Saturday, 4 May 2024
แม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอน เกิดเหตุ ‘ไฟป่า’ ลุกไหม้หลังวัดพระธาตุปางหมู ตรวจพบจุดความร้อน 547 จุด สามารถคุมเพลิงได้แล้ว

(25 มี.ค.66) นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 24 มี.ค.66 ที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ทางอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ได้จัดส่งกำลังอาสารักษาดินแดน กองร้อยที่ 2 อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกับหน่วยไฟป่าแม่ฮ่องสอน สจป.1 ชาวบ้านปางหมู รถน้ำราชภัฏ รถน้ำเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน รถน้ำ ปภ.ช่วยกันดับไฟป่าและควบคุมไฟป่าที่ลุกไหม้ด้านหลังวัดพระธาตุปางหมู บ้านปางหมู และสามารถควบคุมเพลิงได้หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง

‘ปกรณ์ จีนาคำ’ ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชารัฐ ให้กำลังใจ จนท.ศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยฯ เร่งสนับสนุนดูแล ด้านสาธารณสุข

นายปกรณ์ จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่บริเวณบ้านพะแข่ ตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อดูสถานการณ์ผู้อพยพจากเหตุการสู้รบประเทศในรัฐคะเรนนี ประเทศเมียนมา ซึ่งขณะนี้มีผู้อพยพลี้ภัยสงครามเข้าไทยต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ ๆ เกี่ยวข้องต้องทำงานกันอย่างหนัก ตนจึงไปให้กำลังใจเจ้าหน้าทหาร อาสาสมัคร ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และจิตอาสาทุกคนที่ปฎิบัติหน้าที่ดูแลผู้อพยพกว่า 830 คน

"ผมขอขอบพระคุณ กลุ่มสะพานบุญครูหนึ่ง เพื่อนอนุบาลแม่ฮ่องสอน และผู้มีจิตรศรัทธาทุก ๆ ท่าน ที่บริจาคสิ่งของต่าง ๆ  เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาในครั้งนี้ และขอขอบคุณหน่วยงานปกครอง ทหาร ท้องถิ่น สาธารณสุข เข้ากำกับควบคุมดูแลผู้ลี้ภัยได้ดีมาก"

ทั้งนี้ นายปกรณ์ ได้แสดงความห่วงใยในจัดการระบบสาธารณสุข เพราะขณะนี้มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากในศูนย์อพยพแห่งนี้  ซึ่งได้เร่งให้การสนับสนุน เพื่อดูแลด้านสาธารณสุขในศูนย์  นอกจากนี้ในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอนยังมีศูนย์อพยพต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง ที่มีผู้ลี้ภัยมากว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นผู้อพยพที่เข้ามาเพิ่มเติม บ้านจอภาคี  บ้านอุนุ  ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง

เที่ยวทุ่งบัวตองหน้าฝน ชมทิวทัศน์แนวเขา ความเขียวขจี ที่โอบล้อมไปด้วย พืชพรรณธรรมชาติ

ช่วงฤดูฝนเป็นเวลาที่สภาพธรรมชาติ มีการฟื้นตัวจากช่วงฤดูแล้ง กลับมามีความสวยงามของพืชพรรณ มีความชุ่มชื้น อากาศเย็นสบาย เป็นฤดูกาลที่ธรรมชาติงดงามมาก โดยเฉพาะทะเลหมอก บางครั้งเมื่อมองชมทิวทัศน์ตามแนวทิวเขา ก็จะเห็นหมอกเคลื่อนตัวคล้ายกับน้ำตกที่ไหลเคลื่อนตัวช้า ๆ ผ่านยอดเขาต่าง ๆ อีกทั้งสภาพอากาศก็เย็นสบายตลอดทั้งวัน

