ จว.สงขลา ) และ 4. เครือข่าย นายมะตายูดิน หรือ แช เจ๊มะ (พื้นที่ จว.ยะลา ) ได้ผู้ต้องหารวมทั้ง 4 เครือข่าย รวม 18 คน ได้ของกลางยาบ้า 1,971,700 เม็ด ไอซ์ 30 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินทั้งหมด 14,274,500 บาท

รัฐบาล 'ลุงตู่' อยู่ในใจ

นับถอยหลัง รัฐบาลที่นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ถึงตรงนี้ หลายฝ่ายกะเก็งว่า “ลุงตู่” จะยุบ หรือไม่ยุบสภา ก่อนรัฐบาลหมดวาระ แต่หากก้าวข้ามเรื่องราวเหล่านี้ไป ในช่วงเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้สร้างสรรค์ผลงานเอาไว้มากมาย ซึ่งถ้าจะให้นึกถึง “ภาพจำ” ที่รัฐบาลได้สร้างเอาไว้ The State Times ขอยกให้ 6 เรื่องราวเหล่านี้

เริ่มจากภาพการต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 ซึ่งใช้เวลากว่า 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึงปี 2566 ระหว่างทางต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามากมาย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า โรคระบาดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกของโลก ไม่มีใครรู้ดีกว่าใคร และที่สำคัญ ไม่มีใครที่มีวัคซีน แต่ผลสุดท้าย รัฐบาล โดยการนำของลุงตู่ ก็สามารถฝ่าทุกกระแสดราม่า ทำให้ประชาชนคนไทย ก้าวข้ามจากโควิด-19 และได้ฉีดวัคซีนกันถ้วนหน้า

เชื่อมโยงจากเรื่องโควิด-19 มาถึงการได้เปิดประเทศ ต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายๆ ประเทศที่มีวิทยาการก้าวล้ำกว่าประเทศไทย ยังเปิดบ้านเปิดเมือง “ช้ากว่า” เราอยู่ไม่น้อย ถึงวันนี้ นักท่องเที่ยวเดินแบกเป้กันเต็มเมือง ส่วนหนึ่งเพราะการวางมาตรการการดูแลป้องกันที่เข้มงวด จึงสามารถเปิดประตูประเทศได้อย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าประทับใจ

พูดถึงความสัมพันธ์ต่างประเทศ รัฐบาล โดยการนำของลุงตู่ ถือว่ามีภาพจำที่ดีไม่น้อย โดยเฉพาะกับงานใหญ่อย่าง “การประชุมเอเปค” เมื่อปลายปี 2565 ซึ่งการจัดงานผ่านพ้นไปด้วยดี และที่ดีมากกว่านั้น คือภาพความสัมพันธ์ของลุงตู่กับผู้นำหลายต่อหลายชาติ แม้จะเป็นเพียงภาพถ่ายไม่กี่ช็อต ที่ถูกนำเสนอตามหน้าสื่อ แต่สำหรับในเวทีโลกแล้ว นี่คือ “พลัง” ของความเป็นประเทศไทย ที่จะถูกฉายและขับเคลื่อนต่อไปในเวทีระดับนานาชาติ

4 ปีของรัฐบาลลุงตู่ ไม่ได้มีแต่เรื่องบวกๆ หลายๆ เรื่องที่ต้องเรียกว่าเป็นปัญหา จนนำมาซึ่งอีกภาพจำหนึ่ง นั่นคือ การเยียวยาดูแลประชาชน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงเวลา 4 ปีนี้ มีโครงการ “เยียวยาประชาชน” เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าใครจะมองว่าเป็นการ “แจกเงิน” หรือ “ประชานิยมทางอ้อม” แต่สุดท้ายแล้ว “ผลประโยชน์” ตกไปสู่มือคนไทยทุกระดับอย่างแท้จริง

ผบ.ตร.แสดงความเสียใจเหตุการณ์สายไหม ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย สั่งกำชับสำนวนคดี ตั้งคณะทำงาน รวบรวมหลักฐานทุกมิติ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่สายไหมว่า  “ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดความสูญเสีย 


