Tuesday, 8 July 2025
Hard News Team

‘วราวุธ’ นำทีม พม.ผนึก ‘AIS’ เดินหน้าเสริมสร้างพลเมืองดิจิทัล หนุนคนไทยท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย-รู้ทันภัยไซเบอร์

(25 ก.พ.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า อาชญากรรมทางไซเบอร์ถือเป็นภัยคุกคาม ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนอย่างมาก ทุกฝ่ายจึงจำเป็นต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้กับคนไทย พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการส่งเสริมความรู้และทักษะที่จำเป็น ต่อการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนใช้งานโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย

โดยครั้งนี้เป็นความร่วมมือกับ AIS ในการนำหลักสูตร ‘อุ่นใจไซเบอร์’ ให้บุคลากรของเรากว่า 11,000 คน ได้เรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะทางดิจิทัล ตลอดจนการขยายผลองค์ความรู้ไปยังประชาชนคนทุกช่วงวัย อาทิ ผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ สตรี และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และไม่ตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาในโลกออนไลน์

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า AIS ในฐานะผู้ให้บริการด้านดิจิทัลเราไม่เพียงเดินหน้าเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งเพื่อคนไทยเพียงเท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการยกระดับทักษะดิจิทัลของคนไทยที่เราเชื่อว่าการเสริมสร้างองค์ความรู้คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาด้านภัยไซเบอร์ได้อย่างยั่งยืน

ซึ่งทำให้ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาการเรียนรู้ด้านทักษะดิจิทัลอย่าง หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ที่มีเนื้อหาแกนหลักสำคัญที่ถูกแบ่งออกเป็น 4P / 4ป ประกอบไปด้วย Practice ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม, Personality ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์, Protection เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์ และ Participation รู้จักการปฏิสัมพันธ์ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนออนไลน์อย่างเหมาะสม ซึ่งหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ถูกขยายผลไปยังบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นิสิต นักศึกษา ผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่วันนี้ได้เรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์นี้แล้วกว่า 320,000 คน”

“โดยครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญกับหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและความมั่นคงในชีวิตของประชาชนอย่าง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการนำหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อออนไลน์ที่ครอบคลุมทุกทักษะในโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง เข้าไปให้บุคลากรของกระทรวงฯ ได้ศึกษาเรียนรู้ และส่งต่อไปยังประชาชนคนไทยทุกช่วงวัยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงฯ ได้เสริมทักษะดิจิทัล รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ สามารถใช้งานออนไลน์ได้อย่างถูกต้องปลอดภัยและสร้างสรรค์” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

โดยการทำงานร่วมกันครั้งนี้ได้ปรับเนื้อหาของหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ให้สอดคล้องกับทักษะที่มีความจำเป็นต่อการเป็นพลเมืองดิจิทัลสำหรับผู้เรียนแต่ละกลุ่มให้มีความเหมาะสม เช่น การเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในหลักสูตรสำหรับผู้ปฏิบัติงานในองค์กร เป็นต้น

โดยสามารถเข้าไปเรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ได้ที่ www.learndiaunjaicyber.ais.co.th, แอปพลิเคชัน อุ่นใจ CYBER, www.m-society.go.th, www.dop.go.th และแอปพลิเคชัน Gold by DOP

โซเชียลจวกเละ ลูกค้าเรื่องเยอะ อ้าง “เราเป็นคนจ่ายเงิน” ด้าน ‘ไรเดอร์’ สุดทนพฤติกรรม!! ร่ายยาว “นี่คน ไม่ใช่ทาส”

(25 ก.พ.67) กลายเป็นโพสต์ไวรัลแห่วิจารณ์สนั่น เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งประกอบอาชีพเป็น พนักงานบริการส่งอาหาร หรือ ไรเดอร์ ซึ่งเป็นอาชีพยอดฮิตในปัจจุบัน ออกมาแชร์ประสบการณ์ เจอลูกค้าเรื่องเยอะ งานนี้ชาวเน็ตแห่จวกแรง “โตมาแบบไหน ทำไมไม่มีมารยาท”

โดยเจ้าของโพสต์ระบุข้อความว่า “หัวจะปวดกับลูกค้าแบบนี้ ขอบคุณร้านที่ยกให้ครับ ร้านก็ไม่เอาเหมือนกัน55 ไม่ต้องกินครับขนาดนี้ ทำกินเองก็ได้55”

