Wednesday, 24 April 2024
แม่ฮ่องสอน

ราษฎรเมียนมาอพยพหลบหนีเข้าเขตไทยด้านอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

โดยเมื่อ 28 มี.ค.2564  ได้ มีราษฎรเมียนมาเชื้อสายกะเหรี่ยงจากฝั่ง สหภาพเมียนมา ได้หลบหนีการสู้รบข้ามมายังฝั่งไทย ด้านอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน  3 จุด รวมจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1,900 คน ได้แก่

       1. จากพื้นที่ บ.เอเค อ.บือโส๊ะ จ.มือตรอ (จังหวัดจัดตั้ง KNU) รัฐกะเหรี่ยง ด้านตรงข้ามฝั่งไทย บริเวณ ฐานฯออเลาะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเข้าพักอาศัยบริเวณ ฝั่งไทย  ประมาณ 300 คน

       2.  จากพื้นที่ควบคุมผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเมียนมา ห้วยอูแวโกร ด้านตรงข้ามฝั่งไทยบริเวณ บ.แม่ดึ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียงฯ โดยเข้าพักอาศัยบริเวณ พิกัด  ประมาณ 300 คน

       3. จากพื้นที่ควบคุมผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเมียนมา ห้วยอีทูโกร ด้านตรงข้ามฝั่งไทยบริเวณ ฐานฯ แม่สะเกิบ บ.ห้วยกองแป ต.แม่คง อ.แม่สะเรียงฯ   โดยเข้าพักอาศัยบริเวณ   ห้วยอุมปะ ประมาณ 1,300 คน

       ทั้งนี้ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า ทมม. จะปฏิบัติการตอบโต้ โจมตีทางอากาศพื้นที่ควบคุม กองกำลังKNLA พล.น้อย  5 ของกลุ่ม KNU อีกทำให้ราษฎรหวาดกลัวและวิตกกังวลต่อความปลอดภัย จึงได้พากันอพยพหลบหนีเข้ามายังฝั่งไทย

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงสถานการณ์เกี่ยวกับผู้อพยพ ฯ ว่า สถานการณ์ในประเทศพม่า ได้เริ่มรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้อพยพ หลบหนีเข้ามาอาศัยในไทย ล่าสุด จำนวน 2,194 คน และคาดว่าน่าจะมีการหลบหนีเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ทางจังหวัดจะต้องรอคำสั่งจากรัฐบาลในเรื่องการเข้าไปดูแลผู้ลี้ภัยกลุ่มดังกล่าว ซึ่งได้มีการวางแผนเตรียมพื้นที่รองรับไว้แล้ว ที่อำเภอขุนยวม แต่เป็นพื้นที่คนละจุดกัน ซึ่งตอนนี้ผู้อพยพดังกล่าว ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารพราน จากกรมทหารพรานที่ 36 แม่สะเรียง จัดกำลังเข้าไปควบคุมดูแลในเบื้องต้นแล้ว

ภาพ/ข่าว เกียรติศักดิ์  รักสัตย์ (ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน)

ทหารพราน เริ่มทยอยส่งกลับผู้อพยพแล้วบางส่วน โดยห้ามสื่อมวลชนเข้าพื้นที่

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 มีรายงานข่าวว่า ชาวบ้านจากรัฐกะเหรี่ยง จำนวน 76 คน ได้อพยพมายังฝั่งไทย ก่อนถึงบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยมี 16 ครอบครัว เป็นชาย 46 คน ผู้หญิง 30 คน ซึ่งเป็นเด็ก 15 คน  โดยทั้งหมดข้ามแม่น้ำสาละวิน มาถึงเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันที่ 29 มีนาคม และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน และผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปตรวจสอบ โดยให้พักอยู่บริเวณจุดพักริมน้ำสาละวิน และมี อสม.เข้าไปคัดกรองโควิด-19 และจัดโซนที่พักอาศัยที่ปลอดภัยให้ไว้ชั่วคราว ก่อนมีนโยบายว่าดำเนินการอย่างไร

