Friday, 17 May 2024
Hard News Team

‘ธนาธร’ ปราศรัยร้อยเอ็ด ชู น้ำประปาดื่มได้-รถเมล์ไฟฟ้า ขอโอกาส ปชช. กา ‘ก้าวไกล’ นำพาความเจริญสู่ประเทศ

(30 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลุยหาเสียงเวทีปราศรัยย่อยทั่วจังหวัดร้อยเอ็ด ขอโอกาสเลือกพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล นำพาความเจริญก้าวหน้าสู่สังคมไทย ไปสร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย

โดยในระหว่างการหาเสียง นายธนาธรได้ยกบทเรียนจากไต้หวัน ว่าเมื่อ 45 ปีก่อน รายได้คนไทยกับคนไต้หวันใกล้เคียงกัน แต่ผ่านมา 45 ปี คนไต้หวันรวยกว่าคนไทย 5 เท่า อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น หากเรียนรู้จากไต้หวันหรือญี่ปุ่น จะเห็นคำตอบว่าเทคโนโลยีคือคำตอบ

“ลูกหลานคนอีสานที่ไปทำงานที่ระยอง ทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ แต่ไม่มีเทคโนโลยีของคนไทยเลย เมื่อไม่มีเทคโนโลยีของตัวเองก็แข่งขันไม่ได้ ดังนั้น เราต้องลงทุนในเทคโนโลยี อุตสาหกรรม เพื่อสร้างงาน สร้างสินค้า และเอาส่วนแบ่งจากตลาดโลกมาให้คนไทย” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร เสนอบทเรียนจากเทศบาลตำบลอาจสามารถ ในฐานะความสำเร็จในการสร้างน้ำประปาดื่มได้ เพื่อย้ำว่า คณะก้าวหน้าไม่ได้ทำได้แค่น้ำประปาที่ใสสะอาด แต่เป็นน้ำประปาดื่มได้ ทั้งหมด วัดค่าเป็นวิทยาศาสตร์ และการจะควบคุมคุณภาพของน้ำประปาได้ ต้องมีเซนเซอร์และสมาร์ทมิเตอร์ ไม่จำเป็นต้องมีคนจดค่ามิเตอร์ แต่ส่งข้อมูลประมวลผลด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้สามารถสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาสะอาดขึ้นมาได้ ให้คนไทยกว่า 66 ล้านคน ไม่ว่าจะเกิดที่จังหวัดไหน มีสิทธิใช้น้ำประปาสะอาดเท่าเทียมกัน หากสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาดื่มได้ จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท

นายธนาธร กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลยังมีนโยบายสร้างอุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้า ที่คิดค้นด้วยวิศวกรคนไทย เพื่อทำให้ขนส่งสาธารณะเป็นทางเลือกของการเดินทางของคนไทยมากขึ้น ลดปัญหารถติด ค่าใช้จ่าย ฝุ่นควัน ฯลฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย หากใช้รถเมล์ไฟฟ้าเชื่อมโยงสถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทำให้เดินทางเข้าถึงสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และช่วยสร้างงานที่มีคุณภาพให้ลูกหลาน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

นายธนาธร ทิ้งท้ายด้วยการขอโอกาสจากประชาชนให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล โดยกล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เชื่อว่าจะนำความก้าวหน้ามาให้สังคมไทย และสิ่งเหล่านี้เป็นภารกิจที่จะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ในการสร้างสังคมที่ดีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเวลาของความทะเยอทะยาน ที่ต้องกล้าคิด กล้าทำ เพราะหากทำแบบเดิม ก็ได้เช่นเดิม

‘จุรินทร์’ ดีเบตเศรษฐกิจ ชู ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ ขอโอกาส ให้ ‘ปชป.’ ได้เป็นรัฐบาล ช่วยขับเคลื่อนประเทศ

