Saturday, 4 May 2024
แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - ผบ.ร.7 พัน.5 ช่วยเกษตรกรช่วงโควิดระบาด รับซื้อข้าวโพดหวาน แจกจ่ายกำลังพลและครอบครัว สร้างความสุขใจ- อิ่มท้อง

วันที่ 6 ส.ค.64 เวลา 09.00 น. พ.อ.สันติพงษ์ ชิงดวง ผบ.ร.7 พัน.5 ได้สั่งการให้ฝ่ายกิจการพลเรือน ดำเนินการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรเป็นข้าวโพดหวานพันธุ์ชูก้า จำนวน 100 กิโลกรัม เพื่อช่วยเหลือเกษตกร บ้านทุ่งโป่ง ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัส (โควิด-19) โดยรับซื้อในราคาตลาด ซึ่งผลผลิตดังกล่าวที่รับซื้อทั้งหมดจะได้นำไปมอบให้แก่กำลังพลและครอบครัวไว้รับประทาน สร้างความสุขใจอิ่มท้อง และมีโภชนาการ รวมถึงเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจต่อไป

พ.อ.สันติพงษ์ ชิงดวง กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัส (โควิด-19) ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง  พืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ ไม่สามารถนำออกสู่ตลาดเพื่อจำหน่ายได้ ถึงแม้ผลผลิตจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถระบายผลผลิตออกได้ทัน เนื่องจากการประกาศยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ห้ามการเดินทางข้ามพื้นที่ตอนกลางคืนซึ่งมีผลกระทบต่อการขนส่งสินค้า ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาปัญหาดังกล่าว ทางกองพันทหารราบที่ 5 กรมทหารราบที่ 7 จึงได้สั่งการให้กำลังพลได้ช่วยเหลือประชาชนโดยการรับซื้อผลผลิตเกษตรจากเกษตรกรผู้ปลูกถึงที่ โดยรับซื้อตามราคาตลาด และยินดีรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรตามศักยภาพของหน่วย โดยการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง และขอเป็นกำลังใจให้ก้าวข้ามผ่านวิกฤตโควิดนี้อย่างปลอดภัย

แม่ฮ่องสอน - “แอน ทองประสม” ดาราสาวสวยใจบุญ ช่วยเหลือราษฏรบ้านแม่แพน้อย เหมากะหล่ำปลีแจกจ่ายประชาชน ในโรงเรียน วัด และในพื้นที่ชายขอบ

"แอน ทองประสม"ดาราสาวใจบุญ ได้รับซื้อกะหล่ำปลีช่วยเหลือเกษตรกร บ้านแม่แพน้อย ต.กองก๋อย อ.สเบมย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ  แจกจ่ายให้พี่น้องประชาชน โรงเรียนตามแนวชายขอบ วัด ตลอดจนหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน รวม 6,900 กิโลกรัม โดยชาวบ้านได้มายืนต่อคิว นำถุงกระสอบปุ๋ยมาใส่กระหล่ำปลี คนละ 4-5 หัว ส่วนโรงเรียนที่ต้องนำไปเป็นอาการกลางวันเด็ก เลี้ยงเด็กพักนอน หรือวัด หน่วยงานต่าง ๆ ก็ได้นำรถกระบะมาใส่เฉลี่ยกันไป

เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจาก นางนงนุช  วิชชโลกา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่แพน้อย ซึ่งได้เป็นผู้ประสานงาน กับทาง คุณแอน ทองประสม ดาราสาวสวยใจดี  ในการรับซื้อกะหล่ำปลี จากราษฏรบ้านแม่แพน้อย ต.กองก๋อย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากตนเองรู้สึกสงสาร ชาวบ้านที่ปลูกกะหล่ำปลี แต่ราคาตกต่ำมาก ประสบสภาวะขาดทุน จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือ จากดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งคุณแอน ทองประสม ก็ได้ตกลงใจรับซื้อกะหล่ำปลีของราษฏรบ้านแม่แพน้อย จำนวน 3 คันรถ น้ำหนัก 6,900 กิโลกรัม ให้นำไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอแม่สะเรียง และให้กับโรงเรียนในเขต อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย และ อ.แม่ลาน้อย สังกัด สพป.แม่ฮ่องสอน เขต 2 จำนวนหลายสิบแห่ง ที่เดินทางมารับกะหล่ำปลี เพื่อนำไปประกอบเป็นเมนูอาหารกลางวัน หรืออาหารเด็กพักนอน รวมไปถึงวัด หน่วยงานตามแนวชายแดนต่าง ๆ เป็นต้น