ที่ทุ่งบัวตอง ณ วนอุทยานดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นอีกพื้นที่หนึ่ง ที่ประชาชนมักจะนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ตุลาคม - ธันวาคม เนื่องจากมีทุ่งดอกไม้สีทองบานอร่ามเต็มท้องทุ่งตามเนินเขาสุดสายตา แต่ในช่วงฤดูฝน ทุ่งดอกบัวตองแห่งนี้ ก็ได้นำส่งประสบการณ์ในอีกมุมหนึ่ง นั่นคือทุ่งบัวตอง ที่ยังไม่ออกดอก นั้นเป็นสีเขียวเต็มท้องทุ่ง สร้างความประทับใจและอิ่มเอมกับความสวยงามของธรรมชาติในอีกบรรยากาศ ประกอบกับในปีนี้ ทาง วนอุทยานดอยแม่อูคอ ร่วมกับจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอขุนยวม และ อบต.แม่อูคอ ได้ดำเนินการแผ้วถาง กำจัดวัชรพืชชนิดอื่น รวมทั้งจัดเก็บขยะ จัดระเบียบ ปรับแต่งภูมิทัศน์ของพื้นที่ให้สวยงามมากยิ่งยึ้น ทำให้ทุ่งบัวตองสีเขียว ในวันนี้ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ฤดูฝน ไปจนถึงฤดูหนาวที่จะมีดอกบัวตองบานต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยดอกไม้สีทองเต็มพื้นที่อีกครั้ง

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ทุกวัน ที่นี่มีจุดกางเต๊นท์ รวมทั้งเต๊นท์ พร้อมเครื่องนอน โดยสามารถติดต่อได้ที่ วนอุทยานทุ่งดอกบัวตอง นอกจากนี้ยังมีบริการโฮมสเตย์จากชุมชนใกล้เคียง วนอุทยาน ตลอดจนมีบริการอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ในวันและเวลาราชการได้ที่ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน เลขที่ 4 ถนนราชธรรมพิทักษ์ ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58000 
โทรศัพท์ 0 5361 2982 - 3 
โทรสาร 0 5361 2984 
อีเมล์ [email protected] 
Facebook (Page) ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอน

บ้านรักไทย สัมผัสกลิ่นอายบรรยากาศจีน ล่องเรือไม้โบราณ ชมวิวรอบทะเลสาบ แบบชิลๆ

บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนาน ที่ตั้งอยู่บนดอยสูง ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 44 กิโลเมตร ความพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้ ก็คือมีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่เลย

เมื่อมาถึงที่หมู่บ้านแห่งนี้แล้ว กิจกรรมที่ต้องทำก็คือ การล่องเรือไม้โบราณรอบทะเลสาบ เพื่อชมภาพบรรยากาศของหมู่บ้านที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสวยงามมาก

นอกจากนี้ภายในหมู่บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน ก็มีทั้งที่พักและร้านอาหาร รวมถึงร้านขายของมากมาย ในสไตล์จีนยูนนาน เรียกได้ว่าเมื่อเข้าไปที่นี่แล้ว จะรู้สึกเหมือนว่าหลุดเข้าไปในเมืองจีนเลยก็ว่าได้ เป็นเสน่ห์ของหมู่บ้านรักไทยที่ทำให้หลายคนชื่นชอบ

หมู่บ้านแห่งนี้ เงียบสงบ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ สัมผัสวิถีชีวิตชาวเขา ชิมอาหารพื้นเมือง และล่องเรือชมทะเลสาบได้ วันหยุดนี้ ถ้าใครยังไม่มีโปรแกรมจะไปเที่ยวที่ไหน THE STATES TIMES ขอแนะนำเลย

ข้อมูลเพิ่มเติม บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน

ที่ตั้ง : ตำบล หมอกจำแป่ อำเภอ เมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พิกัด : https://goo.gl/maps/6fpyehrWZ2eD4d6b8

เรื่อง : กันย์ ฉันทภิญญา Content Manager

'ไทด์' นำทีมร่วมกตัญญู ฝ่าเส้นทางวิบาก 4 ชม. ขึ้นดอยสบเมย เพื่อช่วยเหลือชาวเขา ที่ถูกน้ำป่าซัด ตัดเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน

(14 ก.ย. 66) นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นายโบ๊ท วิบูลย์นันท์ รองหัวหน้าอาสาสมัคร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นำรถออฟโรด ลำเลียงเครื่องอุปโภค-บริโภค และผ้าห่ม กว่า 200 ชุด เดินทางจากสำนักงานใหญ่มูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดสมุทรปราการ พากันลุยขึ้นดอยไปที่ โรงเรียนบ้านแม่ตอละ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน  เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.)