(30 มี.ค. 66) ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมเสนอนโยบายของพรรคในเวทีตอบข้อซักถาม ‘มุมมองของภาคธุรกิจต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศ’ จัดโดย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนทำงานร่วมกับสภาหอการค้า 4 ปีเต็ม ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งพรรคการเมืองที่จะพาประเทศไปข้างหน้าหลังเลือกตั้งได้ อย่างน้อยต้องมี 2 ข้อ คือ 1.) หลักคิดในการพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน และ 2.) ต้องมีกลไกขับเคลื่อนประเทศที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม

ขณะที่มีหลายพรรคพูดถึงนักการเมือง ระบบราชการ แต่เท่านี้ไม่พอ เพราะภาคประชาชนและเอกชน ก็เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้า ปชป.ตั้งรัฐบาล กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแก้ปัญหาประเทศรวมทั้งเศรษฐกิจ คือ คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) จะต้องมีบทบาทมากขึ้น และเป็น ‘New กรอ.’ ที่ไม่ใช่ประชุมในห้องแอร์ สั่งการแล้วจบ แต่ กรอ. ต้องขับเคลื่อนให้เกิดประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์จริงในการแก้ปัญหาประเทศ

“ถ้า ปชป.เป็นรัฐบาล นายจุรินทร์เป็นนายกฯ ผมจะเชิญท่านสนั่น (ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) แล้วเข้าไปร่วมกันแก้ปัญหาเหมือนที่เราทำกันใน กรอ.พาณิชย์ ทำจริง เห็นผลจริง” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า หลักคิดของ ปชป.ในการพาประเทศไทยไปข้างหน้า จะต้องอยู่ในกรอบยุทธศาสตร์ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ โดย ‘สร้างเงิน’ นั้น เป็นการสร้างเงินให้ทั้งคนไทยและประเทศ ด้วยการประกันรายได้คนไทยและประกันรายได้ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการประกันรายได้จากการส่งออกหรือการท่องเที่ยว การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ ปชป.ให้ความสำคัญทั้งเศรษฐกิจฐานราก เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจมหภาค รวมทั้งการลดความเหลื่อมล้ำและโครงสร้างพื้นฐาน

“นันทิดา” เดินหน้ายกระดับคนสมุทรปราการ!! ประชุมรับฟังความคิดเห็น โครงการรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า สะดวก รวดเร็ว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

ภายในห้องประชุม Suanluang Ballroom 1-3 โรงแรมโนโวเทล บางนา กรุงเทพ อบจ.สมุทรปราการ ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้ประกอบการขนส่ง และบุคลากรที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้โครงการจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนธุรกิจข้อกำหนดขอบเขตและร่างสัญญาว่าจ้างเอกชนให้บริการเดินรถโดยสาร ประจำทางไฟฟ้าของจังหวัดสมุทรปราการ โดยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทาง สะดวก รวดเร็ว อีกทั้ง ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน

โดยมี นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดการประชุม พร้อมด้วย ดร.พิริยะ โตสกุลวงศ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ นายสรากร บรรจงจิตต์ ผู้อำนวยการกองผังเมือง องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวรายงานการประชุม โดยมี นายศรัณย์ บุญญะศิริ ผู้จัดการโครงการฯ พร้อมทั้งนำเสนอการให้บริการเดินรถรถโดยสารประจำทางไฟฟ้าเส้นทางสถานีเคหะสมุทรปราการ (สถานีเคหะฯ) ไปถึงสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ / ตลาดคลองด่าน

ภายในที่ประชุมได้มีการเสวนาในหัวข้อ บริการรถโดยสารประจำทางไฟฟ้าเพื่อตอบสนองการขยายตัวทางเศรษฐกิจในฝั่งตะวันออกของจังหวัดสมุทรปราการ โดยการเสวนานั้น ประกอบด้วย นายทิวัตถ์ บ่มไล่ หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรปราการ ดร.ภัทรพล พรหมมัญ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี วิทยาเขตสมุทรปราการ ดร.พิริยะ โตสกุลวงศ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจนผู้แทนจากกรมทางหลวง และนายศรัณย์ บุญญะศิริ ผู้จัดการโครงการฯ พร้อมทั้งตอบประเด็นข้อซักถามและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น 

