Friday, 11 July 2025
Hard News Team

โซเชียลวิจารณ์ยับ!! หลังภาพแฟนบอลรุ่นจิ๋วชูนิ้วกลางใส่คู่แข่งว่อน ล่าสุด เพจ ‘การท่าเรือ เอฟซี’ ทนกระแสไม่ไหว ยอมลบภาพทิ้งแล้ว

(17 ก.พ. 67) กลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับภาพของแฟนบอล ‘สิงห์เจ้าท่า’ การท่าเรือ เอฟซี รุ่นจิ๋ว โชว์แพสชันการเชียร์สุดพลัง ชูนิ้วกลางใส่นักเตะของผู้มาเยือน ในเกมไทยลีกเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

ศึกฟุตบอลรีโว่ ไทยลีก ฤดูกาล 2023/24 นัดกลางสัปดาห์ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การท่าเรือ เอฟซี พลิกนรกกลับมาเอาชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้อย่างยอดเยี่ยม 4-3 คว้า 3 แต้ม

หลังจบเกมเพจอย่างเป็นทางการของ ‘สิงห์เจ้าท่า’ มีการลงรูปภาพแฟนบอล หนึ่งในนั้นเป็นภาพของกองเชียร์รุ่นจิ๋วกำลังโชว์นิ้วกลาง ใส่นักฟุตบอลของฝั่งตรงข้ามอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน แถมบางคลิปวิดีโอยังมีเสียงเด็กๆ ด่ากองหลังของ ‘กิเลนผยอง’ ด้วยคำว่าอวัยวะเพศชาย และสัตว์เลื้อยคลานอีกมากมาย

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นดรามาทันที เมื่อ ‘คิง ก่อนบ่าย’ ที่ไม่รอช้าเข้ามาจับกระแสเรื่องนี้ โดยเจ้าตัวโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และทางเพจก็ไม่ควรเอามาเผยแพร่

“ขอให้แอดมินเพจสโมสรท่าเรือ ไปขอโทษครอบครัวเด็กที่คุณเอารูปมาลงด้วยนะครับ ผมได้คุยกับครอบครัวเด็กแล้ว หากคุณไม่มีจรรยาบรรณในการทำอาชีพสื่อ หวังเพียงแค่ยอดไลก์ ก็อย่ามาทำเลย” คิง ก่อนบ่าย กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดประเด็นดรามา แอดมินเพจ ‘การท่าเรือ เอฟซี’ จัดการลบรูปภาพดังกล่าวออกเป็นที่เรียบร้อย พร้อมขอให้ยุติการดรามาทุกอย่าง

“ไม่ต้องดรามากันแล้วครับ ในฐานะแอดมินเพจท่าเรือ และดูแลภาพลักษณ์ของสโมสร ต้องขอโทษทั้งตัวเด็ก, ผู้ปกครอง และแฟนบอลบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการลงภาพที่ไม่เหมาะสมเอง”

“ทั้งนี้ ทางเพจลบรูปออกไปเรียบร้อยครับ เพราะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และเกิดการที่ไม่รอบคอบในการคัดกรองรูปภาพก่อนลงเองครับ” แอดมินเพจการท่าเรือ เอฟซี กล่าว

‘รมว.ปุ้ย’ หารือ ‘JETRO-JCC’ ถกแนวโน้มเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น เสริมความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ พร้อมยกระดับภาคอุตสาหกรรม 4 มิติ

เมื่อไม่นานนี้ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมหารือกับนายคุโรดะ จุน ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น และนายยามาชิตะ โนริอากิ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ และคณะกรรมาธิการวิจัยทางเศรษฐกิจของหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ในประเด็นเข้ารายงาน ‘สรุปผลการสำรวจแนวโน้มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย’ โดยมีนายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าร่วมด้วย ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า การหารือในวันนี้ทางหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ หรือ ‘JCC’ ได้สรุปแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ในรอบปลายปี 2566 และต้นปี 2567 โดยสรุปว่า แนวโน้มดัชนีเศรษฐกิจ (ID) อยู่ที่ -16 (ตัวเลขคาดการณ์) อันเนื่องมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก และอุปสงค์การส่งออกที่ลดลง แต่มีการปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 10 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2567 เนื่องจากมีการขยายตัวเรื่องการท่องเที่ยว และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนและคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ไปเยือนญี่ปุ่น มีโอกาสเข้าร่วมหารือกับกระทรวง METI เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรม ใน 4 มิติ ได้แก่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, การกำจัดซากรถยนต์ และการศึกษาเพื่อพัฒนาเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันและเกิดโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุน

“กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมส่งเสริม สนับสนุน และดูแลอำนวยความสะดวก ผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น และทุกๆ ประเทศที่ให้ความสนใจใช้ประเทศไทยเป็นฐานการลงทุน และขอให้ทางเชื่อมั่นว่า ไทยจะยังคงให้ความร่วมมืออันดีตลอดไป ทั้งในส่วนของนโยบายของรัฐบาลและทิศทางการลงทุนต่างๆ และขอขอบคุณที่ทาง JETRO และ JCC ได้ให้ความสำคัญต่อประเทศไทยเสมอมา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

ทั้งนี้ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1954 ซึ่งจะครบรอบการก่อตั้ง 70 ปีในปีหน้า มีสมาชิกกว่า 1,650 บริษัท มีภารกิจในการดำเนินกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมสมาชิกทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศญี่ปุ่นและไทย ตลอดจนช่วยเหลือสังคมไทย อาทิ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่าง 2 ประเทศ และการสนับสนุนด้านการศึกษา

‘ไมค์ ไทสัน’ อดีตกำปั้นโลก เตรียมเปิดตัวแบรนด์กัญชาในไทย เดินหน้าเจาะตลาดกลุ่มสายเขียวเป็นประเทศแรกในเอเชีย

(17 ก.พ.67) ‘ไมค์ ไทสัน’ (Mike Tyson) นักมวยชื่อดังระดับตำนานชาวอเมริกัน เตรียมเปิดตัวแบรนด์กัญชา ‘Tyson 2.0’ ในประเทศไทย หลังเคยเกือบจะถูกจับจากการเสพกัญชา เพื่อสันทนาการในไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง

Tyson 2.0 ระบุในจดหมายข่าวที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า บริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนกับ Medican หรือ ‘Frost’ ผู้ปลูกและจำหน่ายกัญชาระดับโลก เพื่อที่จะเข้ามาดำเนินการปลูก ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชา เพื่อการแพทย์และสันทนาการในประเทศไทย

ไทยยังถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ Tyson 2.0 ตัดสินใจเข้ามาบุกเบิกทำการตลาด และถือเป็นทวีปที่ 3 ต่อจากอเมริกาเหนือและยุโรป โดยก่อนหน้านี้ Tyson 2.0 เพิ่งจะเปิดตัวร้านกาแฟที่จำหน่ายเมนูกัญชา ในกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์

ไทสัน ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Forbes เมื่อเร็วๆ นี้ โดยเล่าประสบการณ์เฉียดคุกในเมืองไทยระหว่างที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ เขาเล่าว่าตอนนั้นพกกัญชา “ถุงใหญ่” น้ำหนักราว 5-10 ปอนด์ จนถูกตำรวจเรียก แต่พอเจ้าหน้าที่เห็นว่าตนเป็นใคร ก็เดินกลับไปที่รถทันที

“ผมได้ยินมาว่า ถ้าคุณยอมรับ (ว่ามีกัญชา) จะต้องโทษจำคุก 99 ปี และหากคุณไม่ยอมรับพวกเขาจะฆ่าคุณ” ไทสัน วัย 57 ปี บอกกับ Forbes “มันเป็นกฎหมายที่แปลกมากเลย และตอนนั้นผมคิดว่า พระเจ้าช่วย! ดีนะที่พวกเขาไม่สั่งให้เราลงจากรถ ความมีชื่อเสียงช่วยผมไว้แท้ๆ ตอนนั้นผมต้องการความดังมาก ขอบคุณพระเจ้า”

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอร่างกฎหมายแบนการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ เพียง 2 ปี หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด

ร่างกฎหมายนี้ถูกเสนอขึ้นท่ามกลางเสียงร้องเรียนเรื่องมาตรการควบคุมที่หละหลวม จนทำให้ความรุนแรงจากการใช้ยาเสพติดเพิ่มขึ้น และเยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น