สำหรับสถานการณ์วันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับทีมแพทย์ และนักจิตวิทยาของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มีการพูดคุยและประเมินอาการของผู้ก่อเหตุตลอดเวลา  เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามทุกอย่าง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย

  
ซึ่งการดำเนินการควบคุมสถานการณ์ต้องใช้ความระมัดระวัง คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งของผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ที่ทำงาน และประชาชน จึงต้องระมัดระวังในการดำเนินการตามหลักยุทธวิธีอย่างดีที่สุด จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยเกี่ยวข้อง เน้นการเจรจามาตลอด แต่เมื่อมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ ตำรวจได้ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธี จนกระทั่งผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

พปชร. ยัน เปิดตัว ส.ส.ครบ 400 เขต 30 มี.ค.นี้ ชี้!! ‘บิ๊กป้อม’ ยังฟิต!! สุขภาพสมบูรณ์เต็มร้อย

‘ศ.ดร.นฤมล’ นำทัพว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เปิดศูนย์ประสานงาน เขตบางซื่อ ดุสิต หวังเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยง ปชช.ยัน ‘พล.อ.ประวิตร’ สุขภาพสมบูรณ์เต็มร้อย เผย 30 มี.ค.นี้ เตรียมเปิดตัว ส.ส.ครบ 400 เขต

(20 มี.ค.66) ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชารัฐ เขตบางซื่อ ดุสิต นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ว่าที่ผู้สมัศรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. เขตบางซื่อ - ดุสิต และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.อีกหลายเขต อาทิ เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์, เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน, เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน, เขต 32 บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-ภาษีเจริญ-ตลิ่งชัน-ธนบุรี, น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์

ศ.ดร.นฤมลฯ กล่าวว่า วันนี้เรามาพร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร กทม.หลายท่าน เพื่อมาร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคพรรคประชารัฐ เขตบางซื่อ ดุสิต รวมถึงตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 บริเวณถนนวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ และจัดตั้ง War room ตรวจสอบสถานการณ์คุณภาพอากาศ โดยใช้ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เป็นตัวชี้วัดบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านเว็บไซต์ www.air4thai.pad.go.th ของกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ เพื่อดูปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องของปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึ่งประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นระยะยาว

"พรรคพลังประชารัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้บรรจุยุทธวิธีแก้ไขปัญหานี้ในนโยบายของพรรคแล้ว โดยเราพร้อมทำทันที เพื่อนำอากาศบริสุทธิ์กลับคืนมาให้กับประชาชน ในส่วนศูนย์ประสานงานแห่งนี้เราต้องการให้เป็นที่พึ่งของประชาชน และประชาชนสามารถมีส่วนร่วมกับเรา ซึ่งจะทำให้เราสามารถรับรู้ปัญหาต่างๆนาๆของประชาชนได้เช่นปัญหาปากท้อง ปัญหาสังคมสิ่งแวดล้อม สิ่งเหล่านี้จะนำไปแก้ไขให้เร่งด่วนและทันต่อเหตุการณ์"

ด้าน ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวว่า วันนี้ถือว่าโชคดีที่สภาอากาศที่เขตบางซื่ออยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 เท่าที่วัดในตอนนี้ไม่เกินมาตรฐาน แต่ในอีกหลายเขตก็ยังเป็นปัญหาด้านสุขภาพต่อเด็กและผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ตนมองว่า ถ้าในพื้นที่ กทม.การเพิ่มต้นไม้เพื่อสร้างอากาศที่ดี และเป็นเครื่องกรองอีกชั้นหนึ่ง และอาจจะต้องพิจารณาไปยังปักกิ่งโมเดล ที่มีการติดเครื่องฟอกอากาศยักษ์ในพื้นที่ เพราะกรุงปักกิ่งเผชิญกับปัญหาหมอกควันอย่างรุนแรง ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง กรุงปักกิ่งจึงได้ตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดยักษ์ภายในพื้นที่ เพื่อขจัดมลพิษทางอากาศ เนื่องด้วยตนเป็นนักสิ่งแวดล้อม จึงต้องการให้ศูนย์ประสานงานแห่งนี้ทำหน้าที่เฝ้าระวังปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ด้วย เพราะปัจจุบันถือว่าเป็นปัญหาอย่างหนัก