ทั้งนี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ได้มอบให้ บริษัท เอเอ็มพี คอนซัลแตนท์ จำกัด ดำเนินการศึกษา โครงการจ้างที่ปรึกษาจัดทำแผนธุรกิจข้อกำหนดขอบเขตและร่างสัญญาว่าจ้างเอกชนให้บริการเดินรถโดยสารประจำทางไฟฟ้าของจังหวัดสมุทรปราการ บัดนี้ การศึกษาได้ดำเนินการมาในระยะเวลาหนึ่ง 

'พปชร.' เคาะแล้ว!! รายชื่อ 92 ปาร์ตี้ลิสต์ ชัดเจน!! 'พล.อ.ประวิตร' เบอร์ 1 

(30 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. 92 คน ดังนี้...

ลำดับที่ 1 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 
ลำดับที่ 2 นายสันติ พร้อมพัฒน์ 
ลำดับที่ 3 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 
ลำดับที่ 4 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ 
ลำดับที่ 5 นายอุตตม สาวนายน 
ลำดับที่ 6 นายไพบูลย์ นิติตะวัน 
ลำดับที่ 7 นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์
ลำดับที่ 8 น.ส.พิม อัศวเหม
ลำดับที่ 9 นายวิรัช รัตนเศรษฐ
ลำดับที่ 10 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

ลำดับที่ 11 นายสกลธี ภัททิยกุล 
ลำดับที่ 12 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ 
ลำดับที่ 13 นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ 
ลำดับที่ 14 นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ 
ลำดับที่ 15 นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ 
ลำดับที่ 16 น.ส.ธนพร ศรีวิราช 
ลำดับที่ 17 นายนิพันธ์ ศิริธร 
ลำดับที่ 18 นายอภิชัย เตชะอุบล 
ลำดับที่ 19 พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ 
ลำดับที่ 20 นายปัญญา จีนาคำ

ลำดับที่ 21 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ 
ลำดับที่ 22 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ 
ลำดับที่ 23 นางสมพร จูมั่น 
ลำดับที่ 24 นายชวน ชูจันทร์ 
ลำดับที่ 25 นายวิเชียร ชวลิต 
ลำดับที่ 26 นายโกมินทร์ ทีฆธนานนท์ 
ลำดับที่ 27 นางวลัยพร รัตนเศรษฐ 
ลำดับที่ 28 นายสุพร ดนัยตั้งตระกูล 
ลำดับที่ 29 นายธนสาร ธรรมสอน 
ลำดับที่ 30 นายสุธี พงษ์เพียรชอบ 

ลำดับที่ 31 นายพิริยะ โตสกุลวงศ์
ลำดับที่ 32 นายไพรัตน์ ตันบรรจง 
ลำดับที่ 33 นายธนากร มณีโชติ 
ลำดับที่ 34 นายคุณปิน ติรณศักดิ์กุล 
ลำดับที่ 35 นายบำรุง สักลอ 
ลำดับที่ 36 นายเกรียงศักดิ์ ภู่พันธ์ตระกูล 
ลำดับที่ 37 นายราม คุรุวาณิชย์ 
ลำดับที่ 38 นายทักษิณ แก้วสามดวง 
ลำดับที่ 39 นายสมพร ดำพริก 
ลำดับที่ 40 นายภัฎ สุริวงษ์

ลำดับที่ 41 นายธีธวัช คำเงิน 
ลำดับที่ 42 นายจาตุรงค์ ถนามกลาง 
ลำดับที่ 43 พ.ต.อ.วีระ สนจุมภะ 
ลำดับที่ 44 นางมลธิชา ไชยบาล 
ลำดับที่ 45 นายปิยทัศน์ พรพินิจพจศ์ 
ลำดับที่ 46 พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร 
ลำดับที่ 47 น.ส.ปุณิกา เศรษฐกุลดี 
ลำดับที่ 48 นางภัทมน เพ็งส้ม 
ลำดับที่ 49 นายพนม ประเสริฐศรี 
ลำดับที่ 50 นายกีรติ เจริญศรี