พร้อมแนบแชทข้อความสนทนากับลูกค้า เผยให้เห็นข้อความจากลูกค้าระบุว่า “พี่อย่าลืมให้ไม่ขาดที่ระบุไว้ด้วยนะคะ เพราะว่าหนูไม่ชอบกินเห็ดเข็มทองกับเห็ดชิตาเกะ ให้ใส่แต่เห็ดที่ใส่แกงลาวได้เท่านั้น แล้วไม่ใส่น้ำย่านาง ของที่เป็นผัก เอาเฉพาะใบแมงลักเท่านั้น ไม่เอาบวบ ไม่เอาฟักทอง อยากกินเห็ดล้วนๆ”

โดยทางไรเดอร์ตอบกลับไปว่า “โทรหาร้านเลยครับ”

ก่อนที่ทางลูกค้าจะตอบกลับว่า “เราลงข้อความบอกเขาตอนสั่งของแล้วค่ะ เราจะวานให้คุณบอกเขาอีกทีไม่ได้หรือไงคะ คุณก็มีรายได้จากการที่เราสั่งของอยู่”

พร้อมเสริมอีกว่า “คุณก็ช่วยบอกหน่อยค่ะ เราใช้หมดแหละ ใช้ได้ทั้งคุณ ใช้ได้ทั้งแม่ค้านั่นแหละ เพราะเราจ่ายเงิน”

ซึ่งทางไรเดอร์ตอบกลับไปว่า “ผมยังไม่ถึงร้านครับ”

เมื่อโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่น ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็น จวกเละพฤติกรรมของลูกค้า อาทิ

- พูดเหมือนตรูเป็นคนใช้
- ลูกค้าไม่ได้จ่ายเงินเรานะ บริษัทจ่ายให้เรา ลูกค้าเป็นคนสั่ง เราเป็นคนส่ง ไม่ใช่คนปรุงอาหาร
คนส่งอาหารครับ ไม่ใช่คนรับใช้
- แม่ค้าก็คน ไรเดอร์ก็คน แม้แต่คนรับใช้ก็คน มีความเป็นคนเท่าเทียมกัน ตรรกะแบบนี้ บ้งมากค่ะ
- ทำไมไม่โทรไปบอกร้าน
- หน้าที่เราคือไปรับของแล้วส่งของ ไม่มีหน้าที่ต้องมาคอยบอกร้านค้า ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า

‘ฟิลิปปินส์’ ได้กลายเป็นผู้นำเข้า ‘ข้าว’ รายใหญ่ที่สุดของโลกประจำปี 2023/2024

รายงานจาก Satista เผย ‘ฟิลิปปินส์’ ได้กลายเป็นผู้นำเข้า ‘ข้าว’ รายใหญ่ที่สุดของโลกประจำปี 2023/2024 โดยวัดจาก 20 ประเทศชั้นนำของโลก 🌾🌍

ทั้งนี้ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มี 4 ประเทศที่นำเข้ามากที่สุด ได้แก่…

1.) ฟิลิปปินส์ 🇵🇭 นำเข้าข้าว 3.8 ล้านตัน 
2.) อินโดนีเซีย 🇮🇩 นำเข้าข้าว 2.5 ล้านตัน 
3.) เวียดนาม 🇻🇳 นำเข้าข้าว 1.4 ล้านตัน 
และ 4.) มาเลเซีย 🇲🇾 นำเข้าข้าว 1.2 ล้านตัน

งานวิจัย ชี้!! ‘Gen X’ ช่วงวัยที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง-กดดัน ลาหยุดไม่ได้-ลาออกไม่กล้า เหนื่อยก็ต้องสู้ เพื่อเป้าหมายชีวิต

(25 ก.พ.67) ในขณะที่ ‘Gen Z’ เป็นช่วงวัยที่กำลังเริ่มต้นเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ‘Gen Y’ อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวของการเติบโต-ไต่เต้าสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ส่วน ‘Gen X’ กลับเป็นเจเนอเรชันกลางๆ ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและปัญหาสารพัดอย่าง

ในเชิงการทำงานเมื่อพิจารณาจากอายุแล้ว ‘Gen X’ อาจถูกคาดหวังให้ต้องเก่ง ต้องรู้ ต้องเชี่ยวชาญในหลายๆ เรื่อง ขณะเดียวกันในพาร์ตชีวิตส่วนตัว ‘Gen X’ ก็อยู่ตรงกลางระหว่างเบบี้บูมเมอร์ และคนรุ่นใหม่