เพื่อนำเครื่องอุปโภค-บริโภค และผ้าห่มไป มอบแจกจ่ายให้กับชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงโป ในชุมชนบ้านแม่ตอละ และโรงเรียนบ้านแม่ตอละรวมกว่า 140 ชุด แต่กว่าที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึงที่ชุมชนแห่งนี้ ซึ่งอยู่บนดอยสูงของแม่ฮ่องสอน ทำให้การเดินทางค่อนข้างยากลำบาก บางจุดถึงออฟโรดของเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู ถึงกับลื่นดินโคลนจนตกร่องถนน

ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาตลอดเส้นทาง การเดินทางใช้ระยะเวลาราว 4 ชั่วโมงกับระยะทางเพียงแค่ 70 กิโลเมตร จากตัวอำเภอสบเมย ซึ่งการเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านและเด็กๆ ในพื้นที่ของมูลนิธิร่วมกตัญญูครั้งนี้ สร้างความดีใจต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก

นอกจากจะมอบถุงยังชีพ ผ้าห่มแล้ว คุณไทด์ เอกพันธ์ ยังควักเงินสดส่วนตัว มอบค่าขนมให้กับเด็กๆ คนละ 100 บาท จำนวน 77 คน คุณครูจำนวน 11 คน คนละ 500 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ นอกจากนั้นระหว่างทาง ทางคณะยังแวะไปยังโรงเรียนเลโคะ มอบเงินให้กับเด็กๆ จำนวน 59 คน พร้อมกับขนม จากนั้นเข้าไปมอบถุงยังชีพให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ค่าย ตชด 337 จำนวน 30 ชุด

ครูทราย หนึ่งในคุณครูของโรงเรียนแห่งนี้ ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอบคุณสำหรับมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เห็นถึงความเดือดร้อนของเด็กๆ และชาวเขาในชุมชนและเดินทางมาช่วยเหลือในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากจะได้กำลังใจจากคนต่างถิ่นแล้ว สิ่งของที่ได้รับมอบในครั้งนี้จะสามารถทำให้นักเรียน และชาวเขากะเหรี่ยงนี้มีข้าวสารอาหารแห้งไว้บริโภคในครอบครัวได้อีกหลายวัน

ด้าน นายเอกพันธ์และนายโบ๊ท กล่าวว่า หลังจากที่ชุมชนและโรงเรียนแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากวาตภัยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งในพื้นที่ยังคงได้รับผลกระทบจากพายุฝนตกต่อเนื่อง จนทำให้การเดินทางเข้าออกของหมู่บ้านถูกตัดขาด ถนนสายหลักที่จะเข้าออกชุมชนแห่งนี้ถูกน้ำกัดเซาะ และมีดินสไลด์ขวางเส้นทาง

บางจุดถนนเละจนรถธรรมดาไม่สามารถเข้าออกหมู่บ้านได้ ต้องใช้รถโฟรวีลหรือรถออฟโรดยกสูงเท่านั้น ทำให้ชาวเขาจำนวนมากทั้งคนแก่และเด็กนักเรียนขาดแคลนอาหารในการดำรงชีพ จึงร้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้ามา ทางประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู

โดย ดร.รัตนา สมสกุลรุ่งเรือง คุณสมศักดิ์ ปาลวัฒน์ ผู้จัดการมูลนิธิร่วมกตัญญู คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ได้สั่งแพคถุงยังชีพและระดมทีมกู้ภัยออฟโรดของอาสาสมัครและมูลนิธิร่วมกตัญญู ลำเลียงสิ่งของขึ้นมาช่วยเหลือชาวบ้านในครั้งนี้

ถึงแม้ว่าการเดินทางจะมหาโหดตลอดเส้นทางขึ้นเขานั้น แต่พอมาถึงได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ และคนในชุมชน พวกเราก็หายเหนื่อยและรู้สึกดีใจที่เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งชุมชนและโรงเรียนแห่งนี้ พอเข้ามสัมผัสแล้วจะยิ่งน่าเห็นใจเป็นอย่างมาก

นอกจากจะอยู่ในถิ่นธุระกันดารแล้ว ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงแผงโซล่าเซลไม่กี่แผง ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อการผลิตไฟ ทำให้เด็กๆ ยังขาดสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยอีกมาก จึงฝากเป็นสะพานบุญไปยังทุกภาคส่วน ที่อยากเข้ามาช่วยเหลือ ลองนึกถึงโรงเรียนแห่งนี้