ลำดับที่ 51 นายประวัติ กองเมืองปัก
ลำดับที่ 52 น.ส.สีตีฮาหยาด ปีไสย 
ลำดับที่ 53 นายไพฑูรย์ ผิวผาง 
ลำดับที่ 54 นายสิทธิพร แช่ม 
ลำดับที่ 55 นายประเสริฐ ขาวกิจไพศาล 
ลำดับที่ 56 นางจิราภรณ์ สุพล 
ลำดับที่ 57 นายสฤษฎ์พัฒน์ ภมรวิสิฐ 
ลำดับที่ 58 นางวิชญาดา บุญฤทธิ์ 
ลำดับที่ 59 นายวัชรพงศ์ ปิโย 
ลำดับที่ 60 นายโนชญ์ ชาญด้วยกิจ 

‘โรม’ จี้!! ‘ปปง.’ ทำหน้าที่ หลัง ‘อุปกิต’ ถูกแจ้งสมคบฟอกเงิน ชี้ หากมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ปปง. ต้องรับผิดชอบ 

(30 มี.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการติดตามความความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ภายหลัง นายอุปกิต ปาจารียางกูร หรือ ‘ส.ว.ทรงเอ’ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับขบวนการค้ายาเสพติดของ ‘ทุน มิน ลัต’ เข้าพบผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และถูกแจ้งข้อกล่าวหาสมคบฟอกเงิน เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา พร้อมคณะติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ไฟไหม้ป่าเขาแหลม

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท 1)พร้อมคณะติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ไฟไหม้ป่าเขาแหลม

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 3/2566

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 30 มี.ค.66เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 3/2566  ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

‘จีน-บราซิล’ บรรลุข้อตกลงการค้า ใช้สกุลเงิน ‘หยวน-เรอัล’ หวังลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ หนุนการค้าทวิภาคีมากขึ้น

เมื่อวันพุธที่ 29 มี.ค. 66 รัฐบาลบราซิล ได้ประกาศว่า จีนและบราซิลบรรลุข้อตกลงการค้า โดยใช้สกุลเงินหยวนและเงินเรอัล ในการทำธุรกรรมกันโดยตรงแทนการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินกลาง ซึ่งนับเป็นความพยายามล่าสุดของจีน ที่จะลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ในการค้าระหว่างประเทศ

ด้านสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนของบราซิล (ApexBrasil) แถลงว่า “ข้อตกลงนี้ เป็นที่คาดหวังว่าจะช่วยลดต้นทุน สนับสนุนการค้าทวิภาคียิ่งขึ้น และอำนวยความสะดวกในการลงทุน”

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้ (29 มี.ค. 66) ว่า จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของบราซิล โดยเมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่าการค้าทวิภาคีสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.505 แสนล้านดอลลาร์

ข้อตกลงดังกล่าว เกิดขึ้นหลังเสร็จสิ้นการประชุมภาคธุรกิจระดับสูงระหว่างจีน-บราซิล ในกรุงปักกิ่ง โดยก่อนหน้านี้มีการทำความตกลงเบื้องต้นระหว่างสองประเทศเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

‘ณัฐชา’ แฉ เกมการเมืองเก่า ปล่อยเฟคนิวส์เกลื่อนไลน์ วอนหยุดปั้นน้ำเป็นตัว ชี้!! ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

(30 มี.ค. 66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อปี่กลองการเลือกตั้งดังขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ สารพัดวิชามาร ปล่อยข่าวลวงหรือข่าวเท็จป้ายสีกัน เป็นวิธีของการเมืองแบบเก่า ที่เมื่อสู้ด้วยไอเดีย สู้ด้วยนโยบายไม่ได้ก็ใช้ความกลัวจากการโกหกประชาชนสู้แทน