ซึ่งทุกคนต่างแห่ชื่นชมในความใจบุญของดาราสาวที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้ความลำบาก ทั้งเจ้าของกะหล่ำปลี และพี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน ตกงาน ขาดรายได้ ให้มีกำลังแรงใจที่จะยืนหยัดและสู้ต่อไป โดยทุกคนฝากขอบคุณดาราสาว แอน ทองประสม ที่ได้ซื้อกะหล่ำปลีแจกจ่ายในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - เกษตรกรบ้านหนองผักหนาม ร้องศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียง สร้างพนังกั้นริมตลิ่งน้ำยวมเปลี่ยนทางส่งผลกระทบที่ทำกิน เร่งให้หน่วยงานรับผิดชอบแก้ไข ได้รับความเดือดร้อนนับสิบราย

บริเวณสะพานบ้านไร่ - บ้านคะปวง มีกลุ่มเกษตรกรจากบ้านหนองผักหนาม และพี่น้องเกษตรกรที่อาศัยทำกินริมฝั่งลำน้ำยวมบ้านนาคาว  บ้านทุ่งพร้าว บ้านไร่ ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน กว่า 50 คน มาร่วมตัวกัน เพื่อเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขผลกระทบจากการก่อสร้างพนังกั้นริมตลิ่งน้ำแม่ยวม บริเวณฝั่งบ้านคะปวง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางกัดเซาะพื้นที่ทำกินของเกษตรกรบ้านหนองผักหนามกว่า 10 ราย โดยมี นายวีกิจ เจ้าดูรี ปลัดอำเภอแม่สะเรียง เดินทางมารับเรื่องร้องเรียน จากกลุ่มเกษตรกรที่เดือดร้อน สำหรับการก่อสร้างพนังกั้นริมตลิ่งในเขต ต.แม่ยวม ระหว่าง บ้านคะปวง – บ้านทุ่งแพม เป็นของหน่วยงานกรมโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร

ทั้งนี้ นายนิพนธ์ โอภาสงวน เกษตรกรบ้านหนองผักหนาม เป็นตัวแทนในการยืนหนังสือร้องผ่านศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียง ถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า กรณีการขุดลอกลำน้ำยวมเพื่อจัดทำพนังกั้นตลิ่งริมน้ำ ส่งผลทำให้เกิดการเบี่ยงทางน้ำหรือน้ำเปลี่ยนทางเข้าพื้นที่ทำกินที่นา ที่มีโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ของชาวบ้านนับสิบราย ประกอบกับเข้าสู่ฤดูฝนหากเกิดปัญหาน้ำไหลหลากก็จะทวีความเสียหายเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางราษฏรบ้านหนองผักหนามที่มีที่ทำกินติดริมน้ำบริเวณฝั่งตรงข้าม ไม่รู้เรื่องการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบทำการประชาคมกับราษฏรฝั่งเขตตำบลแม่ยวมเท่านั้น ไม่ได้มีการทำประชาคมหรือประชามติรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงหรือผู้เสียหายจากโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งแก้ไขการเปลี่ยนทางน้ำ หรือ ดำเนินการทำพนังกั้นลำน้ำทั้งสองฝั่ง

ด้าน นายวีกิจ เจ้าดูรี ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่สะเรียง กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากทางศูนย์ดำรงธรรมแม่สะเรียงได้รับหนังสือร้องเรียน ก็จะดำเนินการทำหนังสือด่วนที่สุดถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจะมีการนัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นอีกรอบเพื่อร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน กำชับเข้มงวดด่าน 3 ชั้น 24 ชั่วโมง พร้อมเตรียม Local Quarantine รองรับผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาในระดับพื้นที่ให้เพียงพอ

