Saturday, 4 May 2024
แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - พลังบุญส่งผ่านกิ่งกาชาดแม่สะเรียง สู่ธารน้ำใจ เป็นความห่วงใยมอบแด่บุคคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลแม่สะเรียง และ โรงพยาบาลสบเมย

จากการที่มีการเผยแพร่ข้อมูลความต้องการของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเปิดรับบริจาคทางเฟซบุ๊ก ในนาม กิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้รับบริจาค ไปจัดซื้อชุด PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้ปิดรับบริจาค เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 สรุปยอดเงินบริจาคทั้งหมด อยู่ที่ 100,000 บาท ซึ่งมาจากธารน้ำใจพี่น้องชาวแม่สะเรียงและทั่วประเทศ 

ในเช้าวันนี้ นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง นางวิลาวัณย์ คัดเชียงแสน นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง พร้อมด้วยคณะกรรมการกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง เป็นตัวแทนส่งมอบชุดกาวน์และชุดPPE ชนิดใช้ครั้งเดียว รวม 350 ชุด และ เฟซชิลด์หน้ากากใส 100 ชิ้น ให้กับโรงพยาบาลแม่สะเรียง และ โรงพยาบาลสบเมย โดยมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้แทนรับมอบในเบื้องต้นบุคลากรทางการแพทย์ยังคงมีความต้องการ เครื่องวัดความดันแบบมาตรฐานชนิดสอดแขน เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไข้สามารถดำเนินการวัดตรวจสอบได้เอง  ซึ่งวงเงินที่คงเหลือ 28,000 บาท ทางกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง จะนำไปซื้อเครื่องวัดความดันดังกล่าว ให้เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาล

สำหรับผู้ที่บริจาคก่อนหน้านี้ สามารถติดต่อขอรับใบเสร็จรับเงินได้ที่ ห้องเสมียนตรา ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กิ่งกาชาดอำเภอ งานสำนักงานอำเภอ โทรศัพท์ 0-5368-2283 หรือส่งของบริจาคได้ที่ ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง หมู่ที่ 2 ถนนเวียงใหม่ ตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58110


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - รอง ผบ.กกล.นเรศวร ลงพื้นที่บินตรวจภูมิประเทศชายแดนแม่ฮ่องสอน ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้า สั่งการคุมเข้มป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง

พ.อ.สมรรถชัย แปงสาย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 พร้อมกำลังพลของหน่วย ร่วมให้การต้อนรับ พ.อ.ประสาน  แสงศิริรักษ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวรและคณะ เนื่องในโอกาสเดินทางตรวจเยี่ยมกำลังพล และติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมทั้งรับฟังบรรยายสรุป ณ กองบัญชาการ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ค่ายเทพสิงห์ ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จากนั้นได้เดินทาง โดยเฮลิคอปเตอร์ จากค่ายเทพสิงห์ เพื่อทำการตรวจภูมิประเทศทางอากาศ จนถึง ฐานปฏิบัติการจอท่า ของ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 337 และได้ตรวจภูมิประเทศทางแม่น้ำสาละวิน จนถึง กองร้อยทหารพรานที่ 3604 ฐานปฏิบัติการแม่สะเกิบ

ในการนี้ รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวรได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจกำลังพล ฉก.ทพ.36 ,ร้อย.ตชด.337 และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นด่านหน้าในการป้องกันประเทศ ทั้งจากการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ของแรงงานต่างด้าว และ จากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน ที่อาจทำให้มีการอพยพของผู้หนีภัยความไม่สงบ หลบหนีข้ามมายังฝั่งไทย ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวอาจเป็นพาหะของการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ จึงขอให้เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนในภูมิประเทศ ทั้งทางบกและทางน้ำ ตลอดจนการจัดตั้งจุดตรวจ จุดคัดกรอง ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ และให้กำลังพลปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว สุกัลยา  / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย เจรจาทหารเมียนมาหลังมีข่าวยิงเรือชาวบ้าน ยอมทำตามข้อตกลง ให้เรือไทยวิ่งผ่านแม่น้ำสาละวินได้