สำนักข่าว ‘บีบีซี’ (BBC) ระบุว่า ‘Gen X’ ต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่เหมือนคนเจนอื่นๆ แม้จะอยากพักแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ มีงานวิจัยจำนวนมากที่ระบุว่า ‘วัยกลางคน’ เป็นช่วงชีวิตที่ไม่มั่นคงมากที่สุด คลอนแคลนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ

เพราะเคยเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจมาแล้วหลายยุค จนถึงปัจจุบันในสถานการณ์ที่มีการ ‘เลย์ออฟ’ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ ‘Gen X’ รู้สึกว่า ตนเองไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะลาหยุดด้วยซ้ำ 
[ลาออก-ลาหยุดไม่ได้ เหนื่อยก็ยังต้องทำงานต่อไป]

Gen X คือ คนที่เกิดตั้งแต่ปี 2508-2523 มีอายุตั้งแต่ 44-59 ปี หากพิจารณาจากช่วงอายุแล้วจะพบว่า อยู่ในช่วงวัยกลางคน และกำลังอยู่ในช่วงเตรียมเกษียณอายุงานแล้วด้วย

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า Gen X มีวิธีคิดเรื่องการทำงานแตกต่างจากคนมิลเลนเนียล ตรงที่พวกเขามักจะกระตือรือร้นในการทำงานตลอดเวลา โดยมีเหตุผลสองส่วนที่ทำให้ Gen X จำนวนมากไม่พร้อมลาออก

ประการแรก คือ คนเจนนี้เผชิญกับการใช้จ่ายและการบริหารจัดการการเงินที่ไม่เหมือนคนรุ่นอื่น พวกเขาไม่สามารถลาออก-ทิ้งงานที่สร้างรายได้ประจำไปได้

ประการที่สอง เป็นเพราะ Gen X หลายคนมีทัศนคติที่ต้องการทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง หลังเคยผ่านวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง

บทเรียนในอดีตทำให้คนรุ่นนี้ต้องสร้างหลักประกันที่แข็งแรงให้ตนเอง เมื่อได้รับโอกาสใหม่ๆ Gen X จะไม่ปฏิเสธ เพื่อความก้าวหน้าในอนาคต

ทั้งนี้ ‘บีบีซี’ ได้เปิดเผยผลสำรวจพนักงานกว่า 2,000 คน ที่ถูกเลิกจ้างจากสถานการณ์ ‘Tech Layoff’ ในปี 2023 ไม่ว่าจะเป็น Meta Amazon หรือ Twitter 

โดยพบว่า เกือบ 9% ของ Gen Z และ 4.5% ของคนมิลเลนเนียล เลือกที่จะพักผ่อนหลังจากถูกเลิกจ้าง แต่มีเพียง 2.6% ของ Gen X เท่านั้น ที่ตั้งใจจะยุติการทำงานหลังโดนเลย์ออฟ

ด้าน ‘Michael S. North’ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ School of Business มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ทำการศึกษาพลวัตของแรงงานในหลายช่วงวัย กล่าวว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Gen X จำนวนมากไม่เต็มใจที่จะลาออก เป็นเพราะภาระผูกพันทางการเงิน และช่วงวัยของพวกเขาที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่เหมาะที่จะกลายเป็นคนว่างงาน

‘North’ ระบุว่า มีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นว่า ‘วัยกลางคน’ เป็นช่วงชีวิตที่ไม่มั่นคง โดยเฉลี่ยแล้ววัยนี้มีความกดดันมากกว่าการหารายได้เพียงอย่างเดียว

ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันให้กับครอบครัว การเตรียมตัวเพื่อการเกษียณอายุงาน ต้องลงทุนในกองทุนแบบใด และต้องเก็บเงินก้อนเท่าไรจึงจะเพียงพอเหมาะสมกับช่วงสุดท้ายของชีวิต

ยิ่งไปกว่านั้น คือภาระหนี้สินที่คน Gen X ต้องเร่งปิดหนี้ก้อนใหญ่ๆ ก่อนที่รายได้ประจำจะหายไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มีข้อมูลบางส่วนที่แสดงให้เห็นว่า Gen X มีภาระหนี้สินมากกว่าคนรุ่นอื่นๆ