‘แอดัม วิลก์ส’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Carma HoldCo ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Tyson 2.0 ยืนยันว่า ทางแบรนด์จะเดินหน้าขยายธุรกิจเข้ามาในไทยแน่นอน ไม่ว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะตัดสินใจดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับกฎหมายกัญชาเพื่อสันทนาการก็ตาม

“ทุกตลาดล้วนเริ่มต้นจากการใช้เพื่อการแพทย์ทั้งสิ้น ฉะนั้นเราคุ้นเคยอยู่แล้ว เรามีประสบการณ์ทำธุรกิจภายใต้บริบทที่มีกฎหมายควบคุม” วิลก์ส บอกกับ Forbes

‘อุ๊ หฤทัย’ โพสต์ ‘ทฤษฎีสมคบคิด’ ก๊วนสามกีบ โบ้ย!! ‘ตะวัน’ รับเงินเผด็จการมาทำลาย ‘ก้าวไกล’

(17 ก.พ.67) ‘อุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี’ นักร้องชื่อดัง แนวร่วมกลุ่มปกป้องสถาบัน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

“สามกีบ ตั้งข้อสังเกตว่า ‘ตะวัน’ เป็นคนของหน่วยงานความมั่นคงนะ” พร้อมทั้งโพสต์ภาพที่ระบุข้อความอ้างอิง ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้…

“บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า การกระทำของตะวัน ถ้าฝ่ายเผด็จการยืมมือ ตะวัน เพื่อทำลาย ก้าวไกล มันได้ผลมากเลยทีเดียว คนที่คิดเล่นเกมนี้ถือว่าสุดยอด เพราะมวลชนด้อมส้มผิดหวังกับเรื่องนี้มาก แต่ถ้าเกิดจากความเลินเล่อ หรือเจตนารมณ์ของตะวันกับพวกเอง ถือว่าก้าวพลาดอย่างแรง ผมเลยภาวนาว่าขอให้เป็นจริงอย่างข้อแรกที่ผมตั้งข้อสังเกต… ตะวันเป็นคนของใคร? รับเงินมาเท่าไหร่? อันนี้อย่าได้มองข้ามช็อตไป เพราะพวกเขาเล่นวิธีสกปรกได้ทุกรูปแบบอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว”

นอกจากนี้ อุ๊ หฤทัย ยังได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า “ยุให้เด็กทำชั่วแล้วไม่ได้ผล ก็ถีบหัวส่ง”

‘กูรูฟุตบอลไทย’ ชี้!! เส้นทางวงการฟุตบอลไทยยุคนี้ สดใส หลังโครงสร้างสมาคมใหม่ เหมือน รบ.แห่งชาติด้านฟุตบอล

จากผลการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งได้นายกสมาคมคนใหม่ อย่าง ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ชนะการเลือกตั้งและกลายเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลหญิงคนแรกของไทย ทำให้เกิดการจุดประกายให้กับวงการฟุตบอลไทยว่าจะกลับมาสู่ยุคเฟื่องฟูอีกหรือไม่? รายการ The Tomorrow มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES จึงได้คลุกวงในพูดคุยกับ คุณศิริชัย ยิ่งเจริญ ผู้จัดรายการ BANGKOK PREMIER LEAGUE ซึ่งอยู่ในแวดวงกีฬาฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน ถึงทิศทางและโอกาสของฟุตบอลไทยในปัจจุบันและอนาคต เมื่อวันที่ 17 ก.พ.67โดยคุณศิริชัย กล่าวว่า…

แม้วงการฟุตบอลไทยจะเริ่มกลับมาเติบโต ถ้าเอาจริงๆ แล้วถ้าเทียบกับวงการฟุตบอลทั่วโลกถือว่ายังอยู่ในช่วงไข่ด้วยซ้ำไป ซึ่งตรงนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะต้องมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเข้ามาดูแลและขับเคลื่อน ภายหลังจากได้นายกสมาคมฯ คนใหม่ อย่าง ‘มาดามแป้ง’ โดยส่วนตัวผมเห็นว่า มาดามแป้งมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งการประสานงานในภาคส่วนต่างๆ เนื่องจากเป็นผู้จัดการทีมชาติอยู่แล้ว และยังมีใจรักและทุ่มเท ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนเราได้รัฐบาลแห่งชาติด้านฟุตบอล ซึ่งคาดหวังว่าวงการฟุตบอลไทยน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น 