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในพื้นที่

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระบุว่า ได้มีการเน้นย้ำขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ดำเนินการตามมาตรการของจังหวัดอย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องของการตั้งด่าน 3 ชั้น ให้เข้มข้นและเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมง การเตรียมพร้อม Local Quarantine รองรับผู้ที่จะกลับคืนสู่ภูมิลำเนาในระดับพื้นที่ทั้งตำบล และอำเภอ ให้เพียงพอต่อจำนวนคน การเร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครบตามเป้าหมายที่รัฐได้กำหนดไว้โดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / รุจิรา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน  

แม่ฮ่องสอน - ชาวบ้านลุ่มน้ำยวมส่งหนังสือถึง “บิ๊กป้อม” วอน กก.วล.เลื่อนการพิจารณา EIA ผันน้ำยวม

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 นายสะท้าน ชีวะวิชัยพงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน เปิดเผยว่า ขณะนี้เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม-เงา-เมย-สาละวินได้ส่งหนังสือ ถึงคณะรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.)และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ เพื่อขอให้เลื่อนการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และขอให้ส่งกลับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ (คชก.) ทบทวนการพิจารณารายงานให้ครอบคลุมในทุกมิติ 

นายสะท้านกล่าวว่าเครือข่ายฯ  ทราบว่า คชก. ได้พิจารณาผ่านรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้จัดส่งรายงานดังกล่าวให้ กก.วล.เพื่อพิจารณาแล้ว และ กก.วล.จะมีการพิจารณาในวันที่15 กันยายน 2664 ซึ่งซึ่งเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม-เงา-เมย-สาละวิน เห็นว่า EIA ฉบับนี้จะส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งโครงการประกอบด้วยโครงสร้างต่าง ๆ อาทิ เขื่อนแม่น้ำยวม ถังพักน้ำ อุโมงค์ส่งน้ำ ฯลฯ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมแม่น้ำเมย แม่น้ำยวม แม่น้ำสาละวิน และพื้นที่ของอุโมงค์ส่งน้ำใน 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน ตาก และเชียงใหม่ นอกจากนี้โครงการดังกล่าว ยังจะส่งผลกระทบต่อแม่น้ำเมยและสาละวิน อันเป็นเขตพรมแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ และอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศเมียนมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

โดยที่ผ่านมาทางเครือข่ายฯ ได้ยื่นหนังสือต่อเลขาธิการ สผ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการดำเนินโครงการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำดังกล่าวไปยังหน่วยงานตลอดมา 

“เราระบุในหนังสือว่า คชก. ก็ยังคงผ่านรายงานเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม โดยหนังสือฉบับนี้ เครือข่ายฯ ขอเรียนมาเพื่อขอแสดงจุดยืนคัดค้านไม่เห็นด้วยกับโครงการฯ โดยขอให้เลื่อนการพิจารณารายงาน EIA ของ กก.วล.และขอให้ส่งกลับรายงานให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯทบทวนการพิจารณารายงานให้ครอบคลุมในทุกมิติ พร้อมทั้งขอให้ดำเนินการจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่อย่างรอบด้านครบทุกกลุ่ม อีกทั้ง ขอให้นำข้อห่วงกังวลหรือข้อคิดเห็นของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการโดยตรง ให้ดำเนินการทบทวนการทำรายงานรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ ให้ครอบคลุมในทุกมิติ” นายสะท้าน กล่าว

ในวันเดียกันมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ออกแถลงการณ์ คัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลแนวส่งน้ำยวม – อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล  โดยระบุว่าโครงการดังกล่าว ต้องใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 5 แห่ง และพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติ 1 แห่ง สูญเสียพื้นที่ป่าทั้งสิ้น 3,641.77 ไร่ ปัจจุบันรายงาน EIA กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ กก.วล.พิจารณาทั้งที่รายงานดังกล่าว ยังมีข้อกังขาถึงกระบวนการจัดทำรายงานฯ ความถูกต้องของข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล ว่าผู้มีส่วนได้-เสียในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงหรือไม่

“มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในนามของตัวแทนเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์ 19 องค์กรตามรายชื่อแนบท้าย ได้ทำการยื่นจดหมายถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ และประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ขอให้ยุติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำทุกขนาดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และทบทวนนโยบายการจัดการน้ำของทั้งประเทศ เพื่อประเมินความเสี่ยงจากภาวะโลกร้อน

โดยมี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรับมอบเอกสารคัดค้านดังกล่าว โดยขอแสดงเจตนายืนยันไม่เห็นด้วยที่จะมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ หรือโครงการพัฒนาแหล่งน้ำประเภทอื่น ๆ เช่น อุโมงค์ผันน้ำที่ผ่าใจกลางผืนป่าในพื้นที่อนุรักษ์อีกต่อไป ซึ่งโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพลแนวส่งน้ำยวม – อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-เขื่อนภูมิพล คือ 2 โครงการจาก 77 โครงการ องค์กรเครือข่ายอนุรักษ์ฯ ขอแสดงเจตนายืนยันที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลยุติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้งหมด ยกเลิกการเร่งผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแบบเหมารวม และเลือกการจัดการแหล่งน้ำนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์เป็นลำดับแรก ส่งเสริมนวัตกรรมการจัดการน้ำแบบไม่ทำลายพื้นที่ป่าเพื่อให้คนและสัตว์ป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน” แถลงการณ์ของมูลนิธิสืบระบุ 

แม่ฮ่องสอน - อบจ.แม่ฮ่องสอน ไม่ทอดทิ้ง! เดินสายเตรียมส่งมอบวัสดุ-อุปกรณ์ ให้ศูนย์แยกกักผู้ป่วยในชุมชน โรงเรียนสบเมยวิทยาคม

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)   ในพื้นที่อำเภอสบเมย  จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะคลัสเตอร์ในโรงเรียนสบเมยวิทยาคม ตามสถิติการแพร่ระบาดตั้งแต่ วันที่ 3 กันยายน 2564 เป็นต้นมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  จำนวน 177 ราย และนักเรียนสัมผัสผู้ติดเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงอีกจำนวนมาก 

ซึ่งในปัจจุบันยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด และคาดว่ามีแนวโน้มที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มขึ้นตามลำดับ ประกอบกับได้มีมติจาก ศบค.จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้โรงเรียนสบเมยวิทยาคมเป็นศูนย์แยกกักผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation) จำนวน 100 เตียง เพื่อเป็นสถานที่กักกันผู้ป่วยที่เป็นนักเรียนโรงเรียนสบเมยวิทยาคมและนักเรียนในโรงเรียนพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเพื่อเป็นถานที่กักตัวสำหรับเด็กนักเรียนที่สัมผัสผู้ติดเชื้อและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นนักเรียนพักนอนในโรงเรียนสบเมยวิทยาคมที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล แต่ทางโรงเรียนยังขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นในการจัดตั้งศูนย์แยกกักผู้ป่วยในชุมชน ดังกล่าว

องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยนายอัครเดช วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงได้มอบหมายให้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่อำเภอสบเมย นายพงษ์เพชร จันทร์อ้าย , นายธนากร พรมเลิศ และนายนิคม เปล่งฉวีวรรณ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นตัวแทนส่งมอบวัสดุ อุปกรณ์ มูลค่า 241,500 บาท ให้กับศูนย์แยกกักผู้ป่วยในชุมชน โรงเรียนสบเมยวิทยาคม ในวันศุกร์ ที่ 17 กันยายน 2564 เวลา 13.00 น. ณ โรงเรียนสบเมยวิทยาคม ตำบลแม่คะตวน อำเภอสบเมย

โดยวัสดุ อุปกรณ์ที่จะส่งมอบประกอบด้วย ชุดเครื่องนอน (ประกอบด้วย ที่นอน 3.5 ฟุต  ผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม) จำนวน 100 ชุด ชุดของใช้ที่จำเป็น (ประกอบด้วย สบู่  แชมพู ยาสีฟัน  แปรงฟัน  ผงซักฟอก) จำนวน 300 ชุด รวมมูลค่า 241,500 บาท 