หลายคนต้องตกอยู่ในสถานะ ‘Sandwich Generation’ ดูแลทั้งคนแก่ในบ้าน และลูกๆ หลานๆ ที่กำลังโต แม้ว่าคนรุ่นนี้จะอยู่ในตำแหน่งระดับสูงขององค์กรแล้ว แต่สถานการณ์เลย์ออฟที่ผ่านมาก็ทำให้พวกเขาเห็นสัจธรรมอย่างหนึ่งของชีวิตว่า ไม่มีอะไรแน่นอน ยิ่งสถานะสูงขึ้น ตำแหน่งสูงขึ้น

คน Gen X ก็ยิ่งรู้สึกคาดหวังกับตัวเองมากขึ้นด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะถูกเลิกจ้างหรือพักงานก็ล้วนสร้างความท้าทายให้คนรุ่นนี้ทั้งนั้น

[ ไม่พร้อมเกษียณ ยังคงทำงานต่อไป ]

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แม้จะเหนื่อยและมีภาระรอบด้าน แต่ Gen X ก็ยังไม่พร้อมเกษียณ  ไม่พร้อมทิ้งอาชีพที่ทำมาทั้งชีวิต

ที่ผ่านมา Gen X ต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ มาโดยตลอด ซึ่งพวกเขาก็พยายามปรับตัวให้ทันยุค เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการเสริมสร้างทักษะใหม่ๆ

อีกมุมหนึ่ง ก็มี Gen X ที่มีความพร้อม ความมั่นคงในชีวิตครบถ้วนแล้ว แต่ก็พบว่า พวกเขายังไม่สามารถละทิ้งความสำเร็จที่เคยทำมาให้กลายเป็นเพียงอดีตได้ ราวกับ ‘งาน’ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว หลายคนจึงไม่ต้องการทำเช่นนั้น หลังจากทำงานอย่างหนักมาหลายทศวรรษ

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า Gen X อาจรู้สึกเหมือนกำลัง ‘ยอมแพ้’ ให้กับความก้าวหน้าและหน้าที่การงานที่สร้างมาทั้งชีวิต จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาออกจากเส้นทางนี้ไม่ได้สักที

“นอกจากเรื่องเงินแล้ว เรายังมีอีกความรู้สึกหนึ่งด้วย คือเป้าหมายใน Career path ที่ต้องการไปให้ถึง” แหล่งข่าว Gen X กล่าวกับบีบีซี

อ้างอิง : https://www.bbc.com/worklife/article/20230424-why-gen-x-isnt-ready-to-leave-the-workforce
 

https://mstveteran.medium.com/generation-x-where-toughness-and-manners-collide-1586dfff9e64
 

https://www.nytimes.com/2023/08/25/style/gen-x-generation-discourse.html?fbclid=IwAR1bMpb80pP2IxkU3I5FSDbktBgvDjy_-QcLsf245Mjtveg9loNNQPMgb_Q

‘รมว.ท่องเที่ยว-ททท.’ ร่วมมือบริษัทเกม ‘Ragnarok Origin’ ชู ‘อยุธยา’ เป็นฉากในเกม ต่อยอดโปรโมตเมืองท่องเที่ยวไทย

(25 ก.พ.67) หลังผู้บริหารจากบริษัท ผู้พัฒนาเกมส์ ‘Ragnarok Origin’ ที่มี Active User ทั่วโลกประมาณ 50 ล้านคน เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมนายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงแผนงานถ่ายทำฉากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองไทย เพื่อนำไปใช้ในเกมภาคใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวเร็วๆ นี้  พร้อมกับประสานไปยัง นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแล้ว เพื่อพิจารณาสถานที่ท่องเที่ยว จุดเช็กอินที่น่าสนใจให้เหมาะสมกับการดึงดูด User

ล่าสุด นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้คส่วนตัว ระบุว่า…

“Ragnarok Origin เลือกไทยติด 1 ใน 3 ประเทศใช้เป็นฉากในเกม ผู้พัฒนาเกม Ragnarok Origin ที่มี Active user ทั่วโลกประมาณ 50 ล้านคน โดยเตรียมใช้ฉากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในประเทศไทย ไปใช้ในเกมภาคใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้”

นางสาวสุดาวรรณ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเมืองรอง ที่จะใช้เป็นฉากเกมภาคใหม่ของ Ragnarok Origin เช่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เป็นเมืองมรดกโลก และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวงดงาม แสดงถึงความเป็นไทย  ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้สร้างช่วยเพิ่ม กางเกงมวยไทย มงคลมวยไทย และช้างศึกไทย เป็น Item ในเกมด้วยนั้น ยังจะเป็นการให้ส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทย ให้เห็นถึงความเป็นไทยในเกมมากขึ้น