เมื่อพูดถึงนักกีฬาดาวเด่นที่จะมาเป็นกำลังสำคัญจากทัวร์นาเมนต์การแข่งขันในไทยนั้น? คุณศิริชัย กล่าวว่า “ถ้าจะให้อธิบายถึงลีกฟุตบอลไทยอาชีพในปัจจุบันจะแบ่งเป็น 5 ระดับด้วยกัน คือ Tier 1  Tier 2  และ Tier 3 และรองลงมาแบบสมัครเล่น ได้แก่ ‘ไทยแลนด์ เซมิโปรลีก’ และ ‘ไทยแลนด์ เมเจอร์ลีก’ โดยมี BANGKOK PREMIER LEAGUE ซึ่งเป็นรายการที่จัดการแข่งขันอยู่ในกลุ่มไทยแลนด์ เซมิโปรลีก เป็นแม่เหล็กที่น่าสนใจ เพราะรายการนี้สามารถสร้างนักเตะรุ่นใหม่เลื่อนชั้นสู่ระดับอาชีพได้มากมาย เนื่องจากเป็นการแข่งขันที่สร้างความร่วมมือกับโรงเรียนระดับมัธยมปลาย เพื่อเฟ้นหานักกีฬาฟุตบอลเยาวชนเมล็ดพันธุ์ใหม่ เข้าสู่ทีมโดยมีเป้าหมายพัฒนาไปสู่นักฟุตบอลอาชีพ ที่ต้องมีใจรัก มีความพร้อมและทุ่มเท โดยเฉพาะสภาพร่างกาย และวินัยในการฝึกซ้อม”

เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากนำเสนอเพื่อให้วงการฟุตบอลไทยเกิดการพัฒนา? คุณศิริชัย กล่าวว่า “เราควรปูพื้นฐานใหม่ด้านกีฬาฟุตบอลทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่โภชนาการ เทคนิคการเล่น วิทยาศาสตร์การกีฬา สภาพร่างกาย ซึ่งควรเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่วัยเด็กหรือเยาวชน โดยที่ครอบครัวและผู้ปกครองก็จะมีส่วนสำคัญในด้านนี้ เช่น การส่งเสริมให้บุตรหลานอยากเป็นนักฟุตบอลด้วยใจรัก สนุกไปกับมัน ภายใต้ความพร้อมด้านงบประมาณ ค่าใช้จ่าย”

อย่างไรก็ตาม คุณศิริชัย ก็ไม่ได้ตีกรอบให้ผู้ปกครองต้องผูกเด็กไว้กับกีฬาฟุตบอลเท่านั้น ควรหาแรงบันดาลใจของบุตรหลานตัวเองให้ได้ว่าชอบกีฬาอะไร โดยการพาไปชมกีฬาหลาย ๆ ประเภทหรือทดลองเล่นกีฬาเหล่านั้นเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริง เมื่อมีใจรักและมีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม โอกาสประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้นตาม 

“อย่างไรก็ตาม กีฬาฟุตบอล ก็ยังถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก สามารถสร้างเม็ดเงินได้อย่างมหาศาลและเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศได้ ทั้งมูลค่าของกีฬา มูลค่าของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หรือมูลค่าแฝงทางสังคมที่เกินกว่าตัวเงิน เช่น ความภาคภูมิใจของทีมกีฬา หรือตัวนักกีฬาเอง และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ซึ่งเชื่อว่าสมาคมฟุตบอลไทยยุคใหม่จะทำให้ภาพความสำเร็จเหล่านี้มาสู่เมืองไทยได้มากขึ้น” คุณศิริชัย ทิ้งท้าย

‘NASA’ ค้นพบ ‘ซูเปอร์เอิร์ธ’ โลกใหม่ที่ใหญ่กว่าโลกของเรา อยู่ห่างไปเพียง 137 ปีแสง ชี้!! หลายปัจจัยเอื้อต่อการอยู่อาศัย