ได้รับการเปิดเผย ว่าทาง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย ได้นำเรือเร็วไปรับทหารเมียนมา ที่ฐานตรงข้ามหมู่บ้านแม่สามแลบ หมู่ 1 ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อเดินทางไปร่วมประชุม กับ หัวหน้าหน่วยทหารเมียนมา ฐานดา-กวิน ริมแม่น้ำสาละวิน ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง  โดยมี พ.อ.สมรรถชัย แปงสาย ผู้บังคับการกรมทหารพราน ที่ 36 พร้อมด้วย รอง ผบ.ร้อย ตชด.337 แม่สะเรียง เดินทางร่วมเจรจา  หลังจากการประชุมเสร็จ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของไทย ได้เรียกประชุมเจ้าของเรือในหมู่บ้านแม่สามแลบ โดยแจ้งว่า ตั้งแต่นี้ไป เรือของราษฎรทุกลำในหมู่บ้านแม่สามแลบ สามารถวิ่งตามแม่น้ำสาละวินได้แล้ว ซึ่งทหารเมียนมาจะไม่ยิงเรือชาวบ้านอีกต่อไป

โดยก่อนหน้านี้ ชาวบ้านแจ้งว่า มีทหารเมียนมายิงเรือชาวบ้านฝั่งไทย ล่าสุดเป็นเรือของตำรวจ ตชด.ร้อย.337 ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ชายแดนฐานจอท่า ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ถึงแม้ ทาง ตชด.337 มีการชี้แจงว่า เป็นการยิงส่งสัญญาน เพื่อขอตรวจสอบเรือที่แล่นผ่านน่านน้ำสาละวินเขตเมียนมา ตามที่มีข้อตกลงก่อนหน้านั้น ว่าให้เรือไทยทุกลำจอดรายงานตัวที่ฐานนี้ และก่อนหน้านั้น ในวันที่ 17-18 เม.ย.64 ทหารเมียนมาได้ยิงเรือชาวบ้านแม่สามแลบ ที่ส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปให้ผู้อพยพในรัฐกะเหรี่ยง จนทำให้ชาวบ้านประชาชนฝั่งไทย หวาดกลัว ไม่กล้าวิ่งเรือในแม่น้ำสาละวิน

ล่าสุดทางแหล่งข่าวความมั่นคง เผยว่าผลการเจรจากับทหารเมียนมา ยอมทำตามข้อตกลง ให้เรือไทยวิ่งผ่านแม่น้ำสาละวินได้ โดยไม่ต้องรายงานตัวที่ฐานทหารเมียนมา ส่วนการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ชาวบ้านกะเหรี่ยงให้ทำตามขั้นตอน ที่มีการตกลงกันก่อนหน้านี้ จะไม่ยิงเรือไทยหรือยิงขู่อีก แต่ขอเป็นการส่งเสบียงให้ทหารเมียนมาตามที่ได้ตกลงไว้ ซึ่งก่อนหน้านั้นทางหน่วยความมั่นคงไม่ได้อยู่นิ่งเฉยได้เตือนเขาไปแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรก จนมาล่าสุดจึงยอมไม่ได้ เป็นเหตุให้ ต้องไปคุย และก็ไม่ได้ไปแบบ ยอม พร้อมที่จะปะทะ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง โดยผลการเจรจาวันนี้ ก็นับว่าเป็นการคุยกันที่ดี ที่ฝั่งโน้นเขาก็ยอมรับผิดและยอมที่จะทำตามข้อตกลงไว้คือ น่านน้ำสากล ต้องไม่มีการปฏิบัติการใด ๆ จะไม่มีการยิงกันในลำน้ำสาละวิน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ทางหน่วยงานความมั่นคงจะไม่ยอมให้มีการกระทำอีก เพื่อให้การค้าขายตามแนวชายแดนลำน้ำสาละวินกลับมา เข้าสู่สภาวะปกติต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ร่วมปฏิบัติการบินลาดตระเวนสำรวจปริมาณเชื้อเพลิงคงเหลือในพื้นที่เสี่ยง เตรียมกำหนดมาตรการควบคุมการเผา