“ขณะนี้ในไลน์เกลื่อนมาก โดยเฉพาะพรรคการเมืองเก่า ที่เล่นการเมืองแบบเก่า ๆ จะเป็นต้นทาง สั่งให้หัวคะแนนพรรคตัวเอง สร้างเฟคนิวส์ส่งเข้าไลน์กลุ่มหมู่บ้าน กลุ่มโรงเรียน กลุ่มชุมชนโจมตีพรรคก้าวไกลแบบถี่ ๆ ด้วยเนื้อหาที่บิดเบือน เช่นบอกว่า ถ้าเลือกพิธาเป็นนายกฯ จะยกเลิกบำนาญข้าราชการ ลูกหลานจะลำบาก เป็นการโกหกมดเท็จที่ไม่มีความจริงแม้แต่นิดเดียว ผมขอยืนยันเป็นครั้งที่ร้อยว่า พรรคก้าวไกลไม่มีและไม่เคยมีนโยบายยกเลิกบำนาญข้าราชการ” นายณัฐชา กล่าว

‘สมหวัง’ อดีต นปช. จ่อเดินสายหาเสียงภาคอีสาน หวังโน้มน้าวคนเสื้อแดง หนุน ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯ อีกสมัย

(30 มี.ค. 66) นายสมหวัง อัสราษี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)และอดีตแกนนำ นปช. กล่าวว่า ตนมีกำหนดการลงพื้นที่ขึ้นเวทีปราศรัยกับ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน ของพรรค รทสช. ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยพรรคโน้มน้าวใจให้คนเสื้อแดงที่เคยอยู่ร่วมกันมา ให้หันมาสนับสนุนว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เพื่อมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย รวมถึงจะไปชี้แจงนโยบายของพรรคให้ชาวบ้านได้เข้าใจ และบางเวทีจะไปร่วมกับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ

นายสมหวัง กล่าวว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ตนก็เฝ้าดูมาตลอดว่าทําอะไรบ้าง กระทั่งเข้ามาสู่ระบบการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีบางพรรคพยายามพูดโจมตีเวลาหาเสียง กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเผด็จการ ตนอยากถามว่าเอาสมองส่วนไหนคิด เวลานี้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยแล้ว การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งในสภาฯ เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ลงเลือกตั้งในระบบพรรค ทำไมยังมาพูดโจมตีอีกว่าเป็นเผด็จการ ถ้าเป็นเผด็จการจะมีการเลือกตั้งไหม ดังนั้น เลิกพูดได้แล้ว

“ประเทศชาติทุกวันนี้ ความขัดแย้งลดลงไหม ต้องยอมรับ ไอ้ที่จะมาเย้ว ๆ ไม่มีแล้ว เพราะทุกคนเข้าใจ แต่มีพวกบางคนที่เข้าเส้นเลือดไม่เปลี่ยนความคิด คิดด้วยตัวเองไม่ได้ แต่ผมไม่ใช่อย่างงั้น ที่ผมมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ผมถือสุภาษิตว่า เจ็บแล้วจําคือคน ถ้าเจ็บแล้วทนคือควาย ผมไม่ใช่ควาย ผมไม่ให้ใครเอาเชือกมาร้อยจมูกเอากระดิ่งมาแขวนคอ” นายสมหวัง กล่าว

นายสมหวัง กล่าวว่า สมัยตนอยู่กับ นปช. ตนไม่เคยขอเงินใครแม้แต่บาทเดียว ดังนั้น อย่ามาพูดว่าทรยศหรือเนรคุณ ชีวิตนี้ไม่เคยทรยศใคร ไม่เคยเนรคุณใคร เมื่อไม่เคยมาช่วยเหลือ แล้วเอาบุญคุณมาจากไหน เพราะสิ่งที่ทำทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ตนไม่เคยมาขอเงิน ไม่ใช่สัมภเวสี ไม่ใช่เหลือบไร ไม่ใช่หมัด ที่จะไปขอเงินใคร ตนเป็นคนมีต้นทุน และต้นทุนสูงด้วย ดังนั้น ถ้าเคารพการตัดสินใจแต่ละฝ่าย ความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่ แต่ถ้าไม่เคารพการตัดสินใจก็ไม่เป็นไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top