‘แม่ฮ่องสอน’ ชู!! Soft Power รักษ์โลก กับ ‘ประเพณีลอยกระทงสวรรค์ไร้โฟม’ พร้อมชวนเสริมแรงบุญ ในงาน ‘นมัสการพระธาตุดอยกองมู’ 23 - 27 พ.ย. 66

(9 พ.ย. 66) พระสุมณฑ์ศาสนกิตติ์ เจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกองมู กล่าวว่า ในปี 2566 วัดพระธาตุดอยกองมู ร่วมกับคณะศรัทธา ประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันจัดงาน นมัสการพระธาตุดอยกองมู กำหนดการระหว่างวันที่ 23 - 27 พฤศจิกายน 2566 นี้

สำหรับประวัติและความเป็นมาของงานประเพณีนมัสการพระธาตุดอยกองมู ได้ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่ประมาณปี 2512 เป็นต้นมา โดยมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การลอยกระทงสวรรค์ ซึ่งตรงกับประเพณีลอยกระทง ในวันขึ้น 11-15 ค่ำของทุกปี เนื่องด้วยวัดพระธาตุดอยกองมูนั้น อยู่ห่างจากแม่น้ำ ลำคลอง เพราะตั้งอยู่บนภูเขา หลวงพ่อพระครูอนุสารศาสนกรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกองมูสมัยนั้น ได้ร่วมกับคณะศรัทธา กรรมการวัด ญาติโยม จัดงานลอยกระทงสวรรค์ขึ้น เพื่อลอยทุกข์โศก โรคภัย สิ่งไม่ดีไม่งาม ไม่ปรารถนา ในหนึ่งปีที่ผ่านมาให้ไปกับกระทงสวรรค์ และเพื่อเป็นการขอขมากับท้องฟ้า สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ อันเป็นสิ่งที่มีคุณต่อเราท่านทั้งหลาย ขอบคุณในสิ่งต่าง ๆ ขอบคุณเทวดาฟ้าดิน โดยการลอยกระทงขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยได้จัดงานประเพณีนี้มาเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว

สำหรับในปีนี้ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีดำริให้ "จัดงานลอยกระทงสวรรค์ไร้โฟม สืบสานวัฒนธรรม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม"  โดยใช้วัสดุธรรมชาติ นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น การบูชาธาตุทั้ง 4 การตักบาตรเท่าอายุ การละเล่น การแสดงของชุมชน และเด็กนักเรียน มีดนตรี และลิเกไทใหญ่ (จ้าดไต) การประกวดดอกไม้ไฟ การประกวดร้องเพลง การประกวดทำกระทงจากใบตอง และวัสดุธรรมชาติ การประกวดการทำก๊อกซอมต่อ และการจัดนิทรรศการพระธาตุดอยกองมู พระธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นต้น

ที่พิเศษในปีนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน "ปอยเหลิน 12 เดินขึ้นพระธาตุดอยกองมู" ตามกำหนดการดังนี้

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 
เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป จัดทำผ้าห่มองค์พระธาตุดอยกองมู (ผ้าส่างกานห่มกองมู) และประดิษฐ์โคมไฟ เพื่อบูชาพระธาตุ ณ สำนักงานเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เชิญร่วมจารึกชื่อ-สกุล และคำอธิษฐานบนผืนผ้าห่มองค์พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 
เวลา 17.00 น.ตั้งขบวนแห่เครื่องสักการะพระธาตุ ผ้าห่มองค์พระธาตุ ( ผ้าส่างกานห่มกองมู ) และโคมไฟบูชาพระธาตุ  
เวลา 17.30 น. เคลื่อนขบวนแห่ไปยังวัดพระธาตุดอยกองมู โดยขึ้นทางบันไดนาค
เวลา 19.00 น. ถวายโคมไฟบูชาพระธาตุดอยกองมู และเชิญเที่ยวงานนมัสการพระธาตุดอยกองมู ณ ลานพระธาตุ

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 
เวลา 08.49 น. พิธีถวายเครื่องสักการะพระธาตุและผ้าห่มองค์พระธาตุดอยกองมู ( ผ้าส่างกานห่มกองมู )
เวลา 09.30 น.ถวายจตุปัจจัยไทยทาน แก่หัววัดต่าง ๆ เนื่องในงานนมัสการพระธาตุดอยกองมู ณ อาคารผู้สูงอายุ วัดพระธาตุดอยกองมู