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ชัย จินดาพันธุ์ นายอำเภอขุนยวม และฝ่ายเลขานุการศูนย์ปฏิบัติการไฟป่า จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมปฏิบัติการบินลาดตระเวนเพื่อสำรวจปริมาณวัสดุเชื้อเพลิง(ใบไม้แห้ง) คงเหลือในพื้นที่ป่าที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า.  เพื่อนำผลการสำรวจมาประกอบการกำหนดมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ทำกินในเขตป่าของราษฎร

การปฏิบัติการบินครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอากาศยานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เพื่อดำเนินการสำรวจในพื้นที่ 4 ตำบล ของอำเภอขุนยวมได้แก่ตำบลขุนยวม ตำบลแม่เงา ตำบลแม่กิ๊ และตำบลแม่อูคอ พบว่า ในเขตตำบลดังกล่าวมีสภาพพื้นที่ที่มีการแผ้วถางเพื่อเตรียมการเพาะปลูกแบะมีแนวโน้มจะมีการเผา เป็นจำนวนหลายแห่ง   และบางแห่งได้มีการเผาพื้นที่จนลุกลามเข้าเขตพื้นที่ป่า และเกิดกลุ่มหมอกควันขนาดใหญ่  

ทั้งนี้ภายหลังปฏิบัติการบินลาดตระเวน ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และคณะจึงเรียกประชุม “ศปก ไฟป่า อำเภอขุนยวม “ เพื่อกำชับการปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยเฉพาะประเด็นการบังคับใช้มาตรการควบคุมสูงสุด ห้ามเผาเด็ดขาด ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการฯ อำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน จะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวัง ลาดตระเวน ตลอดจนสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ แก่พี่น้องประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการเผาวัสดุเชื้อเพลิงจนเกิดการลุกลามทำให้เกิดหมอกควันที่มีระดับเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน

โดยกำหนดให้อำเภอขุนยวม รายงานผลการดำเนินการให้จังหวัดโดยเร็วและนำข้อมูลเสนอศูนย์อำนวยการป้องกันไฟป่าฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอนในการประชุมประจำเดือนเมษายนนี้ เพื่อวางมาตรการในภาพรวมของจังหวัดต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / รุจิรา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - เช้านี้กองกำลังกะเหรี่ยง KNU เปิดฉาก บุกตีฐานพม่าฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ฝ่ายความมั่นคงปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่หวั่นอันตรายจากการสู้รบ

เช้านี้ กองกำลังกะเหรี่ยง KNU บุกตีฐานพม่าซอแลท่า พัน.คร.341 ริมฝั่งน้ำสาละวิน ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ  ต.สบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ด้านฝ่ายความมั่นคงปิดกันพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าบริเวณบ้านแม่สามแลบริมฝั่งสาละวิน เนื่องจากเสี่ยงอันตรายจากการสู้รบ รวมถึงประสาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนฝั่งไทย

เบื้องต้นมีชาวบ้าน ร้านค้า บางส่วนที่อาศัยอยู่พื้นที่ติดริมน้ำบริเวณท่าเรือแม่สามแลบได้อพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าวไปบ้างแล้ว ส่วนความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป 


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน – สั่งปิดกั้นพื้นที่ หวั่นอันตรายจากการสู้รบ อพยพราษฏรไทย 450 คน โดนลูกหลง 1 คนจากการสู้รบฝั่งประเทศเมียนมา

ภายหลังจากที่ทางกองกำลังกะเหรี่ยง KNU บุกตีฐานพม่าซอแลท่า พัน.คร.341 ริมฝั่งน้ำสาละวิน ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ด้านฝ่ายความมั่นคงปิดกันพื้นที่ไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าบริเวณบ้านแม่สามแลบริมฝั่งสาละวิน เนื่องจากเสี่ยงอันตรายจากการสู้รบ รวมถึงประสาน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนฝั่งไทย  ขณะนี้หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ปิดพื้นที่บริเวณปากทางเข้าบ้านแม่สามแลบ ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อความปลอดภัยของราษฎร