‘ชวน’ เผย!! ขอใช้ประสบการณ์ทางการเมือง 16 สมัย ช่วย ‘ประชาธิปัตย์’ หาเสียง หลังยุบสภา

(20 มี.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบจริยธรรม ส.ส. ที่พบว่ามีเรื่องค้างและทำไม่แล้วเสร็จจำนวนมาก ทำให้ถูกมองว่าเป็นการช่วยเหลือกันเองหรือไม่ว่า กรรมการจริยธรรมชุดนี้ถือว่าดีที่สุด แม้ตนจะเคยเป็นกรรมการจริยธรรมชุดอื่นแต่ทำงานไม่เท่าคณะกรรมการจริยธรรมชุดนี้ ไม่มีอนุกรรมการที่ช่วยเหลือใคร ตนเป็นผู้ตั้งประธานคณะอนุกรรมการซึ่งเป็นถึงรองอัยการ ถือว่ามีความสุจริต และที่ผ่านมาการนำเสนอของคณะอนุกรรมการไม่มีกรรมการชุดใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยตามนั้น ทั้งไม่เคยมีการช่วยเหลือ

ส่วนกรณีที่ถูกมองว่าการทำงานล่าช้า เพราะมีคนที่ถูกกล่าวหา ขอขยายเวลาซึ่งตามระเบียบสามารถทำได้ จึงทำให้บางเรื่องขยายเป็นปี สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการประชุมคณะกรรมการจริยธรรมเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งตนได้ทำหนังสือขอบคุณทุกคนแล้ว

นายชวนกล่าวด้วยว่า สำหรับการเมืองหลังการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่คาดหมายยาก แต่ถ้าดูตามโพล ก็ไม่รู้ใครจะแลนด์สไลด์บ้าง แต่ดูแล้วพรรคการเมืองคงลดลง เชื่อว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง พรรคร่วมรัฐบาลคงมีไม่ถึง 19 พรรค และพรรคที่อยู่ในสภาคงไม่ถึง 26 พรรค

อย่างไรก็ตาม หากยุบสภาจะมีเวลาให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศวันเลือกตั้ง ภายใน 5 วัน โดยโอกาสและความเป็นไปได้จะอยู่ในวันที่ 7 พฤษภาคม หรือ 14 พฤษภาคม

“โฉมหน้ารัฐบาลไม่อาจรู้ได้ว่าใครอยู่กับใคร สื่อมวลชนอาจจะรู้ดีกว่าผม ว่าไปจับมือกับใครไว้ล่วงหน้า แม้จะมีคนออกมาปฏิเสธก็ตาม ผมไม่ขอวิจารณ์ แต่ผมขอให้การทำงานมีความต่อเนื่อง เพราะระบอบประชาธิปไตยการทำงานที่ต่อเนื่องนั้นเป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลบางชุดไม่ต่อเนื่องเรื่องนโยบาย เพราะถือว่าไม่ใช่ของเขา เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ผมคิดว่าความต่อเนื่องจะทำให้กฎหมายที่มีปัญหาและเป็นประโยชน์ จะไม่ค้างพิจารณาและดำเนินการต่อไปได้ ในสภาชุดต่อไป ผมเชื่อว่าร่างกฎหมายที่ค้างคงทำต่อในสภาชุดต่อไป” นายชวนกล่าว

เมื่อถามว่า ส.ส.รุ่นใหม่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของประธานสภาค่อนข้างรุนแรงรู้สึกอย่างไรบ้าง นายชวนกล่าวว่า หน้าที่เราคือฟังและอธิบายไป โดยทั่วไปร้อยละ 99.99 ก็เข้าใจ