ผบช.สทส. และ ผบก.สส. พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน191 ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน

วันนี้ (19 ม.ค.67) เวลา15.30น.พล.ต.ท.ศิริพงษ์ ติมุลา ผบช.สทส., พล.ต.ต.อธิศวิส กมลรัตน์ ผบก.สส. พร้อมคณะ ได้เดินทางมาร่วมตรวจเยี่ยมศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน191ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยมี พ.ต.อ.สุณัฐพล นิรมิตศุภเชษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน, พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี รอง ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน, พ.ต.อ.สมศักดิ์ ขันชัยทิศ ผกก.กก.สส.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน / ผช.ผอ.ศูนย์191และข้าราชการตำรวจในสังกัด จำนวน 11 นาย ให้การต้อนรับ พร้อมกับเข้ารายงานผลปฎิบัติ หน้าที่ ปัญหา ขัดข้อง อุปสรรคในการปฎิบัติงานให้ทราบ 

พร้อมได้สั่งการดังนี้
1. มีระเบียบวินัยในการปฎิบัติหน้าที่ ผลัดเปลี่ยนกันเข้าเวร ควรจัดให้เป็นระบบและมีระเบียบ มีความพร้อมให้บริการกับประชาชน
2.เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุควรมีความชำนาญในพื้นที่ที่รับผิดชอบ รู้จักสถานที่เกิดเหตุว่าอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบใด  มีทักษะในการสื่อสารที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีใจรักในงานบริการ และมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์
3.หมั่นตรวจเช็คระบบและอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารทั้งหมดภายในศูนย์รับแจ้งเหตุ ให้มีความพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
4.กำชับการรับสายเรียกเข้าทุกสายด้วยความรวดเร็ว และสอบถามรายละเอียดข้อมูลจากผู้แจ้งเหตุให้ครบถ้วน
5.กำกับดูแลสายตรวจให้ ไประงับเหตุและให้บริการประชาชนด้วยความรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ 
6.นำข้อมูลและสถิติการรับแจ้งเหตุ มาวิเคราะห์วางแผนในการป้องกันอาชญากรรม และปรับปรุงการปฏิบัติงานของศูนย์รับแจ้งเหตุให้ดียิ่งขึ้น

“ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย” จัดพิธีมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนในโรงเรียนถิ่นทุรกันดาร รุ่นที่ 2 ครั้งที่ 3 ประจำปี 2567 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน

ระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม 2567  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการฯ เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  นำทีมลงพื้นที่มอบทุนการศึกษาสำหรับเยาวชนในโรงเรียนถิ่นทุรกันดารในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน รุ่นที่ 2 ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2567 ทั้งในระดับมัธยมศึกษา และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกอบด้วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21  โรงเรียนเพียงหลวง 11 โรงเรียนบ้านแพะพิทยา  โรงเรียนบ้านห้วยโผ  โรงเรียนบ้านห้วยสิงห์  โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 33 โรงเรียนสบเมยวิทยาคม โรงเรียนสังวาลย์วิทยา  วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ และ วิทยาลัยการอาชีพแม่สะเรียง  รวม 10 สถาบัน 67 ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 450,000 บาท (สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน) พร้อมทั้งได้สนับสนุนเงินค่าพาหนะ และอาหารกลางวัน(ข้าวกล่อง) พร้อมน้ำดื่มสำหรับครูและนักเรียนที่เดินทางมารับทุนฯในครั้งนี้ด้วย รวมมูลค่าทั้งสิ้น 14,500 บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันห้าร้อยบาทถ้วน)  โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐแต่ละแห่งเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ

นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า การมอบทุนการศึกษาเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพื่อช่วยเหลือสังคม ให้เยาวชนมีโอกาสเท่าเทียมทางการศึกษา เติมเต็มความหวังเป็นอนาคตของครอบครัว และสังคมประเทศชาติ  โดยมีการมอบทุนระดับชั้นประถมศึกษา ทุนต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนทุกระดับชั้นปีสุดท้าย  และ ทุนสำหรับนักเรียนในโรงเรียนถิ่นทุรกันดาร 

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป

#ป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต 
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top