Sunday, 19 May 2024
Hard News Team

เทศบาลนครเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวพร้อมจัดงาน 'ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่' ประจำปี 2566 ย้อนรอย 'ประเพณีพื้นเมืองอันงดงาม'

(30 มี.ค.66) นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จัดกิจกรรมแถลงข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ (ประเพณีสงกรานต์) ประจำปี 2566 โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.พงศธร เตมีศักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ นางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ และ นายมานพ แย้มอุทัย ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารเทศบาลนครเชียงใหม่ และ สื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ข่วงประตูท่าแพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่มีโอกาสจะได้กลับมาจัดงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง อีกครั้ง ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ พี่น้องชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมทั้งขอเชิญชวนให้ร่วมกันแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าพื้นเมืองเชียงใหม่ หรือสวมใส่เสื้อลายดอก มาสรงน้ำพระ กราบไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล สัมผัสกับประเพณีวัฒนธรรมของชาวเชียงใหม่ และประเพณีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่

นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า งานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง (ประเพณีสงกรานต์) ประจำปี 2566 นี้ เทศบาลนครเชียงใหม่จะกลับมาจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังจากต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาหลายปี โดยจะเป็นการย้อนรอยประเพณีพื้นเมืองที่เก่าแก่สวยงามนำกลับมาจัดอีกครั้ง และยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมายทั้งกลางวัน และ กลางคืน เช่น การตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่ไทย ขบวนแห่พระพุทธสิหิงส์และพระพุทธรูปสำคัญ การแสดงแสงสีเสียง การประกวดเทพี/เทพบุตรสงกรานต์ ฯลฯ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรมล้านนาที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านวิศวกรรม นวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ณ.มหาลัยเชียงใหม่ ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี ได้ให้การต้อนรับคุณประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด และ คุณนพชัย ถิรทิตสกุล ประธานกรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จำกัด และร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านวิศวกรรม นวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 น. ณ ห้องพระยาศรีวิสารวาจา สำนักงานมหาวิทยาลัย โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พฤกษ์ อักกะรังสี, คุณพรทิพย์ ลาบุตร เลขานุการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด และ คุณเกียรติวรากร กีรติชนานนท์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จำกัด ลงนามในฐานะพยาน พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดี, รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริชัย คุณภาพดีเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาย รังสิยากูล ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ, คุณณัฐวิทย์ ครูบา ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่และสาธารณูปโภค และแขกผู้มีเกียรติจากบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด โดยมีบริษัท88แปซิฟิคจำกัดนายธวัชชัย กิตติรัตนวิวัฒน์ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามดังกล่าว

‘สันติ-ชัยวุฒิ’ ชูนโยบาย พปชร.เข้าถึงทุกกลุ่ม วอนเลือกทั้งคนทั้งพรรค ดัน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกฯ

สันติ-ชัยวุฒิ เยือนกรุงเก่าพบปชช.ต่อเนื่อง ย้ำนโยบาย พปชร.เข้าถึงทุกกลุ่ม วอนเลือก ‘พล.อ.ประวิตร’ เป็นนายกฯผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจทุกระดับเข้มแข็ง

(31 มี.ค. 66) เวลา 17.30 น.นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมเวทีปราศรัย วัดลาดทราย อ.วังน้อย จ.อยุธยา โดยมีนายพิตติพรรธน์ พรรณธนะ เขต 4 นายภูมินทร์ มงคล เขต 5 นายชณทัต ปัมะภูวดล เขต 3 แนะนำตัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเสนอนโยบายที่มุ่งช่วยปากท้อง พี่น้องชาวอยุธยา โดยมีประชาชน มาร่วมฟังปราศรัยกว่า 3,000 คน 

นายสันติ กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขต มีความตั้งใจที่จะเสนอตัวในการรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง และขอมั่นใจได้ว่า ทั้งสามคนเป็นพลังของพรรคพลังประชารัฐ เป็นพื้นที่ความหวัง และความตั้งใจของพรรค ที่ทุกคนจะสามารถได้รับการตอบรับจากประชาชน เลือกมาเป็นตัวแทนที่สามารถผลักดันนโยบายต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน   พร้อมกับนำความเจริญและเดินหน้าพัฒนาจังหวัด ทั้งในด้านการส่งเสริมอาชีพ สร้างความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของพรรค และรัฐบาล 