บรรดาสื่อมวลชนหลายสำนัก ทั้งสื่อไทยและต่างประเทศ ได้ลงพื้นที่เพื่อเข้าหาข้อเท็จจริงในจุดที่ชาวบ้านอพยพเข้ามาซึ่งต้องเดินทางโดยรถยนต์ผ่านบ้านแม่สามแลบ แต่ทหารพราน ทพ.36 ที่จุดตรวจบ้านแม่สามแลบ ไม่ให้สื่อมวลชนหรือบุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่ โดยให้เหตุผลว่ายังมีสถานการณ์ความมั่นคงและสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีการปิดสถานที่ท่องเที่ยว จึงไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปได้ รวมทั้งมีคำสั่งจากผู้บริหารระดับสูงยังไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ ทำให้บรรดาสื่อมวลชนต้องนั่งรอกันอยู่ที่บ้านแม่สามแลบ

มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสถานการณ์ผู้อพยพจากค่ายอิตูท่า ที่อพยพมายังฝั่งไทย ที่ห้วยแม่สะเกิบ และสบเแงะ ตั้งแต่วันที่ 27-28 มีนาคม จำนวนกว่า 3,000 คน และได้มีการผลักดันกลับไปฝั่งศูนย์พักพิงอิตูท่า รัฐกะเหรี่ยง ตั้งแต่เย็นวันที่ 29 มีนาคมนั้น ในช่วงเข้าวันนี้ยังคงมีการผลักดันชาวบ้านกลับอย่างต่อเนื่อง โดยผู้อพยพได้ถ่ายภาพยืนยันการถูกบังคับส่งกลับไว้ โดยกลุ่มผู้อพยพที่จุดสบแงะ จำนวนกว่า 300 คน ได้กลับไปยังศูนย์พักพิงอูแวโกลเมื่อเช้านี้ ส่วนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอิตูท่า ได้ทยอยกลับไปเช่นกัน ในขณะที่เมื่อคืนกลุ่มที่กลับไปแล้ว ไม่กล้านอนในบ้าน เพราะยังหวาดกลัวเสียงระเบิดจากการโจมตีทางอากาศ จึงไปหลบอยู่ในป่ารอบ

ข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บจากการถูกโจมตีของทหารพม่า ที่หมู่บ้านเดปุนุ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกองพล 5 KNU จำนวน 6 คน ตั้งแต่คืนวันที่ 27 มีนาคม ได้เดินทางมาถึงที่บ้านแม่นือท่า ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน แล้ว กำลังขออนุญาตทหารไทย ล่องเรือในแม่น้ำสาละวิน เพื่อนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลในฝั่งไทย โดยล่าสุด มีผู้ลี้ภัยที่ถูกกับระเบิด ได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 7 คน กำลังประสานขอความช่วยเหลือในการนำมารักษาที่ฝั่งไทย ซึ่งมีสถานพยาบาลใกล้ที่สุด คือที่ โรงพยาบาลส่งเสริมส่วนตำบลแม่สามแลบ และมีท่าเรือนำส่ง และได้มีการประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือทางสาธารณสุขมาแล้ว

 


ภาพ/ข่าว  เกียรติศักดิ์  รักสัตย์ (ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน CR.ข้อมูล – ภาพจากสำนักข่าวชายขอบ)

จับตาการเปิด 5 จุดผ่อนปรน การค้าชายแดนไทย-เมียนมาแม่ฮ่องสอน เพื่อบรรเทาผลกระทบ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดนฯ แต่ยังไม่อนุญาตให้บุคคลข้ามแดน

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ลงนามในคำสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเปิดการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่อนปรนการค้า หลังปิดไปตั้งแต่ 1 พ.ย. 63 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมาก โดยผู้ว่าราชการได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.แม่ฮ่องสอน และคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อหารือแนวทางในการเปิดจุดผ่อนปรนการค้า โดยในคำสั่งฉบับดังกล่าวได้อนุญาตให้มีการเปิดการใช้ช่องทาง ณ จุดผ่อนปรนการค้า เพื่อบรรเทาผลกระทบ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าชายแดนฯ โดยจะมีผลตั้งแต่วันนี้  1 เม.ย. 64 เป็นต้นไป ประกอบไปด้วย