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ยังได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ ซึ่งราษฎรจากบ้านแม่สามแลบ ทยอยอพยพออกมาจากพื้นที่ ขนของใช้จำเป็นมารวมตัว อยู่ที่บริเวณโรงเรียนบ้านห้วยกองก้าด 450 คน โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จัดกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอสบเมย สถานีตำรวจภูธรสบเมย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสบเมย ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับราษฎรดังกล่าว

ทั้งนี้การสู้รบฝั่งประเทศเมียนมา ได้ส่งผลกระทบเบื้องต้นกับราษฏรในพื้นที่ บ.แม่สามแลบ ได้รับผลกระทบโดนลูกหลงจากการสู้รบฝั่งประเทศเมียนมา 1 ราย คือ นางเดมึ ( ถือบัตร บุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน อาศัยบ้านเลขที่ 0/89  ม.1 ต.แม่สามแลบ ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนเล็ก จำนวน 1 นัด ฝัง เหนือหัวเข่าด้านซ้าย ปัจจุบันได้เดินทางเข้ารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน  และจะส่งตัวไปผ่าตัดเอา  กระสุนออก ณ รพ.ศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอน ต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

เชียงราย - ทหารผาเมือง รวบ 15 เมียนมา ก่อนข้ามแดนจะไปทำงานกรุงเทพฯ

เวลา 02.30 น.วันที่ 28 เม.ย.64 กำลังทหาร ร้อย.ม.3 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤิทธิ์ ฉัตรวัฒนาสุกล ผบ.ฉก.ม.3 นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.3 นำกำลัง 1 ชุดปฏิบัติการ ได้เดินลาดตระเวณในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่งถึงบ้านสันผักฮี้ หมู่ 3 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงรายได้พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกลุ่มใหญ่  ได้เดินผ่านบริเวณดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเข้าขอตรวจค้น  โดยพบว่ากลุ่มดังกล่าวมีจำนวน 15 คน  เป็นชาย 6 คน เป็นหญิง 9 คน อายุระหว่าง 19 ถึง 38 ปี โดยเดินทางมาตากรัฐคะฉิ่น และรัฐฉาน ประเทศเมียนมา

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภารภาพว่าได้ลักลอบข้ามพรมแดนมาเพื่อที่จะไป ทำงานที่กรุงเทพฯ โดยมีนายหน้าพาข้ามพรมแดน มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อมาถึงแล้วจะมีคนมารับ เพื่อไปส่งถึงกรุงเทพฯ แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบเสียก่อน หลังจากทำการสอบสวนแล้วทางเจ้าหน้าที่ได้ประสาน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เทำการเข้าจับกุม และควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และคัดกรองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

แม่ฮ่องสอน - สถานการณ์ฝั่งเมียนมายังไม่สงบ มีการบินโจมตีทางอากาศยานทหารเมียนมา และยังได้ยินเสียงปืน เหนือ ’ฐานด๊ากวิน’ ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง

เมื่อเวลา 10.30 น. หน่วยงานความมั่นคงของไทย ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สถานการณ์สู้รบในฝั่งประเทศเมียนมา แถบชายแดนลำน้ำสาละวิน มีการบินโจมตีทางอากาศ โดยอากาศยานทหารเมียนมา จำนวน 2 ลำ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ฐานด๊าก-วิน ของทหารเมียนมา กองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 340  บริเวณด้านตรงข้าม บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม  อ.แม่สะเรียง  จ.แม่ฮ่องสอน และ ยังได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ ผลการปะทะ ยังไม่ทราบรายละเอียดและการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ประจำอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทุกขณะ และ คาดว่าอาจมีมวลชนกะเหรี่ยงอพยพข้ามมาฝั่งไทยได้ทุกขณะ

ซึ่งทางศูนย์สั่งการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน   จะสรุปสถานการณ์การสู้รบในฝั่งประเทศเมียนมาอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้