นอกจากบัตรสวัสดิการประชารัฐ ที่จะเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน มีนโยบายบุตร ธิดา ประชารัฐ เพื่อส่งเสริมด้านสุขอนามัย และลดภาระการเลี้ยงดูบุตร ให้กับสตรีผู้เป็นเพศแม่ ซึ่งถือเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ในการเพิ่มจำนวนประชากร เพราะมีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป แต่ต้องยอมรับประเทศประสบปัญหา ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้พรรค ออกนโยบายดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มเงินเบี้ยสวัสดิการประชารัฐ 345 678 ที่พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปได้ 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะสร้างแหล่งเงินให้เข้าถึงประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ผ่านนโยบายการเงินการคลัง ซึ่งจะดำเนินการให้เป็นจริง แต่ต้องอาศัยเสียงพี่น้องประชาชน มอบความไว้วางใจให้กับ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีและว่าที่ผู้สมัคร พปชร.เป็นรัฐบาล เพื่อนำนโยบายต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือ รวมถึงการแก้ไขระเบียบการปล่อยกู้ของสถาบันการเงิน โดยให้นำเงินฝากที่อยู่ในระบบ 19-20 ล้านล้านบาท ต้องกำหนดให้แบ่งสัดส่วนการปล่อยกู้อย่างทั่วถึง แบ่งเป็นการจัดสรรเงินฝากในสัดส่วน 50% เพื่อนำมาปล่อยกู้ให้กับประชาชนทั้งคนชั้นกลาง ผู้มีรายได้น้อย โดยให้พี่น้องประชาชน ที่มีความต้องการวงเงินไม่เกิน ระดับ 100,000-500,000 บาท นำไปพัฒนาอาชีพ ไม่ใช่กระจุกไวปล่อยสินเชื่อเพียงระดับบนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้

ดาราจักรๆ วงศ์ๆ สายมู | TIME TO BELIEVE EP.12


TIMETOBELIEVE

💀 TIME TO BELIEVE ถึงเวลาหลอน EP.12

จะพาไปหลอนกับเรื่องราวของ คุณบุ๊ค พบศิลป์ โตสกุล นักแสดงละครดาราจักรๆ วงศ์ๆ ทางช่อง 7 HD ดารา ‘สายมู’ เผยเคยไปขอ ‘องค์พระศิวะ’ ที่วัดแขก สีลม แต่พบเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง โดนหมอดูทัก จนต้องเลิกกินเนื้อวัวไปตลอดชีวิต ติดตามได้ในคลิปนี้…

ดำเนินรายการโดย 'วายุ เอี่ยมรัมย์' ที่จะพาคุณไปพบเจอกับความหลอนจนนอนไม่หลับ

แขกรับเชิญที่จะผ่านไปหลอนกับ คุณบุ๊ค พบศิลป์ โตสกุล 

นักแสดงช่อง 7 HD

‘เพื่อไทย’ พบปะ-หารือ ผู้ประกอบการอัญมณี ยัน!! พร้อมผลักดันอุตฯ อัญมณีไทย เป็นศูนย์กลางของโลก

‘ปานปรีย์ พหิทธานุกร’ นำทีมเพื่อไทยพบผู้ประกอบการอัญมณีฯ ยืนยัน ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ พร้อมสร้างงาน-สร้างตลาด-สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมอัญมณี ขณะที่ผู้ประกอบการฝากความหวัง ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีโลกให้ได้

(31 มี.ค. 66) พรรคเพื่อไทย นำโดย ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กทม. นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ กรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย นิกร ซัจเดว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย วิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก. เขตบางรัก พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้แก่ กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อรรฆรัตน์ นิติพน นวธันย์ ธวัชวงศ์เดชากุล ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เข้าพบปะหารือผู้ประกอบการอัญมณี สมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่า (ประเทศไทย) ที่อาคาร Jewely Trade Center ถ.สีลม

สมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ได้ด้วยการส่งออกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60-70% สินค้ากลุ่มอัญมณีสร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาท สร้างการจ้างงานนับล้านตำแหน่ง แต่ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ทรมานผู้ประกอบการอัญมณีเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้นำเสนอทางออกข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลไม่รับฟัง เพราะไม่มีการกระจายอำนาจ การตัดสินใจรวมศูนย์ที่คนเดียว หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อยากเสนอให้ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีของโลก 

“ความหวังของผู้ประกอบการ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเปลี่ยนประเทศไทย เป็นโอกาสของภาคประชาชนที่จะได้รู้ว่าปากกามีราคาอย่างไร ผมมั่นใจหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ การค้า จากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมอยากเห็นผู้นำที่สร้างความเชื่อมั่นในระดับโลก อยากให้ดูรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา ยืนยันทุกรัฐบาล ทั้งรัฐบาล ดร.ทักษิณ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ รับฟังเรา วันนี้เราถูกบีบจนหายใจไม่ออก” สมชาย กล่าว 

ปานปรีย์ พหิทธานุกร กล่าวว่าอัญมณีเป็นสินค้าสำคัญของไทย เป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียง สร้างหน้าตาให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก เวลานี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้ซื้อนิยมมาซื้ออัญมณีในไทยมากขึ้น หากจีนและอินเดียเติบโต จะทำให้อาเซียนเติบโตตามไปด้วย อยากให้ภาคเอกชนร่วมกันทำงาน หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมเข้าไปสนับสนุนเต็มที่ ทั้งอุตสาหกรรมอัญมณี และคนทำงานทุกด้าน รวมทั้งช่างฝีมือที่ยังรายได้น้อย อยากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนมากขึ้น

ผอ.ศปพร. พบปะ เยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ พี่น้องสมาชิกองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียง (กลุ่มเสื้อเขียว) สืบสาน รักษา ต่อยอด แนวทางศาสตร์พระราชา เพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้

(31 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง(กลุ่มเสื้อเขียว) หมู่ที่ 10 บ้านคีรี ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ลงพื้นที่พบปะ เยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ แก่สมาชิกองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียง (กลุ่มเสื้อเขียว) ของจังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งรับทราบปัญหา อุปสรรค ในการดำเนินงาน รวมถึงแนวทางการปฏิบัติ ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานตามแนวทางศาสตร์พระราชา ของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด งานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเครือข่ายในการขับเคลื่อนกิจกรรมด้านต่าง ๆ โดยมี พันเอกกำธร ศรีเกตุ รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 /รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ,นาย อิสมาแอ แต รองประธาน องค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ 

ทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า ตามที่ ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ได้มอบหมายให้ คณะทํางานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ คณะที่ 3 ดําเนินการจัดกิจกรรมการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ และพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างประชาชนในพื้นที่กับภาครัฐ และติดตามความก้าวหน้าในการดําเนินงาน ของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ด้วยการบูรณาการดําเนินงาน ร่วมกับส่วนราชการ ทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายทหาร พลเรือน รวมทั้งองค์กร ภาคประชาชนเพื่อสันติ และเศรษฐกิจพอเพียง (กลุ่มเสื้อเขียว) พร้อมทั้งได้กําหนดเป้าหมายในการลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียน ติดตามความก้าวหน้า ของการดําเนินการ รับฟังปัญหาข้อเสนอแนะ และความต้องการของสมาชิก 

‘อภัยภูเบศร’ แนะใช้ ‘สมุนไพร’ ปรับสมดุลร่างกาย ช่วยลดไฟธาตุ ต้านลมแดด - ฮีทสโตรก

(31 มี.ค. 66) ภญ.อาสาฬา เชาวน์เจริญ เภสัชกรชำนาญการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิตอนกลางวันบางวันสูงถึง 40 องศา และอาจมีความร้อนเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ ซึ่งอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว และในหลากหลายระบบของร่างกาย รวมถึงโรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (Heat Stroke) คือ ภาวะที่ร่างกายมีความร้อนสูงมากกว่า 40 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานเกิน 10-15 นาที  และไม่สามารถระบายความร้อนออก หรือขับเหงื่อออกได้ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากอากาศที่ร้อนสูงขึ้น การใช้แรงมาก ๆ ในสภาพอากาศที่ร้อน ซึ่งมีโอกาสทำให้เสียชีวิตได้