1.) จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางห้วยต้นนุ่นหมู่ที่ 4 ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม

2.) จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านเสาหิน หมู่ที่ 6  ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง

3.) จุดผ่อนปรนการค้าของทางบ้านแม่สามแลบหมู่ที่ 9 ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย

4.) จุดผ่อนปรนการค้าของทางบ้านห้วยผึ้ง หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

5.) จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านน้ำเพียงดิน หมู่ที่ 3 ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้  ให้ขนส่งเฉพาะการนำเข้า - ส่งออกสินค้าบริเวณจุดผ่อนปรนที่กำหนดเท่านั้น ยังไม่อนุญาตให้มีการเดินทางเข้า-ออก ของบุคคลทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาผ่านช่องทางจุดผ่อนปรนการค้าทุกแห่งรวมทั้งช่องทางธรรมชาติ สินค้าทั่วไปอุปโภค บริโภค ผู้ประกอบการจะต้องยื่นคำร้องต่อศุลกากร โดยให้ศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสินค้าเข้าออก ส่วนสินค้าเกี่ยวกับความมั่นคง และสินค้าที่นอกเหนือจากสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปให้ผู้ประกอบการยื่นคำร้องต่อศุลกากร และให้แจ้งเรื่องมายังศูนย์สั่งการชายแดนเพื่อพิจารณาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและ  ให้ปฏิบัติตามมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาโควิด-19 อย่างเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร   (อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน) 

กลุ่มกะเหรี่ยงในไทย KTG เปิดรับบริจาค สิ่งของช่วยเหลือผู้หนีภัยสงครามเมียนมา

ระบุ ผู้หนีภัยสงครามส่วนใหญ่ไม่กล้ากลับเข้าบ้าน อาศัยหลบซ่อนในป่า ขาดแคลนเสบียง  ขณะที่สถานการณ์ชายแดนวันนี้ยังเงียบสงบไม่มีผู้อพยพข้ามมาแต่อย่างใด

ณ บ้านคะปวง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน  น้องฟ้า ซึ่งเป็นผู้ดูแลรับสิ่งของบริจาคศูนย์ KTG ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง  ตัวแทน กลุ่มกระเหรี่ยงในประเทศไทย หรือ KTG  (Karen Thai Group) กำลังทำการรวบรวมสิ่งของบริจาคที่ได้จากพี่น้องกะเหรี่ยง และ ประชาชนไทย ในประเทศไทย ซี่งส่วนใหญ่เป็นข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม เสื้อผ้า และ  ผ้าใบสีฟ้า  ของใช้ยามหน้าฝน เช่น ผ้าใบกันฝน ซึ่งถ้าสถานการณ์ยึดเยื้อ พี่น้องที่หลบหนีกลางป่าจะได้มีที่พักพิงหลบฝนได้  โดยสิ่งของบริจาคได้ทยอยส่งมาอย่างต่อเนื่อง  ในวันนี้มีสิ่งของบริจาค ส่งมาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก และ กลุ่มสตรีชาติพันธ์แม่สวด รวมกันส่งสิ่งของมากับรถโดยสาร จำนวน 5 คัน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ KTG ระบุว่า พี่น้องชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากภัยสู้รบเมียนมา ยังต้องการของบริจาคอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้หนีภัยสงครามส่วนใหญ่ไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย แต่ยังคงอาศัยหลับนอนตามป่า ตามเขา เนื่องจากยังหวาดกลัวภัยสงคราม

โดยสิ่งของรับบริจาคส่วนใหญ่ ประกอบไปด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม ยารักษาโรค และของใช้ยามหน้าฝน เช่น ผ้าใบกันฝน ซึ่งถ้าสถานการณ์ยึดเยื้อ พี่น้องที่หลบหนีกลางป่าจะได้มีที่พักพิงหลบฝนได้