(17 ก.พ. 67) องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ได้เผยการค้นพบ ‘TOI-715b’ ดาวเคราะห์นอกระบบ ที่เป็น ‘ซูเปอร์เอิร์ธ’ (Super-Earth) หรือโลกที่ใหญ่กว่าโลกของเรา ที่อาจเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต โดยดาวเคราะห์ดวงนี้ อยู่ห่างจากโลกประมาณ 137 ปีแสงเท่านั้น

ในการค้นพบซูเปอร์เอิร์ธในครั้งนี้ เป็นผลมาจากภารกิจที่ให้ดาวเทียมสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบ (TESS) ของ NASA สำรวจอวกาศอันกว้างใหญ่ และได้พบดาวเคราะห์นอกระบบ ซึ่งได้ถูกตั้งชื่อว่า ‘TOI-715b’ โดยโคจรรอบดาวแคระแดงที่เย็นและเล็กกว่าดวงอาทิตย์ของเรา

นักดาราศาสตร์ได้ระบุถึงดาวเคราะห์ดวงนี้ว่า อาจมีขนาดกว้างกว่าโลกของเราหนึ่งเท่าครึ่ง ใช้เวลา 19 วัน ในการโคจรรอบดาวแคระแดงในระบบของตัวเอง โดยดาวเคราะห์ TOI-715b อยู่ใกล้ดาวฤกษ์มากพอที่จะทำให้มันกลายเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย คือมันมีระยะห่างจากดาวฤกษ์ที่เหมาะสมคล้ายกับโลกของเรา จนทำให้อุณหภูมิภายในดาวอาจสร้างสิ่งที่สิ่งมีชีวิตได้ และยังอยู่ห่างออกไปประมาณ 137 ปีแสงเท่านั้น

‘Georgina Dransfield’ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร กล่าวว่า ระยะที่ห่างจากดาวฤกษ์ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยมักจะคำนวณ จากปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาด อุณหภูมิ และมวลของดาว การค้นพบนี้ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เนื่องจากเป็นซูเปอร์เอิร์ธดวงแรกจากภารกิจ TESS

“นี่จะเป็นหนึ่งในการค้นหาที่ทุกคนต่างรอคอยมากที่สุด เพราะมันจะช่วยให้เราเห็นว่าดาวเคราะห์ทั่วไปมีความคล้ายคลึงหรือแตกต่างกับโลกเพียงใด” เขากล่าว

ในอนาคตข้างหน้า นักดาราศาสตร์หวังว่าจะมีความสามารถมากพอ ในการค้นหาดาวเคราะห์ที่อยู่รอบๆ ดาวฤกษ์ที่คล้ายกับดวงอาทิตย์ของเราเพิ่มมากขึ้น โดยเร็วๆ นี้ จะมีภารกิจเพลโต (PLATO) ขององค์การอวกาศยุโรป (PLAnetary Transits and Oscillations of stars) ที่จะใช้กล้องจำนวน 26 ตัว เพื่อศึกษาและค้นหาดาวเคราะห์ที่เหมือนโลกในโซนที่อยู่อาศัยได้ หรือโคจรรอบดาวที่เหมือนดวงอาทิตย์

‘SME D Bank’ เปิดตัว ‘จักรยานยนต์ไฟฟ้า’ พร้อมสถานีแบตเตอรี่ ใช้รับ-ส่งเอกสาร หนุนขับเคลื่อนองค์กรสีเขียวสู่ ‘Net Zero 2065

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 67 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ ‘SME D Bank’ ขับเคลื่อนองค์กรตามแนวทางแห่งความยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ด้วยการเปิดตัว ‘โครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้า ธพว. EV.BCG’ โดยรถจักรยานยนต์ทั้งหมด ที่ใช้รับและส่งเอกสารของธนาคารทุกคันจะเป็น ‘รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า’

โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ธรรมชาติ ลดมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยดูแลสุขภาพของประชาชน สนับสนุน ‘เป้าหมาย Net Zero 2065’ สู่การเติบโตที่ยั่งยืนของประเทศไทยในเวทีโลก 

ไม่เพียงเท่านี้ SME D Bank ยังดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอื่นๆ  ต่อเนื่อง เช่น ติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้แสงสว่างในพื้นที่จอดรถอาคารสำนักงานใหญ่, ลดการใช้กระดาษ รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจ และความร่วมมือด้านความยั่งยืนของบุคลากรทั้งองค์กร

‘CIB’ บุกค้น 4 จุด ทลายเว็บหนังเถื่อน เปิดนานเกือบ 20 ปี เช็กเส้นทางการเงิน พบมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้าน!!