ภญ.อาสาฬา กล่าวว่า อาการของโรคลมแดด ที่สามารถสังเกตได้ เช่น ตัวร้อนจัด ผิวสีแดงกว่าปกติ บางรายพบมีผื่นแดง ไม่มีเหงื่อออก ปัสสาวะออกน้อย เวียนศีรษะ มึนงง หายใจเร็ว ใจสั่น อ่อนแรง หน้ามืด เป็นลม แขนขาตะคริว หรือ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ เช่น สับสน เพ้อ พูดไม่ชัดเจน กระสับกระส่าย ชัก ช็อก กล้ามเนื้อลายสลาย อวัยวะต่างๆ เกิดการล้มเหลว เช่น ไตล้มเหลว เซลล์ตับตาย กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจวาย หากพบว่าเริ่มมีอาการควรรีบบรรเทาอาการ โดยการอยู่ที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก นอนราบ ยกขาสูงเล็กน้อย พยายามทำให้เสื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ใช้ผ้าเย็น ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัว เน้นตามข้อพับ คอ หลัง หากมีสติให้รีบดื่มน้ำสะอาด หากหมดสติควรรีบเรียกรถพยาบาล

‘ชัยวัฒน์ ก้าวไกล’ ซัดรัฐไร้น้ำยาคุ้มครองข้อมูลคนไทย หลังปล่อยแฮกเกอร์ขโมยข้อมูล ปชช.ซ้ำซาก

‘ชัยวัฒน์’ มือเศรษฐกิจดิจิทัลพรรคก้าวไกล ติงระบบภาครัฐหละหลวม ปล่อยแฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวประชาชนซ้ำซาก คาดสาเหตุช่องโหว่ในระบบจากรูรั่วซอฟต์แวร์ที่ไม่อัปเดต - ขาดกระบวนการเข้ารหัสข้อมูล ชูนโยบายก้าวไกล ปกป้องข้อมูลประชาชน ก่อนใช้ข้อมูลต้องขอความยินยอม - ระบบแจ้งเตือนทันทีถ้าข้อมูลรั่ว

(31 มี.ค.66) ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเงินและยุทธศาสตร์ข้อมูล หนึ่งในทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีแฮกเกอร์ใช้ชื่อ ‘9near’ โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ และอ้างว่าขโมยมาจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง

ชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากที่เข้าไปดูแฮกเกอร์รายนี้ มีตัวอย่างข้อมูลประมาณ 93,000 คน ทั้งเลขบัตรประชาชน ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ามีข้อมูลรั่วไหลจริง และการที่หลุดออกมามากขนาดนี้ แสดงว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึง (access) ฐานข้อมูลได้

ในช่วงที่ผ่านมา เราเห็นข่าวลักษณะนี้บ่อยครั้ง สะท้อนว่าการจัดการควบคุมความเสี่ยงด้านไซเบอร์ของภาครัฐ โดยเฉพาะการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน มีความหละหลวมมาก ดังนั้น เรื่องพื้นฐานที่ภาครัฐต้องทำ เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ ประการที่หนึ่ง ต้องมีมาตรการป้องกัน เพราะการที่แฮกเกอร์เข้าไปได้แสดงว่าระบบไอทีของภาครัฐมีช่องโหว่ ซอฟต์แวร์ต่างๆ อาจไม่ได้รับการอัปเดตปิดรูรั่วอย่างสม่ำเสมอ เรื่องนี้สามารถป้องกันได้ถ้าหน่วยงานรัฐจริงจัง

ประการที่สอง คือมาตรการลดความเสี่ยง เพราะบางครั้งต่อให้มีระบบป้องกันแล้ว แต่แฮกเกอร์ที่มีความสามารถสูง ก็อาจจะเข้าไปได้ ดังนั้น สิ่งที่หน่วยงานรัฐต้องมีและสามารถทำได้ คือการเข้ารหัสฐานข้อมูล (Encryption) เปรียบเสมือนล็อกกุญแจข้อมูลไว้ ถ้าไม่มีกุญแจ ต่อให้เข้าถึงฐานข้อมูล แต่ก็จะอ่านข้อมูลไม่ออก ข้อมูลประชาชนก็จะไม่รั่วไหล