“เป็นการดึงดูดให้ User ผู้เล่นเกมส์ กว่า 50 ล้านคนทั่วโลก ได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย และหวังว่าเมื่อมีเวลาท่องเที่ยว พักร้อน จะตามรอย และเช็กอินจากบรรยากาศและสถานที่ท่องเที่ยวจริงที่โปรโมทและประชาสัมพันธ์ในเกมส์ โดยเป็นการสานต่อนโยบายการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย ดึงเม็ดเงินจาก User เกมส์อีกหนึ่งช่องทาง” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

‘จีน’ ส่งดาวเทียม ‘Long March-5 Y7’ สู่วงโคจรสำเร็จ สานต่อการทดลอง-พัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารความเร็วสูง

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 สำนักข่าวซินหัว, เหวินชาง รายงานข่าวว่า จีนประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมทดลองเทคโนโลยีการสื่อสาร จากศูนย์ปล่อยยานอวกาศเหวินชาง มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของประเทศขึ้นสู่ห้วงอวกาศ เมื่อช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ‘จรวดขนส่งลองมาร์ช-5 วาย7’ (Long March-5 Y7) นำส่งดาวเทียมข้างต้นสู่วงโคจรที่กำหนดไว้ โดยดาวเทียมดวงนี้จะถูกใช้ทดลองเทคโนโลยีการสื่อสารความเร็วสูง และหลายย่านความถี่เป็นหลัก ส่วนการส่งดาวเทียมครั้งนี้นับเป็นภารกิจที่ 509 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช

อนึ่ง ‘ลองมาร์ช-5’ เป็นจรวดขนส่งแบบอุณหภูมิต่ำขนาดใหญ่ที่สุดที่ใช้งานในจีน พัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีจรวดขนส่งแห่งประเทศจีน ตัวแกนหลักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮโดรเจน-ออกซิเจนวายเอฟ-77 (YF -77) 2 ตัว และเครื่องยนต์ออกซิเจนเหลวและน้ำมันก๊าดวายเอฟ-100 (YF-100) 8 ตัว พร้อมแรงขับทะยานมากกว่า 1,000 ตัน

‘โหลวลู่เลี่ยง’ รองหัวหน้านักออกแบบ กล่าวว่า ปีนี้มีแนวโน้มปล่อยจรวดขนส่งลองมาร์ช-5 ราว 4-5 ครั้ง และจะรักษาความถี่นี้ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าต่อไป

ส่อง ‘สะพานรถไฟโค้ง’ แห่งแรกในไทย  อีกไฮไลต์ทางคู่ ‘เด่นชัย-เชียงของ’

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 เพจ Progressive Thailand ได้โพสต์ภาพอัฟเดต ‘สะพานรถไฟโค้งหล่อสำเร็จ’ (BEBO Arch Bridge) เทคโนโลยีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แห่งแรกของประเทศไทย ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่บ้านปงป่าหวาย จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ดำเนินโครงการก่อสร้างโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

รายละเอียดโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีดังนี้

▪ ระยะทาง 323 กิโลเมตร 
▪ จำนวนสถานี 26 สถานี (4 สถานีขนาดใหญ่ 9 สถานีขนาดเล็ก และ 12 ป้ายหยุดรถไฟ)
▪ ความเร็วรองรับสูงสุด 160 กม./ชม.
▪ จำนวนจังหวัด 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่, ลำปาง, พะเยา และเชียงราย
▪ ลานกองเก็บและขนถ่ายตู้สินค้า 5 แห่ง
▪ อุโมงค์ 4 แห่ง ความยาวรวม 13.5 กิโลเมตร
▪ มูลค่าโครงการ 72,920 ล้านบาท
▪ เปิดบริการปี 2571

The first BEBO Arch Bridge in Thailand, a part of the new double-track railway line Denchai - Chiang Rai - Chiang Khong project, is under construction

The new double-track railway line  Denchai - Chiang Rai - Chiang Khong project

▪ Distance : 323 kilometers
▪ Number of station : 26 stations (4 large stations, 9 small stations, and 12 stops)
▪ Maximum supported speed : 160 km/h.
▪ Number of province : 4 provinces, Phrae, Lampang, Phayao, Chiang Rai
▪ Container yard : 5 yards
▪ 4 tunnels, total length of 13.5 kilometers
▪ Project value : 72,920 million baht
▪ Open for service in 2028