ทั้งนี้  จากเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ประชาชน  เด็ก  ผู้หญิงและคนชราต้องทิ้งบ้านเรือนหนีภัยสงคราม แม้ต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา แต่บางส่วนไม่กล้ากลับเข้าไปอยู่ตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเดิม ยังคงหลบหนีซ่อนตัวอยู่ตามป่า และ เริ่มไม่มีเสบียง ทั้งนี้กลุ่มเครือข่ายกะเหรี่ยงในประเทศไทยจะดำเนินการขออนุญาตทางหน่วยงานรัฐในการดำเนินการส่งของออกไปช่วยเหลือพี่น้องชาวกะเหรี่ยงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากยังไม่สามารถดำเนินการส่งของไปช่วยเหลือได้ ก็จะรวบรวมไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะปกติ หรือ จนกว่า ทางการไทยอนุญาตให้ส่งออกได้เท่านั้น


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา  / ถาวร (อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน) 

แม่ฮ่องสอน - อนุทิน รองนายก และรมว.กระทรวงสาธารณสุข มอบวัคซีนโควิด-19 ลงพื้นที่ มอบนโยบายดำเนินงานรองรับสถานการณ์ในประเทศเมียนมา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ณ โรงพยาบาลแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน   นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย  นายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข  นายแพทย์โอภาส  การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แพทย์หญิงอัมพร  เบญจพลพิทักษ์  อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  เดินทางมาที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2,000 โด้ส  และ  พบปะผู้บริหารจังหวัด/อำเภอ และ มอบนโยบายการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน ที่อาจส่งผลกระทบด้านความมั่นคง ความปลอดภัยของชาวบ้านในพื้นที่  และ สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งนำวัคซีนซิโนแวค ไปฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทำงานต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่ง ความปลอดภัยของคนในประเทศจะต้องมาเป็นอันดับแรก โดยเราปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมอยู่แล้วในการช่วยเหลือผู้ที่หนีภัยสงคราประเทศเมียนมาตามสถานการณ์หากมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเราก็จะดูแลให้ความช่วยเหลือปฏิบัติตามหลักของมนุษยธรรมอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ให้เข้ามาในเขตแดนของเราหากไม่มีการสู้รบ  ส่วนผู้หนีภัยสงครามเมียนมา จำนวน 7 คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบที่เดินเข้ามาก่อนหน้านี้ก็ได้รับการรักษา นอนรักษาตัวที่ รพ.สบเมย 4 คน โรงพยาบาลแม่สะเรียง 1 คน และ โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ 2 คน 

โดยหลังรับการรักษา หากมีอาการดีขึ้นหรือหายจากการบาดเจ็บ ทางโรงพยาบาลจะประสานกับทางอำเภอ มารับตัวไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละราย โดยต้องประเมินวันต่อวัน แต่ยืนยันว่าจะต้องรักษาจนหายดีก่อน โดยทางทีมแพทย์  จะให้การดูแลตามหลักมนุษยธรรม ดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทุกคนไม่ต่างจากการรักษาคนไทยเรา แต่การรับเข้ามาอาจจะมีมาตรากาคุมเข้มเรื่องมาตรการป้องกันโควิด-19


ภาพ/ข่าว :  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าแม่ฮ่องสอนสั่งยกเลิกด่านตรวจ จุดตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 2019

เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 1  เมษายน  2564  ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มีคำสั่งยกเลิกด่านตรวจ จุดตรวจจุดคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้ง 3 จุด  อ้างถึง คำสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ 2565 / 2563 ลงวันที่ 30  ตุลาคม  2563 และคำสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ 14 /2564 ลงวันที่ 4 มกราคม  2564 สำเนาคำสั่ง จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ 650 / 2564 ลงวันที่ 1 เมษายน 25649