“จากที่ดูตัวอย่างข้อมูล เห็นว่ามีเบอร์โทรศัพท์มือถืออยู่ด้วย ซึ่งอาจเกิดจากการลงทะเบียนด้วยตัวเองของประชาชน เกี่ยวกับการเข้ารับบริการภาครัฐ” ชัยวัฒน์กล่าว

ชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 เน้นดูแลหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ เช่น หน่วยงานการเงินการธนาคาร การสื่อสาร รวมถึงด้านสาธารณสุข แต่การที่ข้อมูลภาครัฐรั่วไหลหลายครั้ง ทำให้ต้องตั้งคำถามว่ากฎหมายนี้มีประโยชน์จริงหรือไม่ ทำไมหน่วยงานรัฐยังอ่อนแอในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลประชาชน รัฐต้องตอบคำถามว่าปัญหาอยู่ตรงไหนกันแน่

ชัยวัฒน์กล่าวว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เรามีนโยบายแปลงข้อมูลเป็นขุมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของประชาชนหรือข้อมูลของภาคธุรกิจ ให้เป็นรูปแบบดิจิทัลเพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ๆ โดยวางบทบาทให้รัฐต้องเปลี่ยนเป็นผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล 3 อย่าง ได้แก่ หนึ่ง การพัฒนามาตรฐานข้อมูลและสร้าง ‘ถนนข้อมูล’ ที่จะทำให้ข้อมูลสามารถเชื่อมโยงกันได้ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน

กอ.รมน.มุกดาหาร ร่วมบูรณาการปิดล้อมตรวจค้นปฏิบัติการ 'ยุทธการฟ้าสางที่ริมโขง ประจำปีงบประมาณ 2566'

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 เวลา 05.30 น. พ.อ.ภูษิต  พลาเศรษฐ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ม.ห.(ท) มอบหมายให้ ร.ต.ท.สุนทร คำแก้ว รอง หน.ชุดครูฝึก/วิทยากร อพป.กอ.รมน.จังหวัด ม.ห. ภายใต้อำนวยการโดย พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร ,พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทพรต รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร(ปส.1) พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผกก.สืบสวนฯ ร่วมกับ ปป.4 สำนักปราบปรามยาเสพติด , ปปส.ภ.4 , สภ.เมืองมุกดาหาร, สภ.หว้านใหญ่, บก.สกส.บช.ปส. , นรข.มุกดาหาร, ปกครองจังหวัดมุกดาหาร, กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ตม.มุกดาหาร ,ตำรวจน้ำมุกดาหาร, ตชด.234 , กอ.รมน.จังหวัด ม.ห. และหน่วยบูรณาการที่เกี่ยวข้อง ได้เปิด ปิดล้อมตรวจค้นจับกุมบุคคลตามหมายจับ และตรวจยึด อายัดทรัพย์สิน เครือข่ายผู้กระทำความผิด จำนวน 4  หมายจับ พื้นที่ปฏิบัติการ จำนวน 8 จุด ผลการปฏิบัติเบื้องต้น ดังนี้

สวนนงนุชพัทยาตอนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเกือบพันคนเป็นกรุ๊ปแรก

วันนี้ที่สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกรุ๊ปแรกจำนวนเกือบ 1000 คน สวนนงนุชพัทยามีความพร้อมในเรื่องของสถานที่ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นจำนวนมาก  และทางสวนนงนุชพัทยาได้จัดกิจกรรมต่างๆรวมถึงการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน

กิจกรรมที่ทางสวนนงนุชพัทยาได้จัดให้นักท่องเที่ยวชาวจีนได้ร่วมเล่นน้ำโดยทางสวนนงนุชพัทยาได้มีชุดให้นักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนเพื่อให้ได้เล่นน้ำสงกรานต์ ร่วมสาดน้ำ กับช้างแสนรู้จำนวน 2 เชือก ซึ่งก็สร้างความสนุกสนานแก่นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวอย่างมาก สำหรับประเพณีเล่นน้ำสงกรานต์ กับ ลอยกระทง เป็นโปรแกรมหนึ่งที่จัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมของประเทศไทย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top