ขอบคุณภาพจาก : โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย เชียงรายเชียงของ
เนื้อหาโดย : Progressive Thailand

‘อ.พงษ์ภาณุ’ เปิดมุมมอง ‘หนี้สาธารณะ’ กับการพัฒนาประเทศ ข้อดี ‘ก่อหนี้-กู้ยืม’ สร้างแรงส่งสู่การลงทุน เพื่ออนาคตเศรษฐกิจ

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่มาร่วมพูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น 'หนี้สาธารณะกับการพัฒนาประเทศ' เมื่อวันที่ 25 ก.พ.67 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า…

หลังการแพร่ระบาดของโควิด ประเทศหลายประเทศ ทั้งประเทศร่ำรวยและประเทศกำลังพัฒนา ต่างก็มีระดับหนี้สาธารณะสูงขึ้นมาก และเมื่อธนาคารกลางปรับดอกเบี้ยสูงขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หนี้สาธารณะจึงเริ่มเป็นปัญหาและในบางประเทศเข้าขั้นวิกฤต เช่น สหรัฐอเมริกาเริ่มมีปัญหาเพดานหนี้จนอาจถึงขั้นรัฐบาลปิดดำเนินการ (Government Shutdown) จีนมีปัญหาหนี้รุนแรงในระดับรัฐบาลท้องถิ่นจนรัฐบาลกลางต้องเข้าไปอุ้ม ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขหนี้ตามสนธิสัญญา Maastricht ได้

แม้ว่าในบางครั้งหนี้อาจเป็นปัญหาและก่อให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้ก็ตาม แต่หนี้โดยตัวเองไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายที่จะต้องหวาดกลัวเสมอไป การก่อหนี้หรือการกู้ยืมมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้เกิดการลงทุนเพื่อสร้างผลผลิตเพื่อการบริโภคในอนาคตแทนที่จะบริโภคหมดไปในปัจจุบัน ตลาดและสถาบันการเงินมีหน้าที่หลักในการระดมทุนจากผู้ออมและจัดสรรทุนในรูปหนี้หรือทุนไปยังกิจกรรม/โครงการที่นำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ระดับประเทศก็เช่นกัน การก่อหนี้สาธารณะมีจุดประสงค์เพื่อให้รัฐบาลมีทรัพยากรเสริมจากรายได้ภาษีอากร เพื่อจัดให้มีบริการที่จำเป็นต่อประชาชนและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

ยิ่งถ้าเป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรที่จะระดมมาใช้ในการพัฒนาประเทศ อาจมีความจำเป็นต้องอาศัยเงินทุนจากภายนอกเข้ามาเสริมเงินออมในประเทศ ระเบียบโลกจึงได้กำหนดให้มีโครงสร้างทางตลาดและสถาบันที่เอื้อต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนข้ามพรมแดนไปยังที่ที่มีความต้องการใช้เงินทุนนั้น

แต่ก็มีบุคคลบางกลุ่มพยายามบิดเบือนและสร้างความสับสนวุ่นวายขึ้นมาในสังคมไทยอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะกับข่าวแผนการออกพันธบัตรในต่างประเทศ ว่าเป็นการเปิดประตูเมืองชักศึกเข้าบ้าน ซึ่งจะนำไปสู่หายนะทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีอคติอย่างรุนแรงต่อกลไกตลาดการเงินระหว่างประเทศ

ประเทศไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนา ได้รับประโยชน์มหาศาลจากตลาดการเงินโลก เช่นเดียวกับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงออกพันธบัตรรัฐบาลไทยในตลาดโลกครั้งแรก ที่ตลาดลอนดอน เมื่อกว่า 100 ปีมาแล้ว เพื่อก่อสร้างทางรถไฟสายแรกของประเทศไทย โครงสร้างพื้นฐานของประเทศสำคัญ ๆ ล้วนใช้เงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศทั้งนั้น อาทิเช่น ทางหลวงแผ่นดิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เป็นต้น รัฐบาลประยุทธ์ก็กู้เงินเป็นเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก หากไม่มีแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศ ประเทศไทยคงไม่มีโอกาสพัฒนาเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลางเช่นทุกวันนี้