ส่วนกรณี หากมีผู้หนีภัยความไม่สงบ ชาวเมียนมา หลบหนีข้ามฝั่งมายังฝั่งไทย จะได้ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการ โดยดำเนินการนำผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา พักรอในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว (พื้นที่แรกรับ) ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของทางทหาร บริเวณชายแดน โดยมีการคัดกรอง COVID – 19 และแยกพื้นที่ ตามมาตรการสาธารณสุขต่อไป และในส่วนกระบวนการทางสาธารณสุขอื่น ๆ ได้มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับไว้ครบถ้วนแล้วตามหลักมนุษยธรรม   กรณีการสู้รบมีความรุนแรงและยืดเยื้อมีแผนดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา เข้าไปพักรอในพื้นที่พักรอที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งห่างจากชายแดน ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม ทั้งนี้ ยังคงยืนยัน เจ้าหน้าที่รัฐไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มุ่งเน้นให้ประชาชนชาวไทย ที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ ที่เกิดเหตุการณ์ได้รับความปลอดภัยสูงสุดและทั้งนี้จะดูแลช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม กับทั้ง 2 ฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน

สถานการณ์ทั่วไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังคะปิดกันไม่ให้เข้าพื้นที่การสู้รบ ตั้งแต่ปากเข้าบ้านแม่สามแลบ  ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนทางการค้า  บ้านแม่สามแลบ และ งดการเดินเรือในลำน้ำสาละวิน  ตั้งแต่ 28 เมษายน 2564 เป็นต้นไป  และห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 

แม่ฮ่องสอน - ชายแดนสาละวินเสียงปืนยังดัง ราษฎรเมียนมาอพยพข้ามาฝั่งไทยแล้ว 179 ราย ทหารตรึงกำลังคุม ขณะที่ราษฏรไทยบ้านท่าตาฝั่งและแม่สามแลบ หวั่นโดยกระสุนลูกหลงอพยพออกจากหมู่บ้านไปอยู่พื้นที่ปลอดภัย

ศูนย์สั่งการชายแดน ไทย - เมียนมา ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย -เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 29 เม.ย. 64 น. ว่า จากสถานการณ์ของเมื่อวานที่ผ่านมา ยังมีเสียงปืน ชนิด ค.60 จำนวน 2 ลูก ทางทิศใต้ของ ฐานฯ แม่สะล็อก รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1 กม. คาดว่า ทหารเมียนมา พบความเคลื่อนไหวของ กองกำลังKNU จึงทำการยิงอาวุธปืน ค.60 เพื่อป้องกันการลอบโจมตี ฐานฯ ต่อมาช่วงเย็นได้ยินเสียงปืน ค.60 จำนวน 2 ลูก ทางด้านทิศใต้ ฐานฯ ด๊ากวิน ของทหารเมียนมา ด้านตรงข้าม ฐานฯ บ.ท่าตาฝั่ง ฯ ห่างจากชายแดนไทย ประมาณ 1 กม. คาดว่า ทหารเมียนมา เห็นความเคลื่อนไหว กองกำลัง KNU จึงทำการยิงอาวุธเพื่อป้องกันการลอบโจมตีฐาน ผลการยิงทั้งสองช่วงไม่ทราบความเสียหาย ต่อมาในเย็นวันเดียวกัน  เวลา 17 .00 - 17.12 น ทหารเมียนมา ได้นำเครื่องบินปีกหมุน (ไม่ทราบแบบ) จำนวน 2 ลำ ปฏิบัติการทางทหาร จำนวน 6 ครั้ง เข้าโจมตีด้วยปืนกลทางอากาศ จำนวน 6 ชุด และสลับกับยิงลูกจรวดอากาศสู่พื้น บริเวณทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของฐานฯด๊ากวิน ต้านตรงข้าม บ.ท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1.5 กม เพื่อสกัดและป้องกันรอบฐานที่มั่น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดนยังสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้        

      

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุการณ์สู้รบในฝั่งประเทศเมียนมา มีราษฎรชาวเมียนมา ข้ามมายังฝั่งไทยจากเหตุความไม่สงบในเมียนมา อาศัยอยู่ใน พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 3 แห่งรวมทั้งสิ้น 179 คน กระจายในพื้นที่ 3 จุด คือ บริเวณตรงข้ามฐานฯดาข่วย ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 68 คน  บริเวณห้วยอีนวล ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 39 คน  และ บริเวณห้วยโกเฮ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 72 คน