ตามที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีคำสั่งที่ 14 / 2564 เรื่องการจัดตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัดควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ 4 มกราคม 2564 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่  1.จุดตรวจแม่อุคอ ทางหลวงแผนดินหมายเลข 1263 ตำบลแม่อูคอ อำเภอุนยวม  2. จุดตรวจหน้าถ้ำ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 หมู่ที่ 8 บ้านป่ากล้วย ตำบลแม่สะเรียง  อำเภอแม่สะเรียง  3. จุดตรวจแม่ปิง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1095 หมู่ที่ 4 ตำบลแม่ฮี้  อำเภอปาย  จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019   (COVID – 2019) ในประเทศไทย และในสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา การแพร่ระบาดได้ลดลง  ผู้ว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน และผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยความเห็นชอบของที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่  10 / 2564 เมื่อวันจันทร์ที่  8 มีนาคม  2564  จึงได้มีคำสั่งยกเลิก ด่านตรวจ  จุดตรวจ  จุดสกัด การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  จำนวน 3 แห่งดังกล่าว


ภาพ/ข่าว :  เกียรติศักดิ์  รักสัตย์  (ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน)

แม่ฮ่องสอน - ล็อตแรกเรือ 6 ลำ ส่งช่วยเหลือเยียวยาผู้หนีภัยความไม่สงบฝั่งสหภาพเมียนมา เจ้าหน้าที่บูรณาการอำนวยความสะดวกตามหลักมนุษยธรรม

ณ ท่าเรือบ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ภายหลังจากที่ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่36 ได้รับการประสานจากหน่วยงานเอกชนที่ได้ทำการรวบรวมสิ่งของเพื่อขอส่งมอบของบริจาคให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบในฝั่งสหภาพเมียนมา  พันเอก สมรรถชัย แปงสาย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่36 จึงได้สั่งการให้กองร้อยทหารพรานที่3606 เข้าทำการตรวจสอบและอำนวยความสะดวก พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามมาตรการคัดกรอง

ไวรัสโควิด-19 โดยเคร่งครัด  โดยทาง พันตรี ธเนศ กันทา ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่3606 ได้จัดกำลังพลจาก ฐานปฏิบัติการแม่สามแลบ จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอสบเมย อำนวยความสะดวกและคัดกรองบุคคลตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งร่วมตรวจสอบสิ่งของที่รับบริจาคจากประชาชนและองค์กรเอกชนต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องอุปโภค-บริโภค โดยจะทำการขนส่งจากท่าเรือแม่สามแลบ ไปยังพื้นที่พักพิงอีทูโกรและอูเวโกร ฝั่งสหภาพเมียนมา โดยเรือยนต์ขนาดกลาง จำนวน 6 ลำ

สำหรับการช่วยเหลือดังกล่าว เป็นไปตามหลักการช่วยเหลือตามมนุษยธรรม แต่ต้องอยู่ในความดูแลของหน่วยงานความมั่นคง เนื่องด้วยสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังไม่ปลอดภัย และเพื่อทำการคัดกรองบุคคลตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 รวมทั้งตรวจสอบสิ่งของเพื่อป้องกันการลักลอบนำสิ่งของต้องห้าม หรือของผิดกฎหมายแอบแฝงไปด้วย


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา  / ถาวร (อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน)

แม่ฮ่องสอน - ติดเชื้อเพิ่มวันนี้ 5  รวมเป็น 13 ราย ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงยืนยัน ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยถือว่าเสี่ยงสูง โดยเฉพาะ อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย ให้พบแพทย์โดยด่วน เตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนาม 120 เตียง