ประเทศไทยมีระบบบริหารจัดการหนี้สาธารณะที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งของโลก กฎหมายการเงินการคลังของไทยวางโครงสร้างและสถาบันภาครัฐเพื่อสร้างหลักประกันแห่งวินัยการเงินการคลังที่เหมาะสม และรัฐบาลไทยก็ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเสมอมา 

วันนี้หนี้สาธารณะของประเทศอยู่ในระดับปลอดภัยและมีองค์ประกอบที่เหมาะสม ทุนสำรองระหว่างประเทศมีความมั่นคง ประเทศไทยมี Credit Rating ในระดับ Investment Grade เสมอมา

ดังนั้น การออกพันธบัตรรัฐบาลในตลาดต่างประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาสร้างความตระหนกตกใจในสังคมไทย ในทางตรงกันข้าม ทำนองเดียวกับการออกพันธบัตรเพื่อสร้าง Yield Curve ของตลาดตราสารหนี้ในประเทศ แผนการออกพันธบัตรในตลาดต่างประเทศดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของประเทศในสายตานักลงทุนระดับโลก และสร้างตลาดอ้างอิง (Benchmark) ให้กับตราสารหนี้ของภาคเอกชนที่จะพึงมีในอนาคตหากจำเป็น

‘เบิร์ด ธงไชย’ เผย!! สาเหตุที่ต้องจำชื่อแอร์ฯ และสจ๊วตทุกไฟลต์ที่บิน เพราะทุกการดูแลจากพวกเขา ทำให้ “เราต้องกตัญญู-เห็นคุณค่าในน้ำใจ”

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 ได้มีกระแสในโลกโซเชียล หลังมีแอร์โฮสเตสออกมาเล่าการันตี ว่า ‘เบิร์ด ธงไชย’ ตัวจริงกับบนเวทีนิสัยเหมือนกันเป๊ะ และขอยกให้เป็นดารานิสัยดี บอกบางทีต้องจำชื่อแอร์ฯ และสจ๊วตไฟลต์นึงถึง 49 คน เผยสาเหตุที่ทำเพราะอยากกตัญญูกับลูกเรือที่คอยมาบริการตน เคยเหมาบัตรคอนเสิร์ตให้หมอ พยาบาลในห้องฉุกเฉินก็ทำมาแล้ว

เคยเป็นเรื่องที่พูดถึงกันในโซเชียล เมื่อแอร์โฮสเตสสายการบินดังได้ออกมาตอบคำถามชาวโซเชียลประเด็น ‘อยากรู้ดารานิสัยดี น่ารักมากๆ สำหรับแอร์’ ซึ่งเจ้าของคลิปและเพื่อนแอร์ฯ สาว ได้ออกมาตอบว่าดาราที่แอร์ฯ และสจ๊วตทุกคนในสายการบินชม ต้องยกให้ ‘พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์’ นักร้องซุป’ตาร์เบอร์ 1 ของเมืองไทยตลอดกาล โดยแอร์ฯ สาวเล่าว่า…

“ทุกครั้งก่อนที่พี่เบิร์ดจะขึ้นเครื่อง พี่เบิร์ดจะทำการบ้านมาก่อนว่าลูกเรือที่จะให้บริการเขาชื่อเล่นว่าอะไร แล้วพอพนักงานทักทายว่าสวัสดีพี่เบิร์ด พี่เบิร์ดจะมองหน้าแล้วตอบกลับว่า สวัสดีครับตามด้วยชื่อเล่นของคนนั้น ทำให้ทุกคนประทับใจ และพี่เบิร์ดจะยิ้มแย้มแจ่มใส ทานง่ายๆ ไม่ขออะไรมาก

เมื่อพี่เบิร์ดทานเสร็จจะเดินเข้าไปในครัว พร้อมบอกให้ลูกเรือทุกคนตบแป้งเติมปาก และพี่เบิร์ดยืนรอเพื่อให้ถ่ายรูปด้วยกัน ไม่ว่าพี่เบิร์ดจะเดินทางไฟลต์ไหน ถ้าทุกคนเห็นว่ามีชื่อพี่เบิร์ด จะรู้เลยว่าไฟลต์นั้นจะอบอุ่นและมีความสุขมาก”