ในส่วน กรณีราษฎรไทย ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในประเทศมียนมา ใน 2 พื้นที่ รวมทั้งสิ้น 278 คน ได้จัดให้พำนักในพื้นที่รวบรวมพลเรือน 2 แห่ง คือ ราษฎรไทยพื้นที่ บ.แม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ได้อพยพไปยังพื้นที่รวบรวม พลเรือนโรงเรียนบ้านห้วยกองก้าด ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 450 คน เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา ณ ปัจจุบันบางส่วนได้ไปพักอาศัย ในบ้านญาติ ขณะนี้คงเหลือในพื้นที่พักรอ จำนวน 208 คน และ ราษฎรไทยในพื้นที่ บ.ท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จำนวน 70 คน ได้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย ที่พักริมห้วยกองคา ต.ท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง ซึ่งชาวบ้านที่อพยพออกมาส่วนใหญ่หวั่นกระสุนลูกหลงของการสู้รบในฝั่งประเทศเมียนมา

ขณะที่พื้นที่บ้านแม่สามแลบยังถูกห้ามไม่ให้สื่อมวลชนและบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องข้าเด็ดขาดเนื่องจากต้องป้องกันความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของสถานการณ์การณ์โควิด และ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ ยังคง ตรึงกำลังมิให้มีการละเมิดหรือรุกล้ำอธิปไตย และ คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่ ผู้หลบหนีภัย และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บตามหลักมนุษยธรรม


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน - นายอำเภอแม่ลาน้อย สนธิกำลังป่าไม้ ตำรวจร่วมจับกุม 6 ผู้ต้องหา ฐานร่วมกันมีไม้สักท่อนไว้ในครอบครอง

เมื่อเร็ว ๆ นี้  นายชูชาติ คำมา นายอำเภอแม่ลาน้อย  ได้ร่วมกับทาง  นายนิพนธ์ วรนาม เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน พ.ต.ท.เดชา วิบูลกิจ สว.สส.สภ.แม่ลาน้อย นายวัชรพงศ์ จันทิมา ปลัดอำเภอแม่ลาน้อย พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 6 คน ตรวจยึดไม้สักท่อนจำนวน 7 ท่อน ปริมาตร 9.7 ลบ.ม. และรถยนต์ 3 คัน กระทำความผิดฐานร่วมกันมีไม้สักท่อนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และฐานร่วมกันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต 

ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ได้รับแจ้งจาก ผู้หวังดี ว่ามีการลักลอบตัดไม้ บริเวณในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งขวา ท้องที่บ้านแม่แลบ ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน คณะเจ้าหน้าที่ จึงได้สนธิกำลังวางแผนและเดินทางมาถึงบริเวณตามที่ได้รับแจ้ง ได้พบชาย จำนวน 6 คน อยู่ในบริเวณที่มีการตัดไม้ ห่างออกไปจากบริเวณที่ไม้ถูกโค่นล้มออกไปประมาณ 30 เมตร พบรถบรรทุก 2 คันและรถเก๋ง 1 คัน ในบริเวณข้างเคียง ตรวจพบไม้ถูกโค่นล้มตัดทอนแล้ว จากการสอบถามชายทั้ง 6 คน ได้ให้การว่าไม้ดังกล่าวมีการซื้อขายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ปรากฏว่าเป็นไม้สัก จึงทำการจับพิกัดตอไม้ ปรากฏว่าไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด ซึ่งไม้ดังกล่าวขึ้นอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยวมฝั่งขวา

สำหรับไม้สักท่อนของกลางได้ขออนุมัติพนักงานสอบสวนนำมาเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส. 25 (ท่าผาปุ้มเดิม) ตามระเบียบต่อไป คณะเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ลาน้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยมีนายชูชาติ คำมา นายอำเภอแม่ลาน้อย เข้าร่วมเป็นผู้สอบสวนในครั้งนี้ด้วยตนเอง


ภาพ/ข่าว สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top