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าฯ ยืนยัน! คลัสเตอร์ รร.สบเมยวิทยาคม ควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว พบยอดผู้ป่วยลดลง วันนี้ 10 ราย

สถานการณ์โควิด -19  จ.แม่ฮ่องสอน ตรวจเชิงรุกต่อเนื่อง ทำให้วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 10 ราย ทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการรักษาเรียบร้อยแล้ว  นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ในกรระบาดระลอกใหม่เมษายน 2564 ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนว่า ในวันนี้ มีผู้ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด ทั้งหมด 192 ราย พบเชื้อ 10 ราย เป็นผู้ป่วยในจังหวัดทั้งหมด โดยมีรายละเอียด ดังนี้  รายที่ 523 - 532 รวม 10 ราย เพศชาย 3 ราย เพศหญิง 7 ราย อยู่ใน อ.แม่สะเรียง 2 ราย อ.สบเมย 8 ราย โดยเป็นนักเรียน 6 ราย เจ้าหน้าที่ ตชด. 1 ราย และประชาชน 3 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่มีความเชื่อมโยงของ คลัสเตอร์โรงเรียนสบมยวิทยาคม เข้ารับการกักกันตัวที่ศูนย์กักกันของโรงเรียนและชุมชน ส่งตรวจ RT-PCR ผลพบเชื้อ เข้ารับการรักษาที่ รพ.สบเมย 8 ราย และ รพ.แม่สะเรียง 2 ราย 

สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็กนักเรียน หากประเมินแล้วไม่มีอาการป่วยรุนแรง จะส่งต่อเข้ารับการรักษาในศูนย์แยกกักโรคชุมชน (Community  Isolation : CI) โรงเรียนสบเมยวิทยาคมต่อไป ปัจจุบันพบผู้ป่วยยืนยันใน Cluster โรงเรียนสบเมยวิทยาคม จำนวนทั้งสิ้น 203 ราย

ส่วน สถานการณ์คลัสเตอร์โรงเรียนสบเมยวิทยาคม ตั้งแต่เริ่มสถานการณ์ที่พบการแพร่ระบาดจากการเปิดเรียน ในวันที่ 3 กันยายน 2564 จนถึงปัจจุบัน จากการที่ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงจากจำนวนนักเรียนของโรงเรียนสบเมยวิทยาคม ทั้งหมด 796 คน แบ่งแยกเป็นกลุ่มที่อยู่ในหอพัก จำนวน 354 คน มาเรียนในวันที่ 3 กันยายน 2564 จำนวน 224 คน ไม่มาเรียน 130 คน  กลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในหอพัก จำนวน 442 คน มาเรียนในวันที่ 3 กันยายน 2564 จำนวน 242 คน ไม่มาเรียน 200 คน สรุปกลุ่มที่ไม่ได้มาเรียนทั้งที่อยู่ในหอพักและไม่ได้อยู่ในหอพัก รวมทั้งหมด 330 คน กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่ไม่มีประเด็น  ส่วนกลุ่มนักเรียนที่มาเรียนในวันที่ 3 กันยายน 2564 ทั้งหมด 466 คน ได้ดำเนินการตรวจซ้ำจนได้ผลเป็นที่แน่ชัดครบทุกราย ซึ่งมีผลยืนยันพบเป็นผู้ติดเชื้อรวม 49 ราย เข้าสู่รักษาตามระบบ แบ่งเป็นการรักษาอยู่ใน ศูนย์แยกกักโรคชุมชน (Community Isolation : CI) โรงเรียนสบเมยวิทยาคม 32 ราย และ รักษาในโรงพยาบาลสนาม 17 ราย ภาพรวมเด็กที่ติดเชื้อทั้ง 49 ราย เป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สีเขียว มีอาการเล็กน้อย โดยจะครบกระบวนการรักษาในวันที่ 28 กันยายน 2564  ในกรณีครูและผู้บริหาร จำนวน 48 ราย ได้ตรวจซ้ำยืนยันครบทุกราย พบว่าเป็นผู้ติดเชื้อรวม 2 ราย เข้ากระบวนการรักษาใน ศูนย์แยกกักโรคชุมชน (Community Isolation : CI) โรงเรียนสบเมยวิทยาคม ไม่มีอาการรุนแรง