เมื่อถามเรื่องนี้กับ เบิร์ด ธงไชย เจ้าตัวก็เล่าว่า “คือการบินไทยพอพี่เบิร์ดขึ้นเครื่องนะ ไหนจะต้องสวย ไหนจะต้องตื่นเช้า ต้องยกของหนัก ไหนจะขนตาอีก จะต้องนั่นจะต้องนี่ พี่เบิร์ดนั่งมองแล้วก็บอกเขาว่า เรากินเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวน้องไปเติมปากนะ เดี๋ยวเรามาเฮกัน อยากให้น้องมีความสุขบ้าง เขาตั้งใจอุ่นอาหารให้เรานะ เราน่าจะชื่นชมเขานะ เขาต้องมาดูแลเรา เขาหาน้ำร้อนมาให้เราทาน พี่เบิร์ดว่าพี่ก็ต้องกตัญญู ก็ต้องอย่างนี้แหละ

เรื่องชื่อพอเขาบอกปุ๊บพี่เบิร์ดจดเลย แล้วก็ท่องๆๆ ใครจะไปจำได้ ก็พี่เบิร์ดท่องเข้าไป เห็นหน้าก็จำได้ถ้าไม่ผ่ามากนะ มีเคล้าๆ พี่เบิร์ดจำได้ ถ้าเกิดว่าผ่ามากพี่เบิร์ดจำไม่ได้นะ ไฟลต์นึงต้องจำชื่อกี่คนก็แล้วแต่นะว่านั่งลำใหญ่ลำเล็ก บางทีก็ 49 คน

อีกอาชีพหนึ่งที่น่าชื่นชมคือหมอและพยาบาล พี่เบิร์ดแอบไปหาหมอตอน 5 ทุ่ม พี่เบิร์ดต้องเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พี่เบิร์ดเห็นแล้ว รู้สึกว่าน้องๆ เหล่านี้เขาจะมีความสุขกันได้ยังไง เห็นแต่เลือดเห็นแต่หนอง เสียงร้อง เสียงกรี๊ดของเราไม่เหมือนกับของเขา พี่เบิร์ดซื้อตั๋วแจกเลยครับ ให้หมอพยาบาลมาดูคอนเสิร์ต”

ยันตัวจริงและบนเวทีเหมือนกันเป๊ะ

“พี่เบิร์ดดีใจๆ เรามาถูกทางแล้ว อยากให้เขาเห็นคุณค่าในน้ำใจของพวกเราด้วยนะ เดี๋ยวนี้อะไรมันก็เร็วไปหมด อาจจะมองข้ามเรื่องน้ำใจของคนกันได้ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เราให้ได้ให้นะ (บนเวทีกับตัวจริงเหมือนกัน คนเดียวกันเลย?) คนเดียวกันเป๊ะ เป๊ะบ้านโป่งเลย” เธอกล่าวทิ้งท้าย

‘สุริยะ’ รับลูกนโยบายนายกฯ สั่ง ‘ขบ.’ เร่งแก้ไขปัญหาแท็กซี่ทั้งระบบ พร้อมยกระดับการให้บริการขนส่ง-การเดินทางของ ปชช.ให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อการใช้บริการในระบบรถโดยสารสาธารณะรถแท็กซี่ จึงได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้กระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการแก้ไขการให้บริการรถแท็กซี่ให้ประชาชนสามารถใช้บริการที่ดี สะดวก ปลอดภัย และมีราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งเร่งหาสาเหตุปัญหารถแท็กซี่ปฏิเสธการให้บริการประชาชน ในระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน หรือในช่วงเวลาที่มีการจราจรติดขัดด้วย

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ขานรับของนโยบายนายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ไปดำเนินการศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาคุณภาพ ในการให้บริการรถแท็กซี่ทั้งระบบ รวมถึงการวิจัยในเรื่องอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม สะท้อนต่ออัตราค่าครองชีพในปัจจุบัน และไม่เป็นการรบกวนต่อค่าครองชีพของประชาชน

สำหรับกระบวนการศึกษาในขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาแผนการดำเนินการ รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นจากสมาคมผู้บริโภค สมาคมชมรมผู้ให้บริการรถแท็กซี่ รวมถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมความเห็นจากทุกฝ่าย นำมาปรับปรุงพัฒนาทั้งในส่วนของการให้บริการ และในส่วนของการรับบริการ ในระบบแท็กซี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ ขบ. ไปพิจารณาถึงแนวทางอื่นๆ ควบคู่ตามไปด้วย เพื่อให้ระบบการให้บริการเป็นไปตามระบบสากล มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดต่อไป ต่อยอดเศรษฐกิจอุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดย่อมของประเทศไทยได้อย่างดีต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top