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 67 พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับบัญชา กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) สั่งการ พ.ต.อ.วีระพงษ์ หอมหวล ผกก.1 บก.ปอศ. นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทำการตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 4 จุด แบ่งเป็นในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร 2 จุด จังหวัดสุรินทร์ 1 จุด และ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 จุด เพื่อกวาดล้างจับกุมเครือข่ายลักลอบเผยแพร่หนังเถื่อน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหญ่

เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้รับเรื่องร้องเรียนจากบริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ จากหลายบริษัทว่ามีการลักลอบเผยแพร่หนังเถื่อนเครือข่ายผ่านเว็บไซต์ siambit.com ซึ่งเป็นเว็บดูหนังเถื่อนออนไลน์ จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนทราบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่การทำงานกันอย่างชัดเจน

โดยช่วงแรกจะเปิดให้ชมฟรี ต่อมาเริ่มเก็บค่าบริการสมาชิกจากประชาชนทั่วไป มีการเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์เพื่อปกปิดและหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ลักลอบเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2549 หรือราวๆ 18 ปี ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่าแสนราย เผยแพร่ภาพยนตร์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่นกว่า 50,000 เรื่อง รวมถึงมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า เป็นเครือข่ายเว็บหนังเถื่อนเดียวกันกับที่เคยถูกตำรวจ บช.สอท.จับกุมไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ในขณะนั้นเป็นการจับกุมตามความผิดฐาน ‘เผยแพร่สื่อลามกอนาจารและแฝงการโฆษณาเว็บไซต์การพนันออนไลน์’ เจ้าหน้าที่จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้นจนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการดังกล่าว

ทั้งนี้ จากการเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจสอบครั้งนี้พบสมุดบัญชีธนาคาร 9 เล่ม, บัตร ATM จำนวน 2 ใบ, ฮาร์ดดิสก์ จำนวน 29 ตัว, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง, แท็บเล็ต 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง, เมมโมรี่การ์ดและแฟลชไดรฟ์ จำนวน 33 อัน เบื้องต้นจึงตรวจอายัดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง ก่อนเตรียมขยายผลเอาผิดผู้อยู่เบื้องหลัง มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘สรรพากร’ แจง ปมยื่นภาษีออนไลน์แล้วมีรายได้ปริศนาโผล่ ยัน!! เกิดจากปรับปรุงระบบ ตอนนี้ใช้งานได้ตามปกติแล้ว

(17 ก.พ. 67) นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร ชี้แจงถึงกรณีมีกระแสการยื่นภาษีทางออนไลน์ แล้วมีช่องแสดงรายได้แปลก ๆ โผล่ขึ้นมา ซึ่งมีการตั้งคำถามกันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์

โดยโฆษกกรมสรรพากร ระบุว่า เนื่องจากกรมสรรพากรมีการปรับปรุงระบบใหม่ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่ 18.00 น. ทำให้มีข้อมูลบางรายการคลาดเคลื่อนบนระบบ myTax Account ขณะนี้กรมสรรพากรแก้ไขเรียบร้อยแล้ว และผู้เสียภาษีสามารถยื่นแบบได้ตามปกติ กรมสรรพากรจึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

‘อดิศร เพียงเกษ’ ประธานวิปรัฐบาล โพสต์กลอนต้อนรับ ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน

(17 ก.พ. 67) นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้โพสต์กลอนต้อนรับ กรณี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการปล่อยตัวตามกำหนดการพักโทษ หลังรับโทษครบ 180 วัน ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ โดยระบุว่า…

“กลับสู่บ้านจันทร์ส่องหล้า มองท้องนภาดูแจ่มใส ดอกไม้บานกลางดวงใจ รักกันไว้ตลอดกาล… ยินดีต้อนรับ ท่าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top