สำหรับกรณีประชาชนที่สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยในคลัสเตอร์โรงเรียนสบเมยวิทยาคม มี 2 หมู่บ้านหลัก ได้แก่ บ้านแม่คะตวน และ บ้านแม่สวดใหม่ เจ้าหน้าที่ตรวจเชิงรุกไปแล้ว จำนวน 1,261 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.ย. 64) พบผลยืนยันเป็นผู้ป่วยติดเชื้อจำนวน 139 ราย ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาครบทุกราย โดยรวมเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สีเขียว มีอาการเล็กน้อย แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังคงปฏิบัติการออกตรวจเชิงรุกตรวจต่อเนื่องทุกวันให้ครอบคลุมมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของคลัสเตอร์ รร.สบเมยวิทยาคม จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 13 วัน ใกล้จะครบระยะฟักตัวตามที่กรมควบคุมโรคกำหนด นอกเหนือจากผู้ที่เข้ารับการตรวจยืนยัน ยังไม่มีนักเรียน หรือประชาชนที่แสดงอาการเข้าข่ายโควิดเพิ่มเติม  นอกจากนี้ การดำเนินการใน ศูนย์แยกกักโรคชุมชน (Community Isolation ;CI) โรงเรียนสบเมยวิทยาคม ได้เปิดรับนักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โรงเรียนบ้านแม่สวด จำนวน 15 ราย รวมถึงโรงเรียนอื่นๆ 2-3 แห่ง รวม 5 ราย มาดำเนินการรักษาเฝ้าระวังสังเกตอาการ ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมเชิงบวกเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเด็ก ลดความเครียดและความกังวล

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวเพิ่มเติมว่า ระยะเวลานี้ สามารถควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ผู้ป่วยในคลัสเตอร์ทั้งหมด 188 ราย เข้าสู่ระบวนการรักษาอย่างครบถ้วน ทั้งนี้ จะมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

'แม่ฮ่องสอน' เซ็ง!! โควิดลามระลอกใหม่ ต้องไล่ปิดหมู่บ้าน หลังเหตุเดิมๆ วนซ้ำ 'งานศพ-งานประเพณี-ท่องราตรี'

สถานการณ์โควิดแม่ฮ่องสอนลามระลอกใหม่ ทั้งงานศพ-งานประเพณี-ท่องราตรี ทำเชื้อกระจายเพิ่ม ต้องไล่ประกาศปิดหมู่บ้านกันอีก ปีนี้มีตายแล้ว 7 ราย

สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเริ่มกลับมาแพร่ระบาดหนักอีกครั้งหนึ่งและคลัสเตอร์เริ่มเปลี่ยนไปในกลุ่มของการจัดงานที่มีผู้คนมากๆ มารวมตัวกัน โดยเฉพาะในหมู่บ้านรอบนอกที่เกิดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนต้องประกาศปิดหมู่บ้านควบคุมกันอีก พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ ต.ห้วยผา ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน

นายพงศ์พีระ ชูชื่น นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ออกคำสั่งเรื่องการควบคุมการเข้า-ออกหมู่บ้านเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง 3 หมู่บ้าน ได้แก่ 

1.) บ้านห้วยซลอบ (หย่อมบ้านห้วย-ซะ-ลอบ) หมู่ที่ 1 ต.ห้วยผา 
2.) บ้านแก่นฟ้า หมู่ที่ 2 ต.ห้วยโป่ง 
และ 3.) บ้านไม้ฮุง หมู่ที่ 5 ต.ห้วยโป่ง ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2565

‘สมาชิกเพื่อไทย’ โอด ป้ายหาเสียงถูก ‘เผา-กรีด’ โร่แจ้งความหาตัวคนผิด ชี้!! ไม่อยากให้เกิดซ้ำอีก