นายสิธิชัย  จินดาหลวง  ผวจ.แม่ฮ่องสอน แถลงยืนยัน ว่า ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้แจ้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่หรือรอบเมษายน 2564 จังหวัดแม่ฮ่องสอน  เริ่มพบผู้ป่วยรายแรก เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 11 เมษายน 2564 รวม 8 ราย นั้น  วันนี้ได้รับรายงานพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีกจำนวน 5 ราย รวมเป็น 13 ราย ในพื้นที่ อ. แม่สะเรียง 6 ราย,  อ.สบเมย 4 ราย ,อ.เมือง 1 ราย , อ.ขุนยวม 1 ราย และ อ.ปางมะผ้า 1 ราย เป็นเพศชาย 8 ราย ( 61.5 %) เพศหญิง 5 ราย (38.5%) ผู้ป่วยทั้ง  13 ราย ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล  สำหรับที่พบรายใหม่ 5 ราย น้ัน 1 ราย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด คือ เป็นคุณตาของผู้ป่วยรายแรก (อ.สบเมย) อีก 3 ราย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยรายที่ 7 (อ.แม่สะเรียง) ส่วนอีก 1 ราย เป็นผู้ป่วย  อ.ปางมะผ้า ที่มีประวัติการไปเที่ยวสถานบันเทิงในกรุงเทพมหานคร 

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ได้ทำการดูแลรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ 3 ราย โรงพยาบาลแม่สะเรียง 6 ราย และโรงพยาบาลสบเมย 4 ราย ศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยโควิด – 19 ของโรงพยาบาลในจังหวัด สามารถรองรับได้ 66 ราย ยังสามารถรองรับผู้ป่วยได้อีก 53 ราย อย่างไรก็ตาม ตามแผนเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขของจังหวัด เมื่อพบผู้ป่วยโควิด – 19 ตั้งแต่ 10 รายขึ้นไป จะต้องมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้น ซึ่งได้ประสานงานเรื่องการจัดเตรียมสถานที่ คือโรงยิมของสนามกีฬากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน    และเริ่มดำเนินการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ตามรายการที่กำหนด ตลอดจนจัดเตรียมบุคลากรที่จะปฏิบัติงาน ไว้พร้อมแล้วโดยในเบื้องต้นจะให้สามารถรองรับผู้ป่วย 40 ราย และขยายเพิ่มได้มากถึง 120 ราย

สำหรับศักยภาพของการตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันนี้รถแลปพระราชทานที่มาประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง ตั้งแต่วันที่2 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ไ ด้ถูกเรียกกลับไปปฏิบัติงานที่จังหวัดเชียงใหม่ การนำส่งตัวอย่างตรวจจากอำเภอสายใต้ อาจมีความล่าช้ากว่า ที่ผ่านมา สำหรับห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลศรีสังวาลย์สามารถรองรับการตรวจได้วันละประมาณ 200 ราย โดยขณะนี้ยอดคงคลังของชุดตรวจ PCRCOVID-19 ยังคงเหลืออยู่ในคลัง 960 ชุด

ด้านการค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเพิ่มเติม รายที่1-8 มีผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยรวม 142 ราย เป็นผู้ สัมผัสเสี่ยงสูง 90 ราย เสี่ยงต่ำ 52 ราย มีผู้สัมผัสได้รับการตรวจทั้งหมด 84 ราย ผลพบเชื้อ 6 ราย สำหรับผู้สัมผัสผู้ป่วยที่พบรายใหม่ในวันนี้จำนวน 5 ราย ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนหาผู้สัมผัส เพิ่มเติม จึงขอให้ผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยตาม Timeline หากพบว่า มีการพูดคุยใกลกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร นานกว่า 5 นาที หรืออยู่ในสถานที่ปิด มีเครื่องปรับอากาศ ร่วมกันนานกว่า 15 นาที ถือเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง ให้รีบมารับการตรวจยังโรงพยาบาลในพื้นที่ และให้แยกกักตนเองเป็นเวลา14 วัน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา บัวงาม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน – เกิดพายุฝนกระหน่ำพื้นที่แม่ฮ่องสอน ไฟฟ้าดับทั้งคืน