ต่อคำถามว่า มองว่าประชาชนตื่นตัวในการเลือกตั้งมากน้อยเพียงใด นายชวนกล่าวว่า การที่ไม่มีสภามา 5 ปีอาจทำให้ความทรงจำในอดีตหายไป บางคนลืมว่าอะไรดี อะไรชั่ว คนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาเขาก็ไม่รู้หลายเรื่อง ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมือง ดังนั้นจึงต้องให้ข้อมูลเขา ขณะเดียวกัน ส.ส.รุ่นใหม่ก็ไม่ทราบ ซึ่งตนเป็นรุ่นเก่าจึงพอรู้ เพราะเห็นด้วยตาตนเอง

ดังนั้นในการหาเสียงครั้งนี้ น่าจะมีส่วนให้ข้อมูลกับประชาชนมากพอสมควรว่าก่อนหน้าที่จะมาถึงวันนี้บ้านเมืองเป็นอย่างไร การเป็นผู้แทนฯมา 16 สมัย 54 ปี เห็นตั้งแต่สภามี 219 จนปัจจุบันมี 500 คน วันนี้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก สิ่งที่ดีมีจำนวนมากแต่สิ่งที่ร้ายก็ตามมาเช่นเดียวกัน ดังนั้นการได้ถ่ายทอดข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจ จะทำให้ประชาชนเข้าใจวิถีทางประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ก็ต้องให้เกียรติพวกเขาในการตัดสินใจอย่างไรต้องเคารพแต่อยากให้การใช้ดุลพินิจมาจากพื้นฐานความรู้ที่มีความเข้าใจ

‘ก.เกษตร’ ผุดมาตรการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายชาวประมง ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเพาะสัตว์น้ำ-ประมงพื้นบ้าน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เปิดเผยวันนี้ว่า กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านใน 23 จังหวัดชายทะเลและกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงชายฝั่งได้แสดงความขอบคุณ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประมงและประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากการประกอบอาชีพเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19และดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วในการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. ...”  ให้แก่พี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงหอยทะเล สัตว์น้ำในกระชัง และสัตว์น้ำอื่นๆ ที่ทำการเพาะเลี้ยง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 โดยเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกฎกระทรวง “ยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน พ.ศ. ...” ให้กับพี่น้องประมงพื้นบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  โดยแบ่งเป็นผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จำนวนกว่า 16,700 ราย คิดเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท ในพื้นที่ 67 จังหวัด และชาวประมงพื้นบ้าน จำนวนกว่า 50,000 ลำ คิดเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท ในพื้นที่ 23 จังหวัด  รวมแล้วสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้กว่า 70 ล้านบาท 

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เริ่มต้นจากเมื่อปลายปีที่แล้วกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงและกลุ่มประมงพื้นบ้านได้นำเสนอขอความช่วยเหลือยกเว้นค่าธรรมเนียมและใบอนุญาตในการประชุมกับตนและประมงจังหวัดเพชรบุรี ที่วัดอุตมิงค์ อำเภอบ้านแหลมจังหวัดเพชรบุรี

จึงได้รายงานให้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นชอบในหลักการและมอบหมายกรมประมงดำเนินการเสนอเรื่องต่อ

ยุบสภา 8 ปี 9 เดือน 26 วัน

วันที่ 20 มีนาคม 2566 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ตามคำแนะนำของคณะรัฐบาล ความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ด้วยนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลฯ ว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ พ.ศ. 2562 และบัดนี้ได้ปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีที่สี่ อันเป็นปีสุดท้ายของอายุสภาผู้แทนราษฎรแล้ว สมควรยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมือง ให้แก่ประชาชนโดยเร็วเพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 103 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

‘บิ๊กตู่’ ชี้!! สถานการณ์การเงินไทยแข็งแกร่ง ไม่หวั่นเหตุ Credit Suisse แต่ก็ไม่ติดประมาท

‘นายกฯ’ ยืนยันสถานการณ์การเงินของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง ไม่ประมาทต้องคอยระวัง หลัง Credit Suisse เกิดวิกฤตเกิดสภาพคล่อง

(20 มี.ค.66) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธนาคาร Credit Suisse ธนาคารระดับโลก เกิดวิกฤตเกิดสภาพคล่อง โดยกล่าวย้อนถามว่า... 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top