มือมืดโผล่! เผาป้ายหาเสียงพรรคเพื่อไทย แม่ฮ่องสอน สมาชิกพรรคโร่แจ้งความเอาผิด วอนตำรวจเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ชี้ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองสามหมอก ด้าน กกต.ระบุเป็นคดีอาญา เร่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยด่วน

(13 ม.ค. 66) นายสมภพ คงความซื่อ หรือ สจ.โจ้ อายุ 49 ปี ที่อยู่ 47 ม.4 ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สมาชิกพรรคเพื่อไทย เขต 1 เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งประกอบด้วย อ.ขุนยวม, อ.เมือง, อ.ปางมะผ้า และ อ.ปาย ว่าป้ายแสดงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกติดไว้ในหลายพื้นที่ กว่า 10 จุด ได้ถูกลอบเผาทำลาย และบางป้ายมีการใช้ของมีคมกรีดจนเสียหาย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ก็พบว่ามีการทำลายป้ายดังกล่าวจริง และมีป้ายที่ถูกทำลายเสียหายกว่า 10 จุด จึงได้เดินทางไปแจ้งความ ที่ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อเอาผิดกับคนที่ลักลอบทำลายป้ายแสดงนโนบายพรรคเพื่อไทยต่อไป ทั้งนี้ ไม่อยากให้ภาพแบบนี้เกิดใน จ.แม่ฮ่องสอน อีกต่อไป เพราะทำให้ จ.แม่ฮ่องสอน เสียหาย

ขณะที่ นายณัฐเศรษฐ์ ราชไชยา ผอ.กกต.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า การลักลอบเผาป้ายหาเสียง ทาง กกต.แม่ฮ่องสอน ได้รับแจ้งเหตุจากทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ของ จ.แม่ฮ่องสอน อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในห้วงนี้ ถือเป็นห้วง 180 วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งทาง กกต.ได้เปิดโอกาศให้พรรคการเมืองสามารถติดป้ายแสดงนโยบายพรรคหรือหาเสียงได้

สำหรับในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน พบว่า ทางพรรคการเมืองแต่ละพรรค ยังไม่ได้ส่งรายชื่อผู้แทนพรรคในพื้นที่ ให้แก่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งแต่อย่างใด ทำให้การหาเสียงในนามพรรคยังไม่ชัดเจน อีกทั้งพบว่า แต่ละพรรคการเมืองมีการเปลี่ยนตัวผู้ที่คาดว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งบ่อยครั้ง ส่งผลให้ประชาชนเฝ้ามองว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคจะส่งผู้สมัครที่แท้จริงลงสมัครเมื่อใด แต่ก็พบว่ามีหลายคนได้มีการหาเสียงล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว

สำหรับบัญชีรายชื่อผู้ที่คาดว่าจะลงรับสมัครเลือกตั้ง เป็น ส.ส.แม่ฮ่องสอน เบื้องต้นได้แก่ 
เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายดานุภัทร์ เชียงชุม เขต 2 นายสมบัติ ยะสินธุ์

หนีไม่รอด!! บุกรวบ!! พ่อค้าลอบเลี้ยง ‘ลูกหมีควาย’  2 ตัว คาดฆ่าแม่หมีทิ้ง แล้วจับลูก เตรียมส่งขาย

เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม พ่อค้าลักลอบเลี้ยง ลูกหมีควาย 2 ตัว อ้างได้มาขณะหาของป่า คาดอาจฆ่าแม่หมีไปแล้ว โชคดีรวบทัน ก่อนถูกส่งขายต่อ

(8 มี.ค.66) นายพรเทพ เจริญสืบสกุล หัวหน้าสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้รับรายงานจากนายเกียรติศักดิ์ วังวล หน.อช. ถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ว่าได้ร่วมกับทหารร้อย ร.713 และฝ่ายปกครองอำเภอหมีเมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาลักลอบเลี้ยง ลูกควาย เพศผู้และเพศเมีย อายุประมาณ 1 เดือน จำนวน 2 ตัว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top