จากเมื่อเย็นของค่ำวันที่ 16 เมษายน 2564 เวลา  18.30 น.ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองลมแรงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับผลกระทบในหลายอำเภอ ต้นไม้ล้มปิดทับเส้นทางหลวงหมายเลข 108 ระหว่างอำเภอแม่ลาน้อย – อำเภอแม่สะเรียง ทำให้การจราจรติดขัดรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้เจ้าหน้าที่หมวดการทางแม่สะเรียงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรแม่ลาน้อย ตลอดทั้งชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงระดมช่วยกันตัดกิ่งไม้เพื่อเปิดช่องทางจราจรใช้เวลาประมาณ 30 นาทีสามารถเปิดการจราจรได้ และที่บ้านแม่แลบ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่ลาน้อย ถูกแรงพายุพักกระหน่ำเอาซู้มประตูทางเข้าหมู่บ้านพังล้มระเนระนาด ที่บ้านท่าผาปุ้ม หมู่ที่ 3 ตำบลท่าผาปุ้ม อำเภอแม่ลาน้อยพายุได้พัดเอาเต็นฑ์ที่กางไว้เพื่อจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์หอบขึ้นไปไว้บนหลังคาบ้านตลอดจนสิ่งของพังระเนระนาดเช่นกัน

ที่บริเวณหมู่บ้านห้วยโป่งกาน ตำบลผาบ่อง ถนนสาย 108 มีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มพาดใส่สายไฟฟ้า  ทำให้เสาไฟฟ้าหักล้มจำนวน 7 ต้น ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่อำเภอขุนยวม ทำให้อำเภอขุนยวมทุกหมู่บ้าน และหน่วยราชการไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้งสองอำเภอต่างระดมช่วยกันแก้ไขปัญหาจนสำเร็จลุล่วงสามารถทำการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเวลา 06.00 น.ของเช้าวันที่ 7 เมษายน 2564


ในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดแม่ฮ่องอน ได้เกิดต้นไม้ล้มทับหลังคาบ้านของ นายนิติธร  วิไจยา เลขที่ 71 ถนนนิเวชพิศาล  ตำบลจองคำ  อำเภอเมือง ได้รับความเสียหาย ทาง พ.อ.สุจินต์  ทรัพย์สิน  ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหาราบที่ 7 ม่อนตะแลง จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย นำโดย ร.ท.พิษณุ  ต๊ะนางอย  หัวหน้าชุด ร่วมกับเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าทำการช่วยเหลือตัดกิ่งไม้ชักลากต้นไม้ออกจากหลังคาบ้าน สามารถให้เจ้าของบ้านเข้าพักอาศัยได้ตามปกติ

ภาพ/ข่าว  เกียรติศักดิ์  รักสัตย์  / เกียรติยศ  รักสัตย์ / ทีมข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน – ผลกระทบจากพายุฝนในพื้นที่แม่ฮ่องสอน เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก

สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 17 เมษายน 2564 เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ท่วมสวนเกษตรในพื้นที่หมู่ 10 ต.แม่ลาน้อย ทำให้พืชผลทางการเกษตร(สวนถั่วเหลือง)เสียหายและอุปกรณ์การเกษตรเช่น ท่อน้ำ(pvc)เสียหายและมีเศษของวัสดุเช่น เศษไม้ต่างๆอุดตันท่อระบายน้ำทิ้งระหว่างทางลอดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ซึ่งเกรงว่าหากมีมวลน้ำ หลากเพิ่มอีกจะทำให้เกิดความเสียหายต่อถนนหลวงได้ ในเบื้องต้นจะเข้าไปสำรวจก่อนส่งรายงานทางอำเภอ,ท้องถิ่นและแขวงการทาง กรมทางหลวงเพื่อแก้ไขต่อไป

และในวันเดียวกันเวลาประมาณ 20.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตำบลแม่ลาน้อย ตำบลท่าผาปุ้ม ตำบลแม่ลาหลวงและตำบลแม่นาจาง ทำให้ดินสไลด์ทับถนนสายบ้านห้วยหมากหนุน ต.ท่าผามปุ้ม ถนนคอสะพานบ้านห้วยไม่ขีดและพืชผลทางการเกษตรเสียหาย ซึ่งอำเภอได้ประสานให้หน่วยงานที่รับผิดชอบและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว


ภาพ/ข่าว  เกียรติศักดิ์  รักสัตย์ / เกียรติยศ  รักสัตย์ ทีมข